ที่มา:
http://www.matichon.co.th/news/285662
จากกรณี น.ส.นฤดี จอดสันเที๊ยะ หรือทราย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5/10 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ถูกนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก ครูพละ อาจารย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มวิชาสุขศึกษาและพละศึกษา ปาแก้วกาแฟใส่บริเวณกกหูซ้าย ทำให้กล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ส่งผลให้ใบหน้าผิดรูป ปากเบี้ยว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้เข้ารับการบาดเจ็บกับแพทย์เฉพาะทางประจำโรงพยาบาลชื่อดังทั้งของรัฐและเอกชน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นและเส้นประสาทตาเริ่มเสื่อมสภาพลงอีก ทางครูผู้ก่อเหตุไม่เคยสนใจที่จะสอบถาม แจ้งความดำเนินคดีแล้วคดีก็ไม่คืบ จึงได้เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
ล่าสุดเมื่อ เวลา 13.30 น. วันที่ 14 กันยายน ที่โรงพยาบาลยันฮี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาน.ส.นฤดี หรือทรายเดินทางมายังโรงพยาบาลยันฮี เพื่อเข้าพบนายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลยันฮี พร้อมนายแพทย์สุธน พิศูทธินุศาสตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการ และ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจอาการน.ส.นฤดี ในเบื้องต้น
นางปวีณา เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมาน.ส.นฤดีและครอบครัวได้เดินทางมาพบตน พร้อมเล่าเรื่องราวให้ฟัง ตนจึงโทรศัพท์สอบถามไปยัง สภ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ทราบว่าได้เรียกครูคนดังกล่าวมาสอบปากคำ และอยู่ระหว่างดำเนินการด้านคดี ตอนนี้เรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุดคือการช่วยรักษาน.ส.นฤดี เพราะที่ผ่านมาแพทย์ลงความเห็นว่าหากปล่อยนานไปใบหน้าอาจจะพิการถาวร โดยในส่วนของคดีให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ และต้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณโรงพยาบาลยันฮี ที่ให้การช่วยเหลือและรับรักษา น.ส.นฤดี
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่านายแพทย์สุพจน์ ได้นำตัว น.ส.นฤดีมายังเตียงคนไข้ เพื่อตรวจรักษาในเบื้องต้น ซึ่งได้นำไฟฉายมาส่องตาทั้ง2ข้างเพื่อตรวจสอบม่านตา ก่อนจะใช้นิ้วกดไล่ตั้งแต่บริเวณท้ายทอยมาจนถึงขมับทั้งสองข้าง เพื่อตรวจสอบความผิดปกติรวมทั้งสอบถามอาการและความเจ็บปวดเบื้องต้นจาก น.ส.นฤดี ก่อนจะให้ น.ส.นฤดียิ้ม จึงพบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าตั้งแต่หนังตาไล่ไปจนถึงคาง ซีกซ้าย ไม่ตอบสนอง และไม่มีการยกขึ้นของกล้ามเนื้อหน้า ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ
หลังจากตรวจอาการเบื้องต้นแล้วนายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลยันฮี นพ.สุธน พิศูทธินุศาสตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลยันฮี พร้อม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีและ น.ส.นฤดี จอดสันเที๊ยะ หรือทราย ร่วมแถลงผลการตรวจอาการเบื้องต้น
นายแพทย์ สุธน กล่าวว่า จากการดูผลการตรวจจาก2 รพ.ที่ น.ส.นฤดี ไปทำการรักษา เบื้องตนนั้นแพทย์ระบุว่ามีอาการเส้นประสาทคู่ที่7อักเสบ จากการได้รับการกระทบกระเทือน นอกจากนี้ทาง รพ.ยังได้มีการตรวจด้านสมองพบว่าไม่มีการแตกร้าวของกระดูก ซึ่งก็ตรงกับการตรวจเบื้องตนของ รพ.ยันฮี และเพื่อการทำประโยชน์ให้สังคมจะรับรักษาให้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ขณะที่นายแพทย์สุพจน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น กระดูกไม่น่าจะมีการแตกหัก แต่พบว่าน.ส.นฤดีมีอาการเจ็บที่บริเวณใบหน้าทางด้านซ้ายอย่างมาก แต่ใบหน้าด้านขวาไม่มีอาการอะไร ซึ่งจากการตรวจพบว่าใบหน้าด้านขวาทำงานปกติ แต่ใบหน้าด้านซ้ายกลับไม่ทำงาน เพราะเมื่อยิ้มเส้นประสาททางด้านขวาสั่งให้ยิ้มได้ปกติ แต่เส้นประสาทด้านซ้ายกับไม่สามารถสั่งงานให้ยิ้มได้ รวมไปถึงดวงตาที่ตาขวาสามารถหลับตาได้ปกติ แต่ตาซ้ายกลับไม่สามารถหลับตาได้สนิท อาจจะเกิดจากเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของหนังตาไม่สามารถสั่งให้หนังตาได้ ซึ่งหากตาไม่สามารถปิดสนิทได้จะทำให้ตาแห้ง และจะอักเสบ จากนั้นลูกตาจะมีลักษณะขุ่น ทำให้การมองเห็นไม่ชัด พร่ามัว และอาจจะทำให้ตาบอดในที่สุด ทั้งนี้ต้องไปดูว่าอาการที่เกิดขึ้นเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบจนไปทับเส้นประสาทหรือเส้นประสาทอักเสบหรือว่าเส้นประสาทขาด ซึ่งแนวทางในการรักษานั้นหากกล้ามเนื้อทับเส้นประสาทและเส้นประสาทอักเสบนั้นก็จะต้องรักษาให้ยาตามปกติ แต่ถ้าหากเส้นประสาทขาดต้องทำการเปิดแผลเพื่อเย็บเส้นประสาท ซึ่งระยะเวลาในการรักษาเกี่ยวกับระบบประสาทนั้นจะใช้เวลานาน ประมาณ 3-6 เดือน แต่ที่สำคัญคือต้องตรวจหาสาเหตุก่อนว่าอาการเช่นนี้เกิดจากสาเหตุใดซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 วันในการตรวจอย่างระเอียด ในกรณีนี้ถือว่าที่มาของสาเหตุในการเกิดนั้นค่อนข้างชัดเจนว่าถูกกระแทกที่บริเวณกกหู ซึ่งบริเวณดังกล่าวตรงกับเส้นประสาทจากสมองคู่ที่ 7 โดยเส้นประสาทคู่นี้เป็นลักษณะคล้ายรากแก้วจะแยกย่อยรากฝอยออกเป็น 5 เส้น แบ่งเป็นควบคุมบริเวณเปลือกตาบน ,ด้านล่างตา ,แก้ม ,ริมฝีปาก และบริเวณคาง ซึ่งอาการที่เกิดกับ น.ส.นฤดี เชื่อได้ว่าแรงกระแทกน่าจะเกิดจากเส้นประสาทรากแก้วซึ่งเป็นต้นตอใหญ่ที่ใช้ควบคุมส่วนต่างๆทั้ง 5 ส่วน นอกจากนี้ทาง โรงพยาบาลยันฮี ได้เตรียมแพทย์อายุรกรรม แพทย์ด้านประสาทและตามาร่วมรักษาด้วย ทั้งนี้ลักษณะอาการดังกล่าวถือว่าสาหัส เพราะใช้ระยะเวลาในการรักษามาแล้วประมาณ 1 เดือนแล้วยังไม่หาย หากปล่อยทิ้งไว้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าด้านซ้ายฝ่อ จนทำให้เสียบุคลิก
ขณะที่ น.ส.นฤดี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้เข้าเรียนวิชาพละ ที่มีนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก เป็นผู้สอน โดยนายไพฑูรย์ได้ไปทำฉลากเพื่อจะแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มเล่นตะกร้อ โดยให้นักเรียนนั่งรอที่บริเวณหน้าห้องพละ ซึ่งมีทั้งที่ในร่มและกลางแดด แต่กลุ่มของตนนั่งอยู่กลางแดดจึงตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเดินไปนั่งในที่ร่ม ขณะที่ลุกขึ้นนั้นนายไพฑูรย์เห็นจึงปาแก้วเซรามิกใส่ตนโดนบริเวณกกหูด้านซ้าย พร้อมกับพูดดุด่าว่าพวกตนจะยืนทำไม สั่งให้นั่ง และจริงๆจะปาให้หัวแตก ซึ่งขณะเกิดเหตุนั้นมีเพื่อนที่เป็นนักเรียนอีก34คนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย กระทั่งเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 สิงหาคม ตนตื่นมาแปรงฟันกับพบว่าน้ำไหลออกมาจากปากหมดเลย และใบหน้าด้านซ้ายมีลักษณะผิดรูป จึงทราบว่าเกิดความผิดปกติกับตนแล้ว
น.ส.นฤดี กล่าวอีกว่า ในส่วนที่นายไพฑูรย์ไปบอกกับ นายนิพนธ์ ภักดีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนโชคชัยสามัคคี (ชส.)ว่าตั้งใจจะปาแก้วใส่ผนังไม่ได้ตั้งใจปาใส่ตนนั้น ตนคิดว่าครูเป็นครู ครูควรจะแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้กระทำไป ทั้งนี้ตนมีความหวังว่าจะต้องหายเป็นปกติ และรู้สึกโล่งใจมากที่มูลนิธิปวีณา และโรงพยาบาลยันฮี เข้ามาช่วยเหลือรับรักษาตนไว้
รพ.ยันฮี ชี้ น้องนร.ม5 ถูกครูปาแก้วใส่หน้า ถือว่าอาการสาหัส ยินดีรับรักษาให้ฟรี
จากกรณี น.ส.นฤดี จอดสันเที๊ยะ หรือทราย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5/10 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ถูกนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก ครูพละ อาจารย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มวิชาสุขศึกษาและพละศึกษา ปาแก้วกาแฟใส่บริเวณกกหูซ้าย ทำให้กล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ส่งผลให้ใบหน้าผิดรูป ปากเบี้ยว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้เข้ารับการบาดเจ็บกับแพทย์เฉพาะทางประจำโรงพยาบาลชื่อดังทั้งของรัฐและเอกชน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นและเส้นประสาทตาเริ่มเสื่อมสภาพลงอีก ทางครูผู้ก่อเหตุไม่เคยสนใจที่จะสอบถาม แจ้งความดำเนินคดีแล้วคดีก็ไม่คืบ จึงได้เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
ล่าสุดเมื่อ เวลา 13.30 น. วันที่ 14 กันยายน ที่โรงพยาบาลยันฮี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาน.ส.นฤดี หรือทรายเดินทางมายังโรงพยาบาลยันฮี เพื่อเข้าพบนายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลยันฮี พร้อมนายแพทย์สุธน พิศูทธินุศาสตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการ และ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจอาการน.ส.นฤดี ในเบื้องต้น
นางปวีณา เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมาน.ส.นฤดีและครอบครัวได้เดินทางมาพบตน พร้อมเล่าเรื่องราวให้ฟัง ตนจึงโทรศัพท์สอบถามไปยัง สภ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ทราบว่าได้เรียกครูคนดังกล่าวมาสอบปากคำ และอยู่ระหว่างดำเนินการด้านคดี ตอนนี้เรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุดคือการช่วยรักษาน.ส.นฤดี เพราะที่ผ่านมาแพทย์ลงความเห็นว่าหากปล่อยนานไปใบหน้าอาจจะพิการถาวร โดยในส่วนของคดีให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ และต้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณโรงพยาบาลยันฮี ที่ให้การช่วยเหลือและรับรักษา น.ส.นฤดี
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่านายแพทย์สุพจน์ ได้นำตัว น.ส.นฤดีมายังเตียงคนไข้ เพื่อตรวจรักษาในเบื้องต้น ซึ่งได้นำไฟฉายมาส่องตาทั้ง2ข้างเพื่อตรวจสอบม่านตา ก่อนจะใช้นิ้วกดไล่ตั้งแต่บริเวณท้ายทอยมาจนถึงขมับทั้งสองข้าง เพื่อตรวจสอบความผิดปกติรวมทั้งสอบถามอาการและความเจ็บปวดเบื้องต้นจาก น.ส.นฤดี ก่อนจะให้ น.ส.นฤดียิ้ม จึงพบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าตั้งแต่หนังตาไล่ไปจนถึงคาง ซีกซ้าย ไม่ตอบสนอง และไม่มีการยกขึ้นของกล้ามเนื้อหน้า ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ
หลังจากตรวจอาการเบื้องต้นแล้วนายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลยันฮี นพ.สุธน พิศูทธินุศาสตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลยันฮี พร้อม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีและ น.ส.นฤดี จอดสันเที๊ยะ หรือทราย ร่วมแถลงผลการตรวจอาการเบื้องต้น
นายแพทย์ สุธน กล่าวว่า จากการดูผลการตรวจจาก2 รพ.ที่ น.ส.นฤดี ไปทำการรักษา เบื้องตนนั้นแพทย์ระบุว่ามีอาการเส้นประสาทคู่ที่7อักเสบ จากการได้รับการกระทบกระเทือน นอกจากนี้ทาง รพ.ยังได้มีการตรวจด้านสมองพบว่าไม่มีการแตกร้าวของกระดูก ซึ่งก็ตรงกับการตรวจเบื้องตนของ รพ.ยันฮี และเพื่อการทำประโยชน์ให้สังคมจะรับรักษาให้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ขณะที่นายแพทย์สุพจน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น กระดูกไม่น่าจะมีการแตกหัก แต่พบว่าน.ส.นฤดีมีอาการเจ็บที่บริเวณใบหน้าทางด้านซ้ายอย่างมาก แต่ใบหน้าด้านขวาไม่มีอาการอะไร ซึ่งจากการตรวจพบว่าใบหน้าด้านขวาทำงานปกติ แต่ใบหน้าด้านซ้ายกลับไม่ทำงาน เพราะเมื่อยิ้มเส้นประสาททางด้านขวาสั่งให้ยิ้มได้ปกติ แต่เส้นประสาทด้านซ้ายกับไม่สามารถสั่งงานให้ยิ้มได้ รวมไปถึงดวงตาที่ตาขวาสามารถหลับตาได้ปกติ แต่ตาซ้ายกลับไม่สามารถหลับตาได้สนิท อาจจะเกิดจากเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของหนังตาไม่สามารถสั่งให้หนังตาได้ ซึ่งหากตาไม่สามารถปิดสนิทได้จะทำให้ตาแห้ง และจะอักเสบ จากนั้นลูกตาจะมีลักษณะขุ่น ทำให้การมองเห็นไม่ชัด พร่ามัว และอาจจะทำให้ตาบอดในที่สุด ทั้งนี้ต้องไปดูว่าอาการที่เกิดขึ้นเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบจนไปทับเส้นประสาทหรือเส้นประสาทอักเสบหรือว่าเส้นประสาทขาด ซึ่งแนวทางในการรักษานั้นหากกล้ามเนื้อทับเส้นประสาทและเส้นประสาทอักเสบนั้นก็จะต้องรักษาให้ยาตามปกติ แต่ถ้าหากเส้นประสาทขาดต้องทำการเปิดแผลเพื่อเย็บเส้นประสาท ซึ่งระยะเวลาในการรักษาเกี่ยวกับระบบประสาทนั้นจะใช้เวลานาน ประมาณ 3-6 เดือน แต่ที่สำคัญคือต้องตรวจหาสาเหตุก่อนว่าอาการเช่นนี้เกิดจากสาเหตุใดซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 วันในการตรวจอย่างระเอียด ในกรณีนี้ถือว่าที่มาของสาเหตุในการเกิดนั้นค่อนข้างชัดเจนว่าถูกกระแทกที่บริเวณกกหู ซึ่งบริเวณดังกล่าวตรงกับเส้นประสาทจากสมองคู่ที่ 7 โดยเส้นประสาทคู่นี้เป็นลักษณะคล้ายรากแก้วจะแยกย่อยรากฝอยออกเป็น 5 เส้น แบ่งเป็นควบคุมบริเวณเปลือกตาบน ,ด้านล่างตา ,แก้ม ,ริมฝีปาก และบริเวณคาง ซึ่งอาการที่เกิดกับ น.ส.นฤดี เชื่อได้ว่าแรงกระแทกน่าจะเกิดจากเส้นประสาทรากแก้วซึ่งเป็นต้นตอใหญ่ที่ใช้ควบคุมส่วนต่างๆทั้ง 5 ส่วน นอกจากนี้ทาง โรงพยาบาลยันฮี ได้เตรียมแพทย์อายุรกรรม แพทย์ด้านประสาทและตามาร่วมรักษาด้วย ทั้งนี้ลักษณะอาการดังกล่าวถือว่าสาหัส เพราะใช้ระยะเวลาในการรักษามาแล้วประมาณ 1 เดือนแล้วยังไม่หาย หากปล่อยทิ้งไว้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าด้านซ้ายฝ่อ จนทำให้เสียบุคลิก
ขณะที่ น.ส.นฤดี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้เข้าเรียนวิชาพละ ที่มีนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก เป็นผู้สอน โดยนายไพฑูรย์ได้ไปทำฉลากเพื่อจะแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มเล่นตะกร้อ โดยให้นักเรียนนั่งรอที่บริเวณหน้าห้องพละ ซึ่งมีทั้งที่ในร่มและกลางแดด แต่กลุ่มของตนนั่งอยู่กลางแดดจึงตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเดินไปนั่งในที่ร่ม ขณะที่ลุกขึ้นนั้นนายไพฑูรย์เห็นจึงปาแก้วเซรามิกใส่ตนโดนบริเวณกกหูด้านซ้าย พร้อมกับพูดดุด่าว่าพวกตนจะยืนทำไม สั่งให้นั่ง และจริงๆจะปาให้หัวแตก ซึ่งขณะเกิดเหตุนั้นมีเพื่อนที่เป็นนักเรียนอีก34คนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย กระทั่งเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 สิงหาคม ตนตื่นมาแปรงฟันกับพบว่าน้ำไหลออกมาจากปากหมดเลย และใบหน้าด้านซ้ายมีลักษณะผิดรูป จึงทราบว่าเกิดความผิดปกติกับตนแล้ว
น.ส.นฤดี กล่าวอีกว่า ในส่วนที่นายไพฑูรย์ไปบอกกับ นายนิพนธ์ ภักดีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนโชคชัยสามัคคี (ชส.)ว่าตั้งใจจะปาแก้วใส่ผนังไม่ได้ตั้งใจปาใส่ตนนั้น ตนคิดว่าครูเป็นครู ครูควรจะแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้กระทำไป ทั้งนี้ตนมีความหวังว่าจะต้องหายเป็นปกติ และรู้สึกโล่งใจมากที่มูลนิธิปวีณา และโรงพยาบาลยันฮี เข้ามาช่วยเหลือรับรักษาตนไว้