นับว่าเป็นช่วงที่ก็อดซิลล่า กลับมาฟีเวอร์อีกครั้งหลังจากที่ทาง USA ปล่อยตัวหนังออกมาฉายเมื่อปี 2014 มาแล้ว และสุดท้าย ทางญี่ปุ่นก็ได้เข็นเอาก็อดซิลล่าภาคใหม่ สร้างใหม่ทั้งหมด กลับมาลงโรงอีกครั้ง แต่วันนี้ ไหนๆก็อดซิลล่าก็กลับมานิยมอีกครั้ง เราไปดู ก็อดซิลล่าแบบภาคเก่าๆในช่วงต้นยุคเฮเซย์กันหน่อยดีกว่า กับ “Godzilla Vs King Ghidorah”

สำหรับเหตุการณ์ในภาคนี้เกิดขึ้นในปี 1991 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาจากภาคก่อนที่แล้วคือ Godzilla Vs Biolante โดยในภาคนี้ ก็อดซิลล่าที่กลับลงไปนอนสงบนิ่งอยู่ใต้ก้นทะเล ในจุดที่ยังมีเศษของกัมมันตรังสีปกคลุมอยู่ใต้ทะเลอีกครั้งโดยที่ยังไม่ได้ตื่นขึ้นมา (เพราะยังไม่มีบท) ทางศูนย์วิจัยก็จำเป็นต้องหาทางยับยั้งในเรื่องของการที่มันอาจจะลุกขึ้นมาขึ้นฝั่งแล้วอาละวาดไปทั่วอีกครั้ง (ยังไม่ชินกับมันอีกเหรอครับท่าน) และในขณะเดียวกัน เคนอิจิโร่ เทราซาว่า นักเขียนหนังสือชื่อดังก็เพิ่งจะเขียนต้นฉบับเปิดโปงเกี่ยวกับก็อดซิลล่า แล้วบังเอิญไปได้ความลับเกี่ยวกับเรื่องของ ไดโนเสาร์ลึกลับแห่งเกาะลากอส ที่ทำท่าว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับก็อดซิลล่า

จากนั้นไม่นาน ทางด้านของ เทราซาว่า ก็ได้พบกับการมาเยือนของ UFO ที่ภายในมีมนุษย์ 3 คน + แอนดรอยด์เพศชายปรากฏตัวออกมา และได้อ้างว่าพวกเขามาจากอนาคตในอีก 200 ปีจากยุคที่เทราซาว่ามีชีวิตอยู่ และได้ระบุว่า เพราะการที่ ก็อดซิลล่าอาละวาดต่อเนื่อง ทำให้ญี่ปุ่นนั้นล่มสลาย และจำเป็นจะต้องทำการเด็ดชีพก็อดซิลล่าตั้งแต่เนิ่นๆ ในช่วงที่มันยังเป็นเพียงแค่ไดโนเสาร์ธรรมดาๆบนเกาะลากอส


พวกเทราซาว่าและคณะผู้มาเยือนจากโลกอนาคต จึงเดินทางข้ามกาลเวลาด้วยยานที่พวกเขานั่งมา ย้อนไปยังปี 1944 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามโลกกำลังระเบิดศึกขึ้น โดยเกาะลากอสที่ว่านี้เป็นเกาะลึกลับที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ระหว่างหมู่เกาะกิลเบิร์ตและหมู่เกาะมาร์แชล ซึ่ง กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ได้ไล่ต้อนทัพของญี่ปุ่นอย่างหนักจนกองทัพญี่ปุ่นต้องไปซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกสุดของเกาะ แต่แล้วในช่วงเช้าของการพยายามโต้กลับฝ่ายอเมริกา ปรากฏว่ามีไดโนเสาร์ลึกลับตัวหนึ่ง ปรากฏตัวออกมา แล้วมันก็ได้ไล่ฟาดไล่เหยียบกองทัพสหรัฐบนเกาะจนเละ พวกที่เหลือก็พยายามหนีเอาตัวรอดไปยังชายหาด ไดโนเสาร์ตัวที่ว่านี้นั้นก็โดนกองทัพเรือสหรัฐระดมยิงด้วยปืนจากเรือรบจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และแสร้งทำเป็นตาย แต่มันก็ยังลุกขึ้นมากวาดทหารอเมริกาบนชายหาดจนตายเหี้ยนหมดทั้งแผง ซึ่งในคืนวันนั้น กองทัพญี่ปุ่นได้แสดงความเคารพต่อการเสียสละและพฤติกรรมของไดโนเสาร์ลึกลับตัวนี้ทีไดปกป้องพวกเขาไว้ ก่อนที่จะหนีออกจากเกาะลากอสไปได้

พวกมนุษย์โลกอนาคต ใช้แผนที่ว่าจะเทเลพอร์ตเอาร่างของไดโนเสาร์ตัวนี้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นก็อดซิลล่าที่ยังไม่ได้กลายพันธุ์ เอาไปไว้ในใต้ก้นทะเลแบริ่งแทนเพราะบนเกาะลากอสนั้น มีแต่พลังงานนิวเคลียร์เจือปนเต็มไปหมด อาจจะทำให้มันกลายพันธุ์ได้ แต่สิ่งที่พวกเขาทำหลังจากวาร์ปไดโนเสาร์ตัวนี้ไปไว้ก้นทะเลก็คือ พวกเขาได้เนียนแอบปล่อย “โดราต์” สัตว์เลี้ยงไฮบริดที่เพาะพันธุ์ขึ้นมาในโลกอนาคตจำนวน 3 ตัว ไว้บนเกาะแบบเนียนๆ จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกลับไปยังศตวรรษที่ 20 เช่นเดิม แต่ดันแจ๊กพ็อตแตก เพราะ 2 ใน 3 มนุษย์ยุคอนาคตนั้น ได้ดำเนินแผนการไว้แต่แรกแล้วก็คือ พวกเขาจงใจเอา โดราต์ไปปล่อยที่เกาะลากอสเพราะต้องการให้มันทั้ง 3 อาบพลังนิวเคลียร์บนเกาะจนมันกลายพันธุ์



แล้วสุดท้าย ในยุคปัจจุบัน มันก็กลับมาอีกครั้งในนามว่า “มังกรทองสามหัว คิงกิโดรา” และมั่นใจว่า เมื่อไม่มีก็อดซิลล่าเป็นเสี้ยนหนาม คิงกิโดร่าที่พวกเขาควบคุมได้นั้น ก็จะสามารถทำให้พวกเขายึดครองโลกได้ แต่ผิดคาด เพราะไดโนเสาร์ตัวที่พวกเขาวาร์ปไปไว้ใต้ทะเล ดันโชคดีไปหน่อย เพราะมันดันถูกวาร์ปเอาไว้ในก้นทะเลแบริ่ง แต่ดันเป็นจุดที่มีพลังงานนิวเคลียร์ปนเปื้อนอยู่เต็มไปหมด ก็เลยทำให้มันกลายพันธุ์ จนกลายเป็นก็อดซิลล่าขึ้นมาจนได้ และจากนั้น ก็อดซิลล่าก็บุกขึ้นญี่ปุ่นพร้อมด้วยส่วนสูงที่มากกว่าตอนเปิดศึกกับ ไบโอลันเต้ในภาคที่แล้วเสียอีก โดยคราวนี้ มันก็ได้เข้าต่อกรกับ คิงกิโดร่าอย่างดุเดือดเลยทีเดียว (จากนี้เป็นยังไง ไปลองหาดูแบบ DVD ที่ Remaster ใหม่กันดูนะครับ)



สำหรับผมนะครับ มีโอกาสได้ดูแบบวิดีโอเทปของค่ายไรท์พิกเจอร์สที่ใช้ชื่อว่า “ไดโนเสาร์เขย่าโลก” จากนั้นตอนปี 2002 ช่อง 7 ก็เอามาฉายตอนเช้าของช่วงวันปิดเทอม และก็ได้มาตามเก็บเป็น DVD จัดว่าเป็นหนึ่งในก็อดซิลล่าภาคที่ผมชอบมากที่สุดครับ แต่จุดที่ทำเอาผมจำได้ก็คือ Sound Effect ครับ เสียงเดินก็อดซิลล่าเวลาย่ำเท้าในเมือง เสียงเหมือนเวลาพวกหุ่นยนต์ตระกูล Super Robot เดินกันเลยทีเดียว และนอกจากนี้ เสียงคำรามของ ไดโนเสาร์บนเกาะลากอส เสียงเนียนว่าใช้เสียงของ “กาเมร่า” อีกแน่ะ

ว่าแล้วก็ขออนุญาตฝากเพจสำหรับคนชอบหนังสัตว์ประหลาดไว้ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/MonsterFilmsReview/