ชอบ-ไม่ชอบ จาก แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว คุยวิเคราะห์กันยาวๆ

หนังที่เล่นเรื่อง good guy  สาย nerd ปมความจำเสื่อม
หนังรักแบบหมามองเครื่องบิน ก็ได้ดูมาเรื่อยๆนะ
ทั่งฝรั่งทั้งเอเชียจนล่าสุด จนมามีเรื่องล่าสุด คือ แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว
ถ้ายังไม่ดูอยกให้ข้ามไปก่อน เพราะเราเล่าถึงจังหวะที่เกิดหนังเยอะ
รู้ไปก่อนคุณจะไม่ได้จับจังหวะเลย..ยกเว้นแต่คุณรับได้นะ

ส่วนคนดูแล้วมงคุยกันในมุมของความชอบ-ไม่ชอบกันครับ

ชอบ :

- บทนางเอก ทั้งบทพูด และปฎิกริยาที่นางเอกมีแต่ตัวละครอื่นๆ
นางเอกเรื่องกดูเป็นคนปกติ มีมิติ มีความร่วมสมัย  ฉลาดประมาณนึง ไม่ได้ดูสูงส่งแสนดีอะไรมากมาย
บทพูดปูมาให้นางเอกมีความ สดใส มีความระแวง  อ่อนไหวได้ สบถได้  ปล่อยตัวตามหัวใจ
พูดเรื่อง sex ได้เปิดเผย และไม่ขัดเขินที่จะเริ่มก่อนเมื่อทุกอย่างเป็นใจ
เป็นผู้หญิงที่มองหาความสมบูรณ์แบบ มีน้ำใจกับคนรอบข้าง
แต่ก็พร้อมจะแหยง แบบหลบเลี่ยงกับคนที่เธอไม่ชอบใจ  คือไม่ขาว ไม่ดำ

ฉากเปิดเพลงกลบเกลื่อนไนห้องน้ำหญิงนั่นคือใช่
ต่อให้เป้นผู้หญิงที่มองหาความสมบูรณ์แบบแต่ก็ เจ็บได้ ร้องไห้เป็น
แล้ว มิว คือนักแสดงหญิงที่แบกมิติของตัวฃะครตัวนี้ไว้ได้ดี  

- ฝันลำเอียง ของพี่แจ้ การเลือกเพลงมาปล่อยในจังหวะนี้
คือดี คือเป๊ะมาก มันกระชากความรู้สึกเหมือนที่เราฟัง i belive ใน my sassy girl
ตอนภาพเบลอๆ นิดนึงนี่ อารมณ์นิธิทัศน์ลอยมา  
อยากรู้จริงๆ ว่านึกยังไงถึงเลือกเพลงนี้
คือในยุคนั้นเพลงนี้ก็ดังระดับนึง ไม่ได้ดังมากเหมือนเพ]งอื่นที่มีคนมา Cover
ฉะนั้นคนที่เลือกเพลงนี่ ก็ต้องสายลึกเหมือนกันนะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
- การเลือก ตุ้ย ธีรภัทร มาคือทำหน้าที่ดาราสมทบที่ทำให่เราเชื่อในบทนี้
แม้จะโผล่ไม่กี่ฉาก แต่ความสเน่ห์แบบหนุ่มไหญ่ที่อยู่จุดสูงสุด คือมีพร้อมทุกอย่ง
ทำให้คนที่มองหาความสมบูรณ์แบบอย่างนางเอก รู้สึกยอมรับ
เพราะเขาทำให้เธอรู้สึกด้อยได้ อย่างสรรพนามลับๆ ที่ใช้เรียกกันระหว่าง 2 คน
บทพูดอย่างการเล่นมุกเวทย์มนต์ คือถ้าไม่ใช่คนที่ดูมีมาดแบบนี้มาเล่นแล้วมันจะดูง่อยทันที (ซึ่งในหนังก็ปรากฎ)
และจุดเล็กน้อยอย่างฉากกลบเกลื่อน กระอักกระอ่วน คือ เค้าเล่นไม่เยอะแต่เล่นเนียน


-  ฉากรถทุบปราสาทน้ำแข็ง คือการสื่อเชิงสัญลักษณ์ที่บรรยายความรู้สึกตัวละครได้ดี
ลำดับการเล่ามันดีมาก  แบบไม่ต้องพูดอะไรเยอะ
คือ กล้องแพนไปที่นางเอกช่วงที่สมองว่างๆ ไม่รู้ว่าตัวเองมาทำอะไร ไร้ความทรงจำ
แล้วตัดมาที่พระเอกที่เห็นความทรงจำกำลังสลายแบบนับถอยหลังไปกับประติมากรรมน้ำแข็ง
นี่คือฉากเดียวที่เราคิดว่าเต๋อเล่นดีสุด คือ การแสดงออกทางสีหน้าและสายตามันดูดีมาก
มากกว่าการพยายาม nerd มายาคติมาทั้งเรื่อง

- เก็บรายละเอียดของคนเป็น nerd นี่คือใช่
คนแบบนี้จะมีความเป็น geek ในเรื่องที่ตัวเองสนใจอย่างมาก
มากจนบางครั้งบางคนก็ก้าวข้ามเส้นสามัญสำนึกของคนทั่วไปจนคนรับไม่ได้
แต่ดันไปคิดตัวเองทำแล้วดีในความรู้สึกของการเป็น good guy

ไม่ชอบ :

- คือผู้เขียนทำงานอยู่ใกล้เคียง tech nerd  และสาย support มาหลายปีมาก
คือหลายอย่าง มันคือ  nerd ในมายาคติของหนังฝรั่ง
และมุมมองของคนทั่วไป ไม่ใช่คนที่ขลุกกับ nerd
เช่น การแต่งตัว คือ nerd ไทยไม่รุ่มร่าม หัวไม่กระเซิงขนาดนั้น
ไม่จำเป็นต้องหุ่นย้วยก็ได้  nerd หุ่นผอมๆ กระหร่องก็มี
ด้วยกายภาพของเต๋อเนี่ย ถ้าให้ไปรีดน้ำหนักจนเเป็น nerd ผอม ดูน่าเชื่อกว่า

- อย่างมุก CPU นี่ผมดูแล้วเข้าใจ ขณะที่หลายคนในโรงเดียวกันนี่เงียบกริบ
มันหมือนพยายามยัดมาใส่น่ะ คือชีวิต nerd จริงเขาไม่พูดกันกับคนอื่นแบบนี้
คือจะพูดก็พูดกันเอง เข้าใจกันเอง

- การพูดตรงๆ ขวางๆ nerd ชีวิตจริงมันไม่พูดกันนะครับ
เช่น ประโยคตอบกลับ user ที่มาขอบคุณ
ถ้าจะพูดก็คือหลังแป้นคีย์บอร์ดเวลาตอบกันในเว็บกันน่ะ
ที่พอให้ผ่านไป คำที่ตอบ user ในหนังนี่ คือแม่นเป๊ะ
แต่สิ่งที่  nerd เป้นจริงๆคือ บางคนเป็นคือการเข้าสังคมไม่เป็น
และพูดไม่คิดแง่มารยาททางสังคมมากกว่า
อย่างฉากสารภาพรักนางเอก หลังงานปาร์ตี้อันนี้คือใช่..นั่นล่ะ nerd แท้ๆ

- ความพยายามนำเสนอภาพnerd แล้วตบด้วย good guy
อันนี้คือเขาใจ แต่การพยายามจะใส่คำพูด อากัปกริยา แบบ good guy มากมาย
กลายเป็นสิ่งจนน่าอึดอัดมากสำหรับคนดูในบางจังหวะ
คำพูดบางประโยคมันดูหล่อจนกลายเป็นประดิษฐ์ไปสำหรับ nerd
ซึ่งขัดกันเองกับคำพูดในฉากเวลาที่ตอบ User ก่อนหน้า

- ฉากงานแฟนซีเห็นสองคนทาตัวเป็นกำแพง
ถ้ามองเชิงสัญลักษณ์ของหนังว่า แผนกไอทีคือกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีตัวตน
หรือกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมนี่คงใช่

แต่ nerd ชีวิตจริง มันจะไม่ทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด
แค่ให้แต่งตัวตาม dress code ปกติยังไม่ยอมทำกันเลย

- ของประกอบฉากคือเด่นชัยเป็น nerd สาย it support
แต่ของประกอบฉากอย่างหูฟังหรือว่าจอคอมเนี่ย
มันดูราคาถูกกว่าที่จะซื้อมาใช้  
คือ nerd ไม่แต่งตัว ไม่ดูแลตัวเองน่ะใช่
แต่ nerd เอาเงินมาซื้อฮาร์ดแวร์ดีๆ มาปรนเปรอความชอบตัวเอง
ของที่เด่นชัยใช้ในฉากนี่ เอาไปให้เด็กร้านเน็ตใช้เด็กยังมองหน้าเลย

- ปมคลีคลาย และสถานการณ์หลังจากนั้นมันไวไปนิด
นางเอกช็อค ฉลาดเฉียบพลัน ฟูมฟาย เปิดใจกับตรงหน้า
คือด้วช่วงเวลานั้นกับความรู้สึกสารพัดในตัวคนๆคนเดียว
เหมือนหนึงพยายามคลายปมทั้งหมดที่ขมวดในช่วงเวลาเดียวกัน..มันบีบเกินไปที่จะเชื่อ

- จบแบบนี้มันดีอยู่แล้ว มันดูจริงมาก มันมีเหตุมีผล
ในเมื่อปูมาเป็น good guy ขนาดนี้ ปูว่านางเอกมีเส้นสีเทามาขนาดนี้

ปูมาจนตัวละครได้รับบทเรียนของตัวเอง
ปูมาจนตัวละครรู้ถึงความเป็นเส้นขนานของความรัก
ปูมาจนคนดูเข้าใจแล้วนะว่าการเดินไปถึงยอดเขาแล้วจะเกิดอะไรต่อมา

เฮ้ย..สิ่งที่มันสมบูรณ์อยู่แล้วคุณจะไปลังเลกับมันทำไม
เราเลยไม่ชอบการที่ผู้กำกับบอกว่า จะมีฉากจบให้เลือกอีกแบบใน DVD
เคารพความมั่นใจกับสิ่งที่คุณเอาขึ้นมาฉายบนหนังในโรงเถอะ

ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ..เพราะเขียนมาก็ค่อนข้างยาวนะ
คิดอย่างไรพิมพ์ลงกันไว้ด้านล่างครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่