เธอ...ไปภูทับเบิกกันไหม ??
เธอ...(เงียบแล้วคงอึ้งละมั้ง 555)
ทริปของพวกเราเกิดขึ้นภายในสองวันเอง 2-3 กันยายน 2559 นี่เองครับ
(เป็นอะไรที่คิดเอง ไม่ได้วางแผนใดๆ เพียงแค่อยากเจอทะเลหมอก)
พร้อมแล้วก็ไปสัมพัสหมอกที่ภูทับเบิกกันเลย
การเดินทางของเราเริ่มจากการขับรถบนท้องถนนหมายเลข 21 ผ่านสระบุรีล่ะ
ระยะทางที่ดูในแผนที่ น่าจะอีกสัก 4-5 ชั่วโมงได้นะ แต่เป้าหมายของเราคือ
การชมทะเลหมอกยามเช้า ณ ภูทับเบิก เลย จากการอ่านรีวิวมาหลายที่แล้วนะ
เราจินตนาการกันว่า...อยากตื่นมาแล้วมองออกไปข้างนอกเต้นท์ เห็นหมอกขาวๆ
....ฝันเยอะไปรึป่าวนะ 555
กาแฟ...แก้วแรกสำหรับวันนี้
ขับรถไปเรื่อยๆ จนมาถึงร้านอาหารร้านเด็ดๆ แถวอำเภอวิเชียรบุรี คงไม่ต้องเอ่ยอะไรกันมากนะครับว่าเราแวะ
กินอะไรกัน 55555
นี่คือเอกลักษณ์ของร้านเลยนะครับ....ข้าวเหนียวว
เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แล้วใย่เล่า เมื่อเราหิว จึงไม่กินกัน 5555
หลังจากเรากินข้าวเสร็จ.....เราก็พร้อมเดินทางแล้ววววว
นี่ที่กางเต้นท์ของพวกเรา บรรยากาศสุดๆ ไปเลยอย่างกะในหนังที่ถ่ายทำแถวๆ ทิเบตเลย 555
บริเวณที่เรากางเต้นท์ คือตรงที่เรายืนถ่ายนี่ละ ตอนที่เราไปถึงภูทับเบิก ซึ่งเราผ่านโค้ง
มาหลายโค้งมาก บอกเลยครับ อากาศเป็นใจอย่างมาก ฝันคงเป็นจริงแน่ๆ ทะเลหมอก ทะเลหมอกๆๆๆ
ในที่สุดเรากางเต้นท์เสร็จ ฝนเริ่มตกนะสิครับ แต่เราก็ไม่ถอยนะครับ เดี๋ยวฝนคงจะหยุดเองละมั้ง
นี่ๆ เธอมาดูทางนี้สิ บรรยากาศสุดๆ เลย .......
เราเลือกที่พักตรงนี้ และคนอื่นๆ ก็เช่นกัน อาจจะเป็นตรงนี้มันมองเห็นวิวได้กว้างละมั้ง
ผมก็เห็นด้วยครับ สวยจริงๆ มาถึง ภูทับเบิกครั้งแรกเราแอบไปถ่ายรูปกันก่อนนะ 555
อากาศหนาวๆ แบบนี้เราก็ควรจะมีอาหารอุ่นๆ กินกันนะ จิ้มจุ่มเลยครับบรรยากาศแบบนี้
ไม่อยากจะทำอะไรสะงั้น กลิ่นหอมๆ มาเตะจมูกของพวกเรา จะรีรออะไรล่ะครับ
เรากินอาหารเย็น เฮ้ย ไม่ใช่ๆ อาหารร้อนๆ ในบรรยากาศเย็นๆ มันฟินเลยล่ะครับ
หลังจากที่เรากินอาหารร้อนๆ มาแล้ว กลับมาที่พัก โอ้ยแม่เจ้า ทั้งลม ทั้งฝนตกปอยๆ
ยิ่งทำให้อากาสหนาวเย็นไปอีก แล้วลมก็พัดเต้นท์ของพวกเราอย่างแรง ส่วนเต้นท์คนอื่นๆ
ที่กางข้างๆ กัน ก็โดนลมพัดอย่างแรง ตลอดทั้งคืนเลย บอกตรงๆ ลมแรงมากๆๆๆ
แรงชนิดที่ไม่เคยเจอมาก่อน เต้นท์ของพวกเราเกือบไม่รอด.....
นั่งคิดในใจว่าเดี๋ยวก็หายไปเอง ทะเลหมอกยามเช้าคงเยอะแน่ๆ (แอบเข้าข้างตัวเอง 555)
ท่องไว้ .... ทะเลหมอกอันสวยงาม
นี่เลยครับทะเลหมอก วันนี้อาจจะไม่เห็นชัดเจนมากดั่งในรีวิวก่อนหน้านี้นะ
แต่บรรยากาศยามเช้านี่ สุด คูลลเลยครับ เราถ่ายรูปกันหลายรูปนะครับ
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมนึกถึงสิ่งแรกเลยคือ กาแฟเลยครับ กับบรรยากาศแบบนี้
มาๆๆๆ เธอๆๆๆ เรามาถ่ายรูปคู่กันหน่อย 55555
จากนั้นเราก็เก็บเต้นท์แล้วขับรถมาหาร้านข้าวกินกันก่อนที่จะไปเป้าหมายใหม่ของเรา...พีโน่ ลาเต้...เขาค้อ
มาล่ะ กาแฟแก้วแรกของวันนี้ กับบรรยากาศสุดคูลลลลลลล (คูลมากจริงๆนะ)
กินกาแฟ กับไข่เจียวร้อนๆ อ่ะนะ มันเป็นอะไรที่ไร้คำบรรยายคำพูดใดๆ ให้ออกมามากกว่าคำว่า สุดโค้ยยย...555
จากนั้นเราขับรถมาแวะถ่ายรูปกันระหว่างทางสะหน่อยยยย
ตั้งแต่จำความได้นานมากเหมือนกันนะครับที่เราไม่ได้มาที่แห่งนี้ เวลาเปลี่ยนไป
อะไรบางอย่างก็อาจจะเปลี่ยนไป "คงมีแต่หัวใจ" ของเราละที่ไม่อาจจะเปลี่ยนไป
เพราะเรารักในการเดินทาง รักในการหาประสบการณ์จากสถานที่ใหม่ๆ แปลกๆ
รักในการค้นหาอะไรๆ หลาย เพราะเรายังเชื่อว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้......(แอบมีสาระบ้าง 55)
เราออกเดินทาง จนมาถึงวัดผาซ่อนแก้ว (เขาค้อ) ทางผ่านก่อนที่เราจะไปถึงเป้าหมายสุดท้ายของทริปนี้
วัดนี้สวยมากๆครับ บรรยากาศบนขุนเขา รายล้อมด้วยหมอกยามเช้า
จริงๆ วันที่เรามาคนเยอะมากๆครับ ไม่รู้คนมาจากไหนเยอะแยะไปหมด (แอบสงสัย)
พวกเราเข้าไปนมัสการสิ่งศักดิ์ครับ ก่อนเดินทางต่อ
และแล้ว และแล้ว และแล้ว .......เป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ ก็มาถึงจนได้ ....พีโน่ ลาเต้...
และนี่คือเป้าหมายของเรา...การได้มาหาบรรยากาศใหม่ๆ ในการถ่ายรูป นั่งคิดงาน
และก็...มานั่งจิบกาแฟ มองออกไปเห็นขุนเขา สลับซับซ้อน เหมือนดั่งเราอยู่บนเมฆเลยทีเดียว
ทริปกระทันหันในครั้งนี้เราใช้งบประมาณ 3,200 บาทเอง (รวมทุกอย่างนะ)
การเดินทางครั้งนี้สอนให้เราได้คิดหลายๆ อย่าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวางแผนในการทำอะไรสักอย่าง
การลงมือทำ เมื่อเราคิดได้ก็ควรจะลงมือทำเลย อาจจะไม่ต้องรอคำว่า "พร้อมหรอก"
การเจอกับอุปสรรคต่างๆ ระหว่างทาง เราต้องมีสติ และอดทน
เราได้แนวความคิดใหม่ๆ จากการเดินทาง
ได้รับรู้ความหนาวเย็นของธรรมชาติ
ได้สัมผัสกลิ่นไอหมอกอันหนาวเย็น
ได้เรียนรู้การเอาตัวรอดจากภัยธรรมชาติ
ได้พยายามทำสิ่งที่เราได้ตั้งไว้ให้สำเร็จ และก็ได้เจอรอยยิ้มของ...เธอ...
ขอบคุณการเดินทางในทริปนี้นะ
ขอบคุณผู้ร่วมทาง
ขอบคุณ "ประเทศไทย" ที่มีที่สวยๆ แบบนี้ให้เราไปพบเจอและ ถ่ายรูป...
I LOVE THAILAND
ทริป "สัมผัสหมอก ณ ภูทับเบิก-แล้วเบิกฟ้ามาจิบกาแฟที่พีโน่ ลาเต้"
เธอ...(เงียบแล้วคงอึ้งละมั้ง 555)
ทริปของพวกเราเกิดขึ้นภายในสองวันเอง 2-3 กันยายน 2559 นี่เองครับ
(เป็นอะไรที่คิดเอง ไม่ได้วางแผนใดๆ เพียงแค่อยากเจอทะเลหมอก)
พร้อมแล้วก็ไปสัมพัสหมอกที่ภูทับเบิกกันเลย
การเดินทางของเราเริ่มจากการขับรถบนท้องถนนหมายเลข 21 ผ่านสระบุรีล่ะ
ระยะทางที่ดูในแผนที่ น่าจะอีกสัก 4-5 ชั่วโมงได้นะ แต่เป้าหมายของเราคือ
การชมทะเลหมอกยามเช้า ณ ภูทับเบิก เลย จากการอ่านรีวิวมาหลายที่แล้วนะ
เราจินตนาการกันว่า...อยากตื่นมาแล้วมองออกไปข้างนอกเต้นท์ เห็นหมอกขาวๆ
....ฝันเยอะไปรึป่าวนะ 555
กาแฟ...แก้วแรกสำหรับวันนี้
ขับรถไปเรื่อยๆ จนมาถึงร้านอาหารร้านเด็ดๆ แถวอำเภอวิเชียรบุรี คงไม่ต้องเอ่ยอะไรกันมากนะครับว่าเราแวะ
กินอะไรกัน 55555
นี่คือเอกลักษณ์ของร้านเลยนะครับ....ข้าวเหนียวว
เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แล้วใย่เล่า เมื่อเราหิว จึงไม่กินกัน 5555
หลังจากเรากินข้าวเสร็จ.....เราก็พร้อมเดินทางแล้ววววว
นี่ที่กางเต้นท์ของพวกเรา บรรยากาศสุดๆ ไปเลยอย่างกะในหนังที่ถ่ายทำแถวๆ ทิเบตเลย 555
บริเวณที่เรากางเต้นท์ คือตรงที่เรายืนถ่ายนี่ละ ตอนที่เราไปถึงภูทับเบิก ซึ่งเราผ่านโค้ง
มาหลายโค้งมาก บอกเลยครับ อากาศเป็นใจอย่างมาก ฝันคงเป็นจริงแน่ๆ ทะเลหมอก ทะเลหมอกๆๆๆ
ในที่สุดเรากางเต้นท์เสร็จ ฝนเริ่มตกนะสิครับ แต่เราก็ไม่ถอยนะครับ เดี๋ยวฝนคงจะหยุดเองละมั้ง
นี่ๆ เธอมาดูทางนี้สิ บรรยากาศสุดๆ เลย .......
เราเลือกที่พักตรงนี้ และคนอื่นๆ ก็เช่นกัน อาจจะเป็นตรงนี้มันมองเห็นวิวได้กว้างละมั้ง
ผมก็เห็นด้วยครับ สวยจริงๆ มาถึง ภูทับเบิกครั้งแรกเราแอบไปถ่ายรูปกันก่อนนะ 555
อากาศหนาวๆ แบบนี้เราก็ควรจะมีอาหารอุ่นๆ กินกันนะ จิ้มจุ่มเลยครับบรรยากาศแบบนี้
ไม่อยากจะทำอะไรสะงั้น กลิ่นหอมๆ มาเตะจมูกของพวกเรา จะรีรออะไรล่ะครับ
เรากินอาหารเย็น เฮ้ย ไม่ใช่ๆ อาหารร้อนๆ ในบรรยากาศเย็นๆ มันฟินเลยล่ะครับ
หลังจากที่เรากินอาหารร้อนๆ มาแล้ว กลับมาที่พัก โอ้ยแม่เจ้า ทั้งลม ทั้งฝนตกปอยๆ
ยิ่งทำให้อากาสหนาวเย็นไปอีก แล้วลมก็พัดเต้นท์ของพวกเราอย่างแรง ส่วนเต้นท์คนอื่นๆ
ที่กางข้างๆ กัน ก็โดนลมพัดอย่างแรง ตลอดทั้งคืนเลย บอกตรงๆ ลมแรงมากๆๆๆ
แรงชนิดที่ไม่เคยเจอมาก่อน เต้นท์ของพวกเราเกือบไม่รอด.....
นั่งคิดในใจว่าเดี๋ยวก็หายไปเอง ทะเลหมอกยามเช้าคงเยอะแน่ๆ (แอบเข้าข้างตัวเอง 555)
ท่องไว้ .... ทะเลหมอกอันสวยงาม
นี่เลยครับทะเลหมอก วันนี้อาจจะไม่เห็นชัดเจนมากดั่งในรีวิวก่อนหน้านี้นะ
แต่บรรยากาศยามเช้านี่ สุด คูลลเลยครับ เราถ่ายรูปกันหลายรูปนะครับ
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมนึกถึงสิ่งแรกเลยคือ กาแฟเลยครับ กับบรรยากาศแบบนี้
มาๆๆๆ เธอๆๆๆ เรามาถ่ายรูปคู่กันหน่อย 55555
จากนั้นเราก็เก็บเต้นท์แล้วขับรถมาหาร้านข้าวกินกันก่อนที่จะไปเป้าหมายใหม่ของเรา...พีโน่ ลาเต้...เขาค้อ
มาล่ะ กาแฟแก้วแรกของวันนี้ กับบรรยากาศสุดคูลลลลลลล (คูลมากจริงๆนะ)
กินกาแฟ กับไข่เจียวร้อนๆ อ่ะนะ มันเป็นอะไรที่ไร้คำบรรยายคำพูดใดๆ ให้ออกมามากกว่าคำว่า สุดโค้ยยย...555
จากนั้นเราขับรถมาแวะถ่ายรูปกันระหว่างทางสะหน่อยยยย
ตั้งแต่จำความได้นานมากเหมือนกันนะครับที่เราไม่ได้มาที่แห่งนี้ เวลาเปลี่ยนไป
อะไรบางอย่างก็อาจจะเปลี่ยนไป "คงมีแต่หัวใจ" ของเราละที่ไม่อาจจะเปลี่ยนไป
เพราะเรารักในการเดินทาง รักในการหาประสบการณ์จากสถานที่ใหม่ๆ แปลกๆ
รักในการค้นหาอะไรๆ หลาย เพราะเรายังเชื่อว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้......(แอบมีสาระบ้าง 55)
เราออกเดินทาง จนมาถึงวัดผาซ่อนแก้ว (เขาค้อ) ทางผ่านก่อนที่เราจะไปถึงเป้าหมายสุดท้ายของทริปนี้
วัดนี้สวยมากๆครับ บรรยากาศบนขุนเขา รายล้อมด้วยหมอกยามเช้า
จริงๆ วันที่เรามาคนเยอะมากๆครับ ไม่รู้คนมาจากไหนเยอะแยะไปหมด (แอบสงสัย)
พวกเราเข้าไปนมัสการสิ่งศักดิ์ครับ ก่อนเดินทางต่อ
และแล้ว และแล้ว และแล้ว .......เป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ ก็มาถึงจนได้ ....พีโน่ ลาเต้...
และนี่คือเป้าหมายของเรา...การได้มาหาบรรยากาศใหม่ๆ ในการถ่ายรูป นั่งคิดงาน
และก็...มานั่งจิบกาแฟ มองออกไปเห็นขุนเขา สลับซับซ้อน เหมือนดั่งเราอยู่บนเมฆเลยทีเดียว
ทริปกระทันหันในครั้งนี้เราใช้งบประมาณ 3,200 บาทเอง (รวมทุกอย่างนะ)
การเดินทางครั้งนี้สอนให้เราได้คิดหลายๆ อย่าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวางแผนในการทำอะไรสักอย่าง
การลงมือทำ เมื่อเราคิดได้ก็ควรจะลงมือทำเลย อาจจะไม่ต้องรอคำว่า "พร้อมหรอก"
การเจอกับอุปสรรคต่างๆ ระหว่างทาง เราต้องมีสติ และอดทน
เราได้แนวความคิดใหม่ๆ จากการเดินทาง
ได้รับรู้ความหนาวเย็นของธรรมชาติ
ได้สัมผัสกลิ่นไอหมอกอันหนาวเย็น
ได้เรียนรู้การเอาตัวรอดจากภัยธรรมชาติ
ได้พยายามทำสิ่งที่เราได้ตั้งไว้ให้สำเร็จ และก็ได้เจอรอยยิ้มของ...เธอ...
ขอบคุณการเดินทางในทริปนี้นะ
ขอบคุณผู้ร่วมทาง
ขอบคุณ "ประเทศไทย" ที่มีที่สวยๆ แบบนี้ให้เราไปพบเจอและ ถ่ายรูป...
I LOVE THAILAND