ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมพยายามหาข้อมูลของรองเท้ายี่ห้อนี้ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ก็ไม่ค่อยมีรายละเอียดให้อ่านมากนัก จะมีก็แต่เวบหิ้วมาขายหรือเวบที่ขายของมือสอง ซึ่งก็มีราคาค่อนข้างสูง วันนี้มีโอกาสได้เป็นเจ้าของและได้ใช้มาแล้วระยะหนึ่ง เลยมารีวิวให้เพื่อนๆ ที่ชอบรองเท้าแนวนี้ไว้เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจครับ
Back ground
ในวันที่อายุเข้าใกล้เลขสี่ไปทุกขณะ ผมก็เพิ่งจะมาหลงใหลเสน่ห์ยีนส์ผ้าดิบปั้นเฟด (คือ การสวมใส่โดยไม่ซักเพื่อให้เกิดริ้วรอยและสีที่ซีดจางจากการใช้งาน จนเกิดเป็นศิลปะบนผืนผ้าที่มีลักษณะเฉพาะตัว) แน่นอนว่าในโลกของยีนส์ผ้าดิบ ก็มักจะต้องคู่กับรองเท้าหนังสวยๆ ซักคู่ ก่อนหน้านั้นผมใส่ Dr.martens รุ่น 1460 มาหลายปี (ซึ่งการรีวิวนี้จะขอเปรียบเทียบกับ Dr.martens รุ่นนี้นะครับ)
Red wing Store @ Singapore
ผมไม่มีโอกาสได้ทดลองจับ ลองสัมผัสก่อนซื้อ เนื่องจากตอนนั้นรุ่นที่ผมสนใจขาดตลาดพอดี จนเมื่อเร็วๆ นี้มีโอกาสไปทำงานที่ Singapore จึงไม่รอช้าที่จะหาเวลาว่างเข้าไปเยี่ยมตัวแทนจำหน่าย Red Wing เจ้าใหญ่ในละแวกบ้านเรา (ของในบ้านเราก็รับมาจากที่นี่) ร้านนี้ไม่ใหญ่โตอะไรนัก แต่มีผลิตภัณฑ์ครบทุกชนิดครับ โดยเฉพาะรองเท้านั้น มีครบทุกรุ่น ทุกไซด์ ทุกสี และมีการบริการที่ผมประทับใจมากๆ ส่วนราคาตั้งนั้นแทบไม่ต่างจากบ้านเราเลย พอดีช่วงที่ผมไปห้างนั้นเค้ามีโปรโมชั่นใช้พาสปอร์ตของต่างชาติไปลงทะเบียนรับคูปองเงินสดและคืนภาษีได้อีกนิดหน่อย เลยทำให้ประหยัดกว่าบ้านเราได้เกือบๆ 2000 บาท
1907 CLASSIC MOC
รองเท้าคู่นี้ คือ Red wing รุ่น 1907 ใช้หนัง Rough and Tough พื้นรองเท้าแบบ Traction Tred สีขาว ซี่งหนังทุกส่วนของรองเท้ารุ่นนี้เป็นหนังน้ำมันที่มีสีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น และรุ่นนี้จะมีเพียงสีเดียว รูร้อยเชือกมี 7 คู่ สูง 6 นิ้ว มีเชือกรองเท้าให้มาในกล่อง 2 แบบ คือ เชือกไนลอน และเชือกหนัง (rawhide) และยังมีพื้นรองด้านในให้มาอีกหนึ่งคู่ ถือว่าเป็นรุ่นยอดนิยมในบ้านเราไม่แพ้รุ่น 875 เลยทีเดียว รายละเอียดอื่นๆ ทุกท่านสามารถหาอ่านได้จาก Official Website ของ Red wing shoes ครับ
First impression
ทันทีที่ทราบว่าผมต้องการรองเท้ารุ่นไหน พนักงานก็ทำการวัดเท้าโดยละเอียดด้วยอุปกรณ์วัดขนาดเท้าของทางร้าน แป๊บเดียวเจ้า Red Wing 1907 CLASSIC MOC ตรงไซด์ที่ตามหาก็วางอยู่ตรงหน้า
สีและหนัง… ครั้งแรกที่เห็นรองเท้าที่เย็บด้วยหนังน้ำมันจากโรงฟอกหนังชั้นดีของอเมริกา เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกได้ถึงความเนียนและหนักแน่น สำหรับผมแล้วรองเท้าคู่นี้ดูสวยมากครับ เป็นสีที่ออกแนวสนิมๆ หน่อย ฝรั่งเรียกมันว่าสี Copper
การตัดเย็บ… รองเท้า Red wing ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานอยู่แล้วครับ เป็นรองเท้าที่มาจากแนวคิดในการผลิตให้กับคนที่ทำงานหนักตามไซด์งานต่างๆ ได้มีรองเท้าที่มีความทนทานแต่ใส่สบาย เทคนิคการตัดเย็บเฉพาะตัว (การเย็บตะเข็บแบบนอร์วิเจียน การเย็บแบบสามตะเข็บ) ที่ผมเห็นแล้วบอกได้เลยว่าแน่น ปึ๊ก ไม่ผิดหวังในเรื่องความทนทานแน่นอนครับ
พื้นรองเท้า… รองเท้า Red wing รุ่นที่พื้นทำจากยางสีขาวนั้น มีคอมเม้นต์ว่าทนทานสู้พื้นประเภทอื่นไม่ได้ ผมได้สอบถามถึงประเด็นนี้ พนักงานก็บอกว่าจริง แต่พื้นขาวจะใส่นุ่มสบายกว่ามาก เหมาะกับการใส่ทุกวัน หรือใส่เดินไกลๆ
น้ำหนัก…ผมว่ามันโคตรหนักครับ มันหนักกว่าเจ้า Dr.martens รุ่น 1460 คู่เดิมอยู่มากเลย
เดาว่าน้ำหนักส่วนใหญ่น่าจะมาจากหนังที่ประกอบเป็นตัวรองเท้า ส่วนพื้นยางสีขาวนั้นก็ดูไม่น่าหนักเท่าไหร่
ความรู้สึกแรกเมื่อสวมใส่…แข็ง หนัก เดินลำบาก นั้นคือ นิยามแรกของผมเลยครับ หนังและรอยเย็บต่างๆ มันแข็งจริงๆ ครับ และด้วยลักษณะของพื้นที่แปลกไปกว่าคู่เดิมของผม ก้าวไปได้สองสามก้าวก็แทบจะล้มแล้ว พนักงานขายบอกว่าให้ใส่ทุกวันซักสามเดือนหนังจะเข้าที่และจะนุ่มไปเอง (หรืออีกนัยหนึ่งคือ เดี๋ยวจะชินไปเอง…นี่เราคิดผิดมั้ยน้อออออ)
ผมอดทนใส่เดินตะลุยสิงคโปร์ทั้งวันก่อนจะนั่งเครื่องกลับมาถึงบ้านเมืองไทย วันนั้นบอกเลยครับว่าทรมานมาก ทั้งหนักทั้งกัด ผมแก้โดยการใส่ถุงเท้า 2 คู่ เพื่อลดการเสียดสีบริเวณส้นเท้า รวมทั้งการมัดเชือกให้ค่อนข้างกระชับมากกว่าเดิม เพื่อให้เท้าในรองเท้าขยับได้น้อยที่สุด (แต่ก็ทำให้อึดอัดมาก) ณ วันที่เขียนรีวิวนี้ผมใช้งานมาแล้วราวๆ ยี่สิบกว่าวัน ก็ดูเหมือนว่าหนังจะนิ่มขึ้นมาบ้างแล้วครับ
พื้นขาว…บริเวณส้นเริ่มสึก ซึ่งผมว่ามันเร็วมากครับ ทั้งที่ผมเองก็ไม่ใช่คนที่เดินลงส้นเท่าไหร่ ต่างกับ Dr.martens ที่ใช้มา 3-4 ปีแล้วยังแทบไม่สึกเลย ผมให้เต็มที่ไม่น่าเกินสองปี ต้องมีการเปลี่ยนพื้นแน่นอน ซึ่งบ้านเราก็มีร้านที่ได้รับการการันตีจาก Red Wing ว่าสามารถเปลี่ยนได้ตามาตรฐานของเค้า สนนราคาก็ราวๆ สองพันกว่าบาท แต่ก็รู้สึกได้ว่าพื้นแบบนี้เมื่อใส่จนชิน แล้วเดินนานๆ เดินทั้งวัน ผมรู้สึกว่ามันสบายกว่าจริงๆ
หนังน้ำมันและการเฟดยับของหนัง…หนังน้ำมันเป็นริ้วรอยได้ง่ายมาก ซึ่งก็เป็นปกติของหนังแบบนี้ ใส่ได้ไม่นานก็เกิดรอยยับรอยย่นตามรูปเท้าของเราเอง ซึ่งก็เป็นริ้วรอยลวดลายที่สวยงาม และรอยตะเข็บต่างๆ ก็นุ่มขึ้นมาก ตอนนี้ก็ไม่กัด และไม่ต้องสวมถุงเท้าสองคู่อีกต่อไป
เชือกรองเท้า ผมสงสัยแต่แรกว่า เชือกที่ให้มาทั้งสองแบบนั้นใช้งานต่างกันอย่างไร พอได้ลองใช้แล้วก็รู้สึกว่า เชือกหนังจะมีความฝืดมากกว่าเชือกไนลอน มัดได้แน่นหนาไม่มีหลุดเลื่อน แม้กระทั่งถอดก็ยังยากเลย และเชือกหนังที่ให้มาจะยาวมากครับ ผมเลยตัดให้เหลือเท่ากับเชือกไนลอน ส่วนตัวแล้วผมว่าดูสวยกว่าเชือกไนลอนนะ
การบำรุงรักษา ในเวบของยี่ห้อรองเท้าบอกว่า ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 3 ชนิด คือ Cleaner, Boots oil,Protector ราคารวมแล้วก็เกือบสองพัน แต่ผมก็ตัดใจซื้อมา เพราะคิดว่ารองเท้าคู่ละเกือบหมื่นบาท ถ้าเราเอาอะไรที่ไม่ได้มาตรฐานไปเช็ดไปถู แล้วมันเกิดรอยด่าง ล้างไม่ออกขึ้นมาก็จะเสียของกันไป หลังจากเอาแปรงขนม้าปัดเอาฝุ่นออกแล้ว ก็ใช้ผ้านุ่มๆ แตะ Cleaner แล้วเช็ดให้ทั่ว ทิ้งให้แห้งแล้วลงต่อด้วย Boots oil บางๆ ทาให้ทั่ว ซึ่งในขั้นตอนนี้ หลายท่านไม่แนะนำ เพราะว่าจะทำให้รองเท้าสีเข้มมากไป (ซึ่งผมลองแล้วก็จริงครับ) ปล่อยแห้งอีกรอบ แล้วก็พ่นด้วย Protector เป็นอันเสร็จพิธี
เรื่องลง Boots oil แล้วรองเท้าสีเข้ม ผมไม่ค่อยซีเรียสนะ เพราะอยากให้หนังได้รับการบำรุงเพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า ก่อนนั้นกับ Dr.martens ผมใช้เบบี้ครีมทาจนชุ่ม แล้วปล่อยให้แห้งหนังก็นุ่มและรอยต่างๆ ก็จางหายไปได้ ก็เลยลองกับคู่นี้ก็ได้ผลเช่นเดียวกันครับ
สรุป ผมว่ามันคือรองเท้าทรง Vintage ที่สวยงามถูกใจและเข้ากับสไตล์การแต่งตัวของผมมาก ใส่เดินทาง ขี่มอเตอร์ไซด์ หรือใช้งานสมบุกสมบันได้สบาย แม้ว่าราคาที่ค่อนข้างสูง น้ำหนักที่มากไปหน่อย แต่รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงบึกบึน ทนทาน ตอนนี้ในบ้านเรามีของเลียนแบบเยอะมากๆ ทั้งของใหม่หรือของมือสอง จะซื้อหาต้องระวังครับ การเลือกซื้อจากตัวแทนที่ได้มาตรฐานก็จะทำให้เรามั่นใจว่าได้ของแท้ สำหรับผม เมื่อพิจารณาจากงบประมาณและความคุ้มค่า ผมคงมาสุดทางแล้วกับรองเท้าประเภท Boots หนัง ทรง Vintage ยี่ห้อนี้
[CR] Red Wing Shoes 1907 CLASSIC MOC Boots
Back ground
ในวันที่อายุเข้าใกล้เลขสี่ไปทุกขณะ ผมก็เพิ่งจะมาหลงใหลเสน่ห์ยีนส์ผ้าดิบปั้นเฟด (คือ การสวมใส่โดยไม่ซักเพื่อให้เกิดริ้วรอยและสีที่ซีดจางจากการใช้งาน จนเกิดเป็นศิลปะบนผืนผ้าที่มีลักษณะเฉพาะตัว) แน่นอนว่าในโลกของยีนส์ผ้าดิบ ก็มักจะต้องคู่กับรองเท้าหนังสวยๆ ซักคู่ ก่อนหน้านั้นผมใส่ Dr.martens รุ่น 1460 มาหลายปี (ซึ่งการรีวิวนี้จะขอเปรียบเทียบกับ Dr.martens รุ่นนี้นะครับ)
Red wing Store @ Singapore
ผมไม่มีโอกาสได้ทดลองจับ ลองสัมผัสก่อนซื้อ เนื่องจากตอนนั้นรุ่นที่ผมสนใจขาดตลาดพอดี จนเมื่อเร็วๆ นี้มีโอกาสไปทำงานที่ Singapore จึงไม่รอช้าที่จะหาเวลาว่างเข้าไปเยี่ยมตัวแทนจำหน่าย Red Wing เจ้าใหญ่ในละแวกบ้านเรา (ของในบ้านเราก็รับมาจากที่นี่) ร้านนี้ไม่ใหญ่โตอะไรนัก แต่มีผลิตภัณฑ์ครบทุกชนิดครับ โดยเฉพาะรองเท้านั้น มีครบทุกรุ่น ทุกไซด์ ทุกสี และมีการบริการที่ผมประทับใจมากๆ ส่วนราคาตั้งนั้นแทบไม่ต่างจากบ้านเราเลย พอดีช่วงที่ผมไปห้างนั้นเค้ามีโปรโมชั่นใช้พาสปอร์ตของต่างชาติไปลงทะเบียนรับคูปองเงินสดและคืนภาษีได้อีกนิดหน่อย เลยทำให้ประหยัดกว่าบ้านเราได้เกือบๆ 2000 บาท
1907 CLASSIC MOC
รองเท้าคู่นี้ คือ Red wing รุ่น 1907 ใช้หนัง Rough and Tough พื้นรองเท้าแบบ Traction Tred สีขาว ซี่งหนังทุกส่วนของรองเท้ารุ่นนี้เป็นหนังน้ำมันที่มีสีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น และรุ่นนี้จะมีเพียงสีเดียว รูร้อยเชือกมี 7 คู่ สูง 6 นิ้ว มีเชือกรองเท้าให้มาในกล่อง 2 แบบ คือ เชือกไนลอน และเชือกหนัง (rawhide) และยังมีพื้นรองด้านในให้มาอีกหนึ่งคู่ ถือว่าเป็นรุ่นยอดนิยมในบ้านเราไม่แพ้รุ่น 875 เลยทีเดียว รายละเอียดอื่นๆ ทุกท่านสามารถหาอ่านได้จาก Official Website ของ Red wing shoes ครับ
First impression
ทันทีที่ทราบว่าผมต้องการรองเท้ารุ่นไหน พนักงานก็ทำการวัดเท้าโดยละเอียดด้วยอุปกรณ์วัดขนาดเท้าของทางร้าน แป๊บเดียวเจ้า Red Wing 1907 CLASSIC MOC ตรงไซด์ที่ตามหาก็วางอยู่ตรงหน้า
สีและหนัง… ครั้งแรกที่เห็นรองเท้าที่เย็บด้วยหนังน้ำมันจากโรงฟอกหนังชั้นดีของอเมริกา เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกได้ถึงความเนียนและหนักแน่น สำหรับผมแล้วรองเท้าคู่นี้ดูสวยมากครับ เป็นสีที่ออกแนวสนิมๆ หน่อย ฝรั่งเรียกมันว่าสี Copper
การตัดเย็บ… รองเท้า Red wing ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานอยู่แล้วครับ เป็นรองเท้าที่มาจากแนวคิดในการผลิตให้กับคนที่ทำงานหนักตามไซด์งานต่างๆ ได้มีรองเท้าที่มีความทนทานแต่ใส่สบาย เทคนิคการตัดเย็บเฉพาะตัว (การเย็บตะเข็บแบบนอร์วิเจียน การเย็บแบบสามตะเข็บ) ที่ผมเห็นแล้วบอกได้เลยว่าแน่น ปึ๊ก ไม่ผิดหวังในเรื่องความทนทานแน่นอนครับ
พื้นรองเท้า… รองเท้า Red wing รุ่นที่พื้นทำจากยางสีขาวนั้น มีคอมเม้นต์ว่าทนทานสู้พื้นประเภทอื่นไม่ได้ ผมได้สอบถามถึงประเด็นนี้ พนักงานก็บอกว่าจริง แต่พื้นขาวจะใส่นุ่มสบายกว่ามาก เหมาะกับการใส่ทุกวัน หรือใส่เดินไกลๆ
น้ำหนัก…ผมว่ามันโคตรหนักครับ มันหนักกว่าเจ้า Dr.martens รุ่น 1460 คู่เดิมอยู่มากเลย
เดาว่าน้ำหนักส่วนใหญ่น่าจะมาจากหนังที่ประกอบเป็นตัวรองเท้า ส่วนพื้นยางสีขาวนั้นก็ดูไม่น่าหนักเท่าไหร่
ความรู้สึกแรกเมื่อสวมใส่…แข็ง หนัก เดินลำบาก นั้นคือ นิยามแรกของผมเลยครับ หนังและรอยเย็บต่างๆ มันแข็งจริงๆ ครับ และด้วยลักษณะของพื้นที่แปลกไปกว่าคู่เดิมของผม ก้าวไปได้สองสามก้าวก็แทบจะล้มแล้ว พนักงานขายบอกว่าให้ใส่ทุกวันซักสามเดือนหนังจะเข้าที่และจะนุ่มไปเอง (หรืออีกนัยหนึ่งคือ เดี๋ยวจะชินไปเอง…นี่เราคิดผิดมั้ยน้อออออ)
ผมอดทนใส่เดินตะลุยสิงคโปร์ทั้งวันก่อนจะนั่งเครื่องกลับมาถึงบ้านเมืองไทย วันนั้นบอกเลยครับว่าทรมานมาก ทั้งหนักทั้งกัด ผมแก้โดยการใส่ถุงเท้า 2 คู่ เพื่อลดการเสียดสีบริเวณส้นเท้า รวมทั้งการมัดเชือกให้ค่อนข้างกระชับมากกว่าเดิม เพื่อให้เท้าในรองเท้าขยับได้น้อยที่สุด (แต่ก็ทำให้อึดอัดมาก) ณ วันที่เขียนรีวิวนี้ผมใช้งานมาแล้วราวๆ ยี่สิบกว่าวัน ก็ดูเหมือนว่าหนังจะนิ่มขึ้นมาบ้างแล้วครับ
พื้นขาว…บริเวณส้นเริ่มสึก ซึ่งผมว่ามันเร็วมากครับ ทั้งที่ผมเองก็ไม่ใช่คนที่เดินลงส้นเท่าไหร่ ต่างกับ Dr.martens ที่ใช้มา 3-4 ปีแล้วยังแทบไม่สึกเลย ผมให้เต็มที่ไม่น่าเกินสองปี ต้องมีการเปลี่ยนพื้นแน่นอน ซึ่งบ้านเราก็มีร้านที่ได้รับการการันตีจาก Red Wing ว่าสามารถเปลี่ยนได้ตามาตรฐานของเค้า สนนราคาก็ราวๆ สองพันกว่าบาท แต่ก็รู้สึกได้ว่าพื้นแบบนี้เมื่อใส่จนชิน แล้วเดินนานๆ เดินทั้งวัน ผมรู้สึกว่ามันสบายกว่าจริงๆ
หนังน้ำมันและการเฟดยับของหนัง…หนังน้ำมันเป็นริ้วรอยได้ง่ายมาก ซึ่งก็เป็นปกติของหนังแบบนี้ ใส่ได้ไม่นานก็เกิดรอยยับรอยย่นตามรูปเท้าของเราเอง ซึ่งก็เป็นริ้วรอยลวดลายที่สวยงาม และรอยตะเข็บต่างๆ ก็นุ่มขึ้นมาก ตอนนี้ก็ไม่กัด และไม่ต้องสวมถุงเท้าสองคู่อีกต่อไป
เชือกรองเท้า ผมสงสัยแต่แรกว่า เชือกที่ให้มาทั้งสองแบบนั้นใช้งานต่างกันอย่างไร พอได้ลองใช้แล้วก็รู้สึกว่า เชือกหนังจะมีความฝืดมากกว่าเชือกไนลอน มัดได้แน่นหนาไม่มีหลุดเลื่อน แม้กระทั่งถอดก็ยังยากเลย และเชือกหนังที่ให้มาจะยาวมากครับ ผมเลยตัดให้เหลือเท่ากับเชือกไนลอน ส่วนตัวแล้วผมว่าดูสวยกว่าเชือกไนลอนนะ
การบำรุงรักษา ในเวบของยี่ห้อรองเท้าบอกว่า ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 3 ชนิด คือ Cleaner, Boots oil,Protector ราคารวมแล้วก็เกือบสองพัน แต่ผมก็ตัดใจซื้อมา เพราะคิดว่ารองเท้าคู่ละเกือบหมื่นบาท ถ้าเราเอาอะไรที่ไม่ได้มาตรฐานไปเช็ดไปถู แล้วมันเกิดรอยด่าง ล้างไม่ออกขึ้นมาก็จะเสียของกันไป หลังจากเอาแปรงขนม้าปัดเอาฝุ่นออกแล้ว ก็ใช้ผ้านุ่มๆ แตะ Cleaner แล้วเช็ดให้ทั่ว ทิ้งให้แห้งแล้วลงต่อด้วย Boots oil บางๆ ทาให้ทั่ว ซึ่งในขั้นตอนนี้ หลายท่านไม่แนะนำ เพราะว่าจะทำให้รองเท้าสีเข้มมากไป (ซึ่งผมลองแล้วก็จริงครับ) ปล่อยแห้งอีกรอบ แล้วก็พ่นด้วย Protector เป็นอันเสร็จพิธี
เรื่องลง Boots oil แล้วรองเท้าสีเข้ม ผมไม่ค่อยซีเรียสนะ เพราะอยากให้หนังได้รับการบำรุงเพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า ก่อนนั้นกับ Dr.martens ผมใช้เบบี้ครีมทาจนชุ่ม แล้วปล่อยให้แห้งหนังก็นุ่มและรอยต่างๆ ก็จางหายไปได้ ก็เลยลองกับคู่นี้ก็ได้ผลเช่นเดียวกันครับ
สรุป ผมว่ามันคือรองเท้าทรง Vintage ที่สวยงามถูกใจและเข้ากับสไตล์การแต่งตัวของผมมาก ใส่เดินทาง ขี่มอเตอร์ไซด์ หรือใช้งานสมบุกสมบันได้สบาย แม้ว่าราคาที่ค่อนข้างสูง น้ำหนักที่มากไปหน่อย แต่รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงบึกบึน ทนทาน ตอนนี้ในบ้านเรามีของเลียนแบบเยอะมากๆ ทั้งของใหม่หรือของมือสอง จะซื้อหาต้องระวังครับ การเลือกซื้อจากตัวแทนที่ได้มาตรฐานก็จะทำให้เรามั่นใจว่าได้ของแท้ สำหรับผม เมื่อพิจารณาจากงบประมาณและความคุ้มค่า ผมคงมาสุดทางแล้วกับรองเท้าประเภท Boots หนัง ทรง Vintage ยี่ห้อนี้