JapanUnplan (The Plan) Tokyo, Kawakuchiko, Kamakura, Osaka, Kyoto, Nara

สวัสดีครับ วันนี้อยากมาแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นในแบบฉบับ Unplan แบบวุ่นๆ แต่สนุกมากๆให้กับเพื่อนๆได้อ่านกัน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการออกเดินทางกันครับ


ขอเรียกแทนตัวเองว่า 'ผู้เขียน' นะครับ โดยผู้เขียนได้เขียนเป็นตอนๆลงไว้ใน Blogger ส่วนวันนี้อยากจะเสนอบทสำคัญนั่นคือวันที่ไปเที่ยว ฟูจิ ครับ
ในทริปนี้ผู้เขียนได้ Backpack ไปกับเพื่อน 2 คน (และคนเดียว...ในวันที่ 3 เป็นต้นไป) ทั้งหมด 9 คืนครับ ไปทั้ง Tokyo, Kamakura, Osaka, Kyoto, Nara

เล่าเรื่องย่อคร่าวๆ

วันที่ 1/2 อยู่โตเกียวกับเพื่อนคนไทย
วันที่ 3 (ทิ้งเพื่อนคนไทย)ไปคามะคุระ นัดเจอกับอ.ญี่ปุ่น นอน Yokohama
วันที่ 4 กลับมานอนที่โตเกียวต่อ คนเดียว
วันที่ 5 ไปเกียวโต คนเดียว
วันที่ 6 ไปนารา คนเดียว
วันที่ 7 เจอเพื่อนใหม่ สาวเยอรมัน + หนุ่มเมกา ที่เกียวโต
วันที่ 8 เราสามคนเที่ยวกันต่อที่เกียวโต
วันที่ 9 เราสามคนบวก เพื่อนใหม่ชาวเกาหลี เที่ยวต่อที่เกียวโต
วันที่ 10 กลับบ้านนน

Chapter 1 "ต้นกำเนิดที่เกิดเหตุ"
https://japanunplan.blogspot.com/2016/08/chapter-1.html

Chapter 2 "Plan Ahead"
https://japanunplan.blogspot.com/2016/08/chapter-2-plan-ahead.html

Chapter 3 "We Are On Board'
https://japanunplan.blogspot.com/2016/08/chapter-3-we-are-on-board.html

Chapter 4 "Japan First Date"
https://japanunplan.blogspot.com/2016/08/chapter-4-japan-first-date.html

Chapter 5 "Japan First Love Meiji Jingu"
https://japanunplan.blogspot.com/2016/08/chapter-5-japan-first-love-meiji-jingu.html

Chapter 6 "Ichiran Ramen ราเม็งข้อสอบ"
https://japanunplan.blogspot.com/2016/08/chapter-6-japan-landmark-at-night.html

Chapter 7 "Tokyo Landmark Shibuya"
https://japanunplan.blogspot.com/2016/08/chapter-7-tokyo-landmark-chibuya.html

Chapter 8 "Odaiba จะไปปะหล่ะ"
https://japanunplan.blogspot.com/2016/09/chapter-8-odaiba.html


CHAPTER 9 DAY 2 to FUJI

     เสร็จทริปวันที่ 1 กลับมาก็เกือบเที่ยงคืน ตอนนั้นผู้เขียนหลับสนิท ปอ จ๋า มาถึงก็มาเคาะประตูห้องเรียก ซื้อ C Vitt มาให้กิน จะได้มีแรงเที่ยวต่อพรุ่งนี้ พร้อมยกตุ๊กตาที่ได้มาจากตู้เกมส์แถว Odaiba ขึ้นอวด อืม...เอาเถอะ ตอนนั้นคิดแต่ว่าง่วง จะนอน 5555

     ตื่นเช้ามา 6 โมงเช้า ชาร์จแบตเต็มที่พร้อมสู้ศึกยาววันนี้ อาบน้ำเรียบร้อย ยก C vitt ที่จ๋าซื้อมาให้ดื่มจนหมดขวด ทำให้สดชื่นมีพลังขึ้นมาอีกครัง ต้องขอบคุณเพื่อนจริงๆที่เป็นห่วง ซื้อวิตามินมาบำรุงผู้เขียน

     ออกจากโรงแรมพร้อมกันเวลาประมาณ 7 โมงเช้านิดๆ อากาศค่อนข้างเย็นกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ทางเดินระหว่างโรงแรมไปสถานี เกือบ 2 กิโลเมตร! จนถึงทุกวันนี้เพื่อนยังถามว่าคุณคิดไง ถึงจองโรงแรมนั้น 555 อ่านรีวิวใครเข้าก็มีแต่ โรงแรมใกล้สถานี เลี้ยวซ้าย เดิน 500 เมตรถึง แต่นี่อะไร เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา แถมยังต้องเดินวนไป สี่ แยกไฟแดง ผู้เขียนจึงขอตอบอีกรอบ ก็ถูกไง แหม ห้องเดี่ยวคืนละ 800!



     ระหว่างทางของถนนทุกเส้นจะมีตู้กดน้ำ ชา กาแฟ เรียงรายกันเป็นทิวแถวตลอดสองข้างทาง อย่าได้กลัวว่าจะมีหิวน้ำกันขึ้นมาเลย เพราะหิวเป็นกดๆ โดยที่เพื่อนผู้เขียนดูจะเอ็นจอยกับการกดมากเป็นพิเศษ เรียกได้ว่า ชิมให้ครบกันไปข้างหนึ่ง

     การเดินทางของเราในวันนี้มีจุดหมายหลักทั้งสิ้น 3 แห่ง คือ
           1. Chureito Pagoda เจดีย์ 5 ชั้น ที่มีเบื้องหลังคือภูเขาไฟฟูจี
           2. ภูเขาไฟ Fuji แบบ Up close
           3. Tokyo Tower เพื่อเก็บตกบรรยากาศยามค่ำ คืนสุดท้ายในโตเกียว

     เริ่มต้นโดยการนั่งรถไฟ JR พาตัวเองมาจนถึงสถานี Shijuku  ตรงไปยังช่องจำหน่ายตั๋วของ JR เพราะพวกเรามี JR PASS เลือกเดินทางด้วยรถไฟขบวน AZUSA ไปยังสถานี OTSUKI ซึ่งผู้เขียนได้หาข้อมูลผ่านเวป HYPERDIA เอาไว้ล่วงหน้า พอมาถึงจึงยื่นกำหนดการคร่าวๆให้นายพนักงานดูได้ทันที เพื่อทำการจองตั๋วแบบ Reserved seat เป็นหลักประกันว่ายังไงก็ได้นั่งแน่นอนนะ ไม่ต้องลุ้น




     ตรงนี้มีเรื่องเล่าว่าเพื่อนผู้เขียนพยายามถ่ายภาพตรงนี้หลายช็อตมากเป็นพิเศษ จนปอหันมายิ้มให้กล้องด้วยคิดว่าเธอเป็นนางแบบ แต่สาเหตุหลักมาถูกเปิดเผยว่า "นายสถานีหล่อ!"


จองตั๋วเตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยมีเวลาเหลือครึ่งชั่วโมงพวกเราจึงเดินในสถานี Shinjuku รอเวลาและหาอะไรทานกันรองท้องก่อน ถึงแม้ว่าเพื่อนผู้เขียนจะได้รองไว้แล้วก็ตาม



เดินผ่านร้าน StarBuck ก็ถ่าย แต่จำไม่ได้ว่าถ่ายทำไม หรือเวลาเหลือเฟือก็ไม่แน่ใจ 555



     เดินเรื่อยๆจนมาเจอร้านอาหาร มีเมนูอาหารเช้าให้เลือกประมาณ สี่ - ห้า อย่าง ทุกคนเลือก โจ๊ก กับ ปลาแซลมอล ราคาประมาณ 500 เยน ไม่แพงมาก และสั่งซาลาเปาเพิ่มอีก 1 ลูก แต่ผู้เขียนไม่สั่งหรอกเสียดายเงิน 555



     ทานกันเสร็จแบบจ้องนาฬิกาไม่ให้พลาด ก็รีบวิ่งไปเพื่อขึ้นรถไฟด้วยใกล้เวลาเต็มที



     ตอนไปจองที่นั่งผู้เขียนก็บอกกับนายสถานีว่า Mado Onegaishimasu ประมาณว่า ขอริมหน้าต่างครับ แต่พอมานั่งจริง เราสามคนได้ที่นั่งริมทางเดินหมดเลย 555 ดีเนาะ อดดูวิวสองข้างทางแบบเต็มตาเลย โชคร้ายคนข้างผู้เขียนได้ที่นั่งริมหน้าต่างแต่ดันปิดม่านตลอดรายการ 555


     ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ พวกเราก็มาถึงสถานี OTSUKI โดยการเดินทางต่อจากนี้ไปบัตร JR All Pass จะไม่ครอบคลุม ต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย ด้วยการซื้อตั๋วรถไฟสาย Fujikyu ไปลงสถานี Shimoyoshida เพื่อแวะชมเจดีย์แดงก่อน ในราคา 960 เยน (ยกเว้นผู้ถือบัตร JR Tokyo Wide Pass ไม่ต้องควักเงินอีก สามารถไปได้ฟรี)



     รถไฟน้อยน่ารักลายฟูจิซัง เห็นทีแรกก็คิดว่าได้นั่งขบวนนี้แน่ๆ แต่มารู้ทีหลังงว่าไม่ได้นั่งเฉยเลย ไม่เป็นไร ถ่ายรูปเอาก็ได้หรอก พอเข้าไปนั่งก็ไม่รู้แล้วว่าข้างนอกมีลายอะไร


     และแล้วรถไฟของเราก็มาถึง โดยก่อนจะออกรถนั้นก็จะมีนายสถานีเดินสำรวจความเรียบร้อยทั้งขบวน ในขณะที่เดินผ่านก็ส่งยิ้มหวานทักทายนักท่องเที่ยวอย่างน่ารักและเป็นกันเอง ตรงนี้ผู้เขียนชื่นชมมากเป็นพิเศษเพราะสัมผัสได้ถึงความมี service mind ในทุกอาชีพ โดยไม่ต้องประกาศตัวเป็น ญี่ปุ่นเมืองยิ้ม



     รถไฟออกไปได้สักพักมีเสียงประกาศว่าจะจอดให้ออกไปถ่ายรูปข้างนอกได้ ตอนแรกก็งงว่ามีงี้ด้วยหรอ แต่เห็นคนอื่นลงกันหมด ก็เลยลงไปแบบงงๆ พอออกมาข้างนอกก็ เออ..จะถ่ายอะไรหล่ะ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษถึงขนาดต้องหยุดให้นักท่องเที่ยวออกมาเลยนะ จนมารู้ทีหลังว่า ออ...เขาหยุดให้รถไฟอีกคันที่วิ่งสวนมา

     เพราะว่ามีส่วนของรางรถไฟที่คาบเกี่ยวกัน ขนาดตอนแรกบอกก็ไม่มีอะไรนะ แต่สุดท้ายแล้วก็ได้กันไปคนละหลายรูปเลย 5555




และแล้วก็มาถึง สถานี SHIMOYOSHIDA !!!





     เดินจากสถานีตรงไปเรื่อยๆ มุ่งตรงสู่ เจดีย์ Chureito อย่างไม่ต้องกลัวหลงเพราะตลอดทางจะมีป้ายเล็กๆบอกทางอย่างละเอียดยิบ ยิงยาวจนถึงที่หมาย
     ระยะทางก็ไม่ถือว่าไกลมาก เดินเล่นไปเรื่อยๆสบายๆ มองวิวสองข้างทาง ดูบ้านเรือง ทุ่งหญ้า บวกอากาศเย็นๆสบายๆ และแถมถ้าโชคดีฟ้าเปิด ก็ได้เห็นฟูจี ชัดแจ๋วมาทักทายให้หายเหนื่อยอีกด้วย แต่ขาไปผู้เขียนไม่เห็นวี่แววของฟูจิเลย ได้แต่เดินดุ่มๆ ไปเรื่อยอย่างไม่รู้ว่า ทิศไหนเป็นทิศไหน กลับกันระหว่างทางเดินขากลับฟ้าโล่ง ฟูจี ตามมาบอกลาตลอดทางเดินกลับสถานี




มาถึงทางขึ้นแล้ว! ย้ำว่าแค่ทางขึ้นน๊าาา จ๋าฝากบอกว่า ใครจะมาลุยที่นี่ แนะนำให้ฟิตร่างกายมากันให้พร้อม!




ถึงมันจะดูไกลแค่ไหน แต่เราคนไทยใจสู้มีหรือจะยอม จ๋าบอกเพื่อนชั้นอุ้มลูกขึ้นมาแล้ว


     วันนี้ขอจบไว้เท่านี้ก่อนนะครับ ตอนต่อไปเราจะพาผู้อ่านทุกท่านตามไปจนถึงยอดสูงสุด รับรองว่าสวยจนลืมหายใจกันแน่นอน ผู้เขียนอาจจะพูดเวอร์ไปหน่อยว่าหนทางมันยาวไกล แต่เราคนไทยแวะถ่ายรูปกันไปตลอดทาง ไม่มีเหนื่อยอยู่แล้ววว

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่