6 ความจริงของหายนะระดับโลกที่หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์


จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อภายในเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญของชาวโลก ยังมีเหตุการณ์ซ้อนเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสยองไม่แพ้กัน และความจริงเหล่านี้ต่างไม่เคยปรากฏอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่การพูดถึงเลย ต่อจากนี้คือ 6 ความจริงของหายนะระดับโลกที่ไม่เคยระบุไว้ในหน้าประวัติศาสตร์

6. เหล่ากะลาสีเรือชะตาขาดติดอยู่ใต้น้ำเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์หลังเหตุการณ์ Pearl Harbor



การจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวในปี คศ 1941 ที่อ่าว Pearl Harbor ทำให้เกิดความเสียหายและผู้เสียชีวิตจำนวนมหาศาล เรือกว่าสิบเก้าลำจมลงสู่ใต้ทะเลหรือไม่ก็ได้รับความเสียหาย รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตกว่า 2400 ราย นั่นเป็นเพียงรายละเอียดระดับมหภาคเท่านั้น ซึ่งภายในนั้นมีเรื่องราวที่น่าสยดสยองซ่อนอยู่มากมาย แต่มีเรื่องนึงที่เราคิดว่ามันสมควรที่จะนำมาเล่าในนี้



U.S.S West Virginia เป็นเรือลำนึงที่ได้รับความเสียหายจากการจู่โจมครั้งนี้ จากลูกระเบิดสองลูก ตอร์ปิโดอีก 7 ทำให้เสียลูกเรือไปกว่าร้อยนาย แต่เรื่องมันไม่จบเท่านั้น

ภายหลังการโจมตีสิ้นสุดลง เหล่านาวิกโยธินที่ยืนเฝ้าตรวจการณ์ที่ซากปรักหักพังของเรือนั้นได้รายงานว่า พวกเขาได้ยินเสียงทุบตีดังขึ้นมาจากตัวเรือ ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันเป็นเสียงของเหล็ก หรือทีมกู้ภัย หรืออาจจะเป็นผี แต่เมื่อพวกเขาไปตรวจสอบสถานที่ พวกเขาก็รู้ว่ามีลูกเรือที่ยังมีชีวิตกำลังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนั้น ที่แย่กว่านั้นก็คือคนพวกนั้นไม่สามารถทำการช่วยเหลือได้ เนื่องจากการเจาะรูที่ตัวเรืออาจจะทำให้เรือมันจมลง หรืออาจจะเกิดการระเบิดขึ้นได้



หกเดือนหลังเหตุการณ์นั้นทีมกู้ภัยจึงสามารถที่จะยกเรือขึ้นมาได้ ภายในห้องนึงในเรือนั้นพวกเขาได้พบศพของสามกะลาสีเรือ ได้แก่ Ronald Endicott, Clifford Olds และ Louis Costin อยู่ข้างๆกับกองอาหารกระป๋องที่ได้แบ่งปันสัดส่วนกัน ถ่านไฟฉาย และถังน้ำดื่ม จากปฏิทินที่ถูกพบอยู่ในห้องนั้น คาดว่าพวกเขาทั้งสามได้มีชีวิตอยู่ได้ 16 วันก่อนที่จะขาดอากาศหายใจตายกันหมด



ครอบครัวของพวกเขาทั้งสามคิดว่าพวกเขาได้ตายในวันที่ 7 ธันวาคม หรือวันที่มีการจู่โจม Pearl Harbor เกิดขึ้น แต่พวกเขาคิดผิดมาตลอด จนกระทั่งมารู้ความจริงหลังจากหลายปีผ่านมาแล้ว ตราบจนถึงวันนี้ หลุมศพของพวกเขาทั้งสามต่างสลักวันที่ 7 ธันวาคมเป็นวันเสียชีวิตของพวกเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าทีเดียว


5. การจมของเรือไททานิกทำให้เกิดการจมของเรือลำอื่นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ




ปี คศ 1912 เรือไททานิคจมลงสู่ก้นทะเลด้วยเหตุผลที่ทุกคนต่างรู้กันดี (ภูเขาน้ำแข็ง) จากการสอบสวนภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวต่างก็โทษว่าระบบความปลอดภัยของเรือนั้นห่วยแตก ที่สังเกตได้ชัดเลยนั่นก็คือเรือชูชีพที่มีน้อยเกินไป นั่นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการวางระเบียบความปลอดภัยของเรือครั้งใหญ่ ซึ่งฟังดูเหมือนเรื่องที่ดี เพราะมันจะไม่มีทางเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนในเรือกว่า 800 ชีวิตตายลงไปอีกครั้งแน่นอน

เรื่องตลกก็คือ การเปลี่ยนแปลงระบบความปลอดภัยดังกล่าวที่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้งนึง

วันที่ 24 กรกฏาคม คศ 1915 Eastlandเรือโดยสารที่ออกเดินทางจาก Chicago ปลายทางอยู่ที่ Michigan City แต่การเดินทางก็จบลงภายในไม่กี่วิ เมื่อจู่ๆเรือก็โคลงเคลงและทำให้ผู้โดยสาร 2573 คนจมลงไปในแม่น้ำ Chicaga ทำให้มีผู้เสียชีวิต 844 ราย



แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้กัน? ก็เรือชูชีพยังไงล่ะ หลังเหตุการณ์ Titanic ทางรัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติเกี่ยวกับความปลอดภัยในเรือโดยให้เรือทุกลำต้องแบกเรือชูชีพที่มากพอที่จะทำให้คนทุกคนที่อยู่บนเรือได้นั่งในนั้นครบทุกคน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาขึ้นกับเรือล่องแม่น้ำที่มีรูปร่างแบนอย่างเจ้า Eastland ลำนี้ซึ่งโดยส่วนบนของเรือก็หนักพออยู่แล้ว ประกอบกับการออกพระราชบัญญัติดังกล่าวทำให้เรือชูชีพเพิ่มขึ้นจากปกติ 6 ลำเป็น 11 ลำ รวมไปถึงแพชูชีพ 37 ลำและเสื้อชูชีพอีกกว่า 2000 ตัว ของทุกอย่างนี้ถูกเก็บเอาไว้ที่ดาดฟ้าเรือด้านบน เมื่อวัตถุมีความหนาแน่นมากกว่าน้ำจะเกิดอะไรขึ้นคุณก็คงเคยเรียนตั้งแต่ชั้นประถมกันแล้ว



4.เหล่านักโทษถูกทิ้งให้อยู่ในกอง(อึ)เป็นเวลาสี่วันระหว่างเหตุการณ์เฮอริเคน Katrina



พายุ Katrina ดังกล่าวคาดการณ์ว่าทำให้ผู้คนกว่า 2000 เสียชีวิต และความเสียหายกว่า 100 พันล้านเหรียญ นั่นก็เป็นเพียงแค่รายละเอียดนึงเท่านั้น (อีกแล้ว) มีเรื่องราวที่น่าสนใจที่ดูเหมือนจะไม่มีใครพูดถึงมัน มีตัวเอกเป็นนักโทษอับโชคที่เรือนจำแห่งนึง

นักวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนได้ทำการสัมภาษณ์คนที่อยู่ในเรือนจำแห่งนึงที่ชื่อว่า Templeman III เขาให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากน้ำท่วมคุกแห่งนี้ ผู้คนต่างหนีออกไปจากคุกกันหมด ไม่ว่าจะเป็นยาม สัสดี ทุกๆคน โดยทิ้งให้นักโทษ 600 กว่าคนติดแหง่กอยู่ในห้องเรือนจำที่มีน้ำท่วมขังโดยปราศจากน้ำและอาหาร เป็นเวลาสี่วัน



จากการเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยนักวิจัยด้านสิทธิมนุษชนนั้น นักโทษบอกว่าได้เห็นยามรักษาการณ์ครั้งสุดท้ายเมือวันที่ 28 สิงหาคม วันที่เกิดเหตุการณ์พายุขึ้น ต่อมาวันที่ 29 สิงหาคม คุกแห่งนี้ก็กลายเป็นเมืองผีที่ไร้กฏระเบียบ โดยมีน้ำท่วมสูงถึงหน้าอกแล้วก็.. สิ่งที่ออกมาจากระบบท่อน้ำเสียของเรือนจำแห่งนี้

นั่นทำให้นักโทษทุกคนต่างหาทางเอาตัวรอดกันเอาเอง บางคนก็พยายามที่จะหาทางออกจากห้องขังของตัวเอาให้ได้เพื่อหนีจากน้ำท่วมขังที่เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนอื่นๆก็มีความหวังเล็กๆว่าจะมีใครซักคนยื่นมือมาช่วย โดยการแขวนป้ายหน้าห้องบอกขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายนนักโทษบางคนก็ตระหนักแล้วว่า พวกเขาโดนทอดทิ้งเป็นที่เรียบแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่