จบเมืองนอก เกรดเกือบ4.00 ตกงานค่ะ 55555+ข้อคิดให้น้องๆที่คิดจะไปเรียนต่อเมืองนอกแบบยังไม่มีประสบการณ์หรือมีนิดนึง

ยืมล็อกอินเพื่อนมาใช้นะคะ
เลข 555555+ ข้างบนคือหัวเราะกลบเกลื่อนความเศร้าค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า เราเรียนจบม.รัฐชื่อดังด้านนิติศาสตร์ของประเทศไทย
ตอนเรียนนี่เกรดอย่างดีเลยค่ะ จบมาด้วยเกียรตินิยมแบบเก๋ๆ
บางวิชาเรียนดีจนได้ท็อปชั้นคะแนนดิบเกือบเต็มร้อยก็มี
คิด(เอง)มาตลอดว่าเรียนเก่งแบบนี้อนาคตน่าจะไปได้สวย ฮูเล่~

ที่ไหนได้... ชีวิตจริงมันไม่สวยค่ะ

ก่อนไปเรียนต่อเราทำงานก่อนที่หนึ่ง
ไม่ใช่สายลอว์เฟิร์มเพราะอยากทำด้านที่ชอบก่อน (เป็นกม.มหาชน)
แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่า ทำแค่ปีเดียว คะแนนด้านกม.เอกชนก็ดีมาก
เดี๋ยวก็ไปเรียนเมืองนอก กลับมาคงได้งานลอว์เฟิร์ม เงินเดือนหลายๆหมื่นๆได้ง่ายๆ หรืออยากทำมหาชนต่อก็ไม่ลำบาก
อีกอย่างภาษาอังกฤษเรา(คิดว่า)ก็ไม่ขี้เหร่นะ

เราเลือกอเมริกาฯ เพราะชอบประเทศนี้ คนไปเรียนต่อกันน้อยลง เพราะขั้นตอนการสมัครยาก
โทเฟลก็สอบยาก กว่าจะได้ถึง 100 นี่เลือดตาแทบกระเด็น เพื่อนๆส่วนใหญ่ไปอังกฤษกันมากกว่า
แต่ด้วยแรงผลักดันที่มีความฝันว่าอยากเรียนอเมริกามาตั้งแต่เด็ก ก็ทำให้เราทำได้สำเร็จ
เราได้ตอบรับจากมหาลัยอันดับต้นๆของอเมริกา ด้านเฉพาะที่อยากเรียนติดอันดับ 1ใน3 ของประเทศ
อ้อ..​ไปแบบทุนตัวเองนะคะ คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้สนับสนุน
(บ้านไม่รวยมาก แต่ก็ไม่ลำบากค่ะ เห็นว่าเป็นความใฝ่ฝันสูงสุดของลูก ก็เลยยอม --
คหสตของที่บ้านคิดว่าการศึกษา และชื่อเสียงของโปรแกรมจะอยู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต ดีกว่าเอาไปซื้อรถเบ๊นซ์ ซื้อคอนโด)

พอไปถึงเราก็ตั้งใจเรียนเหมือนเดิม เลือกลงวิชาที่น่าสนใจ
วิชาไหนคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ถ้ากลับมาหางานเมืองไทยเราลงเรียนหมด
สายด้านการเงิน การคลัง หลักทรัพย์ อนุญาโตตุลาการระหว่างปท. กม.บริษัท สัญญา การธนาคาร การลงทุน โปรเจคระหว่างปท. เราลงหมด
(วิชาพวกนี้ ต่อให้เป็นกม.อเมริกา แต่ก็ไม่ต่างกับที่ใช้ทำงานในไทย หรือประเทศไหนๆค่ะ อย่าเพิ่งเถียง ว่า อ้าว ก็แกเรียนกม.เมกา)

เรียนหนักมากก ลงไปเทอมละ 7-8 วิชา แม็กซิมั่มเครดิตให้แค่ไหน เราเรียนอัดเต็มทั้งสองเทอม...​
เรียนแบบจริงจัง เราเก็บเกี่ยวเต็มที่ให้สมกับค่าเทอมแสนแพงที่จ่ายไป เราต้องเป็นที่ปรึกษากม.ที่รู้รอบด้าน เป็นหน้าเป็นตาให้คนไทย
แล้วเราก็ทำได้ดีค่ะ เราได้ A รวดหมดในเทอมแรก มีเอบวกบ้าง เอเฉยๆ เอลบบ้าง

พอหมดเทอมแรกเราก็เริ่มกังวลเรื่องหางาน เราเริ่มวางแผนว่าจะสมัครที่ไหน อย่างไรบ้าง
อ่านเจอในพันทิปก็มีแต่คนบอกว่า ไม่มีปสก. ก็ยากหน่อย.... เรากังวลถึงขั้นมาตั้งกระทู้ถาม (ยืมล็อกอินเพื่อนอีกคน..)

บวกกับความนอยว่าหางานยาก พอเทอมสองก็ขยันอีก เพื่อนคนไทยสามสี่คนในมหาลัยลงวิชาสบายๆกันขอให้จบๆ
เราขอลงวิชาที่น่ามีประโยชน์ไว้ก่อน ต่อให้ยาก แต่ก็ขอให้คุ้ม
สุดท้ายเราก็เรียนจบ ได้เกรดเกือบ 4.00 ได้เกียรตินิยม ได้สายเฉพาะด้าน ได้ใบเซอร์ ทุกใบที่ทางคณะจะให้ได้
เพื่อนคนไทยคนอื่นได้เกรดกันแค่สามต้นๆ (เทียบให้รู้ว่า มหาลัยเราไม่ปล่อยเกรดกันง่ายๆค่ะ)
ตอนรับปริญญา ก็มีแต่คนชม... บอกว่าต้องได้งานดี ต้องมีอนาคตสดใส...


พอกลับมาเมืองไทย เท่านั้นล่ะ... ที่ความจริงของชีวิตเริ่มเดินเข้ามาตบหน้าเราดัง "ป้าบๆ"


เรายื่นใบสมัครลอว์เฟิมไปเป็นสิบๆ ไปทุกแห่ง แต่.......มีแค่ "สอง" ที่ค่ะ .... ที่เรียกเราสัมภาษณ์ (ในช่วง 5-6 เดือน)
ซึ่งพอไปสัมภาษณ์ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศไม่เป็นมิตร... นี่เรามาสัมภาษณ์นะไม่ได้มาชวนขายตรง
ไปที่แรกให้เราทำข้อสอบสอบเข้า... เอาข้อสอบของ senior มาให้ทำ.... เป็นด้านภาษีระหว่างประเทศ ซึ่งไม่เคยเรียนมาก่อน...
ต่อให้เรียนมารอบด้าน (ยกเว้นภาษี)  ประกอบกับไม่มีประสบการณ์​แถมบอกให้ทำให้เสร็จใน 40 นาที...​แบบนี้ก็ตาย
พอคุยกับ HR ก็ไม่ได้ถามอะไรเรามากมาย เหมือนพูดกับตัวเอง แล้วทึกทักเอาว่าเราเป็นลูกเศรษฐี เพราะเรียนเมกา -_-"
สุดท้าย เราไม่ได้ค่ะ บอกว่าคุณสมบัติไม่เพียงพอ ไม่ผ่านแม้แต่ด่าน HR.... ไม่ทันได้แม้แต่ถึงขั้นตอนคุยกับพาร์ทเนอร์ หรืออะไรใดๆทั้งปวง

ไปสัมภาษณ์อีกที่ ก็ดูไม่ค่อยสนใจอะไร ถามคำถามทั่วๆไป
อยากได้เงินเดือนเท่าไร (เราลดค่าตัวแบบสุดๆ-- เหลือแบบไม่ต้องไปเรียนเมืองนอกก็เรียกได้)..... แต่เราก็ยังไม่ได้


เราคิดว่าและมั่นใจ ทั้งหมดทั้งปวงเป็นเพราะเราไม่มีประสบการณ์ (คิดว่าไม่ได้ไปทำตัวบ้าๆบอๆตอนสัมภาษณ์จนเขาไม่เอาแน่ๆ)
ตอนนี้เวลาผ่านมาครึ่งค่อนปี... พ่อแม่เริ่มเลิกถามแล้วว่าได้งานแล้วยัง ....


ที่มาตั้งกระทู้นี้ก็เพราะอยากแบ่งปัน
ว่าน้องๆหนูๆ รุ่นเด็กๆกว่า อย่าเพิ่งคิดตามเพื่อนไปเรียนเมืองนอกกันเลยนะ....
กลับมามันหางานยากกกกกมากนะ เพราะไม่มีปสก. แถมจะเรียกเรทป.โทแพงๆ ใครๆเขาก็ไม่เห็นค่าตัวเราเท่าไร ไปจ้างเด็กจบ.ตรีดีกว่า
หรือไม่ก็ดันไป Overqualified ของบางที่อีก..

มาถึงตอนนี้บอกเลยว่า ปสก.ทำงานสำคัญกว่าการเรียนมากนักแล~
ไหนจะโดนกดค่าตัว ถูกเมินในทุกๆความพยายามตั้งใจเรียนที่ทำมา  นอย และน้อยใจสุดๆ ไหนจะค่าเทอมที่เสียไป
เอาให้ดี ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เป็นเจ้าของเฟิร์ม หรือเป็นแฟนอยู่กับพาร์ทเนอร์... ขอให้เอาอุทาหรณ์นี้ เป็นข้อคิดเสียหน่อย
*เพราะถ้าก่อนเราตัดสินใจไปเรียน
เรามีโอกาสได้อ่านอะไรแบบนี้ หรือมีคนเตือนเรา เราจะคิดให้รอบด้านกว่านี้


อย่าโลกกสวยแบบเรา เพราะเรื่องจริง มันไม่สวยค่ะ ....​

ส่วนตอนนี้ถามว่าจะทำอะไร เราคิดว่าว่าเราจะไปขายกล้วยแล้วค่ะ  
เห็นในกทม.ขายกล้วยกันแพงมาก ที่บ้านเรามีสวนกล้วย เราจะไปเอามาตั้งขายแถวสถานีรถไฟฟ้า....
เราเหนื่อยกับการชะเง้อรองานแล้วล่ะ....​555555 (หัวเราะกลบเกลื่อนความเศร้าอีกที)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่