ดูเหมือน เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น จะไม่ใช่สิ่งทำกำไรและเป็นที่นิยมในชาติของตัวเองแล้วสินะ

เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ผมเคยคุ้ยข้อมูลของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษืใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง NEC และก็เจอสิง่ที่น่าสนใจคือ

On January 26, 2012 NEC Corporation announced that it would cut 10,000 jobs globally due to big loss on NEC's consolidated financial statement in line with economic crisis in Europe and lagged in the development of smartphones in the domestic market compare to Apple and Samsung. Previously, in January 2009 NEC has cut about 20,000 jobs, mainly in sluggish semiconductor and liquid crystal display related businesses.

https://en.wikipedia.org/wiki/NEC

สิง่ที่สะดุดตาที่สุดคือที่กล่าวเรื่องการแข่งขันกับ smartphone ต่างชาติอย่าง Apple และ Samsung ในประเทศตัวเอง ที่สู้คูแข่งสองรายนี้ไม่ได้

ครั้งแรกที่ได้เห็นข้อความนี้ ผมถึกับคิดในใจเลยว่า..ความชาตินิยมของคนญี่ปุ่น ถูกทลายลงด้วย iPhone และ Samsung แล้วหรือ

และจากการได้พูดคุยกับแอดมินเพจเพจหนึง่ที่เป้นคนไทยและทำงานในญี่ปุ่นมาเกือบจะ10ปี เห็นแทบจะทุกหลืบของสังคมญี่ปุ่น ผมก็ได้เอาเรื่องนี้ไปถามว่ามันจริงไหม เขาตอบกลับมาว่า...

"รื่อง NEC เป็นไปตามนั้นเลยครับ มือถือยี่ห้ออื่นๆ ด้วยครับทั้งชาร์ป ทั้งอะไรต่ออะไร เพราะมันสู้ไอโฟนและซัมซุงไม่ได้จริงๆ ครับ เพราะมันขายได้แต่ในญี่ปุ่นครับ มันขายนอกประเทศไม่ได้ ที่พอจะสู้ได้บ้างก็มีแค่โซนี่ครับ แต่ก็สู้ได้น้อยเหลือเกิน ตอนนี้ไอโฟนกับซัมซุงแกกินขาดครับ ขนาดในญี่ปุ่นเอง ไอโฟนยังครองเมืองเลยครับ"

กับผมได้ถามต่ออีกว่า เครื่องไฟฟ้าที่ขายที่นั่น โดยเฉพาะที่ไม่ใช่เป้นของใช้ระดับ high-end หรือพวกของทั่วไปตามครัวเรือนหรือสำนักงาน ส่วนใหญ่ที่ขายที่นั่นยังทำในญี่ปุ่นไหม ได้คำตอบมาว่า..ผรวมถึงการสนทนาอื่นๆที่เกีย่วกับธุรกิจเครื่อใช้ไฟฟ้าและพฤติกรรมการซ์้อเครื่งอใช้ไฟฟ้ของคนที่นัน่ ณ เวลานี้)

"เครื่องใช้พวกนี้ไม่ผลิตในญี่ปุ่นแล้วครับ
อาจจะมีบ้าง แต่น้อยมากครับ"

"ใช่ครับ ส่วนใหญ่ผลิตในจีน แต่ที่ไทยก็เยอะมากนะครับ บริษัทผมเองกับพวกบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังมีฐานผลิตในไทยเยอะมากนะครับ"

"ส่วนเรื่องมือถือก็ตามนั้นครับ ถูกต้องเลยครับ แพ้ซัมซุง แพ้ไอโฟนย่อยยับครับ กินขาด ยกเว้นคนที่เค้าแบบไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น พวกมือถือที่เป็นแบรนด์ของค่ายมือถือก็ยังพอขายออกครับ"

"เครื่องใช้ไฟฟ้า made in Thailand ที่เคยเจอกับตาตัวเองก็มีชาร์ป แคนนอน zoujirushi อะไรประมาณนี้ครับ จริงๆ มีอีกครับ แต่ผมไม่ค่อยได้ไปเดินดูเท่าไหร่ก็เลยไม่เห็นครับ ส่วนใหญ่ของที่นี่ก็เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นแหละครับ แต่แค่ผลิตที่ไทยและส่งกลับมาขายที่ญี่ปุ่น"

"เครื่องใช้ไฟฟ้านี่ก็ซบเซาไปเยอะครับ มันเหมือนไม่ใช่สินค้าที่สร้างกำไรอีกต่อไปแล้วครับ บริษัทพวกนี้เองก็เลิกผลิตครับ เหลือแต่แบรนด์ใหญ่ๆ ที่ยังอยู่ได้ครับ พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกนี้ก็แพ้แบรนด์จีน แบรนด์เกาหลีซะเยอะครับ เพราะมันถูกกว่า แต่ตอบโจทย์การใช้ชีชีวิตได้เหมือนกันครับ"

นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการพูดคุยที่ว่ามาในประเด็นนี้

รวมถึงสังเกตดูว่าหลังช่วงกลางยุค 2000s เป้นต้นมา บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นหลายยี่ห้อ มีการควบรวมกิจการและตัดสายการผลิตของผลิตภัณฑ์บางตัวทิ้งไปแบบเยอะมาก การยุบสำนักงานและฐานการผลิตในบางประเทศ รวมถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ Sanyo, Aiwa, Akai และ Mita (รายหลังตอนแรกถูก Kyocera ซื้อไปและใช้ชื่อ Kyocera Mita ต่อมาก็เหลือแต่ Kyocera ซะงั้น)

ต้นยุค 2000s ที่เราเห็นทีวีและมือถือจากญี่ปุ่นขายกันอย่างละลานตา ตอนนี้ทีวีเหลืออยุ่แต่แค่แบรนดืยักษ์ใหญ่อย่าง Sony, Panasonic, Toshiba และ Sharp ส่วนมือถือ โชคดีที่ Sony ยังรอดมาได้..แต่ตอนนี้ laptop อย่าง Sony Vaio และ Toshiba Satellite ก็ say goodbye ไปแล้ว

Sony หลังๆออกผลิตภัณฑือะรไมาก็ แป๊ก ทุกที ไม่เหมือนยุค 90 ที่อะไรๆก็ Sony
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่