“จากดินแดนแห่งแสงสี สู่ ดินแดนทุ่งเจดีย์พันองค์” สิงคโปร์ ถึง เมียนมาร์

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป ขอแนะนำตัวเองก่อน ชื่อล็อกอินผม DoctorEgg ครับ ชอบถ่ายภาพครับ ถ่ายภาพมาประมาณได้ประมาณ 4 ปี พอถูๆไถๆยังอยู่ในขั้นพัฒนาครับ แล้วก็ชอบการแต่งภาพแต่ก็ยังอยู่ในขั้นพัฒนาเช่นเดียวกัน เคยลงกระทู้ในพันทิปเกี่ยวกับการถ่ายภาพครั้งเดียว คือ กระทู้ Seascape Lover ซึ่งเป็นแนวที่ถนัด(แต่ไม่เก่ง) http://ppantip.com/topic/33153085 และเริ่มหลงใหลการถ่ายภาพแนวนี้มาตั้งแต่เริ่มต้นถ่ายภาพครับ ส่วนใหญ่ปีแรกๆก็เริ่มหัดถ่ายแต่ในประเทศครับ

หลังๆเริ่มชื่นชอบแนวท่องเที่ยวเป็นพิเศษ และติดตามกระทู้รีวิวท่องเที่ยวพร้อมภาพสวยๆจากในพันทิป พยายามศึกษาแนวการถ่ายภาพท่องเที่ยวจากบล็อกเกอร์ดังๆในพันทิปหลายท่าน เลยอยากจะลองตั้งกระทู้แนวนี้บ้าง แต่คงจะไม่ใช้กระทู้รีวิวเดินทางแบบเต็มรูปแบบ และคงไม่ใช่กระทู้ภาพสวยๆตรึงใจ

ถือว่าเป็นกระทู้กลางๆจากคนชอบถ่ายภาพ และมือใหม่หัดทำกระทู้ มีอะไรชี้แนะรบกวนได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังข้อชี้แนะครับ

กระทู้อื่นๆ

ซากุระในฝันภาค 1 และ 2

http://ppantip.com/topic/35610527

http://ppantip.com/topic/35601110





กระทู้นี้เป็นรวมภาพถ่ายจากเมื่อปลายปี 2014 และปี 2016  สดๆร้อน โดยได้มีโอกาสได้เดินทางไปถ่ายภาพที่ประเทศเมียนมาร์ (ธันวาคม 2014) และ ประเทศสิงคโปร์ (สิงหาคม 2016) มันอาจจะดูแปลกๆหน่อยๆนะครับว่ามันมารวมกันได้ยังคนละแนว


“จากดินแดนแห่งแสงสี สู่ ดินแดนทุ่งเจดีย์พันองค์”


ดินแดนแห่งแสงสี

สิงคโปร์



16.0 mm,25.0 sec;   f/13;   ISO 100 X 2 Horizontal Shot ต่อ Panorama


วางแผนการเดินทาง

11-14 สิงหาคม 2016 คือ ช่วงเวลาที่ผมตัดสินใจเดินทางภายหลังจากที่เลื่อนการเดินทางจากช่วงหยุดยาวกรกฎาคม ด้วยตั๋วเครื่องบินการบินไทย

จากเดิมผมใช้คะแนนแลกไมล์การบินไทยด้วยคะแนะ 25,000 ไมล์สำหรับการเดินทางไปสิงคโปร์ต่อหนึ่งท่าน พร้อมจ่ายเพิ่มเติมอีก 1200 บาท แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เดินทางทำให้ต้องยกเลิกตั๋วสะสมไมล์แบบเข้าเนื้อ จนสุดท้ายเมื่อตัดสินใจเดินทางได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 11-14 สิงหาคม ผมได้ตั๋วราคาพิเศษจากเจ้าป้าเช่นเดิม ด้วยราคา 7300 บาทไปกลับต่อท่าน ซึ่งเป็นราคาโปรที่ถูกสำหรับการบินไทย (ซึ่งอาจจะแพงกว่าสายการบินอื่นๆ หากท่านที่เคยเดินทางด้วย Low-cost อาจจะราคาถูกกว่านี้) ถูกกว่าราคาของสิงคโปร์แอร์ไลน์

ผมตัดสินใจเดินทางในช่วงเดือนสิงหาคมเนื่องจากอ่านรีวิวในพันทิป ว่า ช่วงเดือน กรกฎาคา-สิงหาคม เป็นช่วงฤดูร้อนของสิงคโปร์ ปริมาณน้ำฝนตกน้อยกว่าช่วงอื่น เพียงแต่อากาศอาจจะร้อนกว่าช่วงๆอื่นของปี

สำหรับคนถ่ายภาพแล้วฟ้าฝนคือเรื่องสำคัญ

ตรวจคนเข้าเมือง

ด้วยความที่ต้องเดินทางกับแฟน ความวิตกกังวลก็คืบคลานเข้ามาในสมองทันที...ต.ม. ได้ข้อมูลมาว่า ต.ม. ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดกับผู้หญิง โดยเฉพาะที่เดินทางคนเดียว สำหรับผมกับแฟนยังคนละนามสกุล ความนอยด์เลยยิ่งกลัวเป็นทวีคูณ แม้ว่าในพาสปอร์ตแต่ละคนจะมีวีซ่าประเทศอื่นบ้าง และก่อนหน้าเพิ่งเดือนทางไปญี่ปุ่นมาสองครั้งซึ่งไม่มีปัญหาอะไร

ผมเดินทางด้วย TG 413 ถึงสนามบินชางงีแบบดีเลย์ด้วยสภาพการจราจรทางอากาศแออัด เวลาเกือบบ่ายสาม สำหรับคนที่กำลังจะไปและวางแผนแน่นๆ อย่าลืมคำนึงถึงจุดนี้นะครับ โดยเฉพาะใครที่ไปครั้งแรก เพราะผมเกือบจะพลาดแสงเย็นวันแรกในการถ่ายภาพ เพราะกว่าจะผ่านต.ม.  หาซื้อ Sim Card กว่าจะหลงในสนามบิน กว่าจะหาซื้อ EZ-Link Card ก็ปาเข้าไปเกือบสี่โมง

สำหรับต.ม.ที่นี่ แตกต่างจากญี่ปุ่นครับ คือ ช่องในการเข้าแถวจะเข้าเป็นล็อกๆ แยกกันตั้งแต่ต้น ต่างจากญี่ปุ่นที่เข้าแถวรวมแล้วไปแยกกันตรงปลายทางเข้าต.ม.แต่ละล็อกไป

ระหว่างรอคิวตรวจหนังสือเดินทางก็เห็นว่า มีหญิงไทยเดินทางคนเดียว โดนเรียกเข้าห้องเย็น ไม่แน่ใจว่ามีปัญหาเรื่องอะไร แต่โดยรวมต.ม.ที่นี่ก็ไม่ได้โหดร้ายอะไร ไม่แตกต่างจากญี่ปุ่นส่วนตัว ผมว่าเกาหลีใต้โหดกว่า  ระหว่างที่แฟนเข้าช่องตรวจผมก็ใจตุ๊มต่อมๆ แต่จนแล้วจนรอด ก็รอดออกมาเหยียบแผ่นดินสิงโตพ่นน้ำได้ในที่สุด

การเดินทาง และที่พัก
การเดินทางในสิงคโปร์ผมอาศัยรถไฟฟ้าเป็นหลักครับ บัตร EZ-Link Card ผมเติมเงินเพิ่มไปเพียง 10 SGD เหลือกลับมา 3-4​SGD ครับ มีนั่งแท็กซี่เฉพาะช่วงที่ต้องตื่นไปถ่ายแสงเช้าเท่านั้น รถไฟฟ้าที่นี่ก็คล้ายๆบ้านเราครับ ขึ้นลงไม่ยาก แต่สังเกตว่าบางตู้จะมีที่ยืนเยอะกว่าที่นั่ง
ที่พักที่ผมพัก
11 สิงหาคม โรงแรมมาร์ริสัน (Marrison Bugis Hotel) ย่านบูกิส ผมเลือกที่นี่เพราะจากสนามบินชางงีเพียงต่อรถไฟทอดเดียวที่ Tanah Merrah ก็ลงที่ Bugis เลย และโรงแรมอยู่ใกล้ทางออกมากๆลากกระเป๋าไม่ถึงร้อยเมตร
ราคาพอรับได้ และ Bugis Staion มีรถไฟอีกสายเชื่อมกันครับสะดวกเดินทาง ผมเลือกห้อง Executive เพราะห้องใหญ่หน่อย 13 ตารางเมตร

12 – 13 สิงหาคม โรงแรมสวิสโซเทล แสตมป์ฟอร์ด (Swissotel The Stamford Hotel) ผมเลือกที่นี่เพราะทีเด็ดด้วยวิวจากมุมห้อง Harbour View แม้ราคาจะสูง แต่ด้วยความที่อยากได้ภาพจากห้องมุมนี้ซักครั้ง เลยจำยอมจ่าย โรงแรมนี้อยู่บนสถานี City Hall ครับ มีห้างสรรพสินค้าอยู่ข้างใต้ คึกคักทั้งวันทั้งคืน และเดินทางง่ายอีกเช่นกัน เพราะรถไฟใต้ดินอีกสายมาบรรจบกัน แถมถ้าใครอยากจะเดินออกกำลังกายสามารถเดินไปได้ถึงมารีน่า เบย์ แถบๆเอสพลานาด เมอร์ไลอ้อน ได้ไม่ยาก


ดินแดนแห่งทุ่งเจดีย์พันองค์

เมียนมาร์




130.0 mm, 1/160 sec;   f/11;   ISO 100


วางแผนการเดินทาง

5 -10 ธันวาคม 2014 คือช่วงเวลาที่ได้เดินทางไปสัมผัสวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของประเทศที่ได้ชื่อว่าความสวยงามของทุ่งเจดีย์พันองค์ จากคนถ่ายภาพที่ติดตามภาพถ่ายสวยๆจากช่างภาพเก่งๆ เมียนมาร์จึงเป็น Destination ของใครหลายคนที่ชอบถ่ายภาพ Landscape ภาพทุกภาพติดตาตรึงใจผมมาตลอดก่อนเดินทาง

การเดินทางไปเมียนมาร์ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ต่างจากสิงคโปร์ที่ผมเคยเดินทางไปครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อนตั้งแต่ยังไม่มีตึก Marina Bay Sand ด้วยซ้ำ ซึ่งข้อมูลการเดินทางในพม่าช่วงนั้นดูยากเย็นสำหรับผมที่จะเดินทางไปเอง

ผมจึงอาศัยซื้อทริปท่องเที่ยวถ่ายภาพจากเจ้าหนึ่ง ซึ่งเจ้าของทริปเป็นช่างภาพที่เก่งมาก ผมจึงค่อนข้างเชื่อมั่นในการทำทริปของช่างภาพท่านนี้ (ขออนุญาตไม่เอ่ยถึงนะครับ เกรงว่าผู้อ่านจะเข้าใจผิดว่าเป็นการโฆษณา)

ผมเดินทางจากสนามบินดอนเมืองเช้าวันที่ 5 ธันวาคม ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งการเดินทางใช้เวลาไม่นานมาก ประมาณชั่วโมงครึ่ง เร็วกว่าสิงคโปร์เล็กน้อย ก็มาถึงสนามบินมัณฑะเลย์

การเดินทางและที่พัก
การเดินทางเนื่องจากเป็นการเดินทางแบบทัวร์ จึงอาศัยการนั่งรถบัสเป็นหลัก การเดินทางค่อนข้างแสนทรหด ถนนพม่านั้นแม้บางช่วงจะเป็นสี่เลน แต่ก็ทำเวลาได้ไม่มาก บางช่วงต้องระวังวัวควายเดินกลางถนน และการเดินทางข้ามไปแต่ละเมืองนั้นใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3-4 ชั่วโมง ปวดปัสสาวะก็แวะกลางทางบ้างอะไรบ้าง
5ธันวาคม จากสนามบินมัณฑะเลย์สู่ทุ่งเจดียพันองค์ “พุกาม”
7ธันวาคม จากพุกาม สู่ดินแดนทะเลสาบ “อินเล”
8-10 ธันาคม จากอินเล ย้อนกลับมามัณฑะเลย์

ในเรื่องอาหารการกินนั้นบางอย่างค่อนข้างคล้ายอาหารเหนือบ้านเรา อร่อยที่สุดสำหรับผม คือ แกงฮังเล อร่อยมากๆ อาหารจะเน้นเป็นพวกถั่วๆมันๆถูกปากผมที่สุด กลับมาน้ำหนักขึ้นเลย อาหารผมทานกับทัวร์ ไม่กล้าซื้อกินเอง เพราะได้ยินจากเพื่อนที่เคยเดินทางมาว่า เคยซื้ออาหารกินเองแล้วท้องเสีย อันนี้น่ากลัวเหมือนกัน แต่โชคดีทริปนี้ผมรอดปลอดภัย

ที่พัก โรงแรมที่พม่าที่ผมพักทั้งในพุกาม อินเล มัณฑทะเลย์นั้น อยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว โดยเฉพาะโรงแรมที่พุกามซึ่งผมคิดว่าน่าจะเจริญน้อยที่สุด น่าจะพักลำบากสุด จากความที่จินตนาการไปถึงภาพวัวควาย และทุ่งเจดีย์ที่มีแต่ฝุ่นทราย กลับกลายเป็นว่าโรงแรมพักสบายมากๆ สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ทริปนี้จึงไม่มีปัญหากับเรื่องการกินการนอนเลย (ขออภัยที่ผมจำชื่อโรงแรมไม่ได้ทั้งหมดในทริป)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่