**Back to Heaven, Leh Ladakh (ดันสะกดHeavenผิด)**
เมื่อ9ปีที่แล้ว ในขณะที่ผมกำลังจะออกจากเมืองเล็กๆในหุบเขาหิมาลัย ผมบอกกับตัวเองไว้ว่า ผมต้องกลับมาที่นี่อีกให้ได้ เลห์ ลาดัก เมืองที่เต็มไปด้วยเสนห์แห่งเทือกเขา ผู้คน ศาสนาและวัฒนธรรม หลังจากรอมา9ปี ในที่สุดก็ได้กลับไปเยือนเสียที ก็ไม่เข้าใจทำไมรอมานาน ทั้งที่ก็เพ้อถึงมาตลอด ลาดักอยู่ในแคว้นจามูแคชเมียร์ทางตอนเหนือของอินเดีย ส่วนเลห์เป็นเมืองหลวงย่อยของลาดักอีกที ผมรู้จักเมืองนี้ครั้งแรกก็ก่อนไปเที่ยวรอบแรก ตอนนั้นแค่กำลังหัดถ่ายรูปและอยากเดินทางท่องเที่ยว ปกติเป็นคนชอบภูเขาอยู่แล้ว เลยค้นเน็ทเจอทัวร์ไปที่นี่ เห็นรูปสวยดีเลยตัดสินใจไปกับทัวร์ดู บอกได้เลยว่าเลห์ ลาดักเป็นสวรรค์ของนักถ่ายรูปจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเทือกเขาสูง วัดสไตล์ทิเบตรวมทั้งผู้คนในวัฒนธรรมของทิเบต สรุปคือถ่ายได้ทั้งวิวและคน จริงๆตั้งใจจะไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำวีซ่าจองที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว กะไปคนเดียวเลย แต่ดันเกิดแผ่นดินไหวที่เนปาล เห็นว่าเป็นเทือกเขาเดียวกัน เลยต้องเปลี่ยนจุดหมายปลายทาง เมื่อช่วงสงกรานต์ก็เกือบพาพ่อกับแม่ไปที่นี่ แต่เกรงว่าจะหนาวเกินไปและกลัวแกแพ้ความสูง เลยไปเที่ยวแคชเมียร์แทน จริงๆแล้วลาดักกับแคชเมียร์ก็ติดกัน แค่นั่งรถ2วันและค้างคืนระหว่างทาง เลห์ลาดักจะถูกปกคลุมด้วยหิมะไปเสียครึ่งปี ดังนั้นช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวคือพ.ค.ถึงต.ค. แต่จริงๆช่วงสงกรานต์ก็มีคนไทยมาเที่ยวกันนะ เพียงแต่ทะเลสาบยังเป็นน้ำแข็ง อาจจะพลาดชมสีน้ำสวยๆ
จริงๆแล้วทริปนี้ไม่ได้อยู่ในแผน เพราะช่วงสงกรานต์เพิ่งไปแคชเมียร์ แต่นั่นแหละ เพราะแคชเมียร์ตัวดีนี่แหละที่ทำให้ผมอยากกลับไปเลห์ลาดักมากขึ้น เพราะอยู่ใกล้กันแค่นั้น เลยเอาไงเอากัน เงินมีไม่ไม่ไม่รู้ หาทันหรือเปล่าไม่รู้ ไปเที่ยวดีกว่า ก่อนอื่นบังคับแฟน เอ้ย ชวนแฟนไปด้วย แต่กว่าจะยอมไปได้ จริงๆนะถ้าเราไปที่ไหนสวยๆเราก็อยากให้คนใกล้ตัวได้ไปเห็นด้วย แต่เลห์นี่ไม่ใช่แค่คนใกล้ตัวนะ อยากให้ทุกคนที่รู้จักไปหมดเลย
รูปส่วนใหญ๋ถ่ายโดยDSLR แต่รูปนี้ถ่ายโดยมือถือนะครับ
เริ่มต้นกับการจองตั๋วก่อนเลย เราต้องต่อเครื่องที่เดลี มันก็มีหลายสายการบินให้เลือก แต่ที่น่าจะสะดวกที่สุดก็คือ Jet Airways ที่มีทั้งจากกรุงเทพไปเดลลี และสามารถต่อเครื่องไปลงที่เลห์ได้เลย ซื้อตั๋วโดยตรงกับสายการบินบนเวปเลย เป็นตั๋วโปรโมชั่น อาจจะมีข้อจำกัดเช่นการยกเลิกการเปลี่ยนวันเดินทาง แต่ราคาที่ได้ราวๆ17000บาทต่อคนต่อ4เที่ยวไปกลับ ราคานี้ต้องจองล่วงหน้าสัก3-4เดือนได้ เพราะเพื่อนอีกคนที่ตัดสินใจทีหลังได้ราคาแพงกว่าไปอีก2-3000 ส่วนที่พักกับทัวร์ ได้ข้อมูลจากพันทิพว่าคนไทยส่วนใหญ่ไปพักที่ Ree Yul Gesthouse ที่บอกกันปากต่อปาก ที่นี่ยังรับจัดรถพาเที่ยวให้ด้วย เราเลยให้เขาจัดโปรแกรมพาเที่ยวทีเดียวเลย จะได้ไม่ยุ่งยาก ติดต่อทางอีเมล์ได้เลย Mr. Saleem limbijal@rediffmail.com แต่เฮียแกอาจจะช้าหน่อย เพราะเน็ทที่เลห์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มากสุดก็2-3วัน หลักจากได้ที่พักได้เที่ยวบินแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็สมัครวีซ่าอินเดีย โดยจะต้องใช้ใช้บุกกิ้งเที่ยวบิน ที่พักโปรแกรมท่องเที่ยวและเอกสารส่วนตัวอื่นๆเช่น พาสปอร์ต บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน รูปถ่าย เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แนะนำให้จองที่พักบนเวปจองที่พักแบบยกเลิกได้ เพราะจะดูน่าเชื่อถือและเป็นการเป็นงานมากกว่าอีเมลโต้ตอบการจองที่พักกับซาลีม ค่าธรรมเนียมวีซ่า2000ต้นๆ ในการทำวีซ่าอินเดียครั้งแรกต้องไปด้วยตัวเอง เพื่อสแกนลายนิ้วมือเก็บไว้เป็นเร็คคอร์ด ทริปต่อมาสามารถฝากเอกสารไปสมัครได้เลย ต้องสมัครวีซ่าผ่านเอเจนซี่ที่รับทำซีซ่าให้กับสถานทูตอีกทีคือ IVS Global เป็นเอเจนซี่เจ้าเดียวเท่านั้น อยู่ที่ตึก PS Tower แถวอโศก สมัครใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงถ้ากรอกข้อมูลมาแล้ว แต่ใครกลัวงง แนะนำว่าจ้างเขากรอกที่นั่นก็ได้ ไม่เกิน 200บาท จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องกรอกผิด ใช้เวลาไม่เกินอาทิตย์ก็ได้วีซ่า ได้ซีซ่าแล้วอย่าลืมยกเลิกห้องพักล่ะที่จองผ่านเวปล่ะ มีสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆที่รูปท้ายสุดนะ
วีซ่าพร้อม ก็แค่นั่งนอนนับวันรอ เนื่องจากเราเพ้อถึงเลห์มาตลอดโดยเฉพาะช่วง2-3ปีหลังนี้ เอาแต่นั่งแชร์รูปเลห์ลาดักหรือเอารูปที่ตัวเองเคยถ่ายมาโพส จนเพื่อนๆหลายคนเริ่มรู้จักและอยากไป แต่พอตอนจะไปจริงๆ แต่ละนางดันไม่ว่างตรงกัน สุดท้ายมีไปกัน3คน
[CR] Back to Haeven, Leh Ladakh
เมื่อ9ปีที่แล้ว ในขณะที่ผมกำลังจะออกจากเมืองเล็กๆในหุบเขาหิมาลัย ผมบอกกับตัวเองไว้ว่า ผมต้องกลับมาที่นี่อีกให้ได้ เลห์ ลาดัก เมืองที่เต็มไปด้วยเสนห์แห่งเทือกเขา ผู้คน ศาสนาและวัฒนธรรม หลังจากรอมา9ปี ในที่สุดก็ได้กลับไปเยือนเสียที ก็ไม่เข้าใจทำไมรอมานาน ทั้งที่ก็เพ้อถึงมาตลอด ลาดักอยู่ในแคว้นจามูแคชเมียร์ทางตอนเหนือของอินเดีย ส่วนเลห์เป็นเมืองหลวงย่อยของลาดักอีกที ผมรู้จักเมืองนี้ครั้งแรกก็ก่อนไปเที่ยวรอบแรก ตอนนั้นแค่กำลังหัดถ่ายรูปและอยากเดินทางท่องเที่ยว ปกติเป็นคนชอบภูเขาอยู่แล้ว เลยค้นเน็ทเจอทัวร์ไปที่นี่ เห็นรูปสวยดีเลยตัดสินใจไปกับทัวร์ดู บอกได้เลยว่าเลห์ ลาดักเป็นสวรรค์ของนักถ่ายรูปจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเทือกเขาสูง วัดสไตล์ทิเบตรวมทั้งผู้คนในวัฒนธรรมของทิเบต สรุปคือถ่ายได้ทั้งวิวและคน จริงๆตั้งใจจะไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำวีซ่าจองที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว กะไปคนเดียวเลย แต่ดันเกิดแผ่นดินไหวที่เนปาล เห็นว่าเป็นเทือกเขาเดียวกัน เลยต้องเปลี่ยนจุดหมายปลายทาง เมื่อช่วงสงกรานต์ก็เกือบพาพ่อกับแม่ไปที่นี่ แต่เกรงว่าจะหนาวเกินไปและกลัวแกแพ้ความสูง เลยไปเที่ยวแคชเมียร์แทน จริงๆแล้วลาดักกับแคชเมียร์ก็ติดกัน แค่นั่งรถ2วันและค้างคืนระหว่างทาง เลห์ลาดักจะถูกปกคลุมด้วยหิมะไปเสียครึ่งปี ดังนั้นช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวคือพ.ค.ถึงต.ค. แต่จริงๆช่วงสงกรานต์ก็มีคนไทยมาเที่ยวกันนะ เพียงแต่ทะเลสาบยังเป็นน้ำแข็ง อาจจะพลาดชมสีน้ำสวยๆ
จริงๆแล้วทริปนี้ไม่ได้อยู่ในแผน เพราะช่วงสงกรานต์เพิ่งไปแคชเมียร์ แต่นั่นแหละ เพราะแคชเมียร์ตัวดีนี่แหละที่ทำให้ผมอยากกลับไปเลห์ลาดักมากขึ้น เพราะอยู่ใกล้กันแค่นั้น เลยเอาไงเอากัน เงินมีไม่ไม่ไม่รู้ หาทันหรือเปล่าไม่รู้ ไปเที่ยวดีกว่า ก่อนอื่นบังคับแฟน เอ้ย ชวนแฟนไปด้วย แต่กว่าจะยอมไปได้ จริงๆนะถ้าเราไปที่ไหนสวยๆเราก็อยากให้คนใกล้ตัวได้ไปเห็นด้วย แต่เลห์นี่ไม่ใช่แค่คนใกล้ตัวนะ อยากให้ทุกคนที่รู้จักไปหมดเลย
รูปส่วนใหญ๋ถ่ายโดยDSLR แต่รูปนี้ถ่ายโดยมือถือนะครับ
เริ่มต้นกับการจองตั๋วก่อนเลย เราต้องต่อเครื่องที่เดลี มันก็มีหลายสายการบินให้เลือก แต่ที่น่าจะสะดวกที่สุดก็คือ Jet Airways ที่มีทั้งจากกรุงเทพไปเดลลี และสามารถต่อเครื่องไปลงที่เลห์ได้เลย ซื้อตั๋วโดยตรงกับสายการบินบนเวปเลย เป็นตั๋วโปรโมชั่น อาจจะมีข้อจำกัดเช่นการยกเลิกการเปลี่ยนวันเดินทาง แต่ราคาที่ได้ราวๆ17000บาทต่อคนต่อ4เที่ยวไปกลับ ราคานี้ต้องจองล่วงหน้าสัก3-4เดือนได้ เพราะเพื่อนอีกคนที่ตัดสินใจทีหลังได้ราคาแพงกว่าไปอีก2-3000 ส่วนที่พักกับทัวร์ ได้ข้อมูลจากพันทิพว่าคนไทยส่วนใหญ่ไปพักที่ Ree Yul Gesthouse ที่บอกกันปากต่อปาก ที่นี่ยังรับจัดรถพาเที่ยวให้ด้วย เราเลยให้เขาจัดโปรแกรมพาเที่ยวทีเดียวเลย จะได้ไม่ยุ่งยาก ติดต่อทางอีเมล์ได้เลย Mr. Saleem limbijal@rediffmail.com แต่เฮียแกอาจจะช้าหน่อย เพราะเน็ทที่เลห์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มากสุดก็2-3วัน หลักจากได้ที่พักได้เที่ยวบินแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็สมัครวีซ่าอินเดีย โดยจะต้องใช้ใช้บุกกิ้งเที่ยวบิน ที่พักโปรแกรมท่องเที่ยวและเอกสารส่วนตัวอื่นๆเช่น พาสปอร์ต บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน รูปถ่าย เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แนะนำให้จองที่พักบนเวปจองที่พักแบบยกเลิกได้ เพราะจะดูน่าเชื่อถือและเป็นการเป็นงานมากกว่าอีเมลโต้ตอบการจองที่พักกับซาลีม ค่าธรรมเนียมวีซ่า2000ต้นๆ ในการทำวีซ่าอินเดียครั้งแรกต้องไปด้วยตัวเอง เพื่อสแกนลายนิ้วมือเก็บไว้เป็นเร็คคอร์ด ทริปต่อมาสามารถฝากเอกสารไปสมัครได้เลย ต้องสมัครวีซ่าผ่านเอเจนซี่ที่รับทำซีซ่าให้กับสถานทูตอีกทีคือ IVS Global เป็นเอเจนซี่เจ้าเดียวเท่านั้น อยู่ที่ตึก PS Tower แถวอโศก สมัครใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงถ้ากรอกข้อมูลมาแล้ว แต่ใครกลัวงง แนะนำว่าจ้างเขากรอกที่นั่นก็ได้ ไม่เกิน 200บาท จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องกรอกผิด ใช้เวลาไม่เกินอาทิตย์ก็ได้วีซ่า ได้ซีซ่าแล้วอย่าลืมยกเลิกห้องพักล่ะที่จองผ่านเวปล่ะ มีสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆที่รูปท้ายสุดนะ
วีซ่าพร้อม ก็แค่นั่งนอนนับวันรอ เนื่องจากเราเพ้อถึงเลห์มาตลอดโดยเฉพาะช่วง2-3ปีหลังนี้ เอาแต่นั่งแชร์รูปเลห์ลาดักหรือเอารูปที่ตัวเองเคยถ่ายมาโพส จนเพื่อนๆหลายคนเริ่มรู้จักและอยากไป แต่พอตอนจะไปจริงๆ แต่ละนางดันไม่ว่างตรงกัน สุดท้ายมีไปกัน3คน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น