สวัสดีค่ะคุณเชื่ออาถรร์ชุดดำในงานแต่งมั้ยคะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาถรร์ชุดดำที่นางตั้งใจใส่มาหรือเพราะนางตั้งใจทำให้เรื่องทุกอย่างลงเอยแบบนี้...
ตามหาผู้หญิงชุดดำในงานแต่งของดิฉันเมื่อ7ปีที่แล้วค่ะ...ถึงคุณผู้หญิงที่ใส่ชุดดำไปงานแต่งของดิฉันกับสามีดิฉันเมื่อวันที่9สค.2009 ขอเล่าย้อนกลับไปถึงก่อนหน้านั้นนะคะ จิงๆแล้วดิฉันก็พอรู้จักสาวชุดดำนั้นอยู่บ้างจากการแนะนำของสามีดิฉันค่ะ ว่าเธอคือ แฟนเก่าเขาเอง แต่ได้เลิกลากันไปซักพักแล้ว เนื่องจากว่า ที่บ้านเธอมีกิจการโรงแรมค่ะและแม่ของผู้หญิงเขาไม่ปลื้มสามีดิฉัน เขาบอกว่าสามีดิฉันจน เค้าอยากให้ลูกสาวผู้แสนดีที่เคยผ่านการมีแฟนและมีลูกแล้วแต่ได้ไปทำแท้งออก ได้กับคนรวยหรือนักธุรกิจเหมือนเค้า แต่ธุรกิจโรงแรมของเค้ากำลังมีปัญหาเลยอยากได้คนรวยมาช่วยโอบอุ้มกิจการ .แต่เหมือนตอนนั้นลูกสาวเค้าซึ่งกำลังปลุกต้นรักกับสามีดิฉันอยู่ และดูเหมือนว่าลูกสาวเค้าจะเชื่อบุพการีเค้าด้วย หรืออาจจะเพราะมีแฟนอีกหลายๆคนแอบซ่อนอยู่หรือป่าว(อันนี้สามีมาเล่าให้ฟังทีหลัง )นางชุดดำเลยบอกเลิกสามีดิฉันแบบไม่แยแส ทั้งที่สามีดิฉันกำลังทำแหวนกำลังจะไปขอแต่งงานท่ามกลางเสียงคัดค้านของญาติๆสามีค่ะแต่ก็อย่างว่าความรักเข้าตาอะไรก็ฉุดไม่อยู่สามียอมทะเลาะกับญาติทุกคนที่คัดค้าน จนเค้าหนีร้อนมาเจอเย็นซึ่งคือดิฉันเอง ...ใช่ค่ะดิฉันและสามีเราเจอกันท่ามกลางปัญหาของเขา แต่เขาก็ยินดีเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาให้ดิฉันฟังจนหมดเปลือก ดิฉันตอนนั้นเห็นใจและสงสารมากก็ ทั้งปลอบทั้งจีบขุดหลุมพลางให้สามีมาตกหลุมค่ะ จนในที่สุดเค้าก็บอกว่าลืมแฟนเก่าเค้าได้แล้ว และขอดิฉันแต่งงาน ณ.ตั้งแต่ที่รู้จักกันจนถึงที่เค้าขอแต่งงานก็1ปีกว่าๆค่ะ จนดิฉันก็มั่นใจว่าเค้าลืมอดีตรักน้ำเน่าในเงาจันทร์ของเค้าไปแล้วค่ะ แต่หารู้ไม่ว่า ทั้งเค้าและเธอยังเป็นเงาของกันและกันอยู่ตลอดเวลาโดยที่ควายเผือกอย่างดิฉันไม่เคยรับรู้มาก่อน ...
จึงได้ตกลงแต่งกับเขาเพราะตอนนั้นบอกเลยว่าหลงรักผู้ชายคนนี้เต็มๆ
หลังจากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็มาคุยกันและตกลงกันว่าให้มั้นไว้ก่อนเพื่อเป็นการดูว่าจะคบกันยืดมั้ยกลัวประวัติศาสซ้ำรอยมั้งคะอันนี้ดิฉันคิดเอง
แต่เราก็ทำตามโดยไม่มีข้อแม้ เพราะมั่นใจในความรักของเรามาก ผู้ใหญ่หาฤกษให้เราหมั้นกันวันที่8เดือน8ปี2008ระหว่างนั้นเราก็แยกกันอยู่จะคุยและติดต่อกันผ่านmsnไม่ได้เจอกันเลยปีหนึ่งเนื่องจากสามีดิฉันอยู่ตปทค่ะ และก่อนที่เค้าจะกลับไปเราก็เดินสายขอบคุณและไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะญาติสามีที่เป็นถึงอาจารย์เกือบทุกคนและแน่นอนว่าคนรู้จักทั้งจังหวัดค่ะ
(เพราะเป็นจังหวัดเล็กๆค่ะเป็นจ.ที่ได้ขึ้นชื่อเรื่องมีภูเขาทีได้ชื่อว่ามีคู่รักไปพิสุทธ์รักแท้กันมาแล้ว)ขณะที่เรานั่งรถเพื่อจะเดินทางกันนั้น อยู่ๆก็มีสายเข้าโทรศัพย์สามีดิฉัน ดิฉันเห็นหน้าสามีรับโทรศัพย์ตอนนั้นรู้เลยว่าใครโทรมา เขาทำท่าอึกอักและพูดเบามากแทบจะเรียกว่ากระซิบก็ได้ สามีซึ่งเห็นหน้าดิฉันไม่พอใจเลยส่งโทรศัพย์ให้ดิฉันรคุยและ บอกว่า ญ.อยากไปงานแต่งเราด้วย ให้ดิฉันเชิญเอง และบอกว่าตอนนี้เค้าทั้งสองได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ดิฉันก็คุยด้วยดีมากและขอบคุณเค้าด้วยซ้ำที่อุตสาห์มา...
ล่วงเลยมาจนถึงวันแต่งคือวันที่9เดือน8ปี2009 เราจัดงาน2ที่คือช่วงเช้าเป็นพิธีผูกแขนเราจัดแบบล้านนาโดยจัดที่หมูบ้านของดิฉัน งานผ่านไปด่วยดีไม่มีปัญหาอะไร และงานตอนเย็นจัดที่โรงแรมในตัวเมือง ตอนนี้แหละค่ะที่ผู้หญิงชุดดำโผล่มา คือก่อนที่นางจะปรากฏร่างของนาง ได้มีผู้จัดการโรงแรมมากระซิบบอกว่ามีคนแต่งกายไม่เหมาะสมเข้ามาจะให้เข้ามั้ย ดิฉันก็ไม่รู้ว่าใครค่ะก็ให้เข้านะคะ ระหว่างที่ทุกคนกำลังง่วนๆกันอยู่ในงานนางก็เดินเข้ามาในชุดดำลายดอกสีม่วงและมีแม่นางเดินตามตุดมาต้อยๆ ดิฉันตอนนั้นแอบชมนางนะคะว่าสวยจังเลยดิฉันอายเลยถ้าไม่ใช่เจ้าสาววันนี้คงดับแน่ จำได้ว่าตอนนั้นคิดแบบนั้นจิงๆ แต่ระหว่างนั้นดิฉันก็ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาเป็นเสียงของญาติสามีค่ะ เขาพูดกันว่าแต่งมาแบบนี้แต่งมาได้ไงไม่รู้จักกาละเทสะ แม่ก็ไม่ห้ามลูกเลยบลาๆ เท่าที่จำได้นะคะ คือประมานนี้ จนงานผ่านไปด้วยดีเราก็ไปฮันนีมุลกันนิดหน่อยตามเกาะแก่งในไทยนั่นแหละค่ะ..เพื่อรอวีซ่าที่จะออกและจะต้องย้ายมาอยู่กับสามี
จนถึงอาทิตย์สุดทัายวีซ่าผ่านแน่นอนว่าดิฉันจะต้องได้ย้ายตามสามีดิฉันไปอยู่ตปทแน่นอนละ เราก็เก็บกระเป๋าจัดการผูกข้อไม้ข้อมือทำพีธีตามประเพณีนิดหน่อย และตเวรลาญาติของทั้งสอง ซึ่งก็ต้องเดินทางไปที่บ้านของญาติๆสามี..
คือสามีกับแฟนเก่าเค้าอยู่ จ.เดียวกัน ในระหว่างนั้นดิฉันก็นึกอยากทำสวยก่อนไป แหมไปตปททั้งทีก็ขอสวยนิดนึงค่ะ เลยลงไปนั่งทำผมที่ร้านทำผมใกล้ๆรร.ที่พัก ช่างทำผมเค้าเห็นว่าดิฉันแปลกหน้าเลยชวนคุยถามว่าเป็นใครมาจากไหน ดิฉันก็บอกไปว่าเป็นคนทางเหนือโน้นค่ะ แต่เพิ่งมาแต่งงานกับคนทีนี่ พูดได้แค่นี้เลยค่ะ พีช่างทำผมก็พูดสวนขึ้นมาว่า อ่อ ใช่หลานอาจารย์...หรือป่าว ได้ข่าวว่ามีคนแต่งตัวแปลกๆไปงานด้วยนี่ บ้าเน้อคนเราบลาๆๆ...ดิฉันได้ยินแล้วอึ้งเลยค่ะ แปลว่าต้องมีคนรู้เกือบทั้งอำเภอแน่ๆเลยตัดสินในบอกสามีว่าสิ่งที่แฟนเก่าเค้าทำมันไม่ถูกนะ ...
.ขออนุญาตมาต่ออีกแป๊ปนะคะพิมพ์ในโทรศัพย์ค่ะเดี่ยวจะพิมพ์ไว้ให้เยอะๆทีเดียวค่ะ
มาตามหาผู้หญิงชุดดำในงานแต่งเราเมื่อ7ปีที่แล้วค่ะ มีใครรู้จักบ้าง????
ตามหาผู้หญิงชุดดำในงานแต่งของดิฉันเมื่อ7ปีที่แล้วค่ะ...ถึงคุณผู้หญิงที่ใส่ชุดดำไปงานแต่งของดิฉันกับสามีดิฉันเมื่อวันที่9สค.2009 ขอเล่าย้อนกลับไปถึงก่อนหน้านั้นนะคะ จิงๆแล้วดิฉันก็พอรู้จักสาวชุดดำนั้นอยู่บ้างจากการแนะนำของสามีดิฉันค่ะ ว่าเธอคือ แฟนเก่าเขาเอง แต่ได้เลิกลากันไปซักพักแล้ว เนื่องจากว่า ที่บ้านเธอมีกิจการโรงแรมค่ะและแม่ของผู้หญิงเขาไม่ปลื้มสามีดิฉัน เขาบอกว่าสามีดิฉันจน เค้าอยากให้ลูกสาวผู้แสนดีที่เคยผ่านการมีแฟนและมีลูกแล้วแต่ได้ไปทำแท้งออก ได้กับคนรวยหรือนักธุรกิจเหมือนเค้า แต่ธุรกิจโรงแรมของเค้ากำลังมีปัญหาเลยอยากได้คนรวยมาช่วยโอบอุ้มกิจการ .แต่เหมือนตอนนั้นลูกสาวเค้าซึ่งกำลังปลุกต้นรักกับสามีดิฉันอยู่ และดูเหมือนว่าลูกสาวเค้าจะเชื่อบุพการีเค้าด้วย หรืออาจจะเพราะมีแฟนอีกหลายๆคนแอบซ่อนอยู่หรือป่าว(อันนี้สามีมาเล่าให้ฟังทีหลัง )นางชุดดำเลยบอกเลิกสามีดิฉันแบบไม่แยแส ทั้งที่สามีดิฉันกำลังทำแหวนกำลังจะไปขอแต่งงานท่ามกลางเสียงคัดค้านของญาติๆสามีค่ะแต่ก็อย่างว่าความรักเข้าตาอะไรก็ฉุดไม่อยู่สามียอมทะเลาะกับญาติทุกคนที่คัดค้าน จนเค้าหนีร้อนมาเจอเย็นซึ่งคือดิฉันเอง ...ใช่ค่ะดิฉันและสามีเราเจอกันท่ามกลางปัญหาของเขา แต่เขาก็ยินดีเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาให้ดิฉันฟังจนหมดเปลือก ดิฉันตอนนั้นเห็นใจและสงสารมากก็ ทั้งปลอบทั้งจีบขุดหลุมพลางให้สามีมาตกหลุมค่ะ จนในที่สุดเค้าก็บอกว่าลืมแฟนเก่าเค้าได้แล้ว และขอดิฉันแต่งงาน ณ.ตั้งแต่ที่รู้จักกันจนถึงที่เค้าขอแต่งงานก็1ปีกว่าๆค่ะ จนดิฉันก็มั่นใจว่าเค้าลืมอดีตรักน้ำเน่าในเงาจันทร์ของเค้าไปแล้วค่ะ แต่หารู้ไม่ว่า ทั้งเค้าและเธอยังเป็นเงาของกันและกันอยู่ตลอดเวลาโดยที่ควายเผือกอย่างดิฉันไม่เคยรับรู้มาก่อน ...
จึงได้ตกลงแต่งกับเขาเพราะตอนนั้นบอกเลยว่าหลงรักผู้ชายคนนี้เต็มๆ
หลังจากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็มาคุยกันและตกลงกันว่าให้มั้นไว้ก่อนเพื่อเป็นการดูว่าจะคบกันยืดมั้ยกลัวประวัติศาสซ้ำรอยมั้งคะอันนี้ดิฉันคิดเอง
แต่เราก็ทำตามโดยไม่มีข้อแม้ เพราะมั่นใจในความรักของเรามาก ผู้ใหญ่หาฤกษให้เราหมั้นกันวันที่8เดือน8ปี2008ระหว่างนั้นเราก็แยกกันอยู่จะคุยและติดต่อกันผ่านmsnไม่ได้เจอกันเลยปีหนึ่งเนื่องจากสามีดิฉันอยู่ตปทค่ะ และก่อนที่เค้าจะกลับไปเราก็เดินสายขอบคุณและไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะญาติสามีที่เป็นถึงอาจารย์เกือบทุกคนและแน่นอนว่าคนรู้จักทั้งจังหวัดค่ะ
(เพราะเป็นจังหวัดเล็กๆค่ะเป็นจ.ที่ได้ขึ้นชื่อเรื่องมีภูเขาทีได้ชื่อว่ามีคู่รักไปพิสุทธ์รักแท้กันมาแล้ว)ขณะที่เรานั่งรถเพื่อจะเดินทางกันนั้น อยู่ๆก็มีสายเข้าโทรศัพย์สามีดิฉัน ดิฉันเห็นหน้าสามีรับโทรศัพย์ตอนนั้นรู้เลยว่าใครโทรมา เขาทำท่าอึกอักและพูดเบามากแทบจะเรียกว่ากระซิบก็ได้ สามีซึ่งเห็นหน้าดิฉันไม่พอใจเลยส่งโทรศัพย์ให้ดิฉันรคุยและ บอกว่า ญ.อยากไปงานแต่งเราด้วย ให้ดิฉันเชิญเอง และบอกว่าตอนนี้เค้าทั้งสองได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ดิฉันก็คุยด้วยดีมากและขอบคุณเค้าด้วยซ้ำที่อุตสาห์มา...
ล่วงเลยมาจนถึงวันแต่งคือวันที่9เดือน8ปี2009 เราจัดงาน2ที่คือช่วงเช้าเป็นพิธีผูกแขนเราจัดแบบล้านนาโดยจัดที่หมูบ้านของดิฉัน งานผ่านไปด่วยดีไม่มีปัญหาอะไร และงานตอนเย็นจัดที่โรงแรมในตัวเมือง ตอนนี้แหละค่ะที่ผู้หญิงชุดดำโผล่มา คือก่อนที่นางจะปรากฏร่างของนาง ได้มีผู้จัดการโรงแรมมากระซิบบอกว่ามีคนแต่งกายไม่เหมาะสมเข้ามาจะให้เข้ามั้ย ดิฉันก็ไม่รู้ว่าใครค่ะก็ให้เข้านะคะ ระหว่างที่ทุกคนกำลังง่วนๆกันอยู่ในงานนางก็เดินเข้ามาในชุดดำลายดอกสีม่วงและมีแม่นางเดินตามตุดมาต้อยๆ ดิฉันตอนนั้นแอบชมนางนะคะว่าสวยจังเลยดิฉันอายเลยถ้าไม่ใช่เจ้าสาววันนี้คงดับแน่ จำได้ว่าตอนนั้นคิดแบบนั้นจิงๆ แต่ระหว่างนั้นดิฉันก็ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาเป็นเสียงของญาติสามีค่ะ เขาพูดกันว่าแต่งมาแบบนี้แต่งมาได้ไงไม่รู้จักกาละเทสะ แม่ก็ไม่ห้ามลูกเลยบลาๆ เท่าที่จำได้นะคะ คือประมานนี้ จนงานผ่านไปด้วยดีเราก็ไปฮันนีมุลกันนิดหน่อยตามเกาะแก่งในไทยนั่นแหละค่ะ..เพื่อรอวีซ่าที่จะออกและจะต้องย้ายมาอยู่กับสามี
จนถึงอาทิตย์สุดทัายวีซ่าผ่านแน่นอนว่าดิฉันจะต้องได้ย้ายตามสามีดิฉันไปอยู่ตปทแน่นอนละ เราก็เก็บกระเป๋าจัดการผูกข้อไม้ข้อมือทำพีธีตามประเพณีนิดหน่อย และตเวรลาญาติของทั้งสอง ซึ่งก็ต้องเดินทางไปที่บ้านของญาติๆสามี..
คือสามีกับแฟนเก่าเค้าอยู่ จ.เดียวกัน ในระหว่างนั้นดิฉันก็นึกอยากทำสวยก่อนไป แหมไปตปททั้งทีก็ขอสวยนิดนึงค่ะ เลยลงไปนั่งทำผมที่ร้านทำผมใกล้ๆรร.ที่พัก ช่างทำผมเค้าเห็นว่าดิฉันแปลกหน้าเลยชวนคุยถามว่าเป็นใครมาจากไหน ดิฉันก็บอกไปว่าเป็นคนทางเหนือโน้นค่ะ แต่เพิ่งมาแต่งงานกับคนทีนี่ พูดได้แค่นี้เลยค่ะ พีช่างทำผมก็พูดสวนขึ้นมาว่า อ่อ ใช่หลานอาจารย์...หรือป่าว ได้ข่าวว่ามีคนแต่งตัวแปลกๆไปงานด้วยนี่ บ้าเน้อคนเราบลาๆๆ...ดิฉันได้ยินแล้วอึ้งเลยค่ะ แปลว่าต้องมีคนรู้เกือบทั้งอำเภอแน่ๆเลยตัดสินในบอกสามีว่าสิ่งที่แฟนเก่าเค้าทำมันไม่ถูกนะ ...
.ขออนุญาตมาต่ออีกแป๊ปนะคะพิมพ์ในโทรศัพย์ค่ะเดี่ยวจะพิมพ์ไว้ให้เยอะๆทีเดียวค่ะ