การเที่ยวเรืออาจเป็นฝันของใครหลาย ๆ คน แต่อีกหลาย ๆ คน นั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยคิดหรือวาดฝันเอาไว้เพราะคิดว่าการเที่ยวเรือน่าเบื่อไม่สนุกจะมีอะไรทำ แล้วเมาเรือจะทำอย่างไร กระทู้จะตอบโจทย์ใครหลายๆ คน ให้หันกลับมาสนใจ เที่ยวเรือสำราญกันครับ และประเด็นสำคัญเที่ยวเรือสำราญไม่ได้แพงอย่างที่คุณคิด
รายละเอียดเส้นทางเที่ยวเรือ
4 NIGHT SHANGHAI, FUKUOKA & JEJU CRUISE
Leaving from: Shanghai (Baoshan), China
Ship: Mariner of the Seas
Day 1: Shanghai
Day 2: Jeju Island, South Korea
Day 3: Fukuoka, Japan
Day 4: Cruising (ไม่ได้จอดแวะลงเที่ยวที่ไหนทำกิจกรรมบนเรือ)
Day 5: Shanghai
Day 1 : http://ppantip.com/topic/35551813
Day 2 : เช้าวันนี้ผมตื่นสายเรยทีเดียวครับเนื่องจากช่วงที่ไปอากาศร้อนมากครับที่เซี่ยงไฮ้เดินเที่ยวทำให้เหนื่อยมาก ถ้าใครมาเที่ยวช่วงหน้าร้อนเดือนสิงหาคมแบบผมต้องเตรียมร่างกายมาให้ดีเนื่องจากจะเหนื่อยมากกว่าเดิมเกือบ 2 เท่า มื้อเช้าวันนี้ผมเรยงดครับ ทานกลางวันทีเดียว ก่อนทานกลางวันผมต้องไปรับ Passport คืนก่อนครับ
วันนี้เป็นวันที่ได้ลงไปเที่ยวที่เกาะ Jeju ทางเรือจะมีใบ Important Korean & Japanese Immigration information มาให้ตั้งแต่เมื่อคืนครับ *ห้ามลืมอ่านน่ะครับ โดยจะแจ้งว่าเราต้องไปรับ Passport คืนได้ที่ไหน เวลากี่โมง เพราะตอนก่อนขึ้นเรือทางเจ้าหน้าที่จะเก็บ Passport ของเราไว้ โดยจะระบุไว้ว่าคนที่พักชั้นไหนต้องไปรับเวลาไหน Deck 2,3,6 and 7 - 10:00 am to 11:00 am และ Deck 8,9 and 10 - 11:00 to 11:45 am รับที่ห้อง "Sound of Music" Deck 5 ห้ามลืมไปรับน่ะครับเดียวจะลงเที่ยวไม่ได้ นอกจาก Passport แล้วต้องนำสำเนาเอกสาร Passport ที่มีตราประทับเรือ ติดไปเดียวตอนลงเรือน่ะครับเพราะ ตม. จะตรวจครับ และ SeaPass Card ต้องติดตัวตลอดด้วยน่ะครับ ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจเวลาลงและขึ้นเรือ
สรุปสิ่งที่ต้องนำลงจากเรือเพื่อผ่านตม. และเจ้าหน้าที่เรือ
1. Original passport
2. Copy of your passport (with "Mariner of the Seas" mark on the top right corner)
3. SeaPass Card
มื้อกลางวันผมเลือกทานที่ห้อง Rhapsody in blue Dinng Room Deck 3 เปิด 11:00 am - 12:00 am ผมไม่ค่อยชอบความวุ่นวายของห้องอาหารบุฟเฟต์ชอบทานเป็นแบบคอร์สมากกว่าแล้วก็สั่งเพิ่มได้ไม่อั้นเหมือนกัน
มื้อนี่ผมไม่ได้สั่งเพิ่มเก็บแรงไว้ทานที่เกาะเชจู (Jeju)
ได้เวลาเที่ยวเกาะเชจู (Jeju) กันแล้วครับ เวลาขึ้นลงเรือ 02:00 pm to 10:00 pm สำหรับนักท่องเที่ยวที่ซื้อ Shore(ทัวร์เรือซึ่งสามารถซื้อได้บนเรือ แต่ควรซื้อล่วงหน้าในเนตก่อนมาครับเพราะแถวจะยาวมากถ้ามาซื้อบนเรือ) ก็จะแยกไปกับทัวร์ของเรือ ส่วนผมรอบนี้ลองเที่ยวเองดูครับ รอบที่แล้วผมซื้อทัวร์ของเรือไปเที่ยวแล้วน่ะครับเหมาะสำหรับคนที่มาครั้งแรกน่ะครับสะดวกสบาย แล้วอีกอย่างไฮไลท์ ยอดเขาซองซันอิลชุน Seongsan Sunrise Peak อยู่ค่อนข้างไกล หลังจากผ่านตม.มาแล้ว ขาออกมาจะเห็นบู๊ทการท่องเที่ยวเชจู เข้าไปขอรายละเอียดท่องเที่ยววิธีเดินทางได้เรยน่ะครับไม่ต้องกลัวหลง
เริ่มเที่ยวเกาะเชจูกันเรยครับผมนั่งรถเมล์ไปเที่ยว Dongmun Market ผมเป็นคนชอบเดินตลาดมากครับเพราะได้สำรวจวัฒนธรรมของเมืองนั้น ๆ มีอาหารอะไรดีเด็ดน่าทาน แถมในตลาดยังมีของถูกอร่อยของฝากก็เช่นกัน ผมสายกินน่ะครับ โดยไปขึ้นรถเมล์หน้า Terminal มีป้ายรถเมล์ครับ ดูที่ข้างรถจะเขียนว่าไปที่ไหนบ้างสะดวกดีครับหรือถามคนขับได้ครับเอารูปให้เขาดู ส่วนราคาค่ารถ 1400 วอนถึงหน้าตลาดเรยครับลงป้าย Dongmun Market ถูกกว่าขึ้น taxi เยอะเรยครับ เนื่องจาก Taxi ส่วนใหญ่ในนั้นคิดราคาแบบไม่กดมิเตอร์แพงมหาโหดครับ
สังเกตร้านค้าที่นี่จะขายส้มเยอะมากเรยครับ เป็นของดังของเกาะนี้ ไม่พลาดชิมแน่นอนครับ มีน้ำส้มคั้นด้วยครับหวานสดชื่น
เปาฮื้อสด ๆ ต้องโดนคร้าบแบบนี่ แต่กินที่นี่ธรรมดาไปไม่ได้อารมณ์เดียวผมจะพาไปทานอีกทีครับ
*ในส่วนของตลาดผมจะเอารูปในมือถือมาลงเพิ่มเติมให้น่ะครับ
หลังจากเที่ยวตลาดชิมอย่างสบายใจผมไปเที่ยวต่อที่ Yongduam(โขดหินรูปหัวมังกร) เป็นโขดหินรูปคล้ายหัวมงกรหันหน้าออกสู่ท้องทะเล มีความสูงประมาณ 10 เมตร ยาวประมาณ 30 เมตร โดยโขดหินนี้เกิดขึ้นจากแรงคลื่นลมที่ซัดเข้าไปยังโขดหินมายาวนานมากกว่า 1,000 ปี ทำให้เกิดรูปคล้ายหัวมังกร
ชมฟรีไม่ค่าเข้าชม
ด้านขวามือนี้ร้านอาหารน่ะครับตั้งอยู่บนโขดหินกันเรยครับ ได้อารมณ์มากๆ สำหรับสายกินแบบผม มาที่นี่ไม่ได้เน้นโขดหินหรอกครับ 555 จะมาลองร้านอาม่าร้านนี้
อาม่าที่ดำน้ำจับอาหารทะเลเรียกว่า Haeneo โดยอาม่าจะนั่งทำอาหารให้ทานสด ๆ หลังจากดำน้ำจับมา ได้อารมณ์ความอร่อยมากขึ้น 2 เท่ากันเรยทีเดียว อาม่าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้น่ะครับใช้ภาษามือเอาครับ *รูปในมือถือ
บรรยากาศในร้านท้องถิ่นมากครับ ทำให้เหมือนมาถึงเกาะเชจูแล้วจริงๆ *รูปในมือถือ
มาแล้วก็ต้องลองซาซิมิเปาฮื้อ สด ๆ ราคาตัวล่ะ 15,000 วอน กรอบเด้งสด ห้ามพลาดครับ สายกินแบบผมให้ผ่านครับ ไม่อยากให้หมดเรยครับ ละเรียดมากครับแต่ล่ะคำ
วิธีเดินทาง: นั่งTaxi จากตลาด Dongmun เพื่อความประหยัดเวลา 4,000 วอน Taxi เป็นแบบกดมิเตอร์
เที่ยว 2 ที่ใช้เวลาไปนานมากครับดูเวลาอีกทีก็ จะทุ่มแล้วครับ เรยเรียก Taxi กลับ Cruise Terminal ราคาค่า Taxi 5,300 วอน เพราะผมจองห้องอาหารอิตาเลี่ยนตอน 20:00 ปกติผมเป็นคนเที่ยวแบบดื่มด่ำไม่ค่อยชะโงกทัวร์เรยใช้เวลาค่อนข้างนาน ในแต่ล่ะสถานที่ ต้องมาซ้ำที่นี่แน่นอนครับถึงจะมา 2 รอบแล้วก็ยังเที่ยวไม่หมดเรยครับ
พรุ่งนี้มาต่อรีวิวกับมื้อค่ำห้องอาหารอิตาเลี่ยน Giovanni's Table กันน่ะครับ
[CR] กิน เที่ยว ชิล เที่ยวเรือสำราญมีอะไรดี ๆ มากกว่าที่คุณคิด #Day 2
การเที่ยวเรืออาจเป็นฝันของใครหลาย ๆ คน แต่อีกหลาย ๆ คน นั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยคิดหรือวาดฝันเอาไว้เพราะคิดว่าการเที่ยวเรือน่าเบื่อไม่สนุกจะมีอะไรทำ แล้วเมาเรือจะทำอย่างไร กระทู้จะตอบโจทย์ใครหลายๆ คน ให้หันกลับมาสนใจ เที่ยวเรือสำราญกันครับ และประเด็นสำคัญเที่ยวเรือสำราญไม่ได้แพงอย่างที่คุณคิด
รายละเอียดเส้นทางเที่ยวเรือ
4 NIGHT SHANGHAI, FUKUOKA & JEJU CRUISE
Leaving from: Shanghai (Baoshan), China
Ship: Mariner of the Seas
Day 1: Shanghai
Day 2: Jeju Island, South Korea
Day 3: Fukuoka, Japan
Day 4: Cruising (ไม่ได้จอดแวะลงเที่ยวที่ไหนทำกิจกรรมบนเรือ)
Day 5: Shanghai
Day 1 : http://ppantip.com/topic/35551813
Day 2 : เช้าวันนี้ผมตื่นสายเรยทีเดียวครับเนื่องจากช่วงที่ไปอากาศร้อนมากครับที่เซี่ยงไฮ้เดินเที่ยวทำให้เหนื่อยมาก ถ้าใครมาเที่ยวช่วงหน้าร้อนเดือนสิงหาคมแบบผมต้องเตรียมร่างกายมาให้ดีเนื่องจากจะเหนื่อยมากกว่าเดิมเกือบ 2 เท่า มื้อเช้าวันนี้ผมเรยงดครับ ทานกลางวันทีเดียว ก่อนทานกลางวันผมต้องไปรับ Passport คืนก่อนครับ
วันนี้เป็นวันที่ได้ลงไปเที่ยวที่เกาะ Jeju ทางเรือจะมีใบ Important Korean & Japanese Immigration information มาให้ตั้งแต่เมื่อคืนครับ *ห้ามลืมอ่านน่ะครับ โดยจะแจ้งว่าเราต้องไปรับ Passport คืนได้ที่ไหน เวลากี่โมง เพราะตอนก่อนขึ้นเรือทางเจ้าหน้าที่จะเก็บ Passport ของเราไว้ โดยจะระบุไว้ว่าคนที่พักชั้นไหนต้องไปรับเวลาไหน Deck 2,3,6 and 7 - 10:00 am to 11:00 am และ Deck 8,9 and 10 - 11:00 to 11:45 am รับที่ห้อง "Sound of Music" Deck 5 ห้ามลืมไปรับน่ะครับเดียวจะลงเที่ยวไม่ได้ นอกจาก Passport แล้วต้องนำสำเนาเอกสาร Passport ที่มีตราประทับเรือ ติดไปเดียวตอนลงเรือน่ะครับเพราะ ตม. จะตรวจครับ และ SeaPass Card ต้องติดตัวตลอดด้วยน่ะครับ ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจเวลาลงและขึ้นเรือ
สรุปสิ่งที่ต้องนำลงจากเรือเพื่อผ่านตม. และเจ้าหน้าที่เรือ
1. Original passport
2. Copy of your passport (with "Mariner of the Seas" mark on the top right corner)
3. SeaPass Card
มื้อกลางวันผมเลือกทานที่ห้อง Rhapsody in blue Dinng Room Deck 3 เปิด 11:00 am - 12:00 am ผมไม่ค่อยชอบความวุ่นวายของห้องอาหารบุฟเฟต์ชอบทานเป็นแบบคอร์สมากกว่าแล้วก็สั่งเพิ่มได้ไม่อั้นเหมือนกัน
มื้อนี่ผมไม่ได้สั่งเพิ่มเก็บแรงไว้ทานที่เกาะเชจู (Jeju)
ได้เวลาเที่ยวเกาะเชจู (Jeju) กันแล้วครับ เวลาขึ้นลงเรือ 02:00 pm to 10:00 pm สำหรับนักท่องเที่ยวที่ซื้อ Shore(ทัวร์เรือซึ่งสามารถซื้อได้บนเรือ แต่ควรซื้อล่วงหน้าในเนตก่อนมาครับเพราะแถวจะยาวมากถ้ามาซื้อบนเรือ) ก็จะแยกไปกับทัวร์ของเรือ ส่วนผมรอบนี้ลองเที่ยวเองดูครับ รอบที่แล้วผมซื้อทัวร์ของเรือไปเที่ยวแล้วน่ะครับเหมาะสำหรับคนที่มาครั้งแรกน่ะครับสะดวกสบาย แล้วอีกอย่างไฮไลท์ ยอดเขาซองซันอิลชุน Seongsan Sunrise Peak อยู่ค่อนข้างไกล หลังจากผ่านตม.มาแล้ว ขาออกมาจะเห็นบู๊ทการท่องเที่ยวเชจู เข้าไปขอรายละเอียดท่องเที่ยววิธีเดินทางได้เรยน่ะครับไม่ต้องกลัวหลง
เริ่มเที่ยวเกาะเชจูกันเรยครับผมนั่งรถเมล์ไปเที่ยว Dongmun Market ผมเป็นคนชอบเดินตลาดมากครับเพราะได้สำรวจวัฒนธรรมของเมืองนั้น ๆ มีอาหารอะไรดีเด็ดน่าทาน แถมในตลาดยังมีของถูกอร่อยของฝากก็เช่นกัน ผมสายกินน่ะครับ โดยไปขึ้นรถเมล์หน้า Terminal มีป้ายรถเมล์ครับ ดูที่ข้างรถจะเขียนว่าไปที่ไหนบ้างสะดวกดีครับหรือถามคนขับได้ครับเอารูปให้เขาดู ส่วนราคาค่ารถ 1400 วอนถึงหน้าตลาดเรยครับลงป้าย Dongmun Market ถูกกว่าขึ้น taxi เยอะเรยครับ เนื่องจาก Taxi ส่วนใหญ่ในนั้นคิดราคาแบบไม่กดมิเตอร์แพงมหาโหดครับ
สังเกตร้านค้าที่นี่จะขายส้มเยอะมากเรยครับ เป็นของดังของเกาะนี้ ไม่พลาดชิมแน่นอนครับ มีน้ำส้มคั้นด้วยครับหวานสดชื่น
เปาฮื้อสด ๆ ต้องโดนคร้าบแบบนี่ แต่กินที่นี่ธรรมดาไปไม่ได้อารมณ์เดียวผมจะพาไปทานอีกทีครับ
*ในส่วนของตลาดผมจะเอารูปในมือถือมาลงเพิ่มเติมให้น่ะครับ
หลังจากเที่ยวตลาดชิมอย่างสบายใจผมไปเที่ยวต่อที่ Yongduam(โขดหินรูปหัวมังกร) เป็นโขดหินรูปคล้ายหัวมงกรหันหน้าออกสู่ท้องทะเล มีความสูงประมาณ 10 เมตร ยาวประมาณ 30 เมตร โดยโขดหินนี้เกิดขึ้นจากแรงคลื่นลมที่ซัดเข้าไปยังโขดหินมายาวนานมากกว่า 1,000 ปี ทำให้เกิดรูปคล้ายหัวมังกร ชมฟรีไม่ค่าเข้าชม
ด้านขวามือนี้ร้านอาหารน่ะครับตั้งอยู่บนโขดหินกันเรยครับ ได้อารมณ์มากๆ สำหรับสายกินแบบผม มาที่นี่ไม่ได้เน้นโขดหินหรอกครับ 555 จะมาลองร้านอาม่าร้านนี้
อาม่าที่ดำน้ำจับอาหารทะเลเรียกว่า Haeneo โดยอาม่าจะนั่งทำอาหารให้ทานสด ๆ หลังจากดำน้ำจับมา ได้อารมณ์ความอร่อยมากขึ้น 2 เท่ากันเรยทีเดียว อาม่าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้น่ะครับใช้ภาษามือเอาครับ *รูปในมือถือ
บรรยากาศในร้านท้องถิ่นมากครับ ทำให้เหมือนมาถึงเกาะเชจูแล้วจริงๆ *รูปในมือถือ
มาแล้วก็ต้องลองซาซิมิเปาฮื้อ สด ๆ ราคาตัวล่ะ 15,000 วอน กรอบเด้งสด ห้ามพลาดครับ สายกินแบบผมให้ผ่านครับ ไม่อยากให้หมดเรยครับ ละเรียดมากครับแต่ล่ะคำ
วิธีเดินทาง: นั่งTaxi จากตลาด Dongmun เพื่อความประหยัดเวลา 4,000 วอน Taxi เป็นแบบกดมิเตอร์
เที่ยว 2 ที่ใช้เวลาไปนานมากครับดูเวลาอีกทีก็ จะทุ่มแล้วครับ เรยเรียก Taxi กลับ Cruise Terminal ราคาค่า Taxi 5,300 วอน เพราะผมจองห้องอาหารอิตาเลี่ยนตอน 20:00 ปกติผมเป็นคนเที่ยวแบบดื่มด่ำไม่ค่อยชะโงกทัวร์เรยใช้เวลาค่อนข้างนาน ในแต่ล่ะสถานที่ ต้องมาซ้ำที่นี่แน่นอนครับถึงจะมา 2 รอบแล้วก็ยังเที่ยวไม่หมดเรยครับ
พรุ่งนี้มาต่อรีวิวกับมื้อค่ำห้องอาหารอิตาเลี่ยน Giovanni's Table กันน่ะครับ