ครบรอบ 1 ปี ที่ไม่มีเธอข้างๆ ขอบคุณที่ผ่านมาได้ กับความรักที่รู้สึกโชคดีที่ยอมเดินออกมา
บางครั้งคนที่อยู่ด้วยกันเป็นคู่กัน....ตลอดไม่เกิดจากความรักอย่างเดียว
แต่คงอาศัย ความเข้าใจ ความห่วงใย หรืออีกหลายอย่า ซึ่งนั้นอาจรวมถึงความ ซื่อสัตย์ และซื่อตรงด้วย
ความรักของผมจบไป หนึ่งปีพอดี ในวันที่ 14 เมษายน 2558 ปีที่ผ่านผมรู้สึกเสียใจมาก ในวันนั้น กับการตัองตัดสินใจเลือก ที่จะแยกทางกับคนๆหนึ่งที่ผมรัก
แต่ด้วย หลายเหตุผลที่ต้องตัดใจ คือไม่อยากกลับเจ็บอีกละ ให้อภัยกับความรักที่ไม่จริงใจได้อีกก็คือ การไม่รู้จักพอกับเรื่องความต้องการความใคร่ ......
ความรักระหว่างผู้ชาย ผู้ชายครับ
ผมกับแฟนเก่าคบมา เกือบ ครบ 4 ปีครับ เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนผมกับเค้ายังเรียน มหาวิทยาลัยใกล้ๆกัน ตอนแรกที่คบกันก็เพียงคิดว่าจะรุ้จัก คบเพียงเพราะเราพูดคุยกันได้ ปรึกษากันได้ ไปใหนเที่ยวกันได้ แต่พอคบกันๆ ก็รู้สึกรักกัน มีความเป็นห่วงกัน อยากดูแลกัน ไปมาหากัน (แต่ก็ไม่มีใครรับรู้นอกจาก คนที่เราสนิทจริงๆ) โดยผมกับเค้าก็เป็นคนไม่เปิดเผยความรักเป็นนี้ และไม่อยากให้สังคมรับรู้ ไปใหนด้วยกันก็ไม่บอกสถานะกับ หรือบอกว่าอยู่ด้วยกัน คบกัน
ในช่วงแรกรู้สึกมีความสุข กับการรักกัน เพราะผมก็พอจะรู้ว่าเค้าก็รักผมเหมือนกัน เราไปใหนมาใหน ต้องติดต่อบอกกันตลอด เรามีเงื่อนไข ที่ต้องดูแลความรู้สึกขอกันตลอดครับ สัญญาในความรักต่อกัน
ปีแรกผมกับเค้าก็มี เราอยู้ไกล้กัน เจอกันเกือบวัน ไปใหนกัน ทานข้าวด้วยกัน ดูหนังกันทุกอาทิตย์ ไปเที่ยวด้วย โทรหาทุกคืน วันละหลายรอย แต่ก็มีทะเละกันบ้าง ด้วยความไม่เข้าใจและ นิสัยของกัน และกัน แต่ก็กลับมาปรับความเข้าใจกันได้ทุกครั้ง เพราะเราเพิ่มรักกันจริง ทำให้ไม่ว่าโกรธกันแค่ใหน แต่เมื่อเจอกันก็หายโกรธ และคืนดีให้อภัยกันทุกครั้งครับ
ปีที่สอง ผมเรียนจบแล้วแต่แต่ เค้าก็ยังต้องเรียน ต่อ ผมจึงต้องกลับมาทำงาน คนละจังหวัดกัน และผมต้องเรียน ป.โท เฉพาะด้านมากขึ้น เราเริ่มห่างกัน เราเริ่มทะเละมากขึ้น เพราะเราต่างคนต่างมี ภาระหน้าที่ หนักเช่นกาน ผมลืมบอกไปครับ เราเป็นหมอเหมือนกัน เป็นผมเลือกที่จะเป็นหมอทางเลือก ตอนที่เค้าต้องที่ฝึกหัดเป็นหมออยู่เวร รพ. เรามีปัญญาเรื่องไม่มีเวลาว่างตรงบ่อยมาก และพอผมทำงานทำคลินิกส่วนตัว เราก็ไม่มีเวลาเจอกันบ่อย เราอาศัยใครว่าง ก็ มาหากัน ผมว่างผมก็ขึ้นไปหาเค้าที่ รพ.ต่างจังหวัดที่ผมอยู่ แต่เมื่อเค้าว่า เค้ามาหาผม เราอยู่กันประมาณ 400 กิโลเมตร แต่เราก็ได้เจอกันเมื่อเราว่าง แต่คำว่า ว่าง.ดูเหมือนจะไม่มี มีไม่มากเหมือนคู่รักอื่น หนึ่งเดือนที่เจอเพียง 1-2 วัน หรือบางเดือนก็ไม่มีโอกาสได้เจอกัน เลยครับ
ปีที่สาม เรา ก็คบกันด้วยความเชื่อใจกัน แต่ก็มีปัญหาบ่อยมาก ในเรื่อง เวลา เรื่องความใม่ใจ แต่กันนอกใจกัน มีแอบพูดคุย กับคนอื่น ความไม่ความลับต่อกับ แม้แต่ โทรศัพท์ เฟศบุ๊ค เราก็มีรหัสของกันเเละกัน จนเราก็มีเรื่องทะเละ การของไกลกัน แล้วมีคนอื่น แอบคบ เเอบคุย กับคนอื่น หลายครั้งมากขึ้น เธอเราจะอ้างว่า เพราะเราไม่เข้าใจกัน แล้วมักบอกเลิกกัน ห่างกันไม่สนใจ เธอเปิดโอกาสคบคนอ ื่น คุยกับคนอื่น จนสุดท้ายผมก็ยอมให้อภัย จนกลับมาคบกานต่อ พยายามทำทุกอย่างเพื่อกลับมาให้ เป็นเหมือนเดิม
ยอมเหนือยเดินทางไปหาเค้าบ่อยขั้น (นั่งรถไฟ เพราะไม่ชอบขับรถยนต์ทางไกล) ยอมทิ้งอนาคตบ้างอย่างเพื่อได้ให้เึค้ากลับมา อยู่กันเหมือนเดิน เพราะ ในเวลานั้นรู้ว่าชีวิตตนเอง ขาดเค้าไม้ได้อยากดูเเลครับ ไม่อยากให้เค้าไปมีใคร ไม่อยากให้เวลาสามปีที่ผ่าน สูญเสียไป
ผมยอมรับความผิดทุกอย่าง ที่ผิดไป ทั้งเรื่องเราที่ไม่มีเวลาให้เค้า เลือกที่จะสร้างอนาคต ได้ซื้อบ้าน ซื้ออาคาร ซื้อรถ ว่างแผนชีวิต คิดหวังเพียงว่างจะได้ให้มีอนาคตที่มั่นคงเร็วที่สุด เพราะผมทำงานก่อน วางแผนซื้อกองทุนเป็นเงินออมเผือไปเงินทุนช่วยเวลาเค้าจะเรียนเฉพาะทาง วางแผนที่จะมาสร้างอนาคตด้วยด้วยกัน จนละลายอะไรไปหลายอย่าง สุดท้ายเมื่อเวลาทะเละกันผมก็เป็นฝ่ายที่จะเดินออกมา ไม่สนใจเค้า ไม่ติดต่อเค้า บ้างครั้งเป็น 2-3 อาทิตย์ แต่ก็ทำได้ไม่เกินนี้ก็ต้องกลับไปง้อเค้าทุกครั้ง อย่าที่บอกครับ มันคือความผูกพันธ์ไม่แล้ว สำหรับเค้าผมขาดเค้าไม่ได้ในเวลานั้น
แค่คิดว่าจะเลิกกัน ใจผมก็เหมือนจะหยุดเต็น
อาจเป็นเพราะอะไรหลายอย่าง เพราะผมไม่เคยรู้สึกผูกพันธ์และรักกับผู้ชายมาก่อน อาจเป้นเพราะเราผ่านอะไรกันมาเยอะมากๆ และใช้เวลาที่มีทุ่มเท กับรักครั้งนี้มาก จนเพื่อนๆบอกว่า พอเถอะเหนื่อยๆ เเทนผม แต่ผมก็ขอทำตามใจขอผม ในการให้อภัยเค้าทักอย่าง และขอให้เค้าให้อภัยผมที่อย่างเช่นกัน
เเละมีอยู่ เหตุการณ์หนึ่ง เมื่อสงกราต์วันที่ 14 เมษายน ปี 2557 ผมกับเค้าได้อยู่ด้วยและไปเที่ยว สงกรานที่จังหวัดตรัง วันนั้นผมกับเค้าทะเละนิดหน่อย จนมีเหตุกราณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเราขับรถยนต์ไปเที่ยวทะเล ผมเป็นคนขับ และเกิดอุบัติหตุ รถเสียหลักลงข้างทาง ถือว่าเราทั้งสองยังมีบุญที่ไม่เจ็บอะไร มีเเต่รถเสียหายเล็กน้อย ซึ่งเหตุการณืทำให้ผมเหมือนว่า เราจะทั้งสองรอกตายมาด้วยกัน สิ่งที่ผมต้องทำต่อจากนั้น ดูการดูแลกันและกัน
ทำให้กล้าตัดสินใจกลับตัวเองว่าจะ สร้างอนาคตครอบครับกลับเค้า ถึงเเม้มันจะเป็นไปได้ยากระหว่างผมกับเค้า (แบบผู้กับผู้ชาย) แต่เพราะความรักเหลาะทำให้ผมกล้ามองข้ามทุกอย่าง แม้แต่สถานะทางสังคม ครอบครัวที่ไม่อาจจะยอมรับได้ เพราะผมเป็นลูกชายคนจีนที่ครอบครับห่วง และคาดหวังพอสมควร แต่ผมก็ตัดสินใจจะมีชีวิต ครอบครับกับเค้าครับ ในใจบอกว่าผมต้องดูแลคน คนนี้ไปจนผมตาย เพราะรักเค้ามาก
เมือปีที่ 4 ผมจำได้เค้าเรียนจบเป็นหมด เค้าเริ่มมีอยากที่หนักขึ้นเช่นกัน มีเวลา เจอกันน้อยลงไปอีก ส่วนผมก็พยายามไปหาเค้า และเราก็ยังคงทะเละกันบ้าง เพราะบทบาทหน้าเราทำให้เราไม่มีเวลาเเม้จะได้คุยกัน เวลาคุยกันกลายเป็นเวลาปรับความเข้าใจกัน แสดงความน้อยใจกัน ทะเละกัน จนเราบอกกันเราหยุดคุยกันสักพัก เพราะต่างคนต่างเหนื่อย แต่สัญญา่าจะไม่มีใคร
แต่ผมก็ทำไม่ได้ ก้ต้องเป็นฝ่ายง้อเค้า อีกเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งที่ผมรับรู้ได้เค้าเริ่มมีคนอื่น เริ่มคบ คนอื่น แต่ที่มากกว่านักคือเค้าต้องกันคู่นอนที่ที่ ไม่ต้องการความผูกพันธ์ ที่ผมไม่สามารถอยู่ด้วยกับเค้าตอนเวลาได้
จนวันนึ่งก็มาถึง ในวันที่เรา สัญญากันแล้วเราจะไม่มีใคร ไม่คบกับใครไม่คุยกับใคร ไม่หาใครมามีสัมพันธ์เเบบชั่วคราว อีก แต่สุดท้ายเค้าก็ทำไม่ได้ ผมจับได้เค้ายังพยายามหาใคร มานอนด้วย มาคุยด้วย
เค้าเริ่มเปลี่ยนไป ผมโทรไปไม่ค่อยรับ แต่เอาเบอร์อื่นโทรไปแล้วรับ ทักเเชท์ไปไม่ตอบ แต่ให้เพื่อนทักไปด้วยตอบ จนผมใช้แชทของเพื่อนเพื่อคุยกับเค้า สิ่งที่เกิดขึ้น เค้าบอกว่าตัวเองยังโสด และอยากเจอ นัดไปนอนดัวยกัน ให้เบอร์มา ซึ่งเป็นเบอร์ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนมาเค้ามี ผมโทรไปได้เสียงเค้ารับ ใจผมสั่นเหมือนจะหยุดเต้น สุดท้ายเค้าก็ยังไม่ยอมรับรับว่าเป็นเค้า แก้ตัวต่างๆ หาว่าผมคอยแต่จะจับผิดผบ้างละ กลายเป็นผมเป็นคนผิดที่ไปรับรู้การกระทำขอเค้า จนเราไม่รับสายผม ในวันที่โทรไปเป็นร้อยสาย นี่คือจุดเปลี่ยนให้ผม ต้องเลือกเดินออกมา บอกว่าครั้งนี้จะไม่ขออภัยเค้าคนนี้อีกแล้ว
ถามว่ายังรักเค้าอีกใหม ตอบได้ก็ยังรักนะครับ แต่ความเจ็บในครั้งนั้นทำให้รู้ว่า ควรจะรักตัวเองมากกว่า เพราะหัวใจตัวเองที่กำลังจำหยุดเย็นมันทรมานมาก ไม่สามารถให้บอกถึงความเจ็บปวดนั้นได้เลย (เพราะตลอดเวลา ประมาณ 4 ปีที่คบกันผมเจอเรื่องนี้มาโดยตอลอด หลายครั้งต่อหลายครั้งที่ผมให้ภัย)
เหตุการณ์วันนั้น ตรงกับวันที่ 14 เมษายน 58 วันที่ผมไม่ติดต่อไม่โทรหา เค้าอีกเลย จนผมคิดว่าในชาตินี้จะไม่ให้อภัยผุ้ชายคนนี่อีกที่ทำให้เพราะเสียเวลากับความจริงอันจอมปลอม ความรักเเบบผู้ชายกับผู้ชายที่มีคนเตือนตลอดว่า เป็นไปไม่ได้หรอก..ที่จะจริงจัง ยั่งยืน และคิดว่าวันหนึ่งก็้ต้องมาใครหลายที่ต้องโดนเค้าทำเช่นเดียวกับผม
ผมใช้วันเวลานานพอสมควรที่จะลืมเค้า ยากมากพอเลย เป็นช่วงชีวิตที่เหมือนสูญเสียชีวิตชีวาไปมาก ไม่มีแรงทำงาน ไม่แรงสู้ชีวิต จนได้คุณแม่ให้กำลังใจ ปฎิบัติธรรม
จนลืมเค้าไปได้ เหมือนว่าเคยรู้จักเค้าเพียงบทเรียนวิชานึ่งในชีวิต แต้ก็ไม่สามารถให้อภัยในตัวเค้าที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจได้แต่โกรธและอาฆาตในจิตว่าขอให้วันหนึ้งเค้าได้เจอเหมือนที่เค้าทำกับผมบ้าง จนผมได้เรียนศึกษาธรรม แล้วรู้ว่า ควรอโหสิกรรม กรรมจะไม่ได้เป็นพันธนกรรมจิตกันในภพเบื้องหน้า ผมก็ได้อโหสิกรรมในกรรมในนั้น ทำให้รู้สึกชีวิตผม เบาขึ้นมา ครับ
มีเเรงกลับมาสร้างความสำเร็จให้กับตนเองมากขึ้นในหลายๆอย่าง ทำให้ตัวเองดูมีคุณค่ามากขึ้นผมเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นผู้มีทัศนต่อความก้าวหน้ามากขึ้น จนเรียนต่อปริญญาโทให้จบ และสมัครต่อปริญญาเอก
ขยายคลินิกส่วนตัว ครบวงจรด้านการบริการสุขภาพ (จากเงินออมกองทุนที่เคยเก็บในเค้าเพื่อเรียนต่อ ได้ประมาณ เจ็ดแสนพอดี)
ผมพยายามสร้างอนาคตตนเองให้มั่งคงเพิ่มขึ้น เป็นที่รู้จักในสังคมมากขึ้น
ส่วนเรื่องความรัก ตอนแรกบอกเลยว่าเข็ด ตอนแรกไม่คิดจะคบใครจริงจิงอีกแล้ว เพราะรู้เหนือย และเจ็บกับความผูกพันธ์ แต่ก็มีคนหนึ่งเข้ามา ตอนแรกเป็นเพียงรู้จักกัน พูดคุยเป็นพี่เป็นน้องกัน (ห่างกับ 8 ปี) พี่เค้าเป็นผู้ใหญ่กว่าผมมาก เป็น ผศ.ดร.นพ.ด้านมะเร็ง มาขอคบกับผม บอกว่าอยากดูแลผม ตอนเเรกผมก็ปฏิเสธไป จนตอนนี้บอกเลยว่า แพ้ความดีที่ค่อยดูแล ช่วยเหลือผมในหลายๆเรื่อง เวลาผมอ่อนแอเเละมีปัญหา เเม้เราไม่มีเวลากันให้กันเลย แต่พอเค้าว่างก็มารอผมทำงาน เค้ามีงานเยอะมาก แต่เวลาพี่เค้าทามงาน ก็โทรมาบอกผมตลอดว่า
งานเสร็จตอนนั้น แต่ผมก็ยังไม่กล้าจะจริงมากอยู่ดี เพราะพี่เค้าคนนี้ดูมีภาระหน้าที่ ยิ่งใหญ่ในการดูแลมนุษย์มากกว่าผม ไปต่างประเทศก็บ่อย และต้องไปเป็นอาจารย์แลกเเปลี่ยน อเมริกาอีก ผมกลัวความห่างไกล ไม่รู้จะเกิดไรอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมเลยขอคุยไปก่อน
จนทำให้ผมกลายคนที่ไม่ให้ความ ชันเจนกับพี่เค้า เป็นคำพูดที่พี่เค้าบอกอยู่บ่อยๆ ว่าผมจะเค้า รอให้นานเท่าใหร่ ถึงชัดเจน ผมควรทำอย่างไรดี!!!!
เเต่จะอย่างไรก็ชั่งผมจะไม่ยอมให้ความรักมาทำร้ายความรู้สึกขอผมอีก เหมือนครั้งผ่านมา ขอรักอย่างสติ อย่างมีเหตุผล ครับ อนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ตอนไปนี้ รักตัวเองเป็น และถึงจะรักคนรอบข้างได้ครับ ผมคิดเช่นนี้
สุดท้าย ผมเชื่อว่าเรื่องราวที่ผมที่บันทึก เป็นเพียงบนเรียนหนึ่งของความรักที่ผมที่พบเจอครับ ความรักนั้นมีทั้งทำให้มีกำลังใจ ทำให้เรามีความสุข และทำให้เราเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งขึ้นเช่นกัน เมื่อคิดจะรักไม่ต้องเสียดายวันเวลาที่ผ่านมาและผ่านไปนะครับ นั้นคือบทเรียนแห่งชีวิตครับ วันเวลาไม่เคยทำร้ายความรักหรือชีวิตคู่ขอใครจะครับ มีแต่เราเองที่ทำร้ายความและชีวิตคู่ของเรา เพียงเพราะความต้องการ อารมณ์ หรือเหตุผลต่างๆที่ เราสร้างมาบอกกันว่าเราไปร่วมทางกันไม่ได้ เองครับ ไม่ใช้เป็นเพราะเวลาหรอกครับ เพราะตอนนี้ผมก็ต้องขอบคุณเวลาที่ทำให้ได้เจอและเรียนรู้กับความรัก ที่ผ่านมา แล้วตอนนี้เวลาอีกนั้นเหละที่ทำให้ผมเข้มเเข็ง และได้เจอกับที่ชีวิตที่ดีงามอีก ที่เกิดจากกำลังกายและใจที่เราเอง คนรอบข้างที่ไม่เคยทอดทิ้งผม ผมจึงไม่อยากทำให้คนที่ยังรักผม ครอบครัวผมผิดในตัวผม มีอีกหลายชีวิตอยากให้ช่วยดูแลรักษา
ผมคิดว่าผมคิดถูกเเล้วที่ผมเลือกที่เดินออกมาจากชีวิตใครคนหนึ่ง โดยไม่ทำร้ายหัวใจตนเอง เพราะคิดหากอยู่ในชีวิตเค้าเช่นเดียวผมก็ต้องทนเจ็บปวดและเหนือดเหนือยอีกพอสมควร
ถึงเเม้อาจทำให้ความความรักเป็นเรื่อง น่ากลัวไปบ้าง แต่ก็ทำให้สติมากขึ้นครับ
wNutin
วันนี้ที่ไม่มีเธอ ทำให้ชีวิตผม มีคุณค่าขึ้นครับ.... (โชคดีแล้วจริงปะที่เดินออกมา)
บางครั้งคนที่อยู่ด้วยกันเป็นคู่กัน....ตลอดไม่เกิดจากความรักอย่างเดียว
แต่คงอาศัย ความเข้าใจ ความห่วงใย หรืออีกหลายอย่า ซึ่งนั้นอาจรวมถึงความ ซื่อสัตย์ และซื่อตรงด้วย
ความรักของผมจบไป หนึ่งปีพอดี ในวันที่ 14 เมษายน 2558 ปีที่ผ่านผมรู้สึกเสียใจมาก ในวันนั้น กับการตัองตัดสินใจเลือก ที่จะแยกทางกับคนๆหนึ่งที่ผมรัก
แต่ด้วย หลายเหตุผลที่ต้องตัดใจ คือไม่อยากกลับเจ็บอีกละ ให้อภัยกับความรักที่ไม่จริงใจได้อีกก็คือ การไม่รู้จักพอกับเรื่องความต้องการความใคร่ ......
ความรักระหว่างผู้ชาย ผู้ชายครับ
ผมกับแฟนเก่าคบมา เกือบ ครบ 4 ปีครับ เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนผมกับเค้ายังเรียน มหาวิทยาลัยใกล้ๆกัน ตอนแรกที่คบกันก็เพียงคิดว่าจะรุ้จัก คบเพียงเพราะเราพูดคุยกันได้ ปรึกษากันได้ ไปใหนเที่ยวกันได้ แต่พอคบกันๆ ก็รู้สึกรักกัน มีความเป็นห่วงกัน อยากดูแลกัน ไปมาหากัน (แต่ก็ไม่มีใครรับรู้นอกจาก คนที่เราสนิทจริงๆ) โดยผมกับเค้าก็เป็นคนไม่เปิดเผยความรักเป็นนี้ และไม่อยากให้สังคมรับรู้ ไปใหนด้วยกันก็ไม่บอกสถานะกับ หรือบอกว่าอยู่ด้วยกัน คบกัน
ในช่วงแรกรู้สึกมีความสุข กับการรักกัน เพราะผมก็พอจะรู้ว่าเค้าก็รักผมเหมือนกัน เราไปใหนมาใหน ต้องติดต่อบอกกันตลอด เรามีเงื่อนไข ที่ต้องดูแลความรู้สึกขอกันตลอดครับ สัญญาในความรักต่อกัน
ปีแรกผมกับเค้าก็มี เราอยู้ไกล้กัน เจอกันเกือบวัน ไปใหนกัน ทานข้าวด้วยกัน ดูหนังกันทุกอาทิตย์ ไปเที่ยวด้วย โทรหาทุกคืน วันละหลายรอย แต่ก็มีทะเละกันบ้าง ด้วยความไม่เข้าใจและ นิสัยของกัน และกัน แต่ก็กลับมาปรับความเข้าใจกันได้ทุกครั้ง เพราะเราเพิ่มรักกันจริง ทำให้ไม่ว่าโกรธกันแค่ใหน แต่เมื่อเจอกันก็หายโกรธ และคืนดีให้อภัยกันทุกครั้งครับ
ปีที่สอง ผมเรียนจบแล้วแต่แต่ เค้าก็ยังต้องเรียน ต่อ ผมจึงต้องกลับมาทำงาน คนละจังหวัดกัน และผมต้องเรียน ป.โท เฉพาะด้านมากขึ้น เราเริ่มห่างกัน เราเริ่มทะเละมากขึ้น เพราะเราต่างคนต่างมี ภาระหน้าที่ หนักเช่นกาน ผมลืมบอกไปครับ เราเป็นหมอเหมือนกัน เป็นผมเลือกที่จะเป็นหมอทางเลือก ตอนที่เค้าต้องที่ฝึกหัดเป็นหมออยู่เวร รพ. เรามีปัญญาเรื่องไม่มีเวลาว่างตรงบ่อยมาก และพอผมทำงานทำคลินิกส่วนตัว เราก็ไม่มีเวลาเจอกันบ่อย เราอาศัยใครว่าง ก็ มาหากัน ผมว่างผมก็ขึ้นไปหาเค้าที่ รพ.ต่างจังหวัดที่ผมอยู่ แต่เมื่อเค้าว่า เค้ามาหาผม เราอยู่กันประมาณ 400 กิโลเมตร แต่เราก็ได้เจอกันเมื่อเราว่าง แต่คำว่า ว่าง.ดูเหมือนจะไม่มี มีไม่มากเหมือนคู่รักอื่น หนึ่งเดือนที่เจอเพียง 1-2 วัน หรือบางเดือนก็ไม่มีโอกาสได้เจอกัน เลยครับ
ปีที่สาม เรา ก็คบกันด้วยความเชื่อใจกัน แต่ก็มีปัญหาบ่อยมาก ในเรื่อง เวลา เรื่องความใม่ใจ แต่กันนอกใจกัน มีแอบพูดคุย กับคนอื่น ความไม่ความลับต่อกับ แม้แต่ โทรศัพท์ เฟศบุ๊ค เราก็มีรหัสของกันเเละกัน จนเราก็มีเรื่องทะเละ การของไกลกัน แล้วมีคนอื่น แอบคบ เเอบคุย กับคนอื่น หลายครั้งมากขึ้น เธอเราจะอ้างว่า เพราะเราไม่เข้าใจกัน แล้วมักบอกเลิกกัน ห่างกันไม่สนใจ เธอเปิดโอกาสคบคนอ ื่น คุยกับคนอื่น จนสุดท้ายผมก็ยอมให้อภัย จนกลับมาคบกานต่อ พยายามทำทุกอย่างเพื่อกลับมาให้ เป็นเหมือนเดิม
ยอมเหนือยเดินทางไปหาเค้าบ่อยขั้น (นั่งรถไฟ เพราะไม่ชอบขับรถยนต์ทางไกล) ยอมทิ้งอนาคตบ้างอย่างเพื่อได้ให้เึค้ากลับมา อยู่กันเหมือนเดิน เพราะ ในเวลานั้นรู้ว่าชีวิตตนเอง ขาดเค้าไม้ได้อยากดูเเลครับ ไม่อยากให้เค้าไปมีใคร ไม่อยากให้เวลาสามปีที่ผ่าน สูญเสียไป
ผมยอมรับความผิดทุกอย่าง ที่ผิดไป ทั้งเรื่องเราที่ไม่มีเวลาให้เค้า เลือกที่จะสร้างอนาคต ได้ซื้อบ้าน ซื้ออาคาร ซื้อรถ ว่างแผนชีวิต คิดหวังเพียงว่างจะได้ให้มีอนาคตที่มั่นคงเร็วที่สุด เพราะผมทำงานก่อน วางแผนซื้อกองทุนเป็นเงินออมเผือไปเงินทุนช่วยเวลาเค้าจะเรียนเฉพาะทาง วางแผนที่จะมาสร้างอนาคตด้วยด้วยกัน จนละลายอะไรไปหลายอย่าง สุดท้ายเมื่อเวลาทะเละกันผมก็เป็นฝ่ายที่จะเดินออกมา ไม่สนใจเค้า ไม่ติดต่อเค้า บ้างครั้งเป็น 2-3 อาทิตย์ แต่ก็ทำได้ไม่เกินนี้ก็ต้องกลับไปง้อเค้าทุกครั้ง อย่าที่บอกครับ มันคือความผูกพันธ์ไม่แล้ว สำหรับเค้าผมขาดเค้าไม่ได้ในเวลานั้น
แค่คิดว่าจะเลิกกัน ใจผมก็เหมือนจะหยุดเต็น
อาจเป็นเพราะอะไรหลายอย่าง เพราะผมไม่เคยรู้สึกผูกพันธ์และรักกับผู้ชายมาก่อน อาจเป้นเพราะเราผ่านอะไรกันมาเยอะมากๆ และใช้เวลาที่มีทุ่มเท กับรักครั้งนี้มาก จนเพื่อนๆบอกว่า พอเถอะเหนื่อยๆ เเทนผม แต่ผมก็ขอทำตามใจขอผม ในการให้อภัยเค้าทักอย่าง และขอให้เค้าให้อภัยผมที่อย่างเช่นกัน
เเละมีอยู่ เหตุการณ์หนึ่ง เมื่อสงกราต์วันที่ 14 เมษายน ปี 2557 ผมกับเค้าได้อยู่ด้วยและไปเที่ยว สงกรานที่จังหวัดตรัง วันนั้นผมกับเค้าทะเละนิดหน่อย จนมีเหตุกราณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเราขับรถยนต์ไปเที่ยวทะเล ผมเป็นคนขับ และเกิดอุบัติหตุ รถเสียหลักลงข้างทาง ถือว่าเราทั้งสองยังมีบุญที่ไม่เจ็บอะไร มีเเต่รถเสียหายเล็กน้อย ซึ่งเหตุการณืทำให้ผมเหมือนว่า เราจะทั้งสองรอกตายมาด้วยกัน สิ่งที่ผมต้องทำต่อจากนั้น ดูการดูแลกันและกัน
ทำให้กล้าตัดสินใจกลับตัวเองว่าจะ สร้างอนาคตครอบครับกลับเค้า ถึงเเม้มันจะเป็นไปได้ยากระหว่างผมกับเค้า (แบบผู้กับผู้ชาย) แต่เพราะความรักเหลาะทำให้ผมกล้ามองข้ามทุกอย่าง แม้แต่สถานะทางสังคม ครอบครัวที่ไม่อาจจะยอมรับได้ เพราะผมเป็นลูกชายคนจีนที่ครอบครับห่วง และคาดหวังพอสมควร แต่ผมก็ตัดสินใจจะมีชีวิต ครอบครับกับเค้าครับ ในใจบอกว่าผมต้องดูแลคน คนนี้ไปจนผมตาย เพราะรักเค้ามาก
เมือปีที่ 4 ผมจำได้เค้าเรียนจบเป็นหมด เค้าเริ่มมีอยากที่หนักขึ้นเช่นกัน มีเวลา เจอกันน้อยลงไปอีก ส่วนผมก็พยายามไปหาเค้า และเราก็ยังคงทะเละกันบ้าง เพราะบทบาทหน้าเราทำให้เราไม่มีเวลาเเม้จะได้คุยกัน เวลาคุยกันกลายเป็นเวลาปรับความเข้าใจกัน แสดงความน้อยใจกัน ทะเละกัน จนเราบอกกันเราหยุดคุยกันสักพัก เพราะต่างคนต่างเหนื่อย แต่สัญญา่าจะไม่มีใคร
แต่ผมก็ทำไม่ได้ ก้ต้องเป็นฝ่ายง้อเค้า อีกเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งที่ผมรับรู้ได้เค้าเริ่มมีคนอื่น เริ่มคบ คนอื่น แต่ที่มากกว่านักคือเค้าต้องกันคู่นอนที่ที่ ไม่ต้องการความผูกพันธ์ ที่ผมไม่สามารถอยู่ด้วยกับเค้าตอนเวลาได้
จนวันนึ่งก็มาถึง ในวันที่เรา สัญญากันแล้วเราจะไม่มีใคร ไม่คบกับใครไม่คุยกับใคร ไม่หาใครมามีสัมพันธ์เเบบชั่วคราว อีก แต่สุดท้ายเค้าก็ทำไม่ได้ ผมจับได้เค้ายังพยายามหาใคร มานอนด้วย มาคุยด้วย
เค้าเริ่มเปลี่ยนไป ผมโทรไปไม่ค่อยรับ แต่เอาเบอร์อื่นโทรไปแล้วรับ ทักเเชท์ไปไม่ตอบ แต่ให้เพื่อนทักไปด้วยตอบ จนผมใช้แชทของเพื่อนเพื่อคุยกับเค้า สิ่งที่เกิดขึ้น เค้าบอกว่าตัวเองยังโสด และอยากเจอ นัดไปนอนดัวยกัน ให้เบอร์มา ซึ่งเป็นเบอร์ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนมาเค้ามี ผมโทรไปได้เสียงเค้ารับ ใจผมสั่นเหมือนจะหยุดเต้น สุดท้ายเค้าก็ยังไม่ยอมรับรับว่าเป็นเค้า แก้ตัวต่างๆ หาว่าผมคอยแต่จะจับผิดผบ้างละ กลายเป็นผมเป็นคนผิดที่ไปรับรู้การกระทำขอเค้า จนเราไม่รับสายผม ในวันที่โทรไปเป็นร้อยสาย นี่คือจุดเปลี่ยนให้ผม ต้องเลือกเดินออกมา บอกว่าครั้งนี้จะไม่ขออภัยเค้าคนนี้อีกแล้ว
ถามว่ายังรักเค้าอีกใหม ตอบได้ก็ยังรักนะครับ แต่ความเจ็บในครั้งนั้นทำให้รู้ว่า ควรจะรักตัวเองมากกว่า เพราะหัวใจตัวเองที่กำลังจำหยุดเย็นมันทรมานมาก ไม่สามารถให้บอกถึงความเจ็บปวดนั้นได้เลย (เพราะตลอดเวลา ประมาณ 4 ปีที่คบกันผมเจอเรื่องนี้มาโดยตอลอด หลายครั้งต่อหลายครั้งที่ผมให้ภัย)
เหตุการณ์วันนั้น ตรงกับวันที่ 14 เมษายน 58 วันที่ผมไม่ติดต่อไม่โทรหา เค้าอีกเลย จนผมคิดว่าในชาตินี้จะไม่ให้อภัยผุ้ชายคนนี่อีกที่ทำให้เพราะเสียเวลากับความจริงอันจอมปลอม ความรักเเบบผู้ชายกับผู้ชายที่มีคนเตือนตลอดว่า เป็นไปไม่ได้หรอก..ที่จะจริงจัง ยั่งยืน และคิดว่าวันหนึ่งก็้ต้องมาใครหลายที่ต้องโดนเค้าทำเช่นเดียวกับผม
ผมใช้วันเวลานานพอสมควรที่จะลืมเค้า ยากมากพอเลย เป็นช่วงชีวิตที่เหมือนสูญเสียชีวิตชีวาไปมาก ไม่มีแรงทำงาน ไม่แรงสู้ชีวิต จนได้คุณแม่ให้กำลังใจ ปฎิบัติธรรม
จนลืมเค้าไปได้ เหมือนว่าเคยรู้จักเค้าเพียงบทเรียนวิชานึ่งในชีวิต แต้ก็ไม่สามารถให้อภัยในตัวเค้าที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจได้แต่โกรธและอาฆาตในจิตว่าขอให้วันหนึ้งเค้าได้เจอเหมือนที่เค้าทำกับผมบ้าง จนผมได้เรียนศึกษาธรรม แล้วรู้ว่า ควรอโหสิกรรม กรรมจะไม่ได้เป็นพันธนกรรมจิตกันในภพเบื้องหน้า ผมก็ได้อโหสิกรรมในกรรมในนั้น ทำให้รู้สึกชีวิตผม เบาขึ้นมา ครับ
มีเเรงกลับมาสร้างความสำเร็จให้กับตนเองมากขึ้นในหลายๆอย่าง ทำให้ตัวเองดูมีคุณค่ามากขึ้นผมเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นผู้มีทัศนต่อความก้าวหน้ามากขึ้น จนเรียนต่อปริญญาโทให้จบ และสมัครต่อปริญญาเอก
ขยายคลินิกส่วนตัว ครบวงจรด้านการบริการสุขภาพ (จากเงินออมกองทุนที่เคยเก็บในเค้าเพื่อเรียนต่อ ได้ประมาณ เจ็ดแสนพอดี)
ผมพยายามสร้างอนาคตตนเองให้มั่งคงเพิ่มขึ้น เป็นที่รู้จักในสังคมมากขึ้น
ส่วนเรื่องความรัก ตอนแรกบอกเลยว่าเข็ด ตอนแรกไม่คิดจะคบใครจริงจิงอีกแล้ว เพราะรู้เหนือย และเจ็บกับความผูกพันธ์ แต่ก็มีคนหนึ่งเข้ามา ตอนแรกเป็นเพียงรู้จักกัน พูดคุยเป็นพี่เป็นน้องกัน (ห่างกับ 8 ปี) พี่เค้าเป็นผู้ใหญ่กว่าผมมาก เป็น ผศ.ดร.นพ.ด้านมะเร็ง มาขอคบกับผม บอกว่าอยากดูแลผม ตอนเเรกผมก็ปฏิเสธไป จนตอนนี้บอกเลยว่า แพ้ความดีที่ค่อยดูแล ช่วยเหลือผมในหลายๆเรื่อง เวลาผมอ่อนแอเเละมีปัญหา เเม้เราไม่มีเวลากันให้กันเลย แต่พอเค้าว่างก็มารอผมทำงาน เค้ามีงานเยอะมาก แต่เวลาพี่เค้าทามงาน ก็โทรมาบอกผมตลอดว่า
งานเสร็จตอนนั้น แต่ผมก็ยังไม่กล้าจะจริงมากอยู่ดี เพราะพี่เค้าคนนี้ดูมีภาระหน้าที่ ยิ่งใหญ่ในการดูแลมนุษย์มากกว่าผม ไปต่างประเทศก็บ่อย และต้องไปเป็นอาจารย์แลกเเปลี่ยน อเมริกาอีก ผมกลัวความห่างไกล ไม่รู้จะเกิดไรอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมเลยขอคุยไปก่อน
จนทำให้ผมกลายคนที่ไม่ให้ความ ชันเจนกับพี่เค้า เป็นคำพูดที่พี่เค้าบอกอยู่บ่อยๆ ว่าผมจะเค้า รอให้นานเท่าใหร่ ถึงชัดเจน ผมควรทำอย่างไรดี!!!!
เเต่จะอย่างไรก็ชั่งผมจะไม่ยอมให้ความรักมาทำร้ายความรู้สึกขอผมอีก เหมือนครั้งผ่านมา ขอรักอย่างสติ อย่างมีเหตุผล ครับ อนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ตอนไปนี้ รักตัวเองเป็น และถึงจะรักคนรอบข้างได้ครับ ผมคิดเช่นนี้
สุดท้าย ผมเชื่อว่าเรื่องราวที่ผมที่บันทึก เป็นเพียงบนเรียนหนึ่งของความรักที่ผมที่พบเจอครับ ความรักนั้นมีทั้งทำให้มีกำลังใจ ทำให้เรามีความสุข และทำให้เราเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งขึ้นเช่นกัน เมื่อคิดจะรักไม่ต้องเสียดายวันเวลาที่ผ่านมาและผ่านไปนะครับ นั้นคือบทเรียนแห่งชีวิตครับ วันเวลาไม่เคยทำร้ายความรักหรือชีวิตคู่ขอใครจะครับ มีแต่เราเองที่ทำร้ายความและชีวิตคู่ของเรา เพียงเพราะความต้องการ อารมณ์ หรือเหตุผลต่างๆที่ เราสร้างมาบอกกันว่าเราไปร่วมทางกันไม่ได้ เองครับ ไม่ใช้เป็นเพราะเวลาหรอกครับ เพราะตอนนี้ผมก็ต้องขอบคุณเวลาที่ทำให้ได้เจอและเรียนรู้กับความรัก ที่ผ่านมา แล้วตอนนี้เวลาอีกนั้นเหละที่ทำให้ผมเข้มเเข็ง และได้เจอกับที่ชีวิตที่ดีงามอีก ที่เกิดจากกำลังกายและใจที่เราเอง คนรอบข้างที่ไม่เคยทอดทิ้งผม ผมจึงไม่อยากทำให้คนที่ยังรักผม ครอบครัวผมผิดในตัวผม มีอีกหลายชีวิตอยากให้ช่วยดูแลรักษา
ผมคิดว่าผมคิดถูกเเล้วที่ผมเลือกที่เดินออกมาจากชีวิตใครคนหนึ่ง โดยไม่ทำร้ายหัวใจตนเอง เพราะคิดหากอยู่ในชีวิตเค้าเช่นเดียวผมก็ต้องทนเจ็บปวดและเหนือดเหนือยอีกพอสมควร
ถึงเเม้อาจทำให้ความความรักเป็นเรื่อง น่ากลัวไปบ้าง แต่ก็ทำให้สติมากขึ้นครับ
wNutin