เมนสแตนด์ ที่รอมานาน จะเพิ่มขนาดของแอนฟิลด์เป็น 54000 ที่นั่ง และโดดเด่นตลอดแนวเส้นขอบฟ้าจากถนนโอ้คฟิลด์
สิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ที่เพิ่มเข้ามาแก่บ้านของสโมสรลิเวอร์พูล
การก่อสร้างในช่วง 20 เดือนที่ผ่านมา แคริลเลียน ได้ใช้เหล็กไป 5000 ตันและอิฐอีก 1.8 ล้านก้อน เพื่อเตรียมเมนสแตนด์ให้พร้อมกับการเปิดตัว
กลุ่มผู้บริหารจาก FSG จะเข้าร่วมงานเปิดตัวในวันศุกร์ตามด้วยการเปิดสนามต้อนรับเกมเหย้าแรกของฤดูกาลกับแชมป์เก่าอย่างเลสเตอร์ซิตี้
ความจุที่เพิ่มขึ้นอีก 8500 ที่นั่งจะทำให้ความจุรวมสูงถึง 54000 คน และจะเป็นสถิติผู้เข้าชมสูงสุดใหม่ของสโมสรในรอบ 40 ปี
เมนสแตนด์เองจะจุผู้ชม 20,500 คน ทำให้มันเป็นหนึ่งในสแตนด์เดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และพาแอนด์ฟิลด์เข้าสูงศตวรรษที่ 21
การรอคอย 17 ปี...
มันเป็นการเดินทางอันยาวไกลเพื่อมาถึงจุดๆนี้ - นิทานของความหวังอันหลอกลวง และคำสัญญาที่ถูกฉีกทิ้งในช่วงสองทศวรรษ
ในปี 1999 เมื่อประธานสโมสรอย่างเดวิด มัวส์ พูดถึงการอัพเกรดแอนฟิลด์หรือการสร้างสนามใหม่ บรรดาแฟนๆล้วนมีความเห็นแตกต่าง แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นร่วมกันคือ เราจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงและไม่สามารถรักษาสถานะเดิมๆไว้ได้
หลังประเมินทางเลือกทั้งหมดโดย CEO ริคแพร์รี่ ลิเวอร์พูลสรุปว่า การขยายสนามในปี 2002 นั้นมีปัญหามากเกินไป และตัดสินใจขออนุญาตเพื่อสร้างสนามใหม่ในสแตนเลย์พาร์ค การตัดสินใจในครั้งนั้นเกิดจากการรู้ถึงขีดจำกัดทางการเงินว่าสโมสรไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ และอยู่ในอันตรายว่าจะโดนทิ้งห่าง
และด้วยความที่ไม่สามารถสนับสนุนทางการเงินได้นี่เอง ทำไปสู่การตัดสินใจขายสโมสรในปี 2007 และทำให้สโมสรเสียหายและตกต่ำในช่วงเถลิงบัลลังค์ของทอม ฮิค และ จอร์จ ยิลเลต ทั้งสองคนซื้อสโมสรในเดือนกุมภาพันธ์ 2007 ด้วยมูลค่า 218 ล้านปอนด์
สองอเมริกันพูดว่า "จะปักเสาเข็มในหกสิบวัน" และปล่อยแบบร่างของสนามใหม่ขนาด 73000 ที่นั่ง แต่มันไม่ได้เกิดขึ้น ลิเวอร์พูลกลับพบบิลค่าออกแบบมูลค่า 59 ล้านปอนด์ ที่ละลายหายไปกับสายน้ำ
สิ่งเหล่านี้จะต่างไปไหมนะ? ถ้าDubai International Capital ซื้อทีมสำเร็จก่อนฮิค และ ยิลเล็ต?
ทีมรับข้อเสนอของ DIC ในเดือนธันวาคม 2006 มัวส์และริคแพร์รี่ ได้มีการเจรจาเกี่ยวกับการสั่งเหล็กมูลค่าสิบล้านปอนด์ สโมสรตื่นเต้นเกี่ยวกับการสร้างสนามใหม่ที่จะเสร็จสิ้นพร้อมใช้ในปี 2009
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเงินมากมายแต่ DIC ลากยาว ตรวจสอบบัญชีไม่จบไม่สิ้น และในเดือนมกราคมความอดทนของมัวส์ก็สิ้นสุด พอดีเวลากับยิลเล็ต หอบเงินและฮิค ในฐานะผู้ร่วมหุ้นมาเสนออีกครั้ง และครั้งนี้ พวกเขาปิดดีลสำเร็จ
จาก H&G ถึง FSG
หลังการเทคโอเวอร์ ฮิคยืนกรานให้แผนสร้างสนามที่ผ่านการอนุมัติไปแล้วต้องถูกโยนทิ้ง แล้วออกแบบและขออนุญาติใหม่ แต่ความล่าช้าก็เกิดขึ้นในทุกช่วงเวลาเมื่อพวกเขาไม่สามารถทำได้ตามสัญญา และในที่สุดความช่วยเหลือจาก EU ที่เคยขอไว้สำหรับโครงการสนามก็ถูกตัดทิ้ง
ฮิคและยิลเลตโทษว่าปัญหาเครดิตครั้นซ์(แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส) เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไม่สามารถหาเงินอีก 400 ล้านมาได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ถมหนี้กองแล้วกองเล่าทับลงบนสโมสรบนฐานของเงินที่กู้มาเพื่อซื้อสโมสรนั่นเอง
และจากวันที่ FSG ซื้อลิเวอร์พูลในเดือนตุลาคม 2010 พวกเขาก็โดนกดดันอย่างหนัก เพื่อปิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ลงให้ได้
เจ้าของ จอร์น เฮนรี่ และประธาน อย่างทอมเวอร์เนอร์ ปฏิเสธที่จะรับรองผลการศึกษาเดิมๆที่อาจเป็นหลุมพรางในการตัดสินใจระหว่างสร้างสนามใหม่หรือพลิกฟื้นแอนฟิลด์
ทางเลือกหลังนั้นดูจะเข้าท่ากว่า เพียงเดือนเดียวหลังเทคโอเวอร์ เฮนรี่ พูดเมื่อเข้าเยี่ยมชมแอนฟิลด์ว่า "เดอะค็อปนั้นไม่มีทีติ บรรยากาศก็ด้วย ผมแปลกใจเรื่องสนามใหม่ เราสร้างบรรยากาศแบบนี้ขึ้นที่อื่นไม่ได้"
นอกจากนั้นการจ่ายเงินอีก 300 ล้านสำหรับสนาม 60000 ที่นั่งในสแตนเลห์พาร์ค ก็ดูไม่เข้าท่าเลยในทางการเงิน
นั่นเป็นราคาที่แพงมาก สำหรับที่นั่งที่เพิ่มขึ้นเพียง 15000 ที่นั่ง ดอกเบี้ยเงินกู้ ที่ FSG ต้องจ่ายจะมีผลกระทบต่อการเสริมทัพผู้เล่น
เฮนรี่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับตอนที่ FSG ซื้อ บอสตันเรดซอกซ์ ในปี 2002
เช่นเดียวกับลิเวอร์พูล พวกเขามีแผนขยายสนาม และใช้เวลาวางแผนไปสามปี ก่อนที่ในปี 2005 จะประกาศว่าพวกเขาไม่ย้าย และจะปรับปรุงเฟนเวย์พาร์คแทน แผนพัฒนามูลค่า 300 ล้านดอลลาห์ เริ่มขึ้น และรวมประวัติศาสตร์ ประเพณี เข้ากับ สถาปัตยกรรมยุคใหม่
แต่การทำแบบเดียวกันในแอนฟิลด์นั้นยากกว่ามาก
เฮนรี่ยอมรับในปี 2011 ว่าแผนฟื้นฟูนั้น "มีปัญหามาก และอุปสรรคเยอะเหลือเกิน"
แผนขยายสนามถูกขวางด้วย "สิทธิที่จะได้รับแสง" ของเจ้าของบ้านรอบๆ นอกจากนั้นสนามก็จะมีขนาดที่ลดลง ทำให้มีรายได้ลดลงในระหว่างนั้นอีกด้วย
แต่ในที่สุดด้วยความร่วมมือจากชุมชนท้องถิ่น สภาเมือง และ ยัวเฮ้าซิ่งกรุ๊ป ก็หาทางออกจนได้
2,863 วันต่อมา....
ในวันครบรอบสองปีนับจาก FSG ช่วงชิงสโมสรมาได้จากคำสั่งของศาล FSG ประกาศว่าแผนพัฒนาแอนฟิลด์ได้เริ่มขึ้นแล้ว ที่จะต่อเติมเมนสแตนด์ และ แอนฟิลด์โร้ดเอนด์
และในที่สุด ธันวาคม 2014 2863 วันนับจากวันที่ยิลเลตเคยประกาศว่า จะตอกเสาเข็มในสแตนลีห์พาร์ค แคริลเลียนก็เริ่มงานขึ้น
ตลอดปี 2015 โครงเหล็กถูกสร้างขึ้นด้านหลังเมนสแตนด์เดิม และในเดือนพฤษภาคม ทีมรื้อย้ายเข้าเริ่มงาน ความคืบหน้าเป็นไปตามลำดับในรอบสี่เดือนที่ผ่านมาเตรียมความพร้อมเพื่อสัปดาห์นี้
ทีมต้องใช้ห้องแต่งตัวชั่วคราวไปจนกว่างานทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงคริสต์มาส
เฟสแรก เมนสแตนด์ถูกสร้างด้วยเงินยืมจากเจ้าของมูลค่า 115 ล้านปอนด์โดยไม่คิดดอกเบี้ย รายได้จากที่นั่งใหม่จะคืนทุนก้อนนี้ในเวลา 5-6 ปี แผนการขยายเฟสสอง ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา หากมันได้รับอนุมัติ ที่นั่งรวมจะพุ่งไปเกือบๆ 60000 ที่นั่ง
ทั้งในแง่การเงินและอารมณ์ การฟื้นฟูแอนฟิลด์เป็นทางเลือกที่ถุกต้อง และมันยังจบความหงุดหงิดและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับโครงการฟื้นฟูมูลค่า 260 ล้านลงอีกด้วย
FSG สัญญาว่าจะหาทางออกให้ปัญหาสนามเมื่อเขาซื้อสโมสรหกปีที่ผ่านมา และพิสูจน์วันนี้แล้วว่าสามารถรักษาสัญญาได้ และนี่จะเป็นอีกหนึ่งคืนที่ยากจะลืมเลือนในประวัติศาสตร์ของสโมสร
เจอร์เก้น คล็อป นำชีวิตชีวา มาสู่สโมสรเมื่อเขาย่างเท้าเข้ามาเมื่อปีก่อน และ 8500 คนที่เพิ่มขึ้นจะมอบพลังให้เขาเช่นกัน
This is Anfield - but bigger and better.
แปลจาก
http://www.liverpoolecho.co.uk/sport/football/football-news/liverpool-anfield-stadium-main-stand-11851655
นิทานของความฝันและสัญญาที่แหว่งวิ่น ปัญหาสนามแอนฟิลด์จบลงอย่างไร
สิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ที่เพิ่มเข้ามาแก่บ้านของสโมสรลิเวอร์พูล
การก่อสร้างในช่วง 20 เดือนที่ผ่านมา แคริลเลียน ได้ใช้เหล็กไป 5000 ตันและอิฐอีก 1.8 ล้านก้อน เพื่อเตรียมเมนสแตนด์ให้พร้อมกับการเปิดตัว
กลุ่มผู้บริหารจาก FSG จะเข้าร่วมงานเปิดตัวในวันศุกร์ตามด้วยการเปิดสนามต้อนรับเกมเหย้าแรกของฤดูกาลกับแชมป์เก่าอย่างเลสเตอร์ซิตี้
ความจุที่เพิ่มขึ้นอีก 8500 ที่นั่งจะทำให้ความจุรวมสูงถึง 54000 คน และจะเป็นสถิติผู้เข้าชมสูงสุดใหม่ของสโมสรในรอบ 40 ปี
เมนสแตนด์เองจะจุผู้ชม 20,500 คน ทำให้มันเป็นหนึ่งในสแตนด์เดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และพาแอนด์ฟิลด์เข้าสูงศตวรรษที่ 21
การรอคอย 17 ปี...
มันเป็นการเดินทางอันยาวไกลเพื่อมาถึงจุดๆนี้ - นิทานของความหวังอันหลอกลวง และคำสัญญาที่ถูกฉีกทิ้งในช่วงสองทศวรรษ
ในปี 1999 เมื่อประธานสโมสรอย่างเดวิด มัวส์ พูดถึงการอัพเกรดแอนฟิลด์หรือการสร้างสนามใหม่ บรรดาแฟนๆล้วนมีความเห็นแตกต่าง แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นร่วมกันคือ เราจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงและไม่สามารถรักษาสถานะเดิมๆไว้ได้
หลังประเมินทางเลือกทั้งหมดโดย CEO ริคแพร์รี่ ลิเวอร์พูลสรุปว่า การขยายสนามในปี 2002 นั้นมีปัญหามากเกินไป และตัดสินใจขออนุญาตเพื่อสร้างสนามใหม่ในสแตนเลย์พาร์ค การตัดสินใจในครั้งนั้นเกิดจากการรู้ถึงขีดจำกัดทางการเงินว่าสโมสรไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ และอยู่ในอันตรายว่าจะโดนทิ้งห่าง
และด้วยความที่ไม่สามารถสนับสนุนทางการเงินได้นี่เอง ทำไปสู่การตัดสินใจขายสโมสรในปี 2007 และทำให้สโมสรเสียหายและตกต่ำในช่วงเถลิงบัลลังค์ของทอม ฮิค และ จอร์จ ยิลเลต ทั้งสองคนซื้อสโมสรในเดือนกุมภาพันธ์ 2007 ด้วยมูลค่า 218 ล้านปอนด์
สองอเมริกันพูดว่า "จะปักเสาเข็มในหกสิบวัน" และปล่อยแบบร่างของสนามใหม่ขนาด 73000 ที่นั่ง แต่มันไม่ได้เกิดขึ้น ลิเวอร์พูลกลับพบบิลค่าออกแบบมูลค่า 59 ล้านปอนด์ ที่ละลายหายไปกับสายน้ำ
สิ่งเหล่านี้จะต่างไปไหมนะ? ถ้าDubai International Capital ซื้อทีมสำเร็จก่อนฮิค และ ยิลเล็ต?
ทีมรับข้อเสนอของ DIC ในเดือนธันวาคม 2006 มัวส์และริคแพร์รี่ ได้มีการเจรจาเกี่ยวกับการสั่งเหล็กมูลค่าสิบล้านปอนด์ สโมสรตื่นเต้นเกี่ยวกับการสร้างสนามใหม่ที่จะเสร็จสิ้นพร้อมใช้ในปี 2009
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเงินมากมายแต่ DIC ลากยาว ตรวจสอบบัญชีไม่จบไม่สิ้น และในเดือนมกราคมความอดทนของมัวส์ก็สิ้นสุด พอดีเวลากับยิลเล็ต หอบเงินและฮิค ในฐานะผู้ร่วมหุ้นมาเสนออีกครั้ง และครั้งนี้ พวกเขาปิดดีลสำเร็จ
จาก H&G ถึง FSG
หลังการเทคโอเวอร์ ฮิคยืนกรานให้แผนสร้างสนามที่ผ่านการอนุมัติไปแล้วต้องถูกโยนทิ้ง แล้วออกแบบและขออนุญาติใหม่ แต่ความล่าช้าก็เกิดขึ้นในทุกช่วงเวลาเมื่อพวกเขาไม่สามารถทำได้ตามสัญญา และในที่สุดความช่วยเหลือจาก EU ที่เคยขอไว้สำหรับโครงการสนามก็ถูกตัดทิ้ง
ฮิคและยิลเลตโทษว่าปัญหาเครดิตครั้นซ์(แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส) เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไม่สามารถหาเงินอีก 400 ล้านมาได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ถมหนี้กองแล้วกองเล่าทับลงบนสโมสรบนฐานของเงินที่กู้มาเพื่อซื้อสโมสรนั่นเอง
และจากวันที่ FSG ซื้อลิเวอร์พูลในเดือนตุลาคม 2010 พวกเขาก็โดนกดดันอย่างหนัก เพื่อปิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ลงให้ได้
เจ้าของ จอร์น เฮนรี่ และประธาน อย่างทอมเวอร์เนอร์ ปฏิเสธที่จะรับรองผลการศึกษาเดิมๆที่อาจเป็นหลุมพรางในการตัดสินใจระหว่างสร้างสนามใหม่หรือพลิกฟื้นแอนฟิลด์
ทางเลือกหลังนั้นดูจะเข้าท่ากว่า เพียงเดือนเดียวหลังเทคโอเวอร์ เฮนรี่ พูดเมื่อเข้าเยี่ยมชมแอนฟิลด์ว่า "เดอะค็อปนั้นไม่มีทีติ บรรยากาศก็ด้วย ผมแปลกใจเรื่องสนามใหม่ เราสร้างบรรยากาศแบบนี้ขึ้นที่อื่นไม่ได้"
นอกจากนั้นการจ่ายเงินอีก 300 ล้านสำหรับสนาม 60000 ที่นั่งในสแตนเลห์พาร์ค ก็ดูไม่เข้าท่าเลยในทางการเงิน
นั่นเป็นราคาที่แพงมาก สำหรับที่นั่งที่เพิ่มขึ้นเพียง 15000 ที่นั่ง ดอกเบี้ยเงินกู้ ที่ FSG ต้องจ่ายจะมีผลกระทบต่อการเสริมทัพผู้เล่น
เฮนรี่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับตอนที่ FSG ซื้อ บอสตันเรดซอกซ์ ในปี 2002
เช่นเดียวกับลิเวอร์พูล พวกเขามีแผนขยายสนาม และใช้เวลาวางแผนไปสามปี ก่อนที่ในปี 2005 จะประกาศว่าพวกเขาไม่ย้าย และจะปรับปรุงเฟนเวย์พาร์คแทน แผนพัฒนามูลค่า 300 ล้านดอลลาห์ เริ่มขึ้น และรวมประวัติศาสตร์ ประเพณี เข้ากับ สถาปัตยกรรมยุคใหม่
แต่การทำแบบเดียวกันในแอนฟิลด์นั้นยากกว่ามาก
เฮนรี่ยอมรับในปี 2011 ว่าแผนฟื้นฟูนั้น "มีปัญหามาก และอุปสรรคเยอะเหลือเกิน"
แผนขยายสนามถูกขวางด้วย "สิทธิที่จะได้รับแสง" ของเจ้าของบ้านรอบๆ นอกจากนั้นสนามก็จะมีขนาดที่ลดลง ทำให้มีรายได้ลดลงในระหว่างนั้นอีกด้วย
แต่ในที่สุดด้วยความร่วมมือจากชุมชนท้องถิ่น สภาเมือง และ ยัวเฮ้าซิ่งกรุ๊ป ก็หาทางออกจนได้
2,863 วันต่อมา....
ในวันครบรอบสองปีนับจาก FSG ช่วงชิงสโมสรมาได้จากคำสั่งของศาล FSG ประกาศว่าแผนพัฒนาแอนฟิลด์ได้เริ่มขึ้นแล้ว ที่จะต่อเติมเมนสแตนด์ และ แอนฟิลด์โร้ดเอนด์
และในที่สุด ธันวาคม 2014 2863 วันนับจากวันที่ยิลเลตเคยประกาศว่า จะตอกเสาเข็มในสแตนลีห์พาร์ค แคริลเลียนก็เริ่มงานขึ้น
ตลอดปี 2015 โครงเหล็กถูกสร้างขึ้นด้านหลังเมนสแตนด์เดิม และในเดือนพฤษภาคม ทีมรื้อย้ายเข้าเริ่มงาน ความคืบหน้าเป็นไปตามลำดับในรอบสี่เดือนที่ผ่านมาเตรียมความพร้อมเพื่อสัปดาห์นี้
ทีมต้องใช้ห้องแต่งตัวชั่วคราวไปจนกว่างานทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงคริสต์มาส
เฟสแรก เมนสแตนด์ถูกสร้างด้วยเงินยืมจากเจ้าของมูลค่า 115 ล้านปอนด์โดยไม่คิดดอกเบี้ย รายได้จากที่นั่งใหม่จะคืนทุนก้อนนี้ในเวลา 5-6 ปี แผนการขยายเฟสสอง ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา หากมันได้รับอนุมัติ ที่นั่งรวมจะพุ่งไปเกือบๆ 60000 ที่นั่ง
ทั้งในแง่การเงินและอารมณ์ การฟื้นฟูแอนฟิลด์เป็นทางเลือกที่ถุกต้อง และมันยังจบความหงุดหงิดและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับโครงการฟื้นฟูมูลค่า 260 ล้านลงอีกด้วย
FSG สัญญาว่าจะหาทางออกให้ปัญหาสนามเมื่อเขาซื้อสโมสรหกปีที่ผ่านมา และพิสูจน์วันนี้แล้วว่าสามารถรักษาสัญญาได้ และนี่จะเป็นอีกหนึ่งคืนที่ยากจะลืมเลือนในประวัติศาสตร์ของสโมสร
เจอร์เก้น คล็อป นำชีวิตชีวา มาสู่สโมสรเมื่อเขาย่างเท้าเข้ามาเมื่อปีก่อน และ 8500 คนที่เพิ่มขึ้นจะมอบพลังให้เขาเช่นกัน
This is Anfield - but bigger and better.
แปลจาก http://www.liverpoolecho.co.uk/sport/football/football-news/liverpool-anfield-stadium-main-stand-11851655