จากตอนบ่ายวันนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ประกาศผู้ที่ชนะการประมูลทำเสื้อทีมชาติไทย
คือ "บริษัทวาริกซ์ สปอร์ต จํากัด" โดยผลตอบแทนที่เสนอให้แก่ สมาคมฯ เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 400 ล้านบาท
แบ่งเป็นปีละ 100 ล้านบาท (เงินสด 40 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ 60 ล้านบาท)วงเงินรวมทั้งสิ้น 400 ล้านบาท ...นั้น
Warrix เป็นใครมาจากไหน
ลองอ่านบทความ ก่อนจะมีวันนี้ของ Warrix กันครับ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449488084
"ตอนที่ธุรกิจมีปัญหา บ้านถูกธนาคารยึด ก็ตั้งใจกับตัวเองว่าก่อนอายุ 30 ปี
จะต้องมีให้มากกว่าที่พ่อเรามีในจุดสูงสุดของชีวิต
แล้วถ้าเราเลือกเรียน 3 คณะนั้น ความฝันเราไปไม่ถึงแน่ ทางเดียวคือต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ
เลยเอ็นทรานซ์เข้าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"
"เริ่มทำธุรกิจ ก็ไปเช่าห้องแถวเล็กๆ ไม่กี่พันบาท ซื้อจักรเย็บผ้า 3 ตัว
ติดต่อโรงทอผ้าที่กำลังจะปิดกิจการว่าอย่าเพิ่งปิดเครื่องจักร ช่วยทำให้อย่างที่เราต้องการ"
นอกจากนี้
"เรายังมีการเจรจาในพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ และเจลีกของประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งสัญญาเหล่านี้จะเกิดขึ้นในปี 2017
เรามีเป้าหมายที่จะเป็นแบรนด์คนไทยที่โกอินเตอร์
เพราะไม่เคยมีแบรนด์คนไทยที่อยู่ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ และของญี่ปุ่นมาก่อน"
ส่วนตัว ผมชอบทัศนคติที่ดี ของผู้บริหารของ วาริกซ์ นะครับ
ที่มุ่งมั่นจะขยายจากแบนด์ระดับชาติเป็นแบนด์ระดับโลก
และการจะไปในระดับโลก บันไดขั้นแรกต้องเป็นอันดับต้นของประเทศและการเข้ามาสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไทย
ถือว่าเป็นเพียงบันไดก้าวแรกในระดับอินเตอร์
เอาใจช่วย
จากมือเปล่า สู่ พันล้าน --> มาทำความรู้จัก แบรนด์ Warrix ที่ชนะประมูลทำเสื้อฟุตบอล ให้ทีมชาติไทย กัน
คือ "บริษัทวาริกซ์ สปอร์ต จํากัด" โดยผลตอบแทนที่เสนอให้แก่ สมาคมฯ เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 400 ล้านบาท
แบ่งเป็นปีละ 100 ล้านบาท (เงินสด 40 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ 60 ล้านบาท)วงเงินรวมทั้งสิ้น 400 ล้านบาท ...นั้น
Warrix เป็นใครมาจากไหน
ลองอ่านบทความ ก่อนจะมีวันนี้ของ Warrix กันครับ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449488084
"ตอนที่ธุรกิจมีปัญหา บ้านถูกธนาคารยึด ก็ตั้งใจกับตัวเองว่าก่อนอายุ 30 ปี
จะต้องมีให้มากกว่าที่พ่อเรามีในจุดสูงสุดของชีวิต
แล้วถ้าเราเลือกเรียน 3 คณะนั้น ความฝันเราไปไม่ถึงแน่ ทางเดียวคือต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ
เลยเอ็นทรานซ์เข้าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"
"เริ่มทำธุรกิจ ก็ไปเช่าห้องแถวเล็กๆ ไม่กี่พันบาท ซื้อจักรเย็บผ้า 3 ตัว
ติดต่อโรงทอผ้าที่กำลังจะปิดกิจการว่าอย่าเพิ่งปิดเครื่องจักร ช่วยทำให้อย่างที่เราต้องการ"
นอกจากนี้ "เรายังมีการเจรจาในพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ และเจลีกของประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งสัญญาเหล่านี้จะเกิดขึ้นในปี 2017
เรามีเป้าหมายที่จะเป็นแบรนด์คนไทยที่โกอินเตอร์
เพราะไม่เคยมีแบรนด์คนไทยที่อยู่ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ และของญี่ปุ่นมาก่อน"
ส่วนตัว ผมชอบทัศนคติที่ดี ของผู้บริหารของ วาริกซ์ นะครับ
ที่มุ่งมั่นจะขยายจากแบนด์ระดับชาติเป็นแบนด์ระดับโลก
และการจะไปในระดับโลก บันไดขั้นแรกต้องเป็นอันดับต้นของประเทศและการเข้ามาสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไทย
ถือว่าเป็นเพียงบันไดก้าวแรกในระดับอินเตอร์
เอาใจช่วย