- เ ก ริ่ น ๆ
สวัสดีค่าเพื่อนๆ ชาวบลูแพลเนท เริ่มแรกต้องขอออกตัวก่อนเลยว่านี่เป็นกระทู้รีวิวอันแรกของเรา หลังจากที่เป็นผู้เสพความงามของทุกคนมาอย่างเดียว วะฮ่าฮ่า ถ้าเขียนมึนๆ ไปต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ คืออออออองี้ค่ะ.......ช่วงเดือนกรกฎา 2016 ที่ผ่านมาทางจขกท.และพี่ชายดันไปคว้าตั๋วโปรของ Qartar Airways มาได้ ราคาบินไป-กลับ BKK- Milan งามๆ ที่ 17xxx (จริงๆ ก็ไม่ได้ถูกขนาดน้านนน แต่ตอนนั้นหน้ามืด 55) แต่ด้วยความที่สองพี่น้องยังไม่เคยจัดทริปเที่ยวกันเองที่ยุโรปเลยสักครั้ง โอกาสดีๆ อย่างนี้จึงไม่หลุดรอดมือของพวกเราไปค่ะ
กระทู้รีวิวไป Italy มีเยอะมากมายเหลือเกินค่ะ พวกเมืองเที่ยวหลักๆ อย่าง Rome Milan Venice Florence ข้อมูลแน่นๆ ภาพสวยๆ ทั้งนั้นค่ะ ทำให้การเที่ยวของพวกเราราบรื่นไปได้ น้องขอกราบงามๆค่ะ แต่ที่นี่ด้วยความที่ปกติแล้วเราจะเป็นสาวที่เที่ยวสายธรรมชาติค่ะ ก็เลยมานั่งเถียงกับพี่ชายว่าจะเที่ยวเมืองไม่ว่า แต่น้องขอให้มีภูเขา ทะเลสาบไรงี้เข้าไปด้วยยยยยยย (ร้องขอเชิงคำสั่ง 55) งานเข้าเลยค่ะที่นี้ นั่งหากันอยู่น๊านนนนนนานนนนนกว่าเราจะมาเจอเข้ากับข้อมูลของแถบ Dolomites ต้องขอขอบคุณข้อมูลดีของพี่ The Cloud ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราออกเดินทางตามรอยในครั้งนี้ด้วยค่ะ ตามไปดูผลงานสวยๆ ขอพี่ได้ที่นี่เลยค่า
http://ppantip.com/topic/34005387
เอาล่ะพอเราได้ไปจริงๆ ก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ คือของมันดีมากกกกกก เลยอยากมาบอกต่อเพื่อนๆ ค่า ภาพทุกภาพที่ถ่ายต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพค่ะ ถ่ายงูๆปลาๆไปตามเรื่อง ของจริงสวยกว่าในภาพมากค่ะ ต้องลองไปสัมผัสเองจริงๆค่ะ
- D o l o m i t e s คื อ อ ะ ไ ร?
Dolomites คืออะไรแล้วอยู่ตรงไหนของอิตาลี? เอาล่ะค่ะ ต่อไปนี้เราจะเริ่มเข้าสาระกันนิดนุงละ เอาสั้นๆ เลยนะน้องมีเวลาน้อย Dolomites เป็นแถบอุทยานแห่งชาติทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีที่จะติดกับประเทศ Austria ค่ะ เขตภูเขาแถบนี้จะกินพื้นที่ใน 3 จังหวัดของอิตาลี ได้แก่ Belluno, South Tyrol และ Trentino พอขึ้นชื่อว่าติดกับประเทศออสเตรียปุ๊ปก็เดาได้เลยค่ะว่าวิวมันต้องอลังงงงงงแน่นอน ภาพหน้าปก The sound of music ลอยมาเลยค่ะ แต่ที่นี้คือเรามีงบน้อยไงคะ ไปไม่ถึงฝันที่ออสเตรีย ปีนี้เลยขอเก็บแถบนี้ไปก่อน ซึ่งเอาจริงๆ วิวไม่ผิดหวังเลยค่า ความงามทะลุกล้อง สวยแบบวัวล้มความตายกันไปเลยค่า!!!! และด้วยตารางเวลาอันจำกัดของเรา เราจึงสามารถเจียดเวลามาเที่ยวแถบนี้ได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้นค่ะ ฮือออออออ
- D o l o m i t e s ไ ป ยั ง ไ ง ?
ด้วยเวลาอันแสนจำกัดของจขกท. ทางที่เร็วและดีที่สุดคือการเช่ารถค่ะ ทางเราเลือกเช่ารถจากสนามบิน Marco Polo ที่Venice เป็นจุดตั้งต้น หลังจากนั้นก็ตั้ง GPS นำทางไปเลยค่ะ ระยะทางประมาน 158 กม. ใช้เวลาเดินทางโดยประมาน 2 ชม. ค่ะ โดยจุดที่เราจะไปกันก็ตามลำดับนี้เลยค่ะ
DAY 1: Venice- Cortina D’Ampezzo -- Lake Misurina -- Lago di Landro (Dürrensee) –
DAY 2: Cortina D’Ampezzo -- Passo di Valparola -- Passo Gardena – Val Gardena – Ortisei -- Alpe di Siusi
จริงๆ ต้องบอกก่อนเลยว่าการไปแถบ Dolomites สามารถไปได้หลายวิธีค่ะ ง่ายที่สุดก็คือเช่ารถส่วนตัวไป ซึ่งราคาถ้าใครสามารถขับเกียร์กระปุกได้ก็จะถูกไปอีกค่ะ แต่ถ้าเป็นสาวชาวกรุงไม่เคยขับรถขึ้นเขาขึ้นดอยมาก่อน ก็แนะนำเพื่อความปลอดภัยเกียร์ออโต้เลยค่า ราคาก็จะแพงขึ้นมาอีกนั่นเอง ตึ่งงงงง โอเค นอกจากรถส่วนตัวแล้วนะคะ
อีกวิธีที่สามารถไปได้คือการนั่งรถบัสค่ะ จะมีรถบัสออกจาก Venice – Cortina d’Ampezzo (
http://www.cortinaexpress.it/en/index.htm แล้วก็ตารางเวลา cortinaexpress.it/res/download/pdf/270_en.pdf) แต่ที่นี้จะมีความยากละค่ะ เพราะเวลาเที่ยวแต่ละจุดของเราจะขึ้นอยู่กับตารางรถ และบางที่รถบัสก็ไม่ผ่านค่ะ (ถ้านั่งผ่านเฉยๆ ไม่ได้ลงไปถ่ายรูปคงเสียดายแย่) ดังนั้นเราขอไม่แนะนำวิธีนี้นะคะ
อ่ออออๆ นอกจากรถบัสก็ยังมีรถไฟอีกนะเออ แต่ค่อนข้างซับซ้อนค่ะ คือถ้าออกจาก Venice (Venezia S.Lucia Station) ต้องนั่งไปลงที่สถานี Calalzo di Cadore ซึ่งพอไปถึงแล้วก็จะต้องหา Shuttle Bus ไปที่เมือง Cortina ต่ออีกค่ะ รวมเวลาเดินทางคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่า 3 ชม.อีก ไปถึงก็หมดแรงเที่ยวพอดีค่ะ บัยยยยย และนี่คือเหตุผลที่เราเลือกเช่ารถค่ะ ฮ่าๆๆๆ
- ก า ร เ ช่ า ร ถ
จากตัวเลือกการเดินทางท่องเที่ยวทั้งหมดที่มี เราก็มานั่งคิดดูและตัดสินใจว่าจะเช่ารถขับเที่ยวในย่าน Dolomite นี้ เราจึงเริ่มจากการเช่ารถในหน้าเว็บไซต์เช่ารถ ตามที่ได้อธิบายรายละเอียดไป เราสองพี่น้องขับเกียร์ธรรมดาไม่เป็นค่ะ ดังนั้นจึงต้องเช่ารถเกียร์ออโต้เท่านั้น และเลือกรถรุ่นที่ไม่เล็กมากจนเกินไป เพราะอย่าลืมว่าต้องยัดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้าไปด้วยนั่นเอง
เราเช่ารถจากเวนิส เพราะระยะทางจาก Venice ไป Dolomite นั้นใกล้ที่สุด เมื่อเทียบกับการเช่ารถจากเมืองหลักอื่นๆ สำหรับสถานที่ที่ให้บริการรถเช่าในเวนิส จะมี 2 แห่ง แห่งแรกคือในตัวเมืองเวนิส ใกล้สถานี Piazza Roma ซึ่งเป็นจุดต่อรถบัสและ tram ที่ใกล้เกาะเวนิสมากที่สุด ส่วนอีกแห่งคือที่สนามบิน Marco Polo ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเวนิสไปประมาณครึ่งชั่วโมง เราสองคนเลือกรับรถกันที่นี่ค่า
สำหรับคนที่ลงเครื่องที่ Venice ก็ไม่ต้องห่วงเพราะที่ให้เช่ารถนั้นอยู่ในบริเวณสนามบินนั่นเอง โดยอยู่บนอาคารจอดรถ 1 ชั้น 3 หากออกจากตัวอาคารผู้โดยสารแล้ว จะมีป้ายเขียนบอกเป็นระยะ ไม่หลงแน่นอนค่ะ แค่ระยะทางในการเดินค่อนข้างไกลเล็กน้อย ลากกระเป๋ากันล้อสึกไปเลยทีเดียว แต่สำหรับคนท่องเที่ยวในตัวเมือง venice และต้องการเดินทางจากvenice มายังสนามบิน แนะนำให้ใช้บริการรถบัสค่ะซึ่งจะมีวิ่งตรงจาก venice ไปสนามบิน สามารถสอบถามสายรถบัสได้ที่จุด information center สำหรับเรานั้นขึ้นรถบัสสาย15 ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
อันนี้จะเป็นป้ายรถบัสที่พวกเรายืนรอไปแอร์พอร์ตกันค่ะ
มีตารางเวลาชัดเจนค่ะ จากภาพจะเห็นว่ามี 2 สายที่ผ่านนะคะ
กลับมาที่สนามบิน Marco polo เมื่อถึงจุดให้บริการเช่ารถแล้ว ก็ทำเรื่องเช่ารถตามปกติ ที่อิตาลีมีบริษัทให้เช่ารถยนต์หลากหลายแบรนด์ให้ได้เลือก สำหรับเราสองคนเลือกใช้บริการ Locauto โดยเช่ารถ Audi A3 ครับ สิ่งที่เราอยากแนะนำสำหรับการเช่ารถขับในอิตาลีก็คือ ควรซื้อประกันแบบ Full package เพราะเคยได้ยินมาว่า ประกันแบบทั่วไปจะไม่ครอบคลุมความเสียหายกับตัวรถแบบเล็กน้อย เช่น เศษหินกระเด็นโดนรถ หรือการเกิดรอยขีดข่วนต่างๆ เป็นต้นค่า ซึ่งโอกาสเกิด case แบบนี้จะเกิดง่ายกว่าอุบัติเหตุใหญ่ ดังนั้นซื้อแบบ full package ไปดีที่สุด อีกอย่างที่เราอยากบอกไว้เป็นทริคเล็กๆก็คือ การซื้อประกันภัยรถยนต์บนหน้าเว็บไซต์ที่เป็น agent (เช่น Rentacar.com) นั้น จะไม่สามารถเคลมความเสียหายจากบริษัทให้เช่ารถที่เราไปเช่าได้ เราสองคนโดนมาแล้ว เพราะเมื่อมาทำเรื่องเช่ารถที่บริษัท พนักงานจะให้ซื้อแพคเกจประกันภัยแยกอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องจำใจซื้ออีกชุด เสียหายไปกว่า 100 Euro เลยทีเดียว
จากอาคารผู้โดยสาร จะเห็นป้ายแบบนี้ค่ะ เราก็แค่เดินตามป้ายที่เขียนว่า Rent a Car P1 ไปเลยค่า
เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ค่ะ ทางเค้าทำสะดวกเดินไม่หลงแน่นอน
เดินมาสักพักประมาณ 10นาที จะเจออาคารจอดรถที่ 1ค่ะ เปิดประตูไปก็จะเจอลิฟท์หน้าตาแบบนี้ กดไปชั้น 3 โลดเลยจ้า
พอขึ้นมาถึงก็จะเจอที่เช่ารถของเราแล้วค่า ใครเช่าบริษัทไหนก็เดินไปตามสะดวกเลยค่า ส่วนของเราที่ Locauto
การเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถมีอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ GPS นั่นเอง ทางบริษัทให้เช่ารถจะมีให้บริการอยู่แล้ว โดยเราต้องเสียเงินเพิ่มเติม (โดนทุกเม็ดจริงๆ T T) อย่าลืมขอ GPS ที่เป็นภาษาอังกฤษด้วยนะคะ ไม่งั้นซวยแน่ ฮ่าๆ ข้อดีของGPS แบบติดกระจกหน้ารถก็คือ จะช่วยบอกทางให้เราอย่างชัดเจนมากๆ ที่สำคัญคือบอกเตือนว่ามีกล้องตรวจจับความเร็วบริเวณใด เพราะแน่นอนว่าการขับรถในประเทศแถบยุโรปนั้นจะค่อนข้างเข้มงวดเรื่องความเร็วของรถยนต์ที่ขับบนทางด่วน หรือในพื้นที่ชุมชน ถ้าโดนกล้องจับได้ขึ้นมา รับรองว่าค่าปรับจะส่งไปถึงบ้านที่กรุงเทพฯ แน่นอน น่ากลัวมากๆ (แต่เรารอดพ้นมาได้ ต้องขอขอบคุณ GPS ติดรถมา ณ ที่นี้)
ที่อิตาลีขับทางด้านขวา และใช้รถพวงมาลัยซ้าย ดังนั้นสำหรับคนที่เพิ่งเคยขับรถเที่ยวในยุโรปครั้งแรก คงจะต้องปรับตัวกันบ้างเล็กน้อย แรกๆ อาจจะขับกินเลนบ้าง ก็ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการขับรถ ไม่ต้องขับเร็วมากจนเกินไป (เพราะอย่าลืมว่ากล้องจับความเร็วมีเยอะมากจริงๆ) เมื่อประเทศนี้เค้าขับรถด้านขวากัน ทุกอย่างก็จะตรงกันข้ามกับบ้านเรา ทางแยกต่างๆ โดยเฉพาะบนทางด่วนก็จะอยู่ด้านขวา รถที่ขับเร็วจะขับเลนซ้าย แต่ขับไปซักพักเดี๋ยวก็จะเริ่มชินไปเองค่ะ
เราเลือกใช้เส้นทางไป Dolomite โดยปักหมุด GPS ไปที่เมือง Cortina D’Amprezzo ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแรกของเรา GPS ทั้งที่ติดรถและใน Google Map ใจตรงกัน แนะนำเส้นทางขึ้นทางด่วน ที่มุ่งตรงจาก Venice airport ไปเมือง Cortina D’Amprezzo เลย ขับรถง่ายมากจริงๆ ระหว่างทาง หลังจากเริ่มชินทางขึ้นมาบ้างแล้ว เราก็เริ่มมองออกไปรอบๆ และก็พบกับวิวข้างทางที่สวยงาม ยิ่งขับขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ภูเขาก็จะยิ่งอลังการมากขึ้น ถนนที่นี่ดีมากนะคะ ใครที่เคยจินตนาการว่าถนนอิตาลีจะกากๆ เป็นหลุมเป็นบ่อนี่คิดผิดเลย ทางด่วนบ้านเค้าเรียบและป้ายบอกทางต่างๆ ชัดเจนกว่าบ้านเราหลายขุมมาก
ทางด่วนไปเมือง Cortina D’Amprezzo จะเสียค่าทางด่วน 7.9 Euro ค่า ทางด่วนที่นี่เป็นระบบรับบัตรและชำระค่าทางด่วนเมื่อไปถึงปลายทางนะคะ จุดชำระค่าทางด่วนใช้เครื่องชำระเงินอิเล็กทรอนิคนะคะ หากเตรียมเหรียญไว้พอดีกับค่าทางด่วนล่วงหน้าจะดีมาก แต่หากไม่มีเหรียญพอดี เครื่องก็ยังรับธนบัตรได้ค่ะ แต่จะรับเฉพาะธนบัตรแบงค์ใหญ่เท่านั้น เอาให้ชัวก็ไปเข้าช่องที่มีเจ้าหน้าที่บริการจะดีที่สุดค่ะ
เกริ่นมาซะยาว...เดี๋ยวกระทู้หน้าเราจะเริ่มเที่ยวแถบนี้กันต่อนะค้าา!!!
[CR] ITALY : DOLOMITES: " Italy's Hidden gem " [เมืองแห่งเทือกเขา ทุ่งหญ้า และทะเลสาบ] PART 1
- เ ก ริ่ น ๆ
สวัสดีค่าเพื่อนๆ ชาวบลูแพลเนท เริ่มแรกต้องขอออกตัวก่อนเลยว่านี่เป็นกระทู้รีวิวอันแรกของเรา หลังจากที่เป็นผู้เสพความงามของทุกคนมาอย่างเดียว วะฮ่าฮ่า ถ้าเขียนมึนๆ ไปต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ คืออออออองี้ค่ะ.......ช่วงเดือนกรกฎา 2016 ที่ผ่านมาทางจขกท.และพี่ชายดันไปคว้าตั๋วโปรของ Qartar Airways มาได้ ราคาบินไป-กลับ BKK- Milan งามๆ ที่ 17xxx (จริงๆ ก็ไม่ได้ถูกขนาดน้านนน แต่ตอนนั้นหน้ามืด 55) แต่ด้วยความที่สองพี่น้องยังไม่เคยจัดทริปเที่ยวกันเองที่ยุโรปเลยสักครั้ง โอกาสดีๆ อย่างนี้จึงไม่หลุดรอดมือของพวกเราไปค่ะ
กระทู้รีวิวไป Italy มีเยอะมากมายเหลือเกินค่ะ พวกเมืองเที่ยวหลักๆ อย่าง Rome Milan Venice Florence ข้อมูลแน่นๆ ภาพสวยๆ ทั้งนั้นค่ะ ทำให้การเที่ยวของพวกเราราบรื่นไปได้ น้องขอกราบงามๆค่ะ แต่ที่นี่ด้วยความที่ปกติแล้วเราจะเป็นสาวที่เที่ยวสายธรรมชาติค่ะ ก็เลยมานั่งเถียงกับพี่ชายว่าจะเที่ยวเมืองไม่ว่า แต่น้องขอให้มีภูเขา ทะเลสาบไรงี้เข้าไปด้วยยยยยยย (ร้องขอเชิงคำสั่ง 55) งานเข้าเลยค่ะที่นี้ นั่งหากันอยู่น๊านนนนนนานนนนนกว่าเราจะมาเจอเข้ากับข้อมูลของแถบ Dolomites ต้องขอขอบคุณข้อมูลดีของพี่ The Cloud ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราออกเดินทางตามรอยในครั้งนี้ด้วยค่ะ ตามไปดูผลงานสวยๆ ขอพี่ได้ที่นี่เลยค่า http://ppantip.com/topic/34005387
เอาล่ะพอเราได้ไปจริงๆ ก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ คือของมันดีมากกกกกก เลยอยากมาบอกต่อเพื่อนๆ ค่า ภาพทุกภาพที่ถ่ายต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพค่ะ ถ่ายงูๆปลาๆไปตามเรื่อง ของจริงสวยกว่าในภาพมากค่ะ ต้องลองไปสัมผัสเองจริงๆค่ะ
- D o l o m i t e s คื อ อ ะ ไ ร?
Dolomites คืออะไรแล้วอยู่ตรงไหนของอิตาลี? เอาล่ะค่ะ ต่อไปนี้เราจะเริ่มเข้าสาระกันนิดนุงละ เอาสั้นๆ เลยนะน้องมีเวลาน้อย Dolomites เป็นแถบอุทยานแห่งชาติทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีที่จะติดกับประเทศ Austria ค่ะ เขตภูเขาแถบนี้จะกินพื้นที่ใน 3 จังหวัดของอิตาลี ได้แก่ Belluno, South Tyrol และ Trentino พอขึ้นชื่อว่าติดกับประเทศออสเตรียปุ๊ปก็เดาได้เลยค่ะว่าวิวมันต้องอลังงงงงงแน่นอน ภาพหน้าปก The sound of music ลอยมาเลยค่ะ แต่ที่นี้คือเรามีงบน้อยไงคะ ไปไม่ถึงฝันที่ออสเตรีย ปีนี้เลยขอเก็บแถบนี้ไปก่อน ซึ่งเอาจริงๆ วิวไม่ผิดหวังเลยค่า ความงามทะลุกล้อง สวยแบบวัวล้มความตายกันไปเลยค่า!!!! และด้วยตารางเวลาอันจำกัดของเรา เราจึงสามารถเจียดเวลามาเที่ยวแถบนี้ได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้นค่ะ ฮือออออออ
- D o l o m i t e s ไ ป ยั ง ไ ง ?
ด้วยเวลาอันแสนจำกัดของจขกท. ทางที่เร็วและดีที่สุดคือการเช่ารถค่ะ ทางเราเลือกเช่ารถจากสนามบิน Marco Polo ที่Venice เป็นจุดตั้งต้น หลังจากนั้นก็ตั้ง GPS นำทางไปเลยค่ะ ระยะทางประมาน 158 กม. ใช้เวลาเดินทางโดยประมาน 2 ชม. ค่ะ โดยจุดที่เราจะไปกันก็ตามลำดับนี้เลยค่ะ
DAY 1: Venice- Cortina D’Ampezzo -- Lake Misurina -- Lago di Landro (Dürrensee) –
DAY 2: Cortina D’Ampezzo -- Passo di Valparola -- Passo Gardena – Val Gardena – Ortisei -- Alpe di Siusi
จริงๆ ต้องบอกก่อนเลยว่าการไปแถบ Dolomites สามารถไปได้หลายวิธีค่ะ ง่ายที่สุดก็คือเช่ารถส่วนตัวไป ซึ่งราคาถ้าใครสามารถขับเกียร์กระปุกได้ก็จะถูกไปอีกค่ะ แต่ถ้าเป็นสาวชาวกรุงไม่เคยขับรถขึ้นเขาขึ้นดอยมาก่อน ก็แนะนำเพื่อความปลอดภัยเกียร์ออโต้เลยค่า ราคาก็จะแพงขึ้นมาอีกนั่นเอง ตึ่งงงงง โอเค นอกจากรถส่วนตัวแล้วนะคะ
อีกวิธีที่สามารถไปได้คือการนั่งรถบัสค่ะ จะมีรถบัสออกจาก Venice – Cortina d’Ampezzo (http://www.cortinaexpress.it/en/index.htm แล้วก็ตารางเวลา cortinaexpress.it/res/download/pdf/270_en.pdf) แต่ที่นี้จะมีความยากละค่ะ เพราะเวลาเที่ยวแต่ละจุดของเราจะขึ้นอยู่กับตารางรถ และบางที่รถบัสก็ไม่ผ่านค่ะ (ถ้านั่งผ่านเฉยๆ ไม่ได้ลงไปถ่ายรูปคงเสียดายแย่) ดังนั้นเราขอไม่แนะนำวิธีนี้นะคะ
อ่ออออๆ นอกจากรถบัสก็ยังมีรถไฟอีกนะเออ แต่ค่อนข้างซับซ้อนค่ะ คือถ้าออกจาก Venice (Venezia S.Lucia Station) ต้องนั่งไปลงที่สถานี Calalzo di Cadore ซึ่งพอไปถึงแล้วก็จะต้องหา Shuttle Bus ไปที่เมือง Cortina ต่ออีกค่ะ รวมเวลาเดินทางคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่า 3 ชม.อีก ไปถึงก็หมดแรงเที่ยวพอดีค่ะ บัยยยยย และนี่คือเหตุผลที่เราเลือกเช่ารถค่ะ ฮ่าๆๆๆ
- ก า ร เ ช่ า ร ถ
จากตัวเลือกการเดินทางท่องเที่ยวทั้งหมดที่มี เราก็มานั่งคิดดูและตัดสินใจว่าจะเช่ารถขับเที่ยวในย่าน Dolomite นี้ เราจึงเริ่มจากการเช่ารถในหน้าเว็บไซต์เช่ารถ ตามที่ได้อธิบายรายละเอียดไป เราสองพี่น้องขับเกียร์ธรรมดาไม่เป็นค่ะ ดังนั้นจึงต้องเช่ารถเกียร์ออโต้เท่านั้น และเลือกรถรุ่นที่ไม่เล็กมากจนเกินไป เพราะอย่าลืมว่าต้องยัดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้าไปด้วยนั่นเอง
เราเช่ารถจากเวนิส เพราะระยะทางจาก Venice ไป Dolomite นั้นใกล้ที่สุด เมื่อเทียบกับการเช่ารถจากเมืองหลักอื่นๆ สำหรับสถานที่ที่ให้บริการรถเช่าในเวนิส จะมี 2 แห่ง แห่งแรกคือในตัวเมืองเวนิส ใกล้สถานี Piazza Roma ซึ่งเป็นจุดต่อรถบัสและ tram ที่ใกล้เกาะเวนิสมากที่สุด ส่วนอีกแห่งคือที่สนามบิน Marco Polo ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเวนิสไปประมาณครึ่งชั่วโมง เราสองคนเลือกรับรถกันที่นี่ค่า
สำหรับคนที่ลงเครื่องที่ Venice ก็ไม่ต้องห่วงเพราะที่ให้เช่ารถนั้นอยู่ในบริเวณสนามบินนั่นเอง โดยอยู่บนอาคารจอดรถ 1 ชั้น 3 หากออกจากตัวอาคารผู้โดยสารแล้ว จะมีป้ายเขียนบอกเป็นระยะ ไม่หลงแน่นอนค่ะ แค่ระยะทางในการเดินค่อนข้างไกลเล็กน้อย ลากกระเป๋ากันล้อสึกไปเลยทีเดียว แต่สำหรับคนท่องเที่ยวในตัวเมือง venice และต้องการเดินทางจากvenice มายังสนามบิน แนะนำให้ใช้บริการรถบัสค่ะซึ่งจะมีวิ่งตรงจาก venice ไปสนามบิน สามารถสอบถามสายรถบัสได้ที่จุด information center สำหรับเรานั้นขึ้นรถบัสสาย15 ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
อันนี้จะเป็นป้ายรถบัสที่พวกเรายืนรอไปแอร์พอร์ตกันค่ะ
มีตารางเวลาชัดเจนค่ะ จากภาพจะเห็นว่ามี 2 สายที่ผ่านนะคะ
กลับมาที่สนามบิน Marco polo เมื่อถึงจุดให้บริการเช่ารถแล้ว ก็ทำเรื่องเช่ารถตามปกติ ที่อิตาลีมีบริษัทให้เช่ารถยนต์หลากหลายแบรนด์ให้ได้เลือก สำหรับเราสองคนเลือกใช้บริการ Locauto โดยเช่ารถ Audi A3 ครับ สิ่งที่เราอยากแนะนำสำหรับการเช่ารถขับในอิตาลีก็คือ ควรซื้อประกันแบบ Full package เพราะเคยได้ยินมาว่า ประกันแบบทั่วไปจะไม่ครอบคลุมความเสียหายกับตัวรถแบบเล็กน้อย เช่น เศษหินกระเด็นโดนรถ หรือการเกิดรอยขีดข่วนต่างๆ เป็นต้นค่า ซึ่งโอกาสเกิด case แบบนี้จะเกิดง่ายกว่าอุบัติเหตุใหญ่ ดังนั้นซื้อแบบ full package ไปดีที่สุด อีกอย่างที่เราอยากบอกไว้เป็นทริคเล็กๆก็คือ การซื้อประกันภัยรถยนต์บนหน้าเว็บไซต์ที่เป็น agent (เช่น Rentacar.com) นั้น จะไม่สามารถเคลมความเสียหายจากบริษัทให้เช่ารถที่เราไปเช่าได้ เราสองคนโดนมาแล้ว เพราะเมื่อมาทำเรื่องเช่ารถที่บริษัท พนักงานจะให้ซื้อแพคเกจประกันภัยแยกอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องจำใจซื้ออีกชุด เสียหายไปกว่า 100 Euro เลยทีเดียว
จากอาคารผู้โดยสาร จะเห็นป้ายแบบนี้ค่ะ เราก็แค่เดินตามป้ายที่เขียนว่า Rent a Car P1 ไปเลยค่า
เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ค่ะ ทางเค้าทำสะดวกเดินไม่หลงแน่นอน
เดินมาสักพักประมาณ 10นาที จะเจออาคารจอดรถที่ 1ค่ะ เปิดประตูไปก็จะเจอลิฟท์หน้าตาแบบนี้ กดไปชั้น 3 โลดเลยจ้า
พอขึ้นมาถึงก็จะเจอที่เช่ารถของเราแล้วค่า ใครเช่าบริษัทไหนก็เดินไปตามสะดวกเลยค่า ส่วนของเราที่ Locauto
การเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถมีอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ GPS นั่นเอง ทางบริษัทให้เช่ารถจะมีให้บริการอยู่แล้ว โดยเราต้องเสียเงินเพิ่มเติม (โดนทุกเม็ดจริงๆ T T) อย่าลืมขอ GPS ที่เป็นภาษาอังกฤษด้วยนะคะ ไม่งั้นซวยแน่ ฮ่าๆ ข้อดีของGPS แบบติดกระจกหน้ารถก็คือ จะช่วยบอกทางให้เราอย่างชัดเจนมากๆ ที่สำคัญคือบอกเตือนว่ามีกล้องตรวจจับความเร็วบริเวณใด เพราะแน่นอนว่าการขับรถในประเทศแถบยุโรปนั้นจะค่อนข้างเข้มงวดเรื่องความเร็วของรถยนต์ที่ขับบนทางด่วน หรือในพื้นที่ชุมชน ถ้าโดนกล้องจับได้ขึ้นมา รับรองว่าค่าปรับจะส่งไปถึงบ้านที่กรุงเทพฯ แน่นอน น่ากลัวมากๆ (แต่เรารอดพ้นมาได้ ต้องขอขอบคุณ GPS ติดรถมา ณ ที่นี้)
ที่อิตาลีขับทางด้านขวา และใช้รถพวงมาลัยซ้าย ดังนั้นสำหรับคนที่เพิ่งเคยขับรถเที่ยวในยุโรปครั้งแรก คงจะต้องปรับตัวกันบ้างเล็กน้อย แรกๆ อาจจะขับกินเลนบ้าง ก็ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการขับรถ ไม่ต้องขับเร็วมากจนเกินไป (เพราะอย่าลืมว่ากล้องจับความเร็วมีเยอะมากจริงๆ) เมื่อประเทศนี้เค้าขับรถด้านขวากัน ทุกอย่างก็จะตรงกันข้ามกับบ้านเรา ทางแยกต่างๆ โดยเฉพาะบนทางด่วนก็จะอยู่ด้านขวา รถที่ขับเร็วจะขับเลนซ้าย แต่ขับไปซักพักเดี๋ยวก็จะเริ่มชินไปเองค่ะ
เราเลือกใช้เส้นทางไป Dolomite โดยปักหมุด GPS ไปที่เมือง Cortina D’Amprezzo ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแรกของเรา GPS ทั้งที่ติดรถและใน Google Map ใจตรงกัน แนะนำเส้นทางขึ้นทางด่วน ที่มุ่งตรงจาก Venice airport ไปเมือง Cortina D’Amprezzo เลย ขับรถง่ายมากจริงๆ ระหว่างทาง หลังจากเริ่มชินทางขึ้นมาบ้างแล้ว เราก็เริ่มมองออกไปรอบๆ และก็พบกับวิวข้างทางที่สวยงาม ยิ่งขับขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ภูเขาก็จะยิ่งอลังการมากขึ้น ถนนที่นี่ดีมากนะคะ ใครที่เคยจินตนาการว่าถนนอิตาลีจะกากๆ เป็นหลุมเป็นบ่อนี่คิดผิดเลย ทางด่วนบ้านเค้าเรียบและป้ายบอกทางต่างๆ ชัดเจนกว่าบ้านเราหลายขุมมาก
ทางด่วนไปเมือง Cortina D’Amprezzo จะเสียค่าทางด่วน 7.9 Euro ค่า ทางด่วนที่นี่เป็นระบบรับบัตรและชำระค่าทางด่วนเมื่อไปถึงปลายทางนะคะ จุดชำระค่าทางด่วนใช้เครื่องชำระเงินอิเล็กทรอนิคนะคะ หากเตรียมเหรียญไว้พอดีกับค่าทางด่วนล่วงหน้าจะดีมาก แต่หากไม่มีเหรียญพอดี เครื่องก็ยังรับธนบัตรได้ค่ะ แต่จะรับเฉพาะธนบัตรแบงค์ใหญ่เท่านั้น เอาให้ชัวก็ไปเข้าช่องที่มีเจ้าหน้าที่บริการจะดีที่สุดค่ะ
เกริ่นมาซะยาว...เดี๋ยวกระทู้หน้าเราจะเริ่มเที่ยวแถบนี้กันต่อนะค้าา!!!