เพราะว่า เพลง Bohemian Rhapsody ของวง Queen กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยเข้ามาไต่ชาร์ตเพลงอีกเป็นรอบที่ 4 จากเวอร์ชั่นคัฟเวอร์ของวงร็อคสัญชาติอเมริกัน Panic! At The Disco ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์ Suicide Squad เราเลยอยากจะมาพูดถึงความยิ่งใหญ่ของวง Queen ผ่านเรื่องราวของเพลง Bohemian Rhapsody กันสักหน่อย อยากให้ทุกคนได้อินกับเพลงก่อนจะไปพบกับคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทยของวง Queen สิ้นเดือนนี้ (กว่าจะมา แต่ก็ยังดีกว่าไม่มา) ใครมีอะไรเสริมเชิญเลยนะฮะ!!
เพลง Bohemian Rhapsody ฉบับต้นตำหรับของวง Queen ปล่อยออกมาครั้งแรกในปี 1976 และขึ้นสู่อันดับ 9 บิลบอร์ดชาร์ต ก่อนจะกลับมาสร้างสถิติใหม่อีกครั้งในปี 1992 โดยขึ้นสู่อันดับที่ 2 เมื่อถูกนำมาใช้ประกอบภาพยนตร์ Wayne's World และก่อนที่วง Panic! At The Disco จะมาคัฟเวอร์จนเป็นที่โด่งดังในปี 2016 นี้ ก็ยังมีคัฟเวอร์ของวง The Braids ประกอบภาพยนตร์ High School High ที่ขึ้นสู่อันดับที่ 42 ในปี 1996 และคัฟเวอร์ในซีรี่ย์ชื่อดัง Glee ร้องโดยโจนาธาน กรอฟฟ์ ที่ขึ้นสู่อันดับที่ 84 ในปี 2010
ชมเวอร์ชั่น Original ของวง Queen ที่นี่
ปริศนาเบื้องหลังความหมายของเพลง
เฟร็ดดี้ เมอคิวรี่ เป็นคนเขียนเนื้อเพลงที่มีความหมายหลากหลายแง่มุมนี้ มีการใช้คำศัพท์ภาษาอัลกุราอาน เช่น Bismillah (ในนามของอัลเลาะห์) Scaramouch (ตัวละครที่เป็นคนขี้ขลาดและขี้โม้) Beelzebab (ปีศาจชั่วร้าย) เป็นต้น เนื่องด้วยครอบครัวของเฟร็ดดี้มีความเชื่อในศาสนาหนึ่งของอิหร่าน เรียกว่า 'โซโรแอสเตอร์'
นอกจากนั้นครอบครัวของเขาเคยใช้ชีวิตในเมืองแซนซิบาร์ ประเทศแทนซาเนีย แต่หลังจากเหตุจลาจลทางการเมืองปี 1964 พวกเขาจึงย้ายไปประเทศอังกฤษ ดังนั้นเนื้อเพลงบางเพลงของเขาจึงเกี่ยวข้องกับการออกจากบ้านเกิดในวัยเด็ก ไบรอัน เมย์ มือกีต้าร์ของวงเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเพลงนี้ว่า "เฟร็ดดี้เป็นคนที่ค่อนข้างซับซ้อนครับ มองเผินๆ เขาเป็นคนสนุกสนาน มีอารมณ์ขัน แต่เขาปกปิดความรู้สึกไม่มั่นคงกับปัญหาชีวิตวัยเด็กไว้อยู่พอสมควรเลยครับ เขาไม่เคยอธิบายเนื้อเพลง แต่ผมว่า เขาคงใส่เรื่องราวชีวิตของตัวเองไปในเพลงเยอะเลยครับ"
อีกด้านหนึ่งของเพลง นอกจากเรื่องราวในวัยเด็ก ก็ยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่า แอบแฝงเรื่องของรสนิยมทางเพศ โดยช่วงที่ปล่อยเพลงนี้ออกมาเป็นช่วงเดียวกับที่เฟร็ดดี้เริ่มเปิดเผยเรื่องไบเซ็กซ์ชวลของตัวเอง และยังเป็นช่วงเดียวกันกับที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแมรี่ ออสติน พังลง
ความหมายจริงๆ ของเพลงนี้ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด เฟร็ดดี้ปิดปากแน่น รวมทั้งสมาชิกในวงก็ไม่ยอมเผยรายละเอียดใดๆ มากนัก เฟร็ดดี้เพียงแค่พูดถึงสั้นๆ ว่า "มันเป็นเพลงหนึ่งที่ให้ความรู้สึกแฟนตาซี ผมคิดว่า ทุกคนน่าจะลองฟังมัน และตีความตามความคิดของตัวเองเลยว่า เพลงนี้พูดอะไรกับคุณ" นอกจากนั้นเขายังเคยบอกกับ เคนนี เอเวอร์เร็ท เพื่อนดีเจชาวอังกฤษของเขาว่า "เพลงนี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเนื้อเพลงสุ่มๆ ไร้สาระเลย"
อย่างไรก็ตาม วง QUEEN เป็นวงที่เชี่ยวชาญเรื่องการปล่อยให้ผู้ฟังตีความดนตรีของพวกเขาตามความเข้าใจของพวกเขา มากกว่าจะกำหนดความหมายตายตัว
เฟร็ดดี้ใช้เพลงนี้ในการเปิดเผยว่าเป็นเกย์หรือไม่ ?
เลสลีย์-แอนน์ โจนส์ ผู้เขียนประวัติของเฟร็ดดี้คิดเช่นนั้น โจนส์เคยถามเฟร็ดดี้ในเรื่องดังกล่าว แต่เขาไม่ได้ตอบคำถามนั้นตรงๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เขามักจะทำเป็นประจำเวลาที่ถูกถามถึงความหมายของเพลง ในครั้งนั้นเขาเพียงแค่ยอมรับว่า มันเกี่ยวกับ 'ความสัมพันธ์' ซึ่งมีข้อสันนิษฐานตามมาว่า ลัทธิทางศาสนาที่ครอบครัวของเขานับถือไม่ยอมรับเรื่องโฮโมเซ็กซ์ชวล เขาเองก็พยายามปกปิดรสนิยมทางเพศของตัวเอง เพื่อไม่ให้ละเมิดลัทธิทางศาสนาที่ครอบครัวนับถือ
หลังจากเฟร็ดดี้เสียชีวิต เพื่อนของเฟร็ดดี้ ทิม ไรส์ ออกมาบอกว่า เห็นด้วยกับโจนส์ และวิเคราะห์บางท่อนของเพลงเพื่อสนับสนุนทฤษฎีนี้ เช่น
"Mama, I just killed a man" - ตัวตนที่แท้จริงของเฟร็ดดี้ถูกฆ่า
"Put a gun against his head, pulled my trigger, now he's dead" - คนที่ตายคือตัวตนที่แท้จริงของเขา ตัวตนที่เขาอยากจะเป็นถูกทำลายลง และเขาในตอนนี้ก็พยายามที่จะใช้ชีวิตในตัวตนใหม่ของตัวเอง
"I see a little silhouetto of a man" - อาจจะหมายถึงตัวเขาเองถูกหลอกหลอนจากสิ่งที่เขาทำและสิ่งที่เขาเป็น
ความสำเร็จของเพลง
มิวสิควิดีโอเพลงนี้นับว่าล้ำสมัยในสมัยนั้นมาก ภาพวิดีโอที่ออกมาอิงตามปกอัลบั้ม Queen II ที่มีสมาชิกวงทั้ง 4 คนมองออกมาจากเงามืด กำกับโดย บรูซ กาวเวอร์ ใช้เวลาถ่าย 3 ชั่วโมงในสถานที่ซ้อมของวง ด้วยงบประมาณ £3,500
เพลงนี้ติดชาร์ต Top 10 ทั้งในอังกฤษและอเมริกาเป็นครั้งแรก โดยอยู่อันดับ 1 เป็นเวลา 9 สัปดาห์ และเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น เมื่อภาพยนตร์เรื่อง Wayne's World นำแสดงโดย ไมค์ มายเยอร์ และ ดาน่า คาร์วีย์ นำไปเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ในฉากที่เวนน์และเพื่อนๆ นั่งลิปซิงค์เพลงดังกล่าวบนรถคันเท่อย่างเริงร่า ผลข้างเคียงจากหนังทำให้เพลงนี้ถูกปล่อยเป็นซิงเกิ้ลออกมาอีกครั้งในอเมริกา และขึ้นสู่อันดับ 2 บิลบอร์ตชาร์ต (รองจาก "Jump" ของ คริส ครอส ในขณะนั้น)
นับเป็นจุดเปลี่ยนในอเมริกาของวง Queen เพราะหลังจากอัลบั้ม Hot Space ที่ปล่อยออกมาในปี 1982 มีแนวเพลงดิสโก้ ไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงขาร็อคเท่าไรนัก ทำให้อัลบั้มนี้กลายเป็นอัลบั้มหนึ่งที่มียอดขายน่าผิดหวังมากในอเมริกา ความนิยมของวงพลอยลดลงไปด้วย ในระยะเวลาเกือบสิบปีที่วงเกือบถูกลืม กระแสจากภาพยนตร์ Wayne's World ที่ได้นำ Bohemian Rhapsody มาประกอบก็ทำให้วงได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผู้ฟังชาวอเมริกันระลึกขึ้นได้ว่า วง Queen เคยเจ๋งแค่ไหน และกลับมาสนับสนุนพวกเขาอีกครั้ง
ในปี 1991 หลังจากการเสียชีวิตของเฟร็ดดี้ เพลงนี้ก็ถูกนำกลับมาปล่อยออกมาอีกครั้งในอังกฤษ และขึ้นสู่อันดับ 1 ในชาร์ตเพลง เป็นการแสดงพลังสนับสนุนเฟร็ดดี้เป็นครั้งสุดท้าย
เพลงนี้ติดชาร์ตมากมาย แม้กระทั่งใน Guinness World Records โดยเพลงนี้ได้รับการยอมรับให้เป็นอันดับ 1 ของเพลงที่เป็นที่ชื่นชอบตลอดกาลของชาวอังกฤษ นำเพลง Imagine ของ John Lennon และ Hey Jude ของ The Beatles ที่ได้อันดับรองลงมา
คัฟเวอร์เวอร์ชั่นกับการกลับมาบนชาร์ตอีกครั้ง
Panic! At The Disco คัฟเวอร์เพลงนี้สำหรับประกอบภาพยนตร์ Suicide Squad ซึ่งก่อนหน้านี้ทางวงก็เคยนำเพลงนี้ไปเล่นในคอนเสิร์ตของวงตัวเองหลายครั้ง นักร้องนำ Brendon Urie เผยกับดีเจชื่อดัง Zane Lowe ว่า
"ผมชอบเพลงนี้มาก วงของพวกเราเอาเพลงนี้มาเล่นเพลงนี้มาหลายปีแล้ว เพลงนี้ท้าทายดีครับ ผมนับถือคนเขียนเพลงมาก กว่าจะประสานเสียงให้ลงตัวได้ต้องพยายามเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นเพลงระดับปีศาจเลยครับ มันบ้ามากๆ เหมือนมีเสียงประมาณสามสิบกว่าเลเยอร์ซ้อนกันอยู่ เหลือเชื่อมากเลยครับ แต่เวลาเล่นก็สนุกมากครับ"
นอกจากนั้นก็ยังมีคัฟเวอร์ของวง The Braids ประกอบภาพยนตร์ High School High ที่ขึ้นสู่อันดับที่ 42 ในปี 1996 และคัฟเวอร์ในซีรี่ย์ชื่อดัง Glee ร้องโดยโจนาธานกรอฟฟ์ ที่ขึ้นสู่อันดับที่ 84 ในปี 2010
มาสู่เวอร์ชั่นของอดัม แลมเบิร์ต เป็น Bohemian Rhapsody อีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่ได้รับการยอมรับ หลังจากสมาชิกวง Queen ได้แก่ ไบรอัน เมย์ และ โรเจอร์ เทย์เลอร์ ได้เปิดทัวร์คอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกทั่วยุโรปซึ่งบัตรชมการแสดงถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยง รวมทั้งการแสดงสดให้กับแฟนเพลงจำนวนกว่าครึ่งล้านในเมืองเคียฟ ประเทศยูเครน และตัดสินใจเริ่มเวิลด์ทัวร์ในนาม Queen + Adam Lambert ด้วยกัน แฟนๆ ทั่วโลกต่างรอคอยกับการแสดงในครั้งนี้ และแน่นอนแล้วว่าแฟนๆ ในประเทศไทยก็จะได้ชมคอนเสิร์ตของวง Queen + Adam Lambert ในวันที่ 30 กันยายนนี้ เตรียมตัวรอกันเลย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ชมการแสดงสดในเมืองเคียฟ ประเทศยูเครน ที่นี่
ถ้าใครอยากรู้ว่าวง Queen เคยยิ่งใหญ่ขนาดไหน ให้ฟัง Bohemian Rhapsody
เพลง Bohemian Rhapsody ฉบับต้นตำหรับของวง Queen ปล่อยออกมาครั้งแรกในปี 1976 และขึ้นสู่อันดับ 9 บิลบอร์ดชาร์ต ก่อนจะกลับมาสร้างสถิติใหม่อีกครั้งในปี 1992 โดยขึ้นสู่อันดับที่ 2 เมื่อถูกนำมาใช้ประกอบภาพยนตร์ Wayne's World และก่อนที่วง Panic! At The Disco จะมาคัฟเวอร์จนเป็นที่โด่งดังในปี 2016 นี้ ก็ยังมีคัฟเวอร์ของวง The Braids ประกอบภาพยนตร์ High School High ที่ขึ้นสู่อันดับที่ 42 ในปี 1996 และคัฟเวอร์ในซีรี่ย์ชื่อดัง Glee ร้องโดยโจนาธาน กรอฟฟ์ ที่ขึ้นสู่อันดับที่ 84 ในปี 2010
ปริศนาเบื้องหลังความหมายของเพลง
เฟร็ดดี้ เมอคิวรี่ เป็นคนเขียนเนื้อเพลงที่มีความหมายหลากหลายแง่มุมนี้ มีการใช้คำศัพท์ภาษาอัลกุราอาน เช่น Bismillah (ในนามของอัลเลาะห์) Scaramouch (ตัวละครที่เป็นคนขี้ขลาดและขี้โม้) Beelzebab (ปีศาจชั่วร้าย) เป็นต้น เนื่องด้วยครอบครัวของเฟร็ดดี้มีความเชื่อในศาสนาหนึ่งของอิหร่าน เรียกว่า 'โซโรแอสเตอร์'
นอกจากนั้นครอบครัวของเขาเคยใช้ชีวิตในเมืองแซนซิบาร์ ประเทศแทนซาเนีย แต่หลังจากเหตุจลาจลทางการเมืองปี 1964 พวกเขาจึงย้ายไปประเทศอังกฤษ ดังนั้นเนื้อเพลงบางเพลงของเขาจึงเกี่ยวข้องกับการออกจากบ้านเกิดในวัยเด็ก ไบรอัน เมย์ มือกีต้าร์ของวงเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเพลงนี้ว่า "เฟร็ดดี้เป็นคนที่ค่อนข้างซับซ้อนครับ มองเผินๆ เขาเป็นคนสนุกสนาน มีอารมณ์ขัน แต่เขาปกปิดความรู้สึกไม่มั่นคงกับปัญหาชีวิตวัยเด็กไว้อยู่พอสมควรเลยครับ เขาไม่เคยอธิบายเนื้อเพลง แต่ผมว่า เขาคงใส่เรื่องราวชีวิตของตัวเองไปในเพลงเยอะเลยครับ"
อีกด้านหนึ่งของเพลง นอกจากเรื่องราวในวัยเด็ก ก็ยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่า แอบแฝงเรื่องของรสนิยมทางเพศ โดยช่วงที่ปล่อยเพลงนี้ออกมาเป็นช่วงเดียวกับที่เฟร็ดดี้เริ่มเปิดเผยเรื่องไบเซ็กซ์ชวลของตัวเอง และยังเป็นช่วงเดียวกันกับที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแมรี่ ออสติน พังลง
ความหมายจริงๆ ของเพลงนี้ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด เฟร็ดดี้ปิดปากแน่น รวมทั้งสมาชิกในวงก็ไม่ยอมเผยรายละเอียดใดๆ มากนัก เฟร็ดดี้เพียงแค่พูดถึงสั้นๆ ว่า "มันเป็นเพลงหนึ่งที่ให้ความรู้สึกแฟนตาซี ผมคิดว่า ทุกคนน่าจะลองฟังมัน และตีความตามความคิดของตัวเองเลยว่า เพลงนี้พูดอะไรกับคุณ" นอกจากนั้นเขายังเคยบอกกับ เคนนี เอเวอร์เร็ท เพื่อนดีเจชาวอังกฤษของเขาว่า "เพลงนี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเนื้อเพลงสุ่มๆ ไร้สาระเลย"
อย่างไรก็ตาม วง QUEEN เป็นวงที่เชี่ยวชาญเรื่องการปล่อยให้ผู้ฟังตีความดนตรีของพวกเขาตามความเข้าใจของพวกเขา มากกว่าจะกำหนดความหมายตายตัว
เฟร็ดดี้ใช้เพลงนี้ในการเปิดเผยว่าเป็นเกย์หรือไม่ ?
เลสลีย์-แอนน์ โจนส์ ผู้เขียนประวัติของเฟร็ดดี้คิดเช่นนั้น โจนส์เคยถามเฟร็ดดี้ในเรื่องดังกล่าว แต่เขาไม่ได้ตอบคำถามนั้นตรงๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เขามักจะทำเป็นประจำเวลาที่ถูกถามถึงความหมายของเพลง ในครั้งนั้นเขาเพียงแค่ยอมรับว่า มันเกี่ยวกับ 'ความสัมพันธ์' ซึ่งมีข้อสันนิษฐานตามมาว่า ลัทธิทางศาสนาที่ครอบครัวของเขานับถือไม่ยอมรับเรื่องโฮโมเซ็กซ์ชวล เขาเองก็พยายามปกปิดรสนิยมทางเพศของตัวเอง เพื่อไม่ให้ละเมิดลัทธิทางศาสนาที่ครอบครัวนับถือ
หลังจากเฟร็ดดี้เสียชีวิต เพื่อนของเฟร็ดดี้ ทิม ไรส์ ออกมาบอกว่า เห็นด้วยกับโจนส์ และวิเคราะห์บางท่อนของเพลงเพื่อสนับสนุนทฤษฎีนี้ เช่น
"Mama, I just killed a man" - ตัวตนที่แท้จริงของเฟร็ดดี้ถูกฆ่า
"Put a gun against his head, pulled my trigger, now he's dead" - คนที่ตายคือตัวตนที่แท้จริงของเขา ตัวตนที่เขาอยากจะเป็นถูกทำลายลง และเขาในตอนนี้ก็พยายามที่จะใช้ชีวิตในตัวตนใหม่ของตัวเอง
"I see a little silhouetto of a man" - อาจจะหมายถึงตัวเขาเองถูกหลอกหลอนจากสิ่งที่เขาทำและสิ่งที่เขาเป็น
ความสำเร็จของเพลง
มิวสิควิดีโอเพลงนี้นับว่าล้ำสมัยในสมัยนั้นมาก ภาพวิดีโอที่ออกมาอิงตามปกอัลบั้ม Queen II ที่มีสมาชิกวงทั้ง 4 คนมองออกมาจากเงามืด กำกับโดย บรูซ กาวเวอร์ ใช้เวลาถ่าย 3 ชั่วโมงในสถานที่ซ้อมของวง ด้วยงบประมาณ £3,500
เพลงนี้ติดชาร์ต Top 10 ทั้งในอังกฤษและอเมริกาเป็นครั้งแรก โดยอยู่อันดับ 1 เป็นเวลา 9 สัปดาห์ และเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น เมื่อภาพยนตร์เรื่อง Wayne's World นำแสดงโดย ไมค์ มายเยอร์ และ ดาน่า คาร์วีย์ นำไปเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ในฉากที่เวนน์และเพื่อนๆ นั่งลิปซิงค์เพลงดังกล่าวบนรถคันเท่อย่างเริงร่า ผลข้างเคียงจากหนังทำให้เพลงนี้ถูกปล่อยเป็นซิงเกิ้ลออกมาอีกครั้งในอเมริกา และขึ้นสู่อันดับ 2 บิลบอร์ตชาร์ต (รองจาก "Jump" ของ คริส ครอส ในขณะนั้น)
นับเป็นจุดเปลี่ยนในอเมริกาของวง Queen เพราะหลังจากอัลบั้ม Hot Space ที่ปล่อยออกมาในปี 1982 มีแนวเพลงดิสโก้ ไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงขาร็อคเท่าไรนัก ทำให้อัลบั้มนี้กลายเป็นอัลบั้มหนึ่งที่มียอดขายน่าผิดหวังมากในอเมริกา ความนิยมของวงพลอยลดลงไปด้วย ในระยะเวลาเกือบสิบปีที่วงเกือบถูกลืม กระแสจากภาพยนตร์ Wayne's World ที่ได้นำ Bohemian Rhapsody มาประกอบก็ทำให้วงได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผู้ฟังชาวอเมริกันระลึกขึ้นได้ว่า วง Queen เคยเจ๋งแค่ไหน และกลับมาสนับสนุนพวกเขาอีกครั้ง
ในปี 1991 หลังจากการเสียชีวิตของเฟร็ดดี้ เพลงนี้ก็ถูกนำกลับมาปล่อยออกมาอีกครั้งในอังกฤษ และขึ้นสู่อันดับ 1 ในชาร์ตเพลง เป็นการแสดงพลังสนับสนุนเฟร็ดดี้เป็นครั้งสุดท้าย
เพลงนี้ติดชาร์ตมากมาย แม้กระทั่งใน Guinness World Records โดยเพลงนี้ได้รับการยอมรับให้เป็นอันดับ 1 ของเพลงที่เป็นที่ชื่นชอบตลอดกาลของชาวอังกฤษ นำเพลง Imagine ของ John Lennon และ Hey Jude ของ The Beatles ที่ได้อันดับรองลงมา
คัฟเวอร์เวอร์ชั่นกับการกลับมาบนชาร์ตอีกครั้ง
Panic! At The Disco คัฟเวอร์เพลงนี้สำหรับประกอบภาพยนตร์ Suicide Squad ซึ่งก่อนหน้านี้ทางวงก็เคยนำเพลงนี้ไปเล่นในคอนเสิร์ตของวงตัวเองหลายครั้ง นักร้องนำ Brendon Urie เผยกับดีเจชื่อดัง Zane Lowe ว่า
"ผมชอบเพลงนี้มาก วงของพวกเราเอาเพลงนี้มาเล่นเพลงนี้มาหลายปีแล้ว เพลงนี้ท้าทายดีครับ ผมนับถือคนเขียนเพลงมาก กว่าจะประสานเสียงให้ลงตัวได้ต้องพยายามเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นเพลงระดับปีศาจเลยครับ มันบ้ามากๆ เหมือนมีเสียงประมาณสามสิบกว่าเลเยอร์ซ้อนกันอยู่ เหลือเชื่อมากเลยครับ แต่เวลาเล่นก็สนุกมากครับ"
นอกจากนั้นก็ยังมีคัฟเวอร์ของวง The Braids ประกอบภาพยนตร์ High School High ที่ขึ้นสู่อันดับที่ 42 ในปี 1996 และคัฟเวอร์ในซีรี่ย์ชื่อดัง Glee ร้องโดยโจนาธานกรอฟฟ์ ที่ขึ้นสู่อันดับที่ 84 ในปี 2010
มาสู่เวอร์ชั่นของอดัม แลมเบิร์ต เป็น Bohemian Rhapsody อีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่ได้รับการยอมรับ หลังจากสมาชิกวง Queen ได้แก่ ไบรอัน เมย์ และ โรเจอร์ เทย์เลอร์ ได้เปิดทัวร์คอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกทั่วยุโรปซึ่งบัตรชมการแสดงถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยง รวมทั้งการแสดงสดให้กับแฟนเพลงจำนวนกว่าครึ่งล้านในเมืองเคียฟ ประเทศยูเครน และตัดสินใจเริ่มเวิลด์ทัวร์ในนาม Queen + Adam Lambert ด้วยกัน แฟนๆ ทั่วโลกต่างรอคอยกับการแสดงในครั้งนี้ และแน่นอนแล้วว่าแฟนๆ ในประเทศไทยก็จะได้ชมคอนเสิร์ตของวง Queen + Adam Lambert ในวันที่ 30 กันยายนนี้ เตรียมตัวรอกันเลย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!