ปี๊นๆ แปร๊นๆ เสียงรถยนต์บีบแตรใส่กัน เสียงนี้ผมมักจะได้ยินตลอดระยะเส้นทางที่ต้องเดินทางไปทำงานในเมืองหลวง ผู้คนมากมายเบียดเสียดกันมุ่งหน้าไปให้ทันเวลาตอกบัตร ผมถอนหายใจแล้วก็หลับตานึกถึงเมื่อครั้งที่เรายังเด็ก ตอนนั้นเช้าๆอากาศดีมาก ได้ออกไปวิ่งเล่นกับพี่ๆ เพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน วิ่งเข้าบ้านนู้นทีบ้านนี้ที ไม่ต้องเร่งรีบอะไร คิดแล้วก็อยากจะย้อนเวลาไปจังน้อ...
และแล้วผมก็มีโอกาสได้ไปร่วมงานเปิดตัวบ้านสนวนนอก หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม จ.บุรีรัมย์ โดยการสนับสนุนจากสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวเชิงศึกษาวัฒนธรรม ผมได้ยินก็งงอยู่พักนึง นึกไม่ออกว่าที่บุรีรัมย์มีแบบนี้ด้วยเหรอ เพราะผมมักจะคุ้นหูกับสนามช้างเซอร์กิต, สนามฟุตบอลไอ-โมบาย, ปราสาทหินพนมรุ้ง, ภูเขาไฟกระโดง แต่หมู่บ้านท่องเที่ยวไหมนี่ยอมรับเลยว่า ผมพึ่งเคยได้ยินจริงๆ และนี่คือทริป 2 วัน 1 คืนของผมที่บ้านสวนนอก จ.บุรีรัมย์, ขอตั้งชื่อทริปว่า "สนูลกราวโซ๊ดลออ" (เป็นภาษาเขมรครับแปลว่า "บ้านสนวนนอกไหมสวย")
ผมเดินทางโดยรถบัสร่วมกับชาวคณะและทีมงานจากบุรีรัมย์ ล้อหมุนออกจากสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ กันตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะถึงที่หมายก็คงอีกหลายชั่วโมง ป้ายแรกจอดที่ อ.นางรอง เราแวะเติมพลังกันที่ร้านลักษณาขาหมูครับ รสชาติอาหารระดับเชลล์ชวนชิมเป็นยังงัยต้องไปลองชิมกันครับ
หลังจากเติมพลังกันจนเต็มอิ่มแล้ว ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึง อ.เมือง แวะสักการะศาลพระหลักเมืองเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนครับ ตัวศาลจะเป็นศิลปะขอมโบราณที่เลียนแบบมาจากปราสาทหินพนมรุ้ง และเมื่อเราเข้าไปภายในตัวศาลก็จะเจอกับเสาหลักเมืองถึง 2 ต้น! ซึ่งในประเทศไทยมีไม่กี่ที่ครับ
เสาหลักเมืองมีอยู่ 2 ต้น เสาต้นที่ 1 (ต้นเอียง) และเสาต้นที่ 2 (ต้นตรง)
ระหว่างทางไปสนามไอ-โมบาย เราจะได้พบกับพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ผู้ทรงก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์ หากใครที่จะลงจากรถมาสักการะหรือถ่ายภาพก็ต้องระวังกันหน่อยนะครับ เพราะจุดนี้เป็นวงเวียน ช่วงวันหยุดรถเยอะเลยทีเดียว
อลังการมาตรฐานระดับโลกสนามไอ-โมบาย สเตเดียม สร้างไวปานสายฟ้าแลบ ใช้เวลาแค่ 256 วันเท่านั้นเอง! โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นเหล็กซึ่งสามารถต่อเติมได้ง่าย ไม่ต้องทุบทิ้งเหมือนปูน
สนามบอลที่นี่เค้าใช้หญ้าแพตพารัมย์ จากประเทศออสเตรเลียซึ่งมีความนุ่มเป็นพิเศษช่วยลดการเสียดสีนักกีฬาเมื่อต้องล้มลงไป และเมื่อจบฤดูกาลก็โล๊ะทิ้งสั่งปูใหม่ทุกปีจ้า เน้นคุณภาพจริงๆ
ติดๆกันก็จะเป็นสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต วันที่ผมไปมีรายการแข่งด้วยครับ แต่ว่าอยู่ระหว่างการพักแข่งขัน อดชมกันไปตามระเบียบ
แวะโน่น แวะนี่กันจนเพลิน ปาเข้าไปบ่ายสามโมง และแล้วเราก็เดินทางมาถึงที่หมายกันละครับ “บ้านสนวนนอก” บ้านท่องเที่ยวไหม อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ เย้ๆๆ
ลงรถปุ๊บก็เจอกับศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมพอดี จะอุดหนุนกันตรงนี้เลยก็ได้ครับ มีทั้งผ้าไหมหางกระรอกที่เป็นลวดลายเอกลักษณ์ของบ้านสนวนนอก ผ้าไหมคลุมไหล่ยกดอกแก้ว ผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไหมต่างๆอีกเพียบ เปิดจำหน่ายทุกวันตั้งแต่ 8.00น. ถึง 17.00น.
แหม่...จะเรียกว่าชนบทไม่ได้ซะแล้วสิ ก็ที่นี่เค้านั่งกระสวยอวกาศกันละเน่อ นามว่า “กระสวยอวกาศห้วยราช 9 ดี” กระสวยสี่ล้อดีเซลไม่มีประตูสิบสองหน้าต่างลำนี้สามารถรับผู้โดยสารได้เที่ยวละ 20 คนสบายๆ รถขนาดใหญ่อย่างรถบัส รถทัวร์ไม่สามารถเข้าหมู่บ้านได้นะครับ ถนนเค้าแคบ
ประตูสู่หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม ตกแต่งด้วยธงหลากสีเห็นแล้วก็นึกถึงงานวัดสมัยเด็กๆเลยครับ
เมื่อผ่านเข้าประตูมาไม่ถึงเมตร ทางซ้ายมือเราก็จะพบกับศาลหลวงปู่อุดม ชาวบ้านบอกว่าเห็นศาลนี้กันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว อายุก็ไม่น่าจะน้อยกว่า 70 ปี! ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ศักสิทธิ์แห่งหนึ่งของหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านให้ความเคารพ ใครจะเข้าจะออกก็ต้องยกมือไหว้กันเสมอ ศาลหลวงปู่อุดมแห่งนี้จะขึ้นชื่อเรื่องขอพรให้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ และก็แน่นอนครับ สำหรับผม...งานขอพรต้องมา
เราก็นั่งกระสวยอวกาศชมนกชมไม้ไปตามถนนของหมู่บ้าน ส่งยิ้มทักทายชาวบ้านกันไปตลอดเส้นทางจนมาถึงจุดลงกระสวยของเราครับ นั่นก็คือบ้านพ่อผู้ใหญ่นั่นเอง ชาวบ้านก็มาร่วมกันต้อนรับกันอย่างอบอุ่นเลยทีเดียว
ปล.ผู้ใหญ่บ้านตัวใหญ่มาก ขนาดรองเท้านี่ไม่น่าจะต่ำกว่าเบอร์ 46 เพราะฉะนั้น...อย่าได้มีเรื่อง ด้วยความเคารพครับ
ชุมชนบ้านสนวนนอกก็จะอาศัยอยู่กันเป็นคุ้ม เป็นครอบครัว ไม่ต้องมีรั้วอะไรมากั้นขวางระหว่างกัน ไปมาหาสู่กันง่ายๆ ครับ โฮมสเตย์ก็กว้างขวางเพราะชาวบ้านใช้พื้นที่ใต้ถุนบ้านมาดัดแปลงกันนี่หละครับ กว้างชนิดว่าเล่นฟุตบอลกันได้เลย…ว่าไปนั่น 555
ห้องพักมีทั้งแบบพัดลมและห้องแอร์นะครับ ที่สำคัญห้องน้ำสะอาดมากครับ
ชาวบ้านที่บ้านสนวนนอกส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนาปลูกข้าว แต่อาชีพเสริมที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นก็คือการปลูกไหมเลี้ยงหม่อน เอ้ย! ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และการทอผ้าไหมนี่หละครับ ผ้าไหมที่ขึ้นชื่อของที่นี่จะเป็นผ้าไหมหางกระรอกครับ
ที่เห็นเป็นสีขาวๆขุ่นๆดุ๊กดิ๊กอยู่บนใบหม่อนซอยละเอียดนั่นก็คือเจ้าหนอนไหมอายุไม่กี่วัน ซึ่งก็จะต้องเลี้ยงกันไปจนตัวเท่านิ้วก้อยเลยหละ ซึ่งใช้เวลาอีกเป็นเดือน การให้อาหารเลี้ยงดูก็ไม่ยากครับ ซอยใบหม่อนให้เป็นเวลา เช้า กลางวันและเย็น ศัตรูตัวร้ายของหนอนไหมก็คือเจ้าแมลงวันที่จะคอยมาบินตอมตัวหนอน ทำให้หนอนไหมเติบโตไม่สมบูรณ์
แล้วตัวหนอนไหมมาจากไหน ก็มาตามกระดาษแผ่นนี้หละครับ แผ่นไข่ไหมในราชการ กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ก่อนจะไปร่วมทานข้าวเย็นและร่วมกิจกรรมกับทางหมู่บ้าน เราก็มาเดินเที่ยวชมวัฒธธรรมและสินค้าที่ตลาดนัดโบราณกันก่อน มีทั้งของกินของที่ระลึก ของใช้ ผ้าไหมหางกระรอกก็มา เดินชมวนไปครับ
มาเยือนถึงถิ่นผ้าไหมทั้งทีก็ต้องอุดหนุนกันซะหน่อย
ซื้อตรงนี้ กินตรงนี้ ก็อิ่มตรงนี้กันไปเลย 555
โชว์ทักษะงานปั้นกันสดๆ
ตระกร้ากระเป๋าเค้าก็มี
สาวๆที่นี่แต่งตัววาบหวิวจริง...ผมล้อเล่นนะครับคุณย่าคุณยาย
เข้าสู่พิธีบายศรีสู่ขวัญฟังคำร้องเรียกขวัญแล้วก็รู้สึกซาบซึ้ง อารมณ์บอกไม่ถูกจริงๆ น้ำตาจะไหล เหมือนเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เหมือนลูกหลานได้กลับมาบ้าน
รำอวยพรจากน้องๆในชุมชน อ่อนช้อยสวยงาม น่ารักครับ
จากการแสดงรุ่นเล็กเมื่อสักครู่ก็ตามด้วยการแสดงที่มือชื่อว่า รำตร๊ด ซึ่งเป็นการละเล่นพื้นบ้านมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อความสนุกสนานในวันขึ้นปีใหม่ในเดือนเมษายนของทุกปี
ส่วนเมนูอาหารของเรามื้อนี้เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวบ้านสนวนนอก มีน้ำพริกแกล้มผัก ไข่เจียวและเมนูเด็ดก็คือ แกงกล้วย ที่ใช้กล้วยหอมดิบแกงใส่หมูสามชั้นหรือไก่ กินกันทั้งวันขนาดนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคืนนี้จะนอนหลับสบายมั้ย หัวถึงหมอนยิงยาวทีเดียวยันเช้าเลยครับ 555
ชาวบ้านที่บ้านสนวนนอกส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ทุกเช้าก็จะทำบุญใส่บาตรหน้าบ้านกัน...แต่ผมหลับเพลินครับ พระบิณฑบาตกลับวัดไปแล้ว ก็ต้องตามกันใส่บาตรที่วัดหละครับ ห้ามพลาดๆ
หลวงพ่อให้ศีลให้พรกันแล้วก็ขอเข้าชมโบสถ์กันซะหน่อยครับ ภายในตกแต่งลวดลายสวยงาม เงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมโดยแท้
และแล้วก็ได้เวลาเก็บข้าวเก็บของเดินทางกลับกันละครับ เราก็มาร่ำลาชาวบ้านกันที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน
ตลอดเวลาที่ได้มาอยู่ที่ชุมชนบ้านสนวนนอกแห่งนี้ ผมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในวัยเด็กอีกครั้ง ชีวิตที่ไม่ต้องเร่งรีบ อากาศดีๆ ทุกคนรักสามัคคี ช่วยเหลือกัน แบ่งปันและมีน้ำใจซึ่งกันและกัน
บ้านสนวนนอกวันนี้ได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการแล้ว หากใครที่มาเป็นหมู่คณะก็สามารถติดต่อเพื่อจัดกิจกรรมแบบนี้ได้ครับ ชาวบ้านทุกคนที่นี่น่ารักมาก ต้อนรับกันอย่างอบอุ่นเสมือนว่าเราเป็นลูกเป็นหลาน ได้สัมผัสวิถีชีวิตชนบทที่ยังรักษาขนบธรรมเนียมไว้ได้เป็นอย่างดี
ที่บ้านสนวนชุมชนไหมยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกมากมายรอคุณอยู่ หากมีโอกาสมาเยือนที่บุรีรัมย์ ผมขอแนะนำบ้านสนวนนอกให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องอยู่ในแผนการท่องเที่ยวครับ
ดูภาพนิ่งกันไปแล้ว ลองมาชมคลิปบรรยากาศกันเพลินๆได้ครับ
เที่ยวกินช๊อปครบๆ จบที่แอพ Go2burirum ทั้ง iOS และ Android ฟรี!!!
iOS
https://itunes.apple.com/th/app/go2buriram/id908788484?mt=8
Android
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.wisdomlanna.buriramnow
ข้อมูลการท่องเที่ยว
ติดต่อเรื่องข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์
1. สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ 089 893 8531 (คุณเน็ต) - ประสานงานการท่องเที่ยว
2. สะบายดี บุรีรัมย์ (ข้อมูลเรื่องการท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว organizer) - 0918355698 คุณแป๊ก, 0874588547 คุณโจ้
3. ไกด์ - มัคคุเทศน์ อ.วันดี เธียรสวัสดิ์กิจ 086 585 5899, อ.จินนี่ 087 458 0986
[SR] ท่องเที่ยวศึกษาวัฒนธรรมหมู่บ้านท่องเที่ยวไหม ณ บ้านสนวนนอก จ.บุรีรัมย์ "สนูลกราวโซ๊ดลออ"
และแล้วผมก็มีโอกาสได้ไปร่วมงานเปิดตัวบ้านสนวนนอก หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม จ.บุรีรัมย์ โดยการสนับสนุนจากสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวเชิงศึกษาวัฒนธรรม ผมได้ยินก็งงอยู่พักนึง นึกไม่ออกว่าที่บุรีรัมย์มีแบบนี้ด้วยเหรอ เพราะผมมักจะคุ้นหูกับสนามช้างเซอร์กิต, สนามฟุตบอลไอ-โมบาย, ปราสาทหินพนมรุ้ง, ภูเขาไฟกระโดง แต่หมู่บ้านท่องเที่ยวไหมนี่ยอมรับเลยว่า ผมพึ่งเคยได้ยินจริงๆ และนี่คือทริป 2 วัน 1 คืนของผมที่บ้านสวนนอก จ.บุรีรัมย์, ขอตั้งชื่อทริปว่า "สนูลกราวโซ๊ดลออ" (เป็นภาษาเขมรครับแปลว่า "บ้านสนวนนอกไหมสวย")
ผมเดินทางโดยรถบัสร่วมกับชาวคณะและทีมงานจากบุรีรัมย์ ล้อหมุนออกจากสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ กันตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะถึงที่หมายก็คงอีกหลายชั่วโมง ป้ายแรกจอดที่ อ.นางรอง เราแวะเติมพลังกันที่ร้านลักษณาขาหมูครับ รสชาติอาหารระดับเชลล์ชวนชิมเป็นยังงัยต้องไปลองชิมกันครับ
หลังจากเติมพลังกันจนเต็มอิ่มแล้ว ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึง อ.เมือง แวะสักการะศาลพระหลักเมืองเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนครับ ตัวศาลจะเป็นศิลปะขอมโบราณที่เลียนแบบมาจากปราสาทหินพนมรุ้ง และเมื่อเราเข้าไปภายในตัวศาลก็จะเจอกับเสาหลักเมืองถึง 2 ต้น! ซึ่งในประเทศไทยมีไม่กี่ที่ครับ
เสาหลักเมืองมีอยู่ 2 ต้น เสาต้นที่ 1 (ต้นเอียง) และเสาต้นที่ 2 (ต้นตรง)
ระหว่างทางไปสนามไอ-โมบาย เราจะได้พบกับพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ผู้ทรงก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์ หากใครที่จะลงจากรถมาสักการะหรือถ่ายภาพก็ต้องระวังกันหน่อยนะครับ เพราะจุดนี้เป็นวงเวียน ช่วงวันหยุดรถเยอะเลยทีเดียว
อลังการมาตรฐานระดับโลกสนามไอ-โมบาย สเตเดียม สร้างไวปานสายฟ้าแลบ ใช้เวลาแค่ 256 วันเท่านั้นเอง! โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นเหล็กซึ่งสามารถต่อเติมได้ง่าย ไม่ต้องทุบทิ้งเหมือนปูน
สนามบอลที่นี่เค้าใช้หญ้าแพตพารัมย์ จากประเทศออสเตรเลียซึ่งมีความนุ่มเป็นพิเศษช่วยลดการเสียดสีนักกีฬาเมื่อต้องล้มลงไป และเมื่อจบฤดูกาลก็โล๊ะทิ้งสั่งปูใหม่ทุกปีจ้า เน้นคุณภาพจริงๆ
ติดๆกันก็จะเป็นสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต วันที่ผมไปมีรายการแข่งด้วยครับ แต่ว่าอยู่ระหว่างการพักแข่งขัน อดชมกันไปตามระเบียบ
แวะโน่น แวะนี่กันจนเพลิน ปาเข้าไปบ่ายสามโมง และแล้วเราก็เดินทางมาถึงที่หมายกันละครับ “บ้านสนวนนอก” บ้านท่องเที่ยวไหม อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ เย้ๆๆ
ลงรถปุ๊บก็เจอกับศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมพอดี จะอุดหนุนกันตรงนี้เลยก็ได้ครับ มีทั้งผ้าไหมหางกระรอกที่เป็นลวดลายเอกลักษณ์ของบ้านสนวนนอก ผ้าไหมคลุมไหล่ยกดอกแก้ว ผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไหมต่างๆอีกเพียบ เปิดจำหน่ายทุกวันตั้งแต่ 8.00น. ถึง 17.00น.
แหม่...จะเรียกว่าชนบทไม่ได้ซะแล้วสิ ก็ที่นี่เค้านั่งกระสวยอวกาศกันละเน่อ นามว่า “กระสวยอวกาศห้วยราช 9 ดี” กระสวยสี่ล้อดีเซลไม่มีประตูสิบสองหน้าต่างลำนี้สามารถรับผู้โดยสารได้เที่ยวละ 20 คนสบายๆ รถขนาดใหญ่อย่างรถบัส รถทัวร์ไม่สามารถเข้าหมู่บ้านได้นะครับ ถนนเค้าแคบ
ประตูสู่หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม ตกแต่งด้วยธงหลากสีเห็นแล้วก็นึกถึงงานวัดสมัยเด็กๆเลยครับ
เมื่อผ่านเข้าประตูมาไม่ถึงเมตร ทางซ้ายมือเราก็จะพบกับศาลหลวงปู่อุดม ชาวบ้านบอกว่าเห็นศาลนี้กันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว อายุก็ไม่น่าจะน้อยกว่า 70 ปี! ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ศักสิทธิ์แห่งหนึ่งของหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านให้ความเคารพ ใครจะเข้าจะออกก็ต้องยกมือไหว้กันเสมอ ศาลหลวงปู่อุดมแห่งนี้จะขึ้นชื่อเรื่องขอพรให้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ และก็แน่นอนครับ สำหรับผม...งานขอพรต้องมา
เราก็นั่งกระสวยอวกาศชมนกชมไม้ไปตามถนนของหมู่บ้าน ส่งยิ้มทักทายชาวบ้านกันไปตลอดเส้นทางจนมาถึงจุดลงกระสวยของเราครับ นั่นก็คือบ้านพ่อผู้ใหญ่นั่นเอง ชาวบ้านก็มาร่วมกันต้อนรับกันอย่างอบอุ่นเลยทีเดียว
ปล.ผู้ใหญ่บ้านตัวใหญ่มาก ขนาดรองเท้านี่ไม่น่าจะต่ำกว่าเบอร์ 46 เพราะฉะนั้น...อย่าได้มีเรื่อง ด้วยความเคารพครับ
ชุมชนบ้านสนวนนอกก็จะอาศัยอยู่กันเป็นคุ้ม เป็นครอบครัว ไม่ต้องมีรั้วอะไรมากั้นขวางระหว่างกัน ไปมาหาสู่กันง่ายๆ ครับ โฮมสเตย์ก็กว้างขวางเพราะชาวบ้านใช้พื้นที่ใต้ถุนบ้านมาดัดแปลงกันนี่หละครับ กว้างชนิดว่าเล่นฟุตบอลกันได้เลย…ว่าไปนั่น 555
ห้องพักมีทั้งแบบพัดลมและห้องแอร์นะครับ ที่สำคัญห้องน้ำสะอาดมากครับ
ชาวบ้านที่บ้านสนวนนอกส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนาปลูกข้าว แต่อาชีพเสริมที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นก็คือการปลูกไหมเลี้ยงหม่อน เอ้ย! ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และการทอผ้าไหมนี่หละครับ ผ้าไหมที่ขึ้นชื่อของที่นี่จะเป็นผ้าไหมหางกระรอกครับ
ที่เห็นเป็นสีขาวๆขุ่นๆดุ๊กดิ๊กอยู่บนใบหม่อนซอยละเอียดนั่นก็คือเจ้าหนอนไหมอายุไม่กี่วัน ซึ่งก็จะต้องเลี้ยงกันไปจนตัวเท่านิ้วก้อยเลยหละ ซึ่งใช้เวลาอีกเป็นเดือน การให้อาหารเลี้ยงดูก็ไม่ยากครับ ซอยใบหม่อนให้เป็นเวลา เช้า กลางวันและเย็น ศัตรูตัวร้ายของหนอนไหมก็คือเจ้าแมลงวันที่จะคอยมาบินตอมตัวหนอน ทำให้หนอนไหมเติบโตไม่สมบูรณ์
แล้วตัวหนอนไหมมาจากไหน ก็มาตามกระดาษแผ่นนี้หละครับ แผ่นไข่ไหมในราชการ กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ก่อนจะไปร่วมทานข้าวเย็นและร่วมกิจกรรมกับทางหมู่บ้าน เราก็มาเดินเที่ยวชมวัฒธธรรมและสินค้าที่ตลาดนัดโบราณกันก่อน มีทั้งของกินของที่ระลึก ของใช้ ผ้าไหมหางกระรอกก็มา เดินชมวนไปครับ
มาเยือนถึงถิ่นผ้าไหมทั้งทีก็ต้องอุดหนุนกันซะหน่อย
ซื้อตรงนี้ กินตรงนี้ ก็อิ่มตรงนี้กันไปเลย 555
โชว์ทักษะงานปั้นกันสดๆ
ตระกร้ากระเป๋าเค้าก็มี
สาวๆที่นี่แต่งตัววาบหวิวจริง...ผมล้อเล่นนะครับคุณย่าคุณยาย
เข้าสู่พิธีบายศรีสู่ขวัญฟังคำร้องเรียกขวัญแล้วก็รู้สึกซาบซึ้ง อารมณ์บอกไม่ถูกจริงๆ น้ำตาจะไหล เหมือนเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เหมือนลูกหลานได้กลับมาบ้าน
รำอวยพรจากน้องๆในชุมชน อ่อนช้อยสวยงาม น่ารักครับ
จากการแสดงรุ่นเล็กเมื่อสักครู่ก็ตามด้วยการแสดงที่มือชื่อว่า รำตร๊ด ซึ่งเป็นการละเล่นพื้นบ้านมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อความสนุกสนานในวันขึ้นปีใหม่ในเดือนเมษายนของทุกปี
ส่วนเมนูอาหารของเรามื้อนี้เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวบ้านสนวนนอก มีน้ำพริกแกล้มผัก ไข่เจียวและเมนูเด็ดก็คือ แกงกล้วย ที่ใช้กล้วยหอมดิบแกงใส่หมูสามชั้นหรือไก่ กินกันทั้งวันขนาดนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคืนนี้จะนอนหลับสบายมั้ย หัวถึงหมอนยิงยาวทีเดียวยันเช้าเลยครับ 555
ชาวบ้านที่บ้านสนวนนอกส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ทุกเช้าก็จะทำบุญใส่บาตรหน้าบ้านกัน...แต่ผมหลับเพลินครับ พระบิณฑบาตกลับวัดไปแล้ว ก็ต้องตามกันใส่บาตรที่วัดหละครับ ห้ามพลาดๆ
หลวงพ่อให้ศีลให้พรกันแล้วก็ขอเข้าชมโบสถ์กันซะหน่อยครับ ภายในตกแต่งลวดลายสวยงาม เงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมโดยแท้
และแล้วก็ได้เวลาเก็บข้าวเก็บของเดินทางกลับกันละครับ เราก็มาร่ำลาชาวบ้านกันที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน
ตลอดเวลาที่ได้มาอยู่ที่ชุมชนบ้านสนวนนอกแห่งนี้ ผมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในวัยเด็กอีกครั้ง ชีวิตที่ไม่ต้องเร่งรีบ อากาศดีๆ ทุกคนรักสามัคคี ช่วยเหลือกัน แบ่งปันและมีน้ำใจซึ่งกันและกัน
บ้านสนวนนอกวันนี้ได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการแล้ว หากใครที่มาเป็นหมู่คณะก็สามารถติดต่อเพื่อจัดกิจกรรมแบบนี้ได้ครับ ชาวบ้านทุกคนที่นี่น่ารักมาก ต้อนรับกันอย่างอบอุ่นเสมือนว่าเราเป็นลูกเป็นหลาน ได้สัมผัสวิถีชีวิตชนบทที่ยังรักษาขนบธรรมเนียมไว้ได้เป็นอย่างดี
ที่บ้านสนวนชุมชนไหมยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกมากมายรอคุณอยู่ หากมีโอกาสมาเยือนที่บุรีรัมย์ ผมขอแนะนำบ้านสนวนนอกให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องอยู่ในแผนการท่องเที่ยวครับ
ดูภาพนิ่งกันไปแล้ว ลองมาชมคลิปบรรยากาศกันเพลินๆได้ครับ
เที่ยวกินช๊อปครบๆ จบที่แอพ Go2burirum ทั้ง iOS และ Android ฟรี!!!
iOS https://itunes.apple.com/th/app/go2buriram/id908788484?mt=8
Android https://play.google.com/store/apps/details?id=com.wisdomlanna.buriramnow
ข้อมูลการท่องเที่ยว
ติดต่อเรื่องข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์
1. สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ 089 893 8531 (คุณเน็ต) - ประสานงานการท่องเที่ยว
2. สะบายดี บุรีรัมย์ (ข้อมูลเรื่องการท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว organizer) - 0918355698 คุณแป๊ก, 0874588547 คุณโจ้
3. ไกด์ - มัคคุเทศน์ อ.วันดี เธียรสวัสดิ์กิจ 086 585 5899, อ.จินนี่ 087 458 0986
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น