อาหารเป็นพิษจนมือเท้าเขียว ไป รพ. หมอบอกว่ามีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ วินิจฉัยว่าน่าจะเป็นธาลัสซีเมีย รบกวนผู้รู้ด้วยค่ะ

ตามหัวข้อกระทู้นะคะ เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวเราเองค่ะ ซึ่งเรายังขาดความรู้ในเรื่องพวกนี้มาก จะพึ่งแต่ข้อมูลในกูเกิ้ลก็สับสน จะปรึกษาหมอโดยตรงก็ลำบากหน่อย เพราะเราใช้สิทธิ์ 30 บาท จะพบหมอแต่ละทีก็นานมาก จึงอยากจะหาข้อมูลจากเพื่อนๆ ที่กำลังเผชิญกับเจ้าโรคนี้อยู่ค่ะ

ก่อนอื่นขอเล่าถึงต้นเหตุของเรื่องนะคะ
เรามีอาการท้องเสียตั้งแต่เช้าวันที่ 7 ส.ค. สังเกตเห็นว่าเท้าตัวเองเขียวแปลกๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไร ด้วยความชะล่าใจ+กับความอ่อนเพลียทำให้เราไม่ได้ไปหาหมอ ก็ท้องเสียอย่างนั้นทั้งวันจนเช้าวันที่ 8 (ไม่ได้นอนเลย) คราวนี้มือเราเริ่มเขียวคล้ำ เท้ายิ่งหนักเลย เขียวเหมือนศพ ทาบหน้าอกตัวเองไม่ได้ยินเสียงหัวใจเต้น ปกติมันจะตึกๆ ตลอด แต่นี่ไม่ได้ยินแสดงว่ามันแผ่วมาก เราก็ใจคอไม่ดีรีบบอกให้แฟนพาไปคลินิค(บัตรทอง) ไปถึงคลินิกก็ชั่งน้ำหนักปกติ พอยกมือให้พยาบาลดูว่าท้องเสียจนมือเขียวเท้าเขียว พยาบาลก็รีบลัดคิวให้เราพบหมอคนแรกเลย หมอก็ใช้เครื่องวัดเสียบที่ปลายนิ้วเรา แล้วก็บอกให้รีบส่งตัวไปโรงพยาบาลทันที

เมื่อถึงโรงพยาบาล เราเดินไม่ไหวแล้วต้องนั่งวิลแชร์ก็โดนซักประวัติตามปกติ พยาบาลเห็นตัวเราซีดมาก หน้าซีด ตาซีด มือเขียว เท้าเขียว จึงให้เราเป็นคนไข้เร่งด่วน ได้ลัดทุกคิวเช่นเดิม เราได้เข้าไปตรวจกับหมอเสร็จก็ส่งเราไปเจาะเลือด ไม่กี่ชั่วโมงผลเลือดก็ออกมา หมอบอกว่าเกล็ดเลือดเราต่ำมาก(ตอนนั้นไม่รู้ว่าเท่าไหร่) หมอบอกว่าลักษณะของเม็ดเลือดเหมือนเป็นธาลัสซีเมีย เราก็ถามหมอกลับว่าร้ายแรงไหม? เราเคยท้องมาแล้วแต่ไม่เคยตรวจเจอ หมอก็บอกว่าถ้าอยู่มาได้ป่านนี้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก แล้วหมอก็ให้เรานอน รพ. 1 คืน ให้เลือด 1 ถุง น้ำเกลือ 2 ขวด

ระหว่างนอน รพ. อาการท้องเสียทุเลาลงแล้ว แต่มือเท้ายังเขียวอยู่ และมีอาการหน้ามืด เหนื่อยหอบบ่อยๆ เช้าวันที่ 9 พยาบาลมาเจาะเลือดที่ปลายนิ้วไปตรวจอีกครั้ง สักพักมีหมอ(อีกคน)เดินมาตรวจเรา คำแรกที่ถามเราคือ ตัวซีดขนาดนี้มีอาการหน้ามืดบ้างไหม? (เราตอบมีค่ะ) จากนั้นพยาบาลเอาผลเลือดมาให้ หมอบอกว่าเกล็ดเลือดเรายังไม่เพิ่มขึ้นเลย เกล็ดเลือดเราอยู่ที่ 25 จากที่ผู้หญิงปกติ 36 (อันนี้เราก็ไม่ค่อยเข้าใจ) เราก็ถามหมอว่าแล้วแบบนี้ต้องทำยังไง หมอบอกว่าสงสัยต้องให้เลือดเพิ่ม เพราะให้มา 1 ถุงแล้วยังไม่เพิ่มเลย เราก็ถามว่าเราเป็นอะไร เป็นธาลัสซีเมียจริงๆ เหรอ? หมอก็บอกว่าจากเม็ดเลือดแล้วน่าจะใช่ เราก็ถามว่าแล้วต้องทำยังไง หมอบอกว่าต้องพยายามอย่าให้เกล็ดเลือดต่ำกว่านี้เพราะมันอันตราย แต่คงต้องรอหมอใหญ่มาก่อน

หลังจากนั้นหลายชั่วโมงหมอใหญ่(คนที่ให้เรานอน รพ.)มาตรวจ หมอถามเราว่ายังท้องเสียอยู่ไหม(ไม่ค่ะ) ยังเหนื่อยมั้ย(เหนื่อย) หน้ามืดมั้ย (ค่ะ) แล้วพยาบาลก็แจ้งว่าเกล็ดเลือดเรายังไม่ขึ้น ยัง 25 อยู่จะให้เลือดเพิ่มไหม ขณะที่พยาบาลอีกคนกำลังเอาน้ำเกลือมาจะเปลี่ยนให้ใหม่(อันเก่าจะหมด) หมอกลับบอกว่าให้กลับบ้านได้เลย หมอคิดว่าเราเป็นธาลัสซีเมียเพราะฮีโมโกลบินทำงานผิดปกติ มีการแตกเร็วมาก แต่ให้กลับเลยแล้วกัน

ตอนนั้นเรางงมาก คิดในใจแต่ไม่กล้าถามว่า เอ๊ะ นี่เราหายแล้วเหรอ? โรคนี้มันไม่ร้ายแรงใช่ไหม? ยอมรับตรงๆ ว่าเราไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้เลย แล้วเราก็ไม่รุ้ว่าคนที่เป็นโรคนี้ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ตอนนั้นเตียงคนไข้เต็ม เราแอบคิดว่าหมอต้อการจะเคลียร์เตียงหรือเปล่า(แอบได้ยินว่าคนไข้เตียงข้างๆ ที่เพิ่งผ่าตัดไส้ติ่งได้ไม่กี่วันโดนให้กลับบ้านเหมือนกัน)

แฟนเราไปรับยาแล้วพาเรากลับบ้าน ยาที่ได้มาตอนแรกนึกว่าจะเป็นพวกยาบำรุงเลือด แต่พอเปิดถุงกลับมีแค่ยาพาราเซตามอล 1 ห่อ กับ ยาแก้จุกแน่น 1 ห่อ ซึ่งเรามึนมาก สรุปไอ้โรคธาลัสซีเมียที่หมอสงสัยว่าเราเป็น กับอาการตัวซีด ตาเหลือง มือเท้าเขียวของเราเนี้ยมันไม่ได้ร้ายแรง ไม่จำเป็นต้องรักษาใช่ไหม? เรายังได้ยินหมอพูดกับพยาบาลว่า ตอนแรกคิดว่าคนไข้เป็นขั้น 3 แต่นี่ 4+ แล้ว (มันคืออะไรอ่ะ??)

เราก็มาหาข้อมูลในกูเกิ้ลรัวๆ เลย แล้วพบว่าอาการของเรามันเข้าข่าย 2 โรค ก็คือ โลหิตจาง กับ ธาลัสซีเมีย ซึ่งทั้งสองโรคนี้(ข้อมูลในเน็ต) ระบุคร่าวๆ ตามที่เราเข้าใจคือ...
โลหิตจางคือโรคที่ขาดธาตุเหล็ก ต้องกินอาหารเสริมธาตุเหล็ก(เข้าใจไม่ถูกต้องรบกวนแนะนำด้วยนะคะ เราไม่รู้จริงๆ) กินยาบำรุงเลือด และกินพวกผักผลไม้บำรุงร่างกายเยอะๆ
โรคธาลัสซีเมีย(เกิดจากพันธุกรรม) มีแบ่งเป็นโรคและพาหะ(จากที่อ่านเราคงเป็นพาหะ เพราะใช้ชีวิตปกติมาจนทุกวันนี้แล้ว) โรคนี้ถ้าเป็นหนักๆ คือต้องรับการให้เลือดบ่อยๆ ทำให้ร่างกายสะสมธาตุเหล็กเยอะ ต้องทานโฟลิทและเสริมโปรตีนเยอะๆ เลี่ยงการเพิ่มธาตุเหล็กให้กับตัวเอง(เพราะต้องรับเลือดบ่อยๆ)

เราจึงมีข้อสงสัยอยากจะทราบว่า 2 โรคนี้อาการเหมือนกันคือ ตัวซีด เลือดจาง แต่มันต่างตรงที่การทานของเสริมนี่แหละ ระหว่างเพิ่มธาตุเหล็กกับเลี่ยงธาตุเหล็ก เราจึงอยากจะรู้ว่าคนที่กำลังเผชิญกับทั้งสองโรคนี้อยู่มีการดูแลตัวเองยังไงบ้างคะ และสิ่งที่เราเข้าใจมันถูกต้องมั้ย?

ส่วนเรื่องไปตรวจเลือดตัวเองให้แน่ชัด เราจะกลับไปหาหมอคนเดิมอีกครั้งค่ะ จะไปก่อนวันนัดด้วย เพราะอยากจะทราบผลจริงจังเลยว่าเราเป็นอะไรกันแน่ เราจะได้มีการดูแลรักษาตัวเองถูกค่ะ เพราะจากที่เราอ่านมาตอนนี้ที่เรากำลังเป็นอยู่มันเสี่ยงต่อการช๊อค ถ้าเราเป็นไข้ หรือมีอาการติดเชื้อใดๆ ขึ้นมาอีก เกล็ดเลือดเราจะแตกเร็วแล้วตัวเราจะซีดกว่าเดิมซึ่งเราอาจช๊อคและเสียชีวิตได้ เราจึงกลัวๆ และพยายามดูแลตัวเอง แต่เราก็ไม่กล้าทานอะไรมาก เพราะยังไม่แน่ชัดว่าเราเป็นโรคไหนกันแน่

รบกวนผู้ที่กำลังเผชิญโรคนี้อยู่หรือมีความรู้ที่ถูกต้องช่วยชี้แจงเราด้วยนะคะ อย่าด่าหรือรำคาญเราเลยค่ะ เราปรับตัวไม่ถูกจริงๆ ขอบคุณทุกคอมเม้นด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่