สิ้นหวัง

กระทู้สนทนา
เรื่องสั้นของลิสองเรื่องเอามาต่อกันให้เป็นเรื่องใหม่ ติชมได้นะคะ ลิลองทำดูค่ะ




สิ้นหวัง



โดย...ล. วิลิศมาหรา


พาฝันกำลังเดินทางกลับบ้าน เธอลงรถโดยสารประจำทางมาถึงหน้าปากซอยในเวลาค่ำมืดพอดี บนถนนสายที่เธอเดินทางมารถติดอย่างหนัก ถึงแม้เลิกงานเร็วตั้งแต่ยังไม่ห้าโมงเย็น แต่ในที่สุดเธอก็ต้องเสียเวลาไปกับการจราจรอันแสนสาหัส หญิงสาวทั้งร้อนทั้งเหนื่อย เธอไม่ชอบความวุ่นวายสับสน ความเร่งรีบแย่งกันเดินทาง แต่จะทำยังไงได้ เส้นทางชีวิตคนจนไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ

ขนาดหน้าปากซอยติดถนนใหญ่ก็ยังคับคั่งจอแจไปด้วยยวดยานที่ขับขี่ และผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ เพราะไม่กันไกลเท่าไหร่มีตลาดสดตั้งอยู่ คนเหล่านั้นต่างคนต่างขับ ต่างคนต่างเดิน ราวกับฝูงมดฝูงปลวกน่าเวียนหัว วันไหนได้พักอยู่กับบ้านพาฝันจึงรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์

บ้านของหญิงสาววัยยี่สิบห้าปีคือห้องเช่าเล็ก ๆ ในซอยแห่งนี้ ซึ่งมีห้องเดียวพร้อมห้องน้ำในตัว ราคาค่าเช่าไม่แพงนัก เธออาศัยอยู่กับสุจริตสามีที่แสนดีวัยเดียวกัน กับโต้งและเตย ลูกชายหญิงฝาแฝดตัวน้อยอายุห้าขวบหน้าตาน่ารักน่าชัง และวันนี้ยังเป็นวันสำคัญ ทำให้เธออยากกลับไปถึงบ้านให้ไวที่สุด


เดินนึกอย่างดีใจที่จู่ ๆ เกิดมีลูกค้าใจดี ค่าตัวขายบริการของเธอราคาเพียงไม่ถึงพันบาท หลังหักค่าหัวคิวแล้วก็เหลือไม่กี่ร้อย แต่เขายังให้ทิปเพิ่ม ยัดแบงค์พันใส่มือให้อีกใบ ตกลงว่าขณะนี้เธอมีเงินในมือถึงพันกว่าบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้จะช่วยบรรเทาความทุกข์ยากให้กับครอบครัวของเธอไปได้อีกหลายวัน สาวร่างบางเปิดกระเป๋าเงินหยิบเอาแบงค์สีเทาใบเดียวนั้นมากำแน่น และเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน เธอหวังเสี่ยงโชค บางทีพระเจ้าอาจมีเมตตากับเธอบ้างก็ได้ พาฝันสาวเท้าเข้าไปหาแม่ค้าขายลอตเตอรี่เจ้าประจำในตลาดด้วยท่าทางมุ่งมั่น สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวังกับเจ้ากระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแผ่นเล็ก ๆ ที่เรียงกันเป็นตับอยู่บนแผงกระดาษเหนือโต๊ะไม้นั่น

หลายวันแล้วที่ทั้งเธอกับสามีพากันวิตกกังวลกับเงินไม่กี่ร้อยบาทที่เหลืออยู่ในบ้าน พยายามยืดอายุเจ้าแบงกค์ใบละร้อยไม่ให้แตกออกเป็นแบงค์ย่อย ๆ ง่ายจนเกินไป  เพราะถ้าแตกแล้วมันจะหมดลงในเวลาอันรวดเร็ว จนกระทั่งเขาและเธอถึงกับต้องยอมพากันอดมื้อกินมื้อ พอถึงเวลาต้องกินก็หากินข้าวถุงแกงถุง เพราะมันช่วยประหยัดเงินดี ข้าวสองถุง ๆ ละสิบบาท แกงถุงละยี่สิบห้าก็พออิ่มท้องไปได้อีกมื้อ ส่วนลูก ๆ นั้นเป็นข้อยกเว้น ไม่ว่ายังไงเธอยังคงเจียดเงินซื้อหาของกินดี ๆ กับขนมมาให้เสมอ พาฝันมีกำลังใจอยู่เพียงเท่านี้

สุจริตสามีของเธอตกงานมานานเพราะเจ็บป่วยเรื้อรังจากอุบัติเหตุ เขาดูเคร่งเครียดเมื่อเห็นภรรยาเริ่มขายเครื่องประดับไปทีละชิ้นเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในบ้านและวิ่งเต้นพาเขาไปรักษาตัว จนตอนนี้หมดเกลี้ยงทั้งสร้อยทั้งแหวน ซึ่งของพวกนั้นเป็นของหมั้นตอนแต่งงานกันสมัยยังอยู่บ้านนอก เธอรู้ว่ามันถึงคราวจำเป็นจริง ๆ จึงต้องจำใจขายไป

พอเดินมาถึงแผงลอตเตอรี่ พาฝันกวาดตามองหาเลขเด็ดที่คนเขากำลังโจษกันว่าเป็นหวยล็อค เธออยากได้สักใบสองใบเผื่อถูกรางวัล ถ้าถูกที่หนึ่งก็ได้ตั้งสี่ล้าน สองใบก็แปดล้าน มันมากพอที่จะทำให้ความฝันอยากมีบ้านอยู่เป็นของตัวเองเป็นจริงเสียที ไม่ต้องคอยหลบหน้าเจ๊เจ้าของห้องเช่าเก่าโทรมที่ตามทวงค่าเช่าเช้าเย็น เพราะสองสามีภรรยาติดค้างเอาไว้หลายงวด สุจริตจะได้รับการผ่าตัดสมองในโรงพยาบาลดี ๆ อย่างเต็มที่ ไม่ติดขัดเรื่องเงินทอง ส่วนเธอก็จะเปิดร้านตัดเสื้อใหญ่โต หาจักรเย็บผ้ารุ่นใหม่อีกสักคันแทนตัวเดิมที่ขายไปเอาเงินมาซื้อข้าวกินเสียแล้ว          
    
หญิงสาวฝันหวานคิดไปถึงการเก็บรักษาเงิน เธอสงสัยว่าเงินล้านนี่มันจะเยอะขนาดไหนนะ คงเป็นฟ่อน ๆ เต็มกระเป๋าถือใบเล็กของเธอ ที่ผ่านมาเคยจับเงินมากที่สุดแค่หลักพันไม่ถึงหมื่น หญิงสาวฟุ้งซ่านต่อไปอีกว่า ถ้าถูกที่หนึ่งจริงเห็นทีต้องพึ่งธนาคารดีที่สุด แค่เดินเข้าไปหาผู้จัดการบอกเขาว่าถูกรางวัลเดี๋ยวเขาก็บริการให้เอง เคยได้ยินคนเขาพูดกันทำนองนี้ แต่ถ้าพลาดรางวัลใหญ่ ยังไง ๆ ก็ขอให้ถูกเลขท้ายสองตัวก็ยังดี ถึงยามเข้าตาจนไม่มีจะกิน สำหรับเธอแล้ว เงินหลักสิบหลักร้อยก็มีค่ามหาศาลทั้งนั้น ในความคิดของพาฝัน ถ้าหากจะหนีให้ไกลจากความจนคงมีแต่ต้องพึ่งการเสี่ยงโชคเสี่ยงดวง ผู้หญิงไม่มีทางชีวิตให้เลือกอย่างเธอก็ได้แต่หวังพึ่งเรื่องทำนองนี้เท่านั้น เมื่อพอมีเงินบ้าง พาฝันเป็นต้องแวะมาหาซื้อเลขเด็ดที่นี่

กลิ่นอาหารจากแผงขายอาหารข้างแผงลอตเตอรี่โชยมาแตะจมูก พาฝันกลืนน้ำลาย เดี๋ยวเถอะเธอจะซื้อผัดเผ็ดปลาดุกของโปรด ซื้อหมูย่างและยำอีกสองสามอย่างไปเป็นมื้อค่ำ จะสอยเป็ดพะโล้ที่แขวนโชว์ในตู้กระจกนั่นไปทั้งตัว

แม่ค้าลอตเตอรี่เป็นหญิงแก่คราวแม่ คุ้นเคยกันดี ถามล้อ ๆ อย่างรู้ใจ

“หาเก้าศูนย์ อยู่เหรอ หมดเกลี้ยงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เลขนี้คนหากันจัง เห็นว่าเป็นเลขเด็ดพระอาจารย์เซียนหวยที่ท่านนั่งทางในบอกลูกศิษย์ลูกหาท่านมา เอาเก้าหกไหมล่ะเหลืออยู่ใบ” หญิงชรากระวีกระวาดยกแผงกระดาษหนึ่งในหลายแผงที่มีใบหวยเหลือติดอยู่สองสามใบมาวางให้ดู

“ว้า เสียดายจัง ฉันก็กำลังหาเลขนี้อยู่พอดี ฉันเลี้ยงของฉันมานาน พอดีหลับฝันเห็นพ่อปู่ท่านบอกใบ้ว่าเป็นเลขนี้เสียด้วย”

พาฝันบ่นอย่างเสียดาย พ่อปู่ที่ว่าคือรูปปั้นฤาษีที่ชาวบ้านแถวนั้นเคารพบูชา รูปปั้นสูงประมาณศอกหนึ่ง ใครไม่รู้เอาท่านมาทิ้งไว้ในซอย มีคนเก็บเอาไปตั้งไว้ข้างรั้วบ้านหลังหนึ่ง ไม่นานคนบ้านหลังนั้นก็ถูกหวยรางวัลใหญ่ ต่อมาก็เล่าลือกันว่าถ้าใครไปเซ่นสรวงกราบไหว้ พ่อปู่มักให้โชคให้ลาภ เคยมีคนเอาพวงมาลัยมาถวายท่านเป็นพันพวงเพราะไปบนกับท่านเอาไว้ว่าหากถูกเลขจะมาถวาย แล้วก็ถูกหวยใต้ดินจริงๆ ได้เงินเป็นล้าน เขายังมาสร้างศาลาหลังย่อมกันแดดกันฝนให้พ่อปู่ถึงในบ้านอีกด้วย เรื่องนี้ใคร ๆ เขารู้กันทั่ว

หญิงสาวกวาดตาดูหวยบนแผง เมื่อวานคนรู้จักกันไปขอหวยกับเจ้าแม่นิ้วแดงท่านก็บอกมาสี่ห้าเลข หล่อนแบ่งปันบอกหมายเลขให้ ก่อนพูดเชิงทวงบุญคุณ

“นี่เห็นว่าชอบพอกันนะ โฮ้ย ฉันรอท่านเข้าทรงตั้งนาน พวกนั้นก็ถามท่านอยู่ได้เรื่องทำเสน่หาแฝด ไอ้เรารึก็รอขอหวย รอจนมืดค่ำกว่าจะได้กลับบ้าน” หญิงสาวยิ้มให้คนพูด นี่ถ้าเธอถูกหวยเข้าจริง ๆ หล่อนคงมาขอแบ่งเปอร์เซ็นต์

“เอาเก้าหกก็ได้ป้า นี่ก็ใกล้วันหวยออกเต็มที ฉันคงไปหาซื้อเลขเด็ดไม่ทันละ เฮ้อ พึ่งมีเงินมาซื้อเมื่อกี้นี่เอง”

หญิงสาวบ่นงึมงำ แม่ค้าหวยดึงแผ่นสลากเลขท้ายเก้าหกให้ แล้วรับแบงก์พันจากเธอมาดู

“แหม ไปล่ำซำมาจากไหนยะหล่อน เล่นแบงก์พันเชียวนะ”

หญิงขายสลากแซวยิ้ม ๆ มือลูบธนบัตรใบนั้นไปมา หล่อนทำท่าชะงักก่อนยกมันขึ้นส่องดู แม่ค้าชราเหลือบมองหน้าเธอแวบหนึ่ง เอื้อมมือไปเปิดหลอดไฟแบล็กไลท์ที่ติดไว้ใต้โต๊ะ เอาธนบัตรใบนั้นส่องดูใต้แสงไฟ

“แบงก์ปลอม” เธอโยนธนบัตรใบนั้นลงบนแผงสลาก

“เอาหวยชั้นคืนมาแล้วเอาแบงก์ปลอมแกไปไกล ๆ ม่ายงั้นชั้นแจ้งตำรวจ” พาฝันตกใจ ตัวเย็นวาบ

“ล้อกันเล่นหรือเปล่า จะเป็นแบงก์ปลอมได้ไงก็ฉันพึ่งได้มาตะกี้” หญิงสาวเอะอะ คืนสลากให้โดยดีเมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ แม่ค้ารีบคว้าหมับ แล้วผลักธนบัตรใบนั้นมาให้เธอ

“แกจะได้มันมายังไงฉันไม่รู้ แต่แบงค์นี่พอส่องกับแสงไฟฉันไม่เห็นเส้นใยเรืองแสงแดง ๆ เหลือง ๆ กะสีน้ำเงิน ตัวเลขก็ไม่เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีส้มเรืองแสง” หญิงแม่ค้าสลากโบกมือวุ่น

“ฉันรู้แต่ว่ามันเป็นแบงก์ปลอม”

พาฝันหน้าซีดใจสั่นเหมือนจะเป็นลม เธอยกกระดาษสีเทาในมือใบนั้นขึ้นดู ชีวิตมันช่างบัดซบจริง ๆ....


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่