'ช่วยรีโนเวทบ้านให้ผมหน่อยได้ไหม'

เป็นคำถามแกมคำร้องขอ ที่เจอบ่อยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผมมีโอกาส ออกแบบการรีโนเวทบ้านให้ลูกค้ามาพอสมควร  
อาจจะเป็นเพราะ บ้านที่สร้างไว้ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เริ่มมีอายุมากกว่า 20 ถึง 30 ปี วัสดุบางอย่างก็ทรุดโทรมเต็มที  
ความเป็นเจ้าของบ้าน เปลี่ยนแปลงไปสู่รุ่นลูก ความต้องการของการใช้สอยที่มากขึ้นตามสภาพสังคมสมัยใหม่

เช่น เดิมที ห้องนอนมีแค่ห้องเดียว มีทุกอย่างรวมกันอยู่ในห้องเดียว นอนรวมกันพ่อแม่ลูก ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับสมัยก่อน  
แต่สมัยนี้ต้องแยกเป็น ห้องนอนมาสเตอร์ ห้องนอนลูก ห้องเสื้อผ้า ห้องทำงาน ห้องแต่งตัว ห้องน้ำในตัว

สารพัดห้องที่จะมี บางทีห้องเก็บรองเท้า ห้องเก็บกระเป๋า ยังต้องมี

การที่จะไปซื้อบ้านใหม่ ก็ราคาแสนแพง แถมห่างไกล อยู่ตามชานเมือง
ดังนั้น งานออกแบบการรีโนเวทบ้าน ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้าน และห้องต่างๆให้ดีขึ้น จึงค่อนข้างฮิตในช่วงนี้

ผมอยากจะขอแชร์ข้อคิดเห็นและข้อแนะนำต่างๆในการที่จะรีโนเวทบ้าน ครับ

ลำดับแรกเลย ก็จะเป็นเรื่องโครงสร้าง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของบ้านส่วนหนึ่งเลยทีเดียว  
ตามปรกติแล้ว ถ้าบ้านเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่สร้างด้วยมาตรฐานที่ดีพอ บ้านสามารถอยู่ได้เป็นร้อยปี  
ถ้าดูภาพรวมของบ้านแล้ว ไม่มีรอยแตกรอยร้าวที่ผนัง หรือตามเสาคาน ก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องไปทำอะไรกับโครงสร้าง

ขอแค่อย่าไปทุบเสาและคานทิ้งเป็นพอ  

แต่ถ้าเป็นโครงสร้างไม้ หรือเหล็ก จะต้องปรึกษาวิศวกรหน่อยครับ  

ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาก็เป็นในส่วนของโครงสร้างต่อเติม ซึ่งมักจะทรุด แตกร้าว เป็นธรรมชาติของมัน
กรณีนี้ผมพูดถึงพื้นที่ที่ชั้นดินอ่อน ยุบตัวได้ง่าย เช่นในพื้นที่กรุงเทพ  นะครับ



ถ้าจะปรับปรุงโครงสร้างส่วนต่อเติม ก็แล้วแต่งบประมาณที่แต่ละคนมี ถ้ามีเยอะหน่อยก็ทุบทิ้งลงเสาเข็มแบบยาว อยู่กันยาวยาวไปเลย
แต่ถ้ามีไม่มาก ก็ซ่อมแซมรอยร้าวตามสภาพ ก็ได้เหมือนกัน เพียงแต่ต้องคอยซ่อมอยู่เรื่อยๆ

ลำดับต่อมาเป็นเรื่องของงานระบบไฟฟ้า ตามสภาพบ้านที่มีอายุมากกว่า 20 ปี ส่วนใหญ่สายไฟฟ้าก็เริ่มที่จะเสื่อมสภาพ  

ที่สำคัญที่สุด คือ ส่วนใหญ่จะไม่มีสายดิน สังเกตได้จาก ปลั๊กเต้ารับ จะมีแค่ 2 ขา (หรือ 2 รูเสียบ)



สมัยเด็กๆผมยังเคยหักขาของปลั๊กไฟของเครื่องคอม เพื่อจะได้เสียบเข้ากับเต้ารับที่บ้านที่มีแค่ 2 ขา  
คอมพิวเตอร์ยังใช้งานได้ดี แต่ บางครั้ง เวลามือผมไปโดนเครื่อง
ผมจะรู้สึกว่าเหมือนโดนช๊อตนิดนิด จะรู้สึกเหมือนตัวเองมีไฟฟ้าสถิตอยู่ตลอด

นั่นเป็นเพราะเมื่อไฟฟ้ารั่วออกมา และมือเราไปโดน ตัวเราจะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่ไฟฟ้าจะผ่านลงพื้นดิน
ดังนั้นการติดตั้งสายดิน จะช่วยให้ไฟฟ้าที่รั่วผ่าน สายดิน แทนการผ่านตัวเรา

ดังนั้นผมแนะนำควรจะเปลี่ยนระบบไฟฟ้าทั้งหมด เปลี่ยนตั้งแต่ตู้เมนเบรคเกอร์เลย ให้ทำเบรคเกอร์แยกย่อยเป็นชั้น  
และแต่ละชั้น ทำเบรคเกอร์แยกย่อยเป็นปลั๊กเต้ารับ ดวงโคมแสงสว่าง แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อน
ถ้ามีไฟฟ้าตรงไหนที่เสีย จะได้ปิดเบรคเกอร์เฉพาะจุด ไม่ต้องปิดไฟทั้งบ้าน หรือทั้งชั้น ให้เสียอารมณ์
  
มิเตอร์ไฟฟ้า ก็ต้องเปลี่ยนมิเตอร์ให้ใหญ่ขึ้นด้วย สมัยนี้อุปกรณ์ไฟฟ้าใช้กำลังไฟมาก และมีใช้กันมากขึ้น  
ถ้ามิเตอร์เราตัวเล็กกว่ากำลังไฟที่เราใช้ เบรคเกอร์ก็จะตัดไฟเราบ่อย
แต่ถ้ามิเตอร์เราตัวใหญ่กว่ากำลังไฟที่เราใช้อยู่มาก ก็จะเปลืองค่าไฟโดยใช่เหตุ

ปรึกษาช่างไฟถึงกำลังไฟที่เราใช้อย่างเหมาะสม และสามารถติดต่อขอเปลี่ยนได้ที่การไฟฟ้า

สำหรับลำดับสิ่งที่ต้องคิดคำนึงถึงต่อไป ผมจะขออนุญาตแชร์ ในโอกาสต่อไปนะครับ

ร่วมแสดงความเห็น หรือคำถามเพิ่มเติม ก็เชิญได้เลยครับ

ขอบคุณครับ

Wrap-we renew a place