เปิดใจนายแพทย์สมยศ กิตติมั่นคง ผู้เขียนหนังสือกัญชาคือยารักษามะเร็ง พูดคุยกันสดๆในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์
คำถาม : ขั้นตอนการดำเนินการของหมอ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนไหนที่สนับสนุนให้มีการถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด
นพ.สมยศ : คือล่าสุดเรามีการประชุมกันนะครับ ตอนนั้นทางสภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพในการระดมความเห็นและข้อมูลทางวิชาการเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ปรากฎว่าในวันนั้นทางสภาเกษตรกรเชิญตัวแทนหลายฝ่าย มีทั้งตัวผมเอง คุณหมอสมนึก แล้วก็มีตัวแทน พูดง่ายๆ จากอย. ป.ป.ส. ตำรวจ ไปให้ข้อมูล ไปรับฟังข้อมูลด้วยว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง และที่สำคัญที่สุดก็คือ มีข้อมูลจากตัวคนที่ใช้อยุ่ตอนนี้ คือตอนนี้ผู้ป่วยมะเร็ง ผุ้ป่วยโรคลมชัก ที่ไม่สามารถใช้ยาแผนปัจจุบันควบคุมอาการหรือรักษาได้ มีการแอบใช้แบบลับๆ แล้ววันนั้นมาโชว์ตัวกันเลย แล้วก็มาเล่าให้ฟังด้วยว่าสารสกัดจากกัญชามันช่วยชีวิตพวกเค้าได้อย่างไรบ้าง ได้ผลจริงครับ
คำถาม : จะเรียกร้องอย่างไรต่อไป เพราะ อย.แถลงแล้วว่ายังไม่ขึ้น ยังเป็นบัญชียาเสพติดอยู่
นพ.สมยศ : สภาเกษตรกรแห่งชาติ ประภัทร ปัญญาชาติรัตน์ วันนั้นท่านสรุปว่าทางท่านจะเป็นเจ้าภาพในการรวบรวมข้อเสนอในวันนั้นแล้วเสนอเพื่อให้รัฐบาลพิจารณา จริงๆตอนนี้ความเห็นค่อนข้างตรงกันว่าเราต้องการถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดเพื่อมาใช้ในทางการแพทย์ โดยมีระบบควบคุม ไม่ได้ปล่อยให้เป็นกัญชาเสรี
คำถาม : ไม่ได้ปล่อยให้ซื้อขายเสพกันได้ตามท้องถนนเสรี แต่จะเอามาเป็นยารักษาโรค
นพ.สมยศ : ครับ แล้วก็ต้องมีใบสั่งแพทย์ มีใบสั่งยาเป็นตัวควบคุมด้วย
คำถาม : แต่ก็อยู่ในขั้นตอนของการเสนออยู่
นพ.สมยศ : ครับ
คำถาม : มีข้อมูลงานวิจัยยืนยันชัดเจนหรอครับ ว่ากัญชาเอามารักษามะเร็งได้
นพ.สมยศ : ข้อมูลในสหรัฐอเมริกามีการวิจัยครั้งแรกเมื่อ40กว่าปีที่แล้ว พบว่ากัญชาฆ่าเซลล์มะเร็งได้จริง แต่ข้อมูลนี้ถูกปิดบังไว้จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว เพิ่งมีการยอมรับอยู่ในเว็บไซต์ของรัฐบาลสหรัฐ ว่ากัญชามีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งได้
คำถาม : เค้านำมาใช้ทางการแพทย์แล้วหรือ
นพ.สมยศ : ตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกมีการใช้กัญชารักษาโรคแล้วครับ ในสหรัฐอเมริกาเกินครึ่งประเทศ แล้วในหลายๆประเทศ อย่างเช่น อังกฤษก็เริ่มแล้ว แล้วก็มีเนเธอร์แลนด์ มีสเปน มีอุรุกวัย ล่าสุดนี่มีออสเตเรียใกล้ๆบ้านเรา จริงๆมีเยอะมากหลายๆประเทศที่ใช้แล้ว แล้วก็มีการวิจัยในคนแล้วด้วยครับ
คำถาม : ของไทยมีงานวิจัยไหม
นพ.สมยศ : มีงานวิจัยอยู่งานนึงเมื่อประมาณ10ปีที่แล้ว ที่อาจารย์อยู่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ท่านเอาสารสกัดจากกัญชามาทดสอบกับเซลล์มะเร็ง มะเร็งท่อน้ำดี ตัวมะเร็งท่อน้ำดีคนภาคอีสานของเราเป็นกันเยอะ พบว่ามันสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้
คำถาม : ผ่านมา10ปี มีงานวิจัยใหม่ๆเกิดขึ้นหรือไม่
นพ.สมยศ : ผมยังแปลกใจว่างานวิจัยตัวนั้นเค้าอนุมัติให้ทำได้อย่างไร เพราะว่าหลังจากนั้นมีความพยายามจะขอทำวิจัยมาตลอด โดยใช้ตัวกัญชาที่ทางตำรวจที่ไปจับกันมา ป.ป.ส.ไปจับมา ขอใช้กัญชาของกลางมาทดสอบมาวิจัยเพื่อช่วยชีวิตคนไข้โรคมะเร็งไม่เคยได้รับการอนุมัติเลย ทำวิจัยไม่ได้เลย มีงานวิจัยของไทยแค่ชิ้นเดียวเท่านั้นเอง
คำถาม : แต่ในต่างประเทศมีอยู่หลายงานวิจัย
นพ.สมยศ : ตอนนี้ผมเข้าใจว่าน่าจะมีเป็นหมื่นชิ้นแล้วตอนนี้
คำถาม : เราได้รับข้อมูลมาตลอดตั้งแต่เด็กๆว่ากัญชาคือสารเสพติด เสพเข้าไปทำร้ายร่างกาย โทษของกัญชาก็มี ทำไมอยู่ดีๆกลายมาเป็นยา
ได้ พูดถึงโทษกันหน่อยไหมครับ
นพ.สมยศ : จริงๆต้องเข้าใจก่อนว่า งานวิจัย เมื่อก่อนเรามองแต่โทษ พอช่วยหลังพอไปรีวิวใหม่ ไปทบทวนใหม่ ปรากฎว่าตอนนี้กลับไปกลับมากลายเป็นคนละเรื่องเลย มีนักวิจัยจากประเทศสเปนไปพิสูจน์ดูว่ากัญชามีฤทธิ์อย่างไร ปรากฎว่ามันทำลายเซลล์มะเร็ง โดยที่ว่ามันไม่มีผลต่อข้างเคียงต่อเซลล์ปกติเลย พูดง่ายๆ เซลล์ปกติไม่มีปัญหา เลยกลายเป็นว่าตอนนี้คนใช้กัญชากลับมีอายุยืนกว่าคนปกติ
คำถาม : พูดถึงข้อเสีย
นพ.สมยศ : ถ้าพูดถึงกล่อมประสาท มีงานวิจัยนึง เค้าบอกว่าคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอหรือมีอุบัติเหตุต่อสมอง
ไอตัวสารสกัดกัญชาไปช่วยป้องกันเซลล์สมองไม่ให้มีอันตราย คือตอนนี้มันกลับกลายเป็นคนละเรื่องจากที่เราเคยเรียนมาเลย
เมื่อก่อนผมเรียนมาผมก็เรียนมาเหมือนกันว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ใช้แล้วมีปัญหา ปรากฎว่าตอนนี้งานวิจัยมันตรงกันข้าม
คำถาม : คุณหมอกำลังจะบอกว่ามันไม่มีโทษเลยหรอครับ
นพ.สมยศ : มันมีอยู่ 3 เรื่อง แต่3เรื่องนี้ ทำไปทำมาสามารถพลิกจากโทษไปเป็นประโยชน์ได้ โทษข้อที่ 1. ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ คนที่ใช้เสพกัญชาจะมีอาการอยากของหวานของกินทองหยอด คุยกันในกลุ่มเค้าจะเข้าใจ 2.ความดันต่ำ 3.นอนมาก ทั้ง3อย่างนี้ ถ้า2อย่างแรกเรามาใช้รักษาโรคเบาหวานได้ โรคความดันโลหิตสูงได้ ส่วนอันที่3 คนไหนเครียดนอนไม่หลับเราไม่ใช้ตัวนี้ เพราะฉะนั้นโทษมันมี แต่เราสามารถแปรโทษไปใช้เป็นประโยชน์ได้
คำถาม : แต่ถ้าเสพมากจนเกินไปโดยไม่มีการควบคุม ผมเคยได้ยินว่ามันจะหลอน มันจะทำให้เสียสติ
นพ.สมยศ : เมื่อวานผมเพิ่งเจอท่านนึงที่ใช้ตัวกัญชาเยอะๆ มีอาการอย่างว่าฮะ คือมีอาการหลอนได้ แต่ในกรณีที่ใช้มากๆ ปริมาณสูงๆ เพราะฉะนั้นเราถึงบอกว่าเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นมา เราถึงต้องมีใบสั่งยา มีแพทย์คอยช่วยควบคุมดูแล ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนไทย แพทย์แผนปัจจุบันก็ตาม เพราะฉะนั้นตรงนี้เราต้องการควบคุมอยู่
คำถาม : ถ้าใช้ปริมาณไม่เยอะ จะไม่ส่งผลต่อประสาท
นพ.สมยศ : ใช่ครับ จะเป็นการป้องกันด้วยซ้ำไป แล้วก็รักษาโรคอัลไซเมอร์ ความจำเสื่อมได้ด้วย
คำถาม : กระบวนการที่คุณหมอเรียกร้อง ไม่ใช่ให้เป็นการค้าโดยเสรี แต่ให้เป็นรูปแบบไหน
นพ.สมยศ : ตอนนี้มีในต่างประเทศ ทำเป็น2รูปแบบ 1.ให้มีการปลูกโดยคนป่วยได้ที่บ้าน สมมติเราจำกัดจำนวนว่า6ต้น สมมติคนไข้เป็นโรคมะเร็ง มาหาคุณหมอ แล้วก็ได้รับใบอนุญาตไปว่าให้ปลูกกัญชาเพื่อรักษาตัวเองได้ อันนี้เป็นช่องทางนึง อีกช่องทางนึงเป็นเรื่องของการค้า อย่างการค้าในต่างประเทศ เค้าจะมี2ช่องทางนี้ควบคู่กันไป คือใครอยากทำการค้าเพื่อปลูกเป็นยาเพื่อไปเข้าบริษัทยา ไปสกัดเป็นยาเอามาขายจำหน่าย นั่นเป็นช่องทางนึง เพราะฉะนั้นตอนนี้ในต่างประเทศจะมี2ช่องทาง
คำถาม : ตัวเลข6ต้น ที่ผู้ป่วยจะปลูก ตัวเลขนี้อ้างอิงมาจากต่างประเทศ หรือได้มาอย่างไร
นพ.สมยศ : ตัวนี้อ้างอิงมาจากตัวประสบการณ์ที่เค้าใช้ แล้วก็เป็นข้อมูลว่า6ต้น พอทำสารสกัดมาแล้ว 6ต้นจะเพียงพอต่อการรักษามะเร็งให้คนไข้หายได้ประมาณนี้พอดีเปะเลย
คำถาม : จนถึงขณะนี้มี2กระแส อย.แถลงแล้ว จนถึงขณะนี้ยังเป็นยาเสพติดอยู่ บางกระแสก็เรียกร้อง เพราะฉะนั้น มีความคาดหวังตรงนี้ที่จะพลิกจากยาเสพติดมาเป็นสมุนไพร มันมากน้อยขนาดไหน ความหวังของคุณหมอตอนนี้
นพ.สมยศ : ตอนนี้ในต่างประเทศ ต้องเข้าใจก่อนนะว่ากฎหมายของไทยแตกต่างกับต่างประเทศ ในต่างประเทศมีกฎหมายยา แล้วเค้าเปิดโอกาสให้ใช้สมุนไพรโดยใช้ใบสั่งยาได้ แต่ในประเทศไทยกฎหมายยาของเรามียาแผนโบราณกับแผนปัจจุบัน แต่สมุนไพรของเราไม่ต้องใช้ใบสั่งยา เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราจะทำให้กัญชาเป็นสมุนไพรทางการแพทย์ เราต้องมีระบบควบคุมตรงนี้ขึ้นมา จริงๆผมคิดว่ามันต้องผ่านกระบวนการการทบทวนข้อมูลแล้วก็เอาข้อมูลในส่วนนี้มาพิจารณากัน ต้องออกแบบระบบกันว่าเราจะดูแลกันอย่างไรให้ได้ประโยชน์ทั้งชาวบ้านเอง คนป่วย และ เศรษฐกิจของประเทศ แล้วก็ทางรัฐบาลจะได้ไม่มีปัญหาด้วย
คำถาม : คาดหวังว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นประมาณเมื่อไหร่
นพ.สมยศ : พูดตรงๆ ผมว่าต้องรอดู ตอบยากเลยฮะ แต่ตอนนี้ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า ถึงแม้ว่ากฎหมายจะยังไม่เปิดคนไข้ทั่วประเทศตอนนี้ ต้องยอมรับความจริงนะฮะ แอบใช้กัญชารักษามะเร็ง
คำถาม : ผิดกฎหมายนะฮะแบบนี้
นพ.สมยศ : ผิดกฎหมายครับ แล้วแอบใช้กันมาก่อนที่ เป็นมา10ปีแล้วด้วย คราวแรกผมก็ไม่ทราบ เพิ่งมาทราบ จริงๆผมเพิ่งทราบว่ากัญชาใช้รักษามะเร็งได้เมื่อประมาณ5ปีที่แล้ว มีคนติดต่อหาผมตลอดเลย แล้วผมรู้ว่ามีบางกลุ่มใช้มาเป็น10ปีแล้วด้วยเค้าใช้กันในกลุ่มแคบๆ บอกต่อกัน แสดงว่าปัญหาตอนนี้ ผมคิดว่ารัฐบาลอาจจะต้องเข้ามาดูนิดนึง ว่าจริงๆแล้วเค้ามีความจำเป็นและต้องการใช้ เค้าแอบใช้ ตอนนี้ เค้ากลัวตายมากกว่าติดคุกแล้วตอนนี้
คำถาม : มีตัวเลขไหมว่าจำนวนคนที่แอบใช้อยู่ประมาณหลักเท่าไหร่
นพ.สมยศ : ผมว่าน่าจะหลายพันคนฮะ
คำถาม : คุณหมออาจจะต้องให้การกับตำรวจนะฮะ เพราะว่าลักษณะแบบนี้ผิดกฎหมาย
นพ.สมยศ : คือเราได้รับข้อมูลมาแต่เรายังไม่เคยเจอคนไข้ตัวจริง แล้วเราเองเราก็ไม่ได้สนับสนุนให้เค้าปลูกด้วยนะครับ เรารู้อยู่ว่ามันผิดกฎหมาย เราก็พยายามให้ข้อมูลเค้า แต่คนที่เค้าพยายามจะดิ้นรนเนี่ย เค้าหาทุกวิถีทาง ถึงผมบอกอย่างไรเค้าก็ไม่ฟังผม
สรุปได้ว่าเบื้องต้นกัญชายังเป็นพืชที่เป็นยาเสพติดอยู่ แต่ยังเป็นข้อเรียกร้องที่จะพลิกจากยาเสพติดให้มาเป็นพืชสมุนไพรหรือ
เป็นยารักษาโรค ยังอยู่ในกระบวนการเรียกร้องทางกฎหมายต่อไป
เมื่อหมอบอกว่า กัญชา คือ ยารักษามะเร็ง มีอะไรมายืนยัน
เปิดใจนายแพทย์สมยศ กิตติมั่นคง ผู้เขียนหนังสือกัญชาคือยารักษามะเร็ง พูดคุยกันสดๆในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์
คำถาม : ขั้นตอนการดำเนินการของหมอ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนไหนที่สนับสนุนให้มีการถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด
นพ.สมยศ : คือล่าสุดเรามีการประชุมกันนะครับ ตอนนั้นทางสภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพในการระดมความเห็นและข้อมูลทางวิชาการเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ปรากฎว่าในวันนั้นทางสภาเกษตรกรเชิญตัวแทนหลายฝ่าย มีทั้งตัวผมเอง คุณหมอสมนึก แล้วก็มีตัวแทน พูดง่ายๆ จากอย. ป.ป.ส. ตำรวจ ไปให้ข้อมูล ไปรับฟังข้อมูลด้วยว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง และที่สำคัญที่สุดก็คือ มีข้อมูลจากตัวคนที่ใช้อยุ่ตอนนี้ คือตอนนี้ผู้ป่วยมะเร็ง ผุ้ป่วยโรคลมชัก ที่ไม่สามารถใช้ยาแผนปัจจุบันควบคุมอาการหรือรักษาได้ มีการแอบใช้แบบลับๆ แล้ววันนั้นมาโชว์ตัวกันเลย แล้วก็มาเล่าให้ฟังด้วยว่าสารสกัดจากกัญชามันช่วยชีวิตพวกเค้าได้อย่างไรบ้าง ได้ผลจริงครับ
คำถาม : จะเรียกร้องอย่างไรต่อไป เพราะ อย.แถลงแล้วว่ายังไม่ขึ้น ยังเป็นบัญชียาเสพติดอยู่
นพ.สมยศ : สภาเกษตรกรแห่งชาติ ประภัทร ปัญญาชาติรัตน์ วันนั้นท่านสรุปว่าทางท่านจะเป็นเจ้าภาพในการรวบรวมข้อเสนอในวันนั้นแล้วเสนอเพื่อให้รัฐบาลพิจารณา จริงๆตอนนี้ความเห็นค่อนข้างตรงกันว่าเราต้องการถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดเพื่อมาใช้ในทางการแพทย์ โดยมีระบบควบคุม ไม่ได้ปล่อยให้เป็นกัญชาเสรี
คำถาม : ไม่ได้ปล่อยให้ซื้อขายเสพกันได้ตามท้องถนนเสรี แต่จะเอามาเป็นยารักษาโรค
นพ.สมยศ : ครับ แล้วก็ต้องมีใบสั่งแพทย์ มีใบสั่งยาเป็นตัวควบคุมด้วย
คำถาม : แต่ก็อยู่ในขั้นตอนของการเสนออยู่
นพ.สมยศ : ครับ
คำถาม : มีข้อมูลงานวิจัยยืนยันชัดเจนหรอครับ ว่ากัญชาเอามารักษามะเร็งได้
นพ.สมยศ : ข้อมูลในสหรัฐอเมริกามีการวิจัยครั้งแรกเมื่อ40กว่าปีที่แล้ว พบว่ากัญชาฆ่าเซลล์มะเร็งได้จริง แต่ข้อมูลนี้ถูกปิดบังไว้จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว เพิ่งมีการยอมรับอยู่ในเว็บไซต์ของรัฐบาลสหรัฐ ว่ากัญชามีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งได้
คำถาม : เค้านำมาใช้ทางการแพทย์แล้วหรือ
นพ.สมยศ : ตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกมีการใช้กัญชารักษาโรคแล้วครับ ในสหรัฐอเมริกาเกินครึ่งประเทศ แล้วในหลายๆประเทศ อย่างเช่น อังกฤษก็เริ่มแล้ว แล้วก็มีเนเธอร์แลนด์ มีสเปน มีอุรุกวัย ล่าสุดนี่มีออสเตเรียใกล้ๆบ้านเรา จริงๆมีเยอะมากหลายๆประเทศที่ใช้แล้ว แล้วก็มีการวิจัยในคนแล้วด้วยครับ
คำถาม : ของไทยมีงานวิจัยไหม
นพ.สมยศ : มีงานวิจัยอยู่งานนึงเมื่อประมาณ10ปีที่แล้ว ที่อาจารย์อยู่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ท่านเอาสารสกัดจากกัญชามาทดสอบกับเซลล์มะเร็ง มะเร็งท่อน้ำดี ตัวมะเร็งท่อน้ำดีคนภาคอีสานของเราเป็นกันเยอะ พบว่ามันสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้
คำถาม : ผ่านมา10ปี มีงานวิจัยใหม่ๆเกิดขึ้นหรือไม่
นพ.สมยศ : ผมยังแปลกใจว่างานวิจัยตัวนั้นเค้าอนุมัติให้ทำได้อย่างไร เพราะว่าหลังจากนั้นมีความพยายามจะขอทำวิจัยมาตลอด โดยใช้ตัวกัญชาที่ทางตำรวจที่ไปจับกันมา ป.ป.ส.ไปจับมา ขอใช้กัญชาของกลางมาทดสอบมาวิจัยเพื่อช่วยชีวิตคนไข้โรคมะเร็งไม่เคยได้รับการอนุมัติเลย ทำวิจัยไม่ได้เลย มีงานวิจัยของไทยแค่ชิ้นเดียวเท่านั้นเอง
คำถาม : แต่ในต่างประเทศมีอยู่หลายงานวิจัย
นพ.สมยศ : ตอนนี้ผมเข้าใจว่าน่าจะมีเป็นหมื่นชิ้นแล้วตอนนี้
คำถาม : เราได้รับข้อมูลมาตลอดตั้งแต่เด็กๆว่ากัญชาคือสารเสพติด เสพเข้าไปทำร้ายร่างกาย โทษของกัญชาก็มี ทำไมอยู่ดีๆกลายมาเป็นยา
ได้ พูดถึงโทษกันหน่อยไหมครับ
นพ.สมยศ : จริงๆต้องเข้าใจก่อนว่า งานวิจัย เมื่อก่อนเรามองแต่โทษ พอช่วยหลังพอไปรีวิวใหม่ ไปทบทวนใหม่ ปรากฎว่าตอนนี้กลับไปกลับมากลายเป็นคนละเรื่องเลย มีนักวิจัยจากประเทศสเปนไปพิสูจน์ดูว่ากัญชามีฤทธิ์อย่างไร ปรากฎว่ามันทำลายเซลล์มะเร็ง โดยที่ว่ามันไม่มีผลต่อข้างเคียงต่อเซลล์ปกติเลย พูดง่ายๆ เซลล์ปกติไม่มีปัญหา เลยกลายเป็นว่าตอนนี้คนใช้กัญชากลับมีอายุยืนกว่าคนปกติ
คำถาม : พูดถึงข้อเสีย
นพ.สมยศ : ถ้าพูดถึงกล่อมประสาท มีงานวิจัยนึง เค้าบอกว่าคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอหรือมีอุบัติเหตุต่อสมอง
ไอตัวสารสกัดกัญชาไปช่วยป้องกันเซลล์สมองไม่ให้มีอันตราย คือตอนนี้มันกลับกลายเป็นคนละเรื่องจากที่เราเคยเรียนมาเลย
เมื่อก่อนผมเรียนมาผมก็เรียนมาเหมือนกันว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ใช้แล้วมีปัญหา ปรากฎว่าตอนนี้งานวิจัยมันตรงกันข้าม
คำถาม : คุณหมอกำลังจะบอกว่ามันไม่มีโทษเลยหรอครับ
นพ.สมยศ : มันมีอยู่ 3 เรื่อง แต่3เรื่องนี้ ทำไปทำมาสามารถพลิกจากโทษไปเป็นประโยชน์ได้ โทษข้อที่ 1. ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ คนที่ใช้เสพกัญชาจะมีอาการอยากของหวานของกินทองหยอด คุยกันในกลุ่มเค้าจะเข้าใจ 2.ความดันต่ำ 3.นอนมาก ทั้ง3อย่างนี้ ถ้า2อย่างแรกเรามาใช้รักษาโรคเบาหวานได้ โรคความดันโลหิตสูงได้ ส่วนอันที่3 คนไหนเครียดนอนไม่หลับเราไม่ใช้ตัวนี้ เพราะฉะนั้นโทษมันมี แต่เราสามารถแปรโทษไปใช้เป็นประโยชน์ได้
คำถาม : แต่ถ้าเสพมากจนเกินไปโดยไม่มีการควบคุม ผมเคยได้ยินว่ามันจะหลอน มันจะทำให้เสียสติ
นพ.สมยศ : เมื่อวานผมเพิ่งเจอท่านนึงที่ใช้ตัวกัญชาเยอะๆ มีอาการอย่างว่าฮะ คือมีอาการหลอนได้ แต่ในกรณีที่ใช้มากๆ ปริมาณสูงๆ เพราะฉะนั้นเราถึงบอกว่าเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นมา เราถึงต้องมีใบสั่งยา มีแพทย์คอยช่วยควบคุมดูแล ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนไทย แพทย์แผนปัจจุบันก็ตาม เพราะฉะนั้นตรงนี้เราต้องการควบคุมอยู่
คำถาม : ถ้าใช้ปริมาณไม่เยอะ จะไม่ส่งผลต่อประสาท
นพ.สมยศ : ใช่ครับ จะเป็นการป้องกันด้วยซ้ำไป แล้วก็รักษาโรคอัลไซเมอร์ ความจำเสื่อมได้ด้วย
คำถาม : กระบวนการที่คุณหมอเรียกร้อง ไม่ใช่ให้เป็นการค้าโดยเสรี แต่ให้เป็นรูปแบบไหน
นพ.สมยศ : ตอนนี้มีในต่างประเทศ ทำเป็น2รูปแบบ 1.ให้มีการปลูกโดยคนป่วยได้ที่บ้าน สมมติเราจำกัดจำนวนว่า6ต้น สมมติคนไข้เป็นโรคมะเร็ง มาหาคุณหมอ แล้วก็ได้รับใบอนุญาตไปว่าให้ปลูกกัญชาเพื่อรักษาตัวเองได้ อันนี้เป็นช่องทางนึง อีกช่องทางนึงเป็นเรื่องของการค้า อย่างการค้าในต่างประเทศ เค้าจะมี2ช่องทางนี้ควบคู่กันไป คือใครอยากทำการค้าเพื่อปลูกเป็นยาเพื่อไปเข้าบริษัทยา ไปสกัดเป็นยาเอามาขายจำหน่าย นั่นเป็นช่องทางนึง เพราะฉะนั้นตอนนี้ในต่างประเทศจะมี2ช่องทาง
คำถาม : ตัวเลข6ต้น ที่ผู้ป่วยจะปลูก ตัวเลขนี้อ้างอิงมาจากต่างประเทศ หรือได้มาอย่างไร
นพ.สมยศ : ตัวนี้อ้างอิงมาจากตัวประสบการณ์ที่เค้าใช้ แล้วก็เป็นข้อมูลว่า6ต้น พอทำสารสกัดมาแล้ว 6ต้นจะเพียงพอต่อการรักษามะเร็งให้คนไข้หายได้ประมาณนี้พอดีเปะเลย
คำถาม : จนถึงขณะนี้มี2กระแส อย.แถลงแล้ว จนถึงขณะนี้ยังเป็นยาเสพติดอยู่ บางกระแสก็เรียกร้อง เพราะฉะนั้น มีความคาดหวังตรงนี้ที่จะพลิกจากยาเสพติดมาเป็นสมุนไพร มันมากน้อยขนาดไหน ความหวังของคุณหมอตอนนี้
นพ.สมยศ : ตอนนี้ในต่างประเทศ ต้องเข้าใจก่อนนะว่ากฎหมายของไทยแตกต่างกับต่างประเทศ ในต่างประเทศมีกฎหมายยา แล้วเค้าเปิดโอกาสให้ใช้สมุนไพรโดยใช้ใบสั่งยาได้ แต่ในประเทศไทยกฎหมายยาของเรามียาแผนโบราณกับแผนปัจจุบัน แต่สมุนไพรของเราไม่ต้องใช้ใบสั่งยา เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราจะทำให้กัญชาเป็นสมุนไพรทางการแพทย์ เราต้องมีระบบควบคุมตรงนี้ขึ้นมา จริงๆผมคิดว่ามันต้องผ่านกระบวนการการทบทวนข้อมูลแล้วก็เอาข้อมูลในส่วนนี้มาพิจารณากัน ต้องออกแบบระบบกันว่าเราจะดูแลกันอย่างไรให้ได้ประโยชน์ทั้งชาวบ้านเอง คนป่วย และ เศรษฐกิจของประเทศ แล้วก็ทางรัฐบาลจะได้ไม่มีปัญหาด้วย
คำถาม : คาดหวังว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นประมาณเมื่อไหร่
นพ.สมยศ : พูดตรงๆ ผมว่าต้องรอดู ตอบยากเลยฮะ แต่ตอนนี้ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า ถึงแม้ว่ากฎหมายจะยังไม่เปิดคนไข้ทั่วประเทศตอนนี้ ต้องยอมรับความจริงนะฮะ แอบใช้กัญชารักษามะเร็ง
คำถาม : ผิดกฎหมายนะฮะแบบนี้
นพ.สมยศ : ผิดกฎหมายครับ แล้วแอบใช้กันมาก่อนที่ เป็นมา10ปีแล้วด้วย คราวแรกผมก็ไม่ทราบ เพิ่งมาทราบ จริงๆผมเพิ่งทราบว่ากัญชาใช้รักษามะเร็งได้เมื่อประมาณ5ปีที่แล้ว มีคนติดต่อหาผมตลอดเลย แล้วผมรู้ว่ามีบางกลุ่มใช้มาเป็น10ปีแล้วด้วยเค้าใช้กันในกลุ่มแคบๆ บอกต่อกัน แสดงว่าปัญหาตอนนี้ ผมคิดว่ารัฐบาลอาจจะต้องเข้ามาดูนิดนึง ว่าจริงๆแล้วเค้ามีความจำเป็นและต้องการใช้ เค้าแอบใช้ ตอนนี้ เค้ากลัวตายมากกว่าติดคุกแล้วตอนนี้
คำถาม : มีตัวเลขไหมว่าจำนวนคนที่แอบใช้อยู่ประมาณหลักเท่าไหร่
นพ.สมยศ : ผมว่าน่าจะหลายพันคนฮะ
คำถาม : คุณหมออาจจะต้องให้การกับตำรวจนะฮะ เพราะว่าลักษณะแบบนี้ผิดกฎหมาย
นพ.สมยศ : คือเราได้รับข้อมูลมาแต่เรายังไม่เคยเจอคนไข้ตัวจริง แล้วเราเองเราก็ไม่ได้สนับสนุนให้เค้าปลูกด้วยนะครับ เรารู้อยู่ว่ามันผิดกฎหมาย เราก็พยายามให้ข้อมูลเค้า แต่คนที่เค้าพยายามจะดิ้นรนเนี่ย เค้าหาทุกวิถีทาง ถึงผมบอกอย่างไรเค้าก็ไม่ฟังผม
สรุปได้ว่าเบื้องต้นกัญชายังเป็นพืชที่เป็นยาเสพติดอยู่ แต่ยังเป็นข้อเรียกร้องที่จะพลิกจากยาเสพติดให้มาเป็นพืชสมุนไพรหรือ
เป็นยารักษาโรค ยังอยู่ในกระบวนการเรียกร้องทางกฎหมายต่อไป