ตอนนี้เราเดินทางมาถึงบทสรุปของโมนาแล้ว ขอบคุณทุกเสียงที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นครับ
ปล. ช้าไปหนึ่งคืน ขออภัยครับ
อันนี้ลิงค์บทที่ผ่านมา
http://ppantip.com/topic/35481854 รอยยิ้มของโมนา 1-2
http://ppantip.com/topic/35515715 รอยยิ้มของโมนา 3-5
ย้อนความกันเล็กน้อย
ในคืนสุดท้ายก่อนฝังศพ คนที่เข้าไปรดน้ำศพลือว่าโมนาแสยะยิ้มให้ ภาพดังกล่าวติดตาหลายคนจนเป็นอีกเรื่องที่ถูกพูดถึง
ศพโมนาถูกนำมาฝังที่วัดป่าคุณตาของเธอเคยเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ ตามธรรมเนียมทางวัดจะติดรูปผู้ตายไว้บนกำแพง มารดาเธอเป็นแม่ม่ายได้รับมรดกจากสามีหลายสิบล้าน นางถวายเงินให้ทางวัดเป็นจำนวนมาก โมนาจึงได้ฝังตรงมุมกำแพงในจุดโค้งหักศอก รูปถ่ายเธอมีขนาดใหญ่ กรอบรูปสวยงามโดดเด่น ใครเห็นก็ชมว่าสวย
สิ่งที่ผมได้ยินไม่น่าจะสร้างตำนานสยองขวัญ หากรูปโมนาไม่สร้างอาถรรพ์ร้าย หนึ่งในนั้นคือรอยยิ้มเธอ รอยยิ้มปริศนาที่รอให้ทุกคนคลี่คลายคำตอบ...และเป็นที่มาของชื่อ โมนาลิซ่า
เสียงหนึ่งดังก้องในหัวผม...โมนาไม่ได้ฆ่าตัวตาย!!!
รอยยิ้มของโมนา ( 6 )
นี่คือช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตผมใช่ไหม... ผมต้องจากโลกนี้ไปจริงๆ หรือ รถเก๋งคันงามที่พ่อซื้อให้เป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย กำลังจะอัดร่างผมกับท่อซีเมนต์ขนาดใหญ่
ผม...ทำผิดอะไร ถึงต้องพบจุดจบชวนสังเวชใจ การเข้ามาถ่ายคลิปโมนาก็แค่ล้อเล่นขำๆ และในความจริงเธออาจไม่เคยมีตัวตนด้วยซ้ำ....
ขณะผมหลับตาหนีความสยอง สมองปะติดปะต่อบางอย่างเข้าด้วยกัน เหตุการณ์บ้าๆ คืนนี้ มีโมนาเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง
โมนา...ต้องการอะไรจากผม ตัวตายตัวแทน อยากสั่งสอนพวกที่ชอบแส่กับโลกหลังความตาย หรือเป็นไปได้ว่า
ผมกับเธออาจเคยมีโมงยามปริศนาร่วมกัน!!
เสียงแตรรถแผดดัง ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ ความตายจะเจ็บปวดสักเพียงใด ผมถามตัวเอง
หนึ่ง สอง สาม...ไม่ทันจะนับถึงเลขแปด ร่างผมก็ถูกกระชากอย่างแรง โดยมือปริศนาที่เย็นชืด
แรงมือนั้นมีกำลังมากพอที่จะเหวี่ยงผมให้พ้นจากการถูกอัดร่างใส่ท่อซีเมนต์
พอรอดจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ผมก็วิ่งไปซุกตัวใต้ต้นไม้ใหญ่ ผมหลับตาปี๋ ยกมือไหว้ท่วมหัว กระนั้นยังรับรู้ได้เงาทะมึนที่ยืนอยู่
เสียงหายใจฟืดฟาดดังไม่ห่างตัว แต่ผมขลาดกลัวจนไม่กล้ามอง
จากนั้นมือเย็นชืดก็เขย่าตัวผมแรงๆ พร้อมเสียงหายใจน่าเกลียด น่ากลัว ซึ่งดังหนักหน่วงกว่าเดิม
“อย่า...อย่าทำอะไรผม ผะ...กลัวแล้ว” ผมร้องขอชีวิต
สายลมเย็นๆ วูบใหญ่พัดผ่านร่าง ผมหนาวสะบั้น กอดร่างสั้นเทิ้มของตัวเองแน่น พลางขยับตัวไปซุกรากไม้ใหญ่
เสียงหายใจดังเข้ามาใกล้ๆ ผมกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องไล่เงานั้นให้ถอยห่างไป ทว่ากลับถูกแรงหนึ่งซัดเข้าตรงแผ่นหลัง
ความเจ็บทำให้ผมลืมตาสู้ความจริง พอเห็นภาพชัด ผมก็จ้องเงาทะมึนด้วยดวงตาขุ่นเขียว
“ไอ้เฮีย ตะกี้ ถะ ถีบกูเหรอ”
“ช่วยไม่ได้ เล่นชักกระตุก ร้องไห้เป็นเด็ก แล้วนั่นเยี่ยวแตกใส่กางเกงสินะ” เขาว่าพร้อมกับย่นจมูก ทำเหมือนได้กลิ่นเหม็น “อ้าว ขี้แตกด้วย ไอ้บ้าเอ๊ย ...เอ็งนี่หมดสภาพจริงๆ”
ผมละอายที่ถูกล้อจากคนหยาบคายอย่างแจ็ค หากไม่อาจโต้เถียงเขา
“ทำไม ตะกี้เอ็งไม่ตามข้าไป”
“เฮียนั่นแหละ หายหัวไปไหน ผมเรียกก็ไม่หยุด”
“ชิชะ เอ็งต่างหาก ขี้ขลาดตาขาววิ่งเตลิดไปทั่ว”
ผมเลิกคิ้วสูง มองแจ็คอย่างไม่เชื่อว่าเขาพูดความจริง
“มองข้าอย่างนี้ หาว่าข้าโม้สิท่า” แจ็คว่าแล้วก็โชว์หลักฐาน เขามีกล้องหลายตัว รวมถึงกล้องจิ๋วโกโปร
พอเขาเปิดวีดีโอให้ดู ผมก็เห็นตัวเองวิ่งวนไปมาเป็นวงกลมบนถนน ก่อนจะพุ่งหายเข้าไปในถนนสายเล็กๆ ซึ่งผมเห็นว่ามีหมู่บ้านซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่
ผมกุมขมับตนเอง ปวดหัวจิ๊ด จำได้ว่าก่อนหน้านี้แจ็คหายไปต่อหน้าต่อตา เพราะมีหมอกหนาๆ ปกคลุมทั่วถนน “ผะ ผมไม่เห็นเฮีย มะ มีหมอกเต็มถนน ผมเห็นแต่แสงไฟสีทองๆ กะพริบวูบวาบ”
แจ็คทำหน้าเครียด ถามผมด้วยสุ้มเสียงจริงจัง “เอ็งตอบข้ามาตรงๆ ดีกว่า กลับไปใช้ยานั่นอีกใช่ไหม”
ผมเหงื่อแตก เสียงที่จะเอ่ยติดอยู่ตรงลำคอ กว่าจะคลำหาเจอก็ผ่านไปเกือบอึดใจ
“หา...พูดบ้าๆ ผะ ผม...เลิกนานแล้ว”
แจ็คหรี่ตามองผม เขาทำตัวเหมือนตำรวจฝ่ายสอบสวน เพื่อหาความผิดที่ผมเคยก่อไว้ใน สิ่งที่เขากล่าวถึงคือยาเฉพาะกลุ่มซึ่งใช้สำหรับคนที่คลั่งไคล้ภาพยนตร์แนวซอมบี้ ครั้งหนึ่งผมทดลองกับตัวเอง จนประสบหายนะกับชีวิต
“ถ้าไม่ใช่ยาที่ทำให้เอ็งเห็นภาพหลอน ก็คงเป็นอย่างที่คุณตาบอก ผีมันบังตาเอ็ง!”
“คุณตง คุณตาที่ไหนวะ” ผมจ้องหน้าเขา คนที่แจ็คเอ่ยถึงดูคล้ายจะเป็นกุญแจไขปริศนาเรื่องในคืนนี้
“ก็คนที่ข้าวิ่งตามไปขอความช่วยเหลือยังไงละ ข้าต้องลุยน้ำลุยโคลน กลายเป็นลูกหมาตกน้ำป๋อมแป๋ม เพราะห่วงเอ็งกับดีแลน กลัวจะเป็นอะไรไป คราวนี้หัดสำนึกบุญคุณกันบ้างไหม เห็นหรือยังว่าใครยอมตายแทนน้องได้” เขาพูดจบก็พาร่างอ้วนป้อมไปยังรถยนต์
ผมกัดฟันวิ่งกะเผลกๆ ตามไป อยากรู้นักว่าใครขับรถ และเป็นฆาตกรใจบาปที่คิดจะฆ่าผมให้เป็นผีตายโหงเฝ้าท่อซีเมนต์
พิธีกรรมจำอวด(ผี) Prank!!!!! รอยยิ้มของโมนา(จบ)
ปล. ช้าไปหนึ่งคืน ขออภัยครับ
อันนี้ลิงค์บทที่ผ่านมา
http://ppantip.com/topic/35481854 รอยยิ้มของโมนา 1-2
http://ppantip.com/topic/35515715 รอยยิ้มของโมนา 3-5
ย้อนความกันเล็กน้อย
ในคืนสุดท้ายก่อนฝังศพ คนที่เข้าไปรดน้ำศพลือว่าโมนาแสยะยิ้มให้ ภาพดังกล่าวติดตาหลายคนจนเป็นอีกเรื่องที่ถูกพูดถึง
ศพโมนาถูกนำมาฝังที่วัดป่าคุณตาของเธอเคยเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ ตามธรรมเนียมทางวัดจะติดรูปผู้ตายไว้บนกำแพง มารดาเธอเป็นแม่ม่ายได้รับมรดกจากสามีหลายสิบล้าน นางถวายเงินให้ทางวัดเป็นจำนวนมาก โมนาจึงได้ฝังตรงมุมกำแพงในจุดโค้งหักศอก รูปถ่ายเธอมีขนาดใหญ่ กรอบรูปสวยงามโดดเด่น ใครเห็นก็ชมว่าสวย
สิ่งที่ผมได้ยินไม่น่าจะสร้างตำนานสยองขวัญ หากรูปโมนาไม่สร้างอาถรรพ์ร้าย หนึ่งในนั้นคือรอยยิ้มเธอ รอยยิ้มปริศนาที่รอให้ทุกคนคลี่คลายคำตอบ...และเป็นที่มาของชื่อ โมนาลิซ่า
เสียงหนึ่งดังก้องในหัวผม...โมนาไม่ได้ฆ่าตัวตาย!!!
รอยยิ้มของโมนา ( 6 )
นี่คือช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตผมใช่ไหม... ผมต้องจากโลกนี้ไปจริงๆ หรือ รถเก๋งคันงามที่พ่อซื้อให้เป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย กำลังจะอัดร่างผมกับท่อซีเมนต์ขนาดใหญ่
ผม...ทำผิดอะไร ถึงต้องพบจุดจบชวนสังเวชใจ การเข้ามาถ่ายคลิปโมนาก็แค่ล้อเล่นขำๆ และในความจริงเธออาจไม่เคยมีตัวตนด้วยซ้ำ....
ขณะผมหลับตาหนีความสยอง สมองปะติดปะต่อบางอย่างเข้าด้วยกัน เหตุการณ์บ้าๆ คืนนี้ มีโมนาเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง
โมนา...ต้องการอะไรจากผม ตัวตายตัวแทน อยากสั่งสอนพวกที่ชอบแส่กับโลกหลังความตาย หรือเป็นไปได้ว่า
ผมกับเธออาจเคยมีโมงยามปริศนาร่วมกัน!!
เสียงแตรรถแผดดัง ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ ความตายจะเจ็บปวดสักเพียงใด ผมถามตัวเอง
หนึ่ง สอง สาม...ไม่ทันจะนับถึงเลขแปด ร่างผมก็ถูกกระชากอย่างแรง โดยมือปริศนาที่เย็นชืด
แรงมือนั้นมีกำลังมากพอที่จะเหวี่ยงผมให้พ้นจากการถูกอัดร่างใส่ท่อซีเมนต์
พอรอดจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ผมก็วิ่งไปซุกตัวใต้ต้นไม้ใหญ่ ผมหลับตาปี๋ ยกมือไหว้ท่วมหัว กระนั้นยังรับรู้ได้เงาทะมึนที่ยืนอยู่
เสียงหายใจฟืดฟาดดังไม่ห่างตัว แต่ผมขลาดกลัวจนไม่กล้ามอง
จากนั้นมือเย็นชืดก็เขย่าตัวผมแรงๆ พร้อมเสียงหายใจน่าเกลียด น่ากลัว ซึ่งดังหนักหน่วงกว่าเดิม
“อย่า...อย่าทำอะไรผม ผะ...กลัวแล้ว” ผมร้องขอชีวิต
สายลมเย็นๆ วูบใหญ่พัดผ่านร่าง ผมหนาวสะบั้น กอดร่างสั้นเทิ้มของตัวเองแน่น พลางขยับตัวไปซุกรากไม้ใหญ่
เสียงหายใจดังเข้ามาใกล้ๆ ผมกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องไล่เงานั้นให้ถอยห่างไป ทว่ากลับถูกแรงหนึ่งซัดเข้าตรงแผ่นหลัง
ความเจ็บทำให้ผมลืมตาสู้ความจริง พอเห็นภาพชัด ผมก็จ้องเงาทะมึนด้วยดวงตาขุ่นเขียว
“ไอ้เฮีย ตะกี้ ถะ ถีบกูเหรอ”
“ช่วยไม่ได้ เล่นชักกระตุก ร้องไห้เป็นเด็ก แล้วนั่นเยี่ยวแตกใส่กางเกงสินะ” เขาว่าพร้อมกับย่นจมูก ทำเหมือนได้กลิ่นเหม็น “อ้าว ขี้แตกด้วย ไอ้บ้าเอ๊ย ...เอ็งนี่หมดสภาพจริงๆ”
ผมละอายที่ถูกล้อจากคนหยาบคายอย่างแจ็ค หากไม่อาจโต้เถียงเขา
“ทำไม ตะกี้เอ็งไม่ตามข้าไป”
“เฮียนั่นแหละ หายหัวไปไหน ผมเรียกก็ไม่หยุด”
“ชิชะ เอ็งต่างหาก ขี้ขลาดตาขาววิ่งเตลิดไปทั่ว”
ผมเลิกคิ้วสูง มองแจ็คอย่างไม่เชื่อว่าเขาพูดความจริง
“มองข้าอย่างนี้ หาว่าข้าโม้สิท่า” แจ็คว่าแล้วก็โชว์หลักฐาน เขามีกล้องหลายตัว รวมถึงกล้องจิ๋วโกโปร
พอเขาเปิดวีดีโอให้ดู ผมก็เห็นตัวเองวิ่งวนไปมาเป็นวงกลมบนถนน ก่อนจะพุ่งหายเข้าไปในถนนสายเล็กๆ ซึ่งผมเห็นว่ามีหมู่บ้านซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่
ผมกุมขมับตนเอง ปวดหัวจิ๊ด จำได้ว่าก่อนหน้านี้แจ็คหายไปต่อหน้าต่อตา เพราะมีหมอกหนาๆ ปกคลุมทั่วถนน “ผะ ผมไม่เห็นเฮีย มะ มีหมอกเต็มถนน ผมเห็นแต่แสงไฟสีทองๆ กะพริบวูบวาบ”
แจ็คทำหน้าเครียด ถามผมด้วยสุ้มเสียงจริงจัง “เอ็งตอบข้ามาตรงๆ ดีกว่า กลับไปใช้ยานั่นอีกใช่ไหม”
ผมเหงื่อแตก เสียงที่จะเอ่ยติดอยู่ตรงลำคอ กว่าจะคลำหาเจอก็ผ่านไปเกือบอึดใจ
“หา...พูดบ้าๆ ผะ ผม...เลิกนานแล้ว”
แจ็คหรี่ตามองผม เขาทำตัวเหมือนตำรวจฝ่ายสอบสวน เพื่อหาความผิดที่ผมเคยก่อไว้ใน สิ่งที่เขากล่าวถึงคือยาเฉพาะกลุ่มซึ่งใช้สำหรับคนที่คลั่งไคล้ภาพยนตร์แนวซอมบี้ ครั้งหนึ่งผมทดลองกับตัวเอง จนประสบหายนะกับชีวิต
“ถ้าไม่ใช่ยาที่ทำให้เอ็งเห็นภาพหลอน ก็คงเป็นอย่างที่คุณตาบอก ผีมันบังตาเอ็ง!”
“คุณตง คุณตาที่ไหนวะ” ผมจ้องหน้าเขา คนที่แจ็คเอ่ยถึงดูคล้ายจะเป็นกุญแจไขปริศนาเรื่องในคืนนี้
“ก็คนที่ข้าวิ่งตามไปขอความช่วยเหลือยังไงละ ข้าต้องลุยน้ำลุยโคลน กลายเป็นลูกหมาตกน้ำป๋อมแป๋ม เพราะห่วงเอ็งกับดีแลน กลัวจะเป็นอะไรไป คราวนี้หัดสำนึกบุญคุณกันบ้างไหม เห็นหรือยังว่าใครยอมตายแทนน้องได้” เขาพูดจบก็พาร่างอ้วนป้อมไปยังรถยนต์
ผมกัดฟันวิ่งกะเผลกๆ ตามไป อยากรู้นักว่าใครขับรถ และเป็นฆาตกรใจบาปที่คิดจะฆ่าผมให้เป็นผีตายโหงเฝ้าท่อซีเมนต์