สวัสดีค่าาา


วันนี้ Bakingmill จะมาเปรียบเทียบโลชั่น 2 ตัวของ Babi Mild ให้ชมกันนน

สปอยว่าดีทั้งคู่แหละ แต่ขึ้นกับว่าตัวไหนเหมาะสมกับสภาพผิวแบบไหน ><


ขอเกริ่นก่อนว่าโดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนผิว(กาย)แห้งมากกกกกกกก มากแบบมากๆ มากจนคัน ใครไม่เคยผิวแห้งจนคันและแตกจะไม่เข้าใจความทรมานนี้ คือไม่ว่าจะทาโลชั่นยังไงมันก็ยังแห้งและคัน แทบจะพกโลชั่นไว้ทาตลอด และสรรหาโลชั่นสำหรับผิวแห้งไปเรื่อย แถมเราแพ้ครีมกันแดด(เฉพาะผิวกาย ผิวหน้าทาได้) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วโลชั่นในไทยจะผสมสารกันแดดแทบทุกตัวทุกรุ่น บางทีเขียนไว้ตัวเล็กมากกกกเราก็ต้องนั่งไล่อ่าน เพราะอาการแพ้ของเราคือจะขึ้นตุ่มใสๆทั่วทุกอณูรูขุมขน เหมือนคางคกเลย แถมคันมากกกกก คันสุดๆ ทา+กินยาแก้แพ้ ก็ใช้เวลาหลายเดือนอยู่ดีกว่าจะหายแถมทิ้งแผลเป็นไว้ทั่วทุกอณู ยิ่งถ้าเกาตุ่มก็จะแตก แผลเป็นก็จะอลังหนักมาก



เริ่มที่ตัวทางขวาก่อน

Baby Mild Natural Hydrating Intensive Lotion (ปริมาณ 180 ml.) ราคาเต็ม 129 บาท


โลชั่นสำหรับคนมีปัญหาผิวแห้งเสีย 5 ประการ (5 dry skin)

1. ผิวแห้งขุย 2. ผิวแห้งลอก 3. ผิวแห้งคัน 4. ผิวแห้งเสียสะสม 5. ผิวที่ไม่เรียบเนียน


เคลมมาว่าเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์สูตรเข้มข้นช่วยคืนความชุ่มชื้นสู่ผิวแห้งเสียให้กลับมาเนียนเรียบพร้อมฟื้นบำรุง ด้วย Multi-layer Moisturizer ฟื้นบำรุงผิวที่แห้งขุยได้อย่างมีประสิทธิภาพและคงความอ่อนโยนแม้ผิวที่บอบบางให้กลับมาคงสมดุลตามธรรมชาติอีกครั้ง คืนความสดชื่นให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้นตลอดวัน


- Natural Hydrating Intensive Lotion บำรุงผิวแห้งเสียสะสมไม่ให้กลับมาแห้งเสียอีก

- Provitamin B5 & Pentavitin ช่วยฟื้นบำรุงผิวแห้งเป็นขุย พร้อมกักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิวเรียบเนียนคงสมดุล


No Paraben - No Dye - Alcohol Free


ตอนนั้นเราได้มาตอน Watson จัดโปรบุฟเฟ่ 3 ชิ้น 299 บาท แล้วมันคือส่วนหนึ่งที่แบบหยิบอันไหนก็ได้ที่มีป้าย เราอยากลองเพราะเห็นเขียนว่า for 5 Dry Skin (สำหรับ 5 ผิวแห้งเสีย) แถมแป้งฝุ่นกระปุกน้อยมาให้ด้วย

พอได้ใช้รู้สึกว่ามันเหนียวพอตัวเลย ซึมช้ามากกกกกก แถมตอนเหงื่อออกหนักก็จะเป็นเมือกๆขาวๆตามผิว ทีแรกเราก็คิดว่าเออ มันก็อาจจะเหนียวไปอย่างงั้นไม่ได้ดีมั้ง แต่ก็ใช้ๆไปจนหมดหลอด


ตามจริงเราไม่ชอบทาโลชั่น มันรำคาญผิว แต่ความแห้งคันมันทรมานกว่า หลังอาบน้ำและทันทีที่รู้สึกแห้งต้องทาเลย และพอมันหมดเราก็เลยขี้เกียจหาอะไรทา รอคันค่อยทา แต่เราก็ไม่แห้งคันไปหลายวัน จนมารู้ตัวอีกทีว่าไม่แห้งคันไม่ทาโลชั่นอะไรเลยมาหลายวันแล้ว เราก็รอๆๆๆ ไปเรื่อยๆ จนเกือบเดือน คือผิวไม่แห้งเลยยย ก็เลยทำให้รู้ว่า ตัวนี้แหละ!!! เลิศเลอเว่อวัง เนื้อคู่ที่ตามหามานานน ไม่เคยเจอโลชั่นที่ทาแล้วเยียวยาผิวแห้งได้จริง ไม่ใช่ชุ่มชื้นแค่ตอนทา


แต่เนื้อเหนียวพอควร แถมซึมยากมาก แต่เรายอมมม ยอมใจให้ตัวนี้จริงๆ แต่คนผิวไม่แห้งมากน่าจะใช้ไม่ไหว มันเนื้อหนักมากจริงๆ

เราเห็น Watson จัดโปร 1 แถม 1 ตลอดเลย

เว้นช่วงนานมากเป็นเดือน ผิวเริ่มกลับมาแห้งแล้ว เดินไปเจอวางขายใน Tops ก็เลยหยิบมา



และเห็นอีกตัวนึงวางข้างๆ คือ Baby Mild Ultra Mild Lotion Natural Moisturizer (ตัวซ้าย) ปริมาณ 250 ml. ราคาเต็ม 259 บาท (เราเจอตัวนี้ใน Tops นะ ไม่เคยเห็นใน Watson)


เคลมว่าเป็นสูตรอ่อนโยนมากๆ จาก Organic Moisturizer ทาผิวเด็กน้อยได้ ปลอดภัย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นจากภายนอกสู่ผิว ป้องกันการสูญสียน้ำจากผิว มีจมูกข้าวสาลีเพิ่มความเนียนนุ่มแก่ผิว


เนื้อเบา ซึมเร็วกว่า จนบางทีเราต้องทาซ้ำ เพราะซึมแล้วผิวยังแอบแห้งอยู่นิดหน่อยบางตำแหน่ง

เราใช้ตัวนี้จนหมดขวด (ขวดนึงมันก็เกือบ 2 เท่าของตัว Intensive นะ) ผิวก็ไม่ได้หายแห้งไปเลยแบบตัว Intensive น่าจะเหมาะกับคนผิวธรรมดาที่ไม่แห้งมาก หรือใช้สลับกับตัว Intensive ในวนที่รำคาญความเหนียว

ทีแรกคิดว่าตัวนี้แพง แต่พอดูปริมาณมันก็เกือบสองเท่าของตัวแรก ถ้าคิดตามปริมาณคือราคาพอๆกันแหละ





สรุปปปป

- ตัว Intensive (ตัวขวา) เหมาะกับผิวแห้งมากกกกกก แต่เนื้อหนักสุดด ซึมช้า ไม่เหมาะแก่การทาไปตะลุยเหงื่อ เพราะเหงื่อออกแล้วมันจะเป็นคราบๆขาวๆไหลๆตามผิว

วิธีแก้ความเหนียว ใช้ผสมกับโลชั่นตัวอื่นก็ได้นะ หรือเอาไว้ทาแค่ตอนกลางคืนก็ได้


- ตัว Ultra Mild (ตัวซ้าย) เนื้อเบากว่า ซึมเร็วกว่า เหมาะกับคนผิวไม่แห้งขั้นสุด หรือวันที่ต้องการความเบาตัว

- ส่วนกลิ่นคนละแบบ แต่ก็หอมอ่อนๆ สบายๆ ทั้งสองตัว



สำหรับเรานั้น พอใช้ตัว intensive จนผิวค่อนข้างสมดุลไม่แห้งเผือดแล้ว เราก็ใช้สลับๆกันนะ จะค่อนไปทาง Ultra Mild มากกว่า เพราะสะดวก ซึมเร็ว ไม่รอต้องนาน

ชอบมากกกก รักมากกกกกก อยากฝากบอกทาง Babi Mild ว่า ห้ามเลิกผลิตนะะะ มันช่วยต่อชีวิตให้คนผิวแห้งเผือดได้ดีมากก T^T



ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมกันนะค้า หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่มนุษย์ผิวแห้งที่กำลังมองหาโลชั่นที่ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งได้จริงๆ