แฟนเดย์...บทวิเคราะห์ 3 แง่คิด ที่ได้จากหนังดีๆเรื่องนี้

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงอินกับหนังเรื่องนี้มากเป็นพิเศษครับ จนเป็นเหตุที่ทำให้เกิดกระทู้นี้ขึ้นครับ ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อน กระทู้นี้เป็นกระทู้หนังเรื่องแรกในชีวิต และเป็นกระทู้ที่ 2 ในชีวิต  หากมีอะไรผิดพลาดประการใด ผมน้อมรับคำติชม และคำยินดี ครับ

ในส่วนของเนื้อหาของหนังผมข้อข้ามไปนะครับ หากใครอยากรู้เรื่องจริงๆ ลองหาอ่านใน pantip ดูนะครับ
เนื้อหาหลังจากนี้มีสปอย สปอย และสปอย นะครับ เราเตือนคุณแล้ว   เอาละ...ถ้าคุณไม่สนใจใยดีกับคำเตือนขอผมก็บรรจงอ่านกันได้เลยครับ...

แฟนเดย์ หนังดราม่า โรแมนติก สะกิด และเสียดสี...สิ่งที่ผมชอบที่สุดในแฟนเดย์คือ บทหนัง และบทสนทนาครับ  ผมรู้สึกว่าผู้กำกับและทีมงานทำกันได้ออกมาดีมากๆ  หนังเรื่องนี้พยายามจะสื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม มันมีความเป็นจริง ถึงจริงที่สุด ถึงจริงแท้อย่างทุกวันนี้อยู่จริงๆครับ!!! อย่างเช่นบทที่นุ้ยหลังจากความจำเสื่อม ถามพี่เด่นถึงเรื่อง ซุปตาร์ และนายกคนปัจจุบัน แอบกัดได้กรุ้มกริ่มมากครับ ฮาๆๆๆ

ผมขอสรุป ข้อคิด(เสียดสี) ที่ผมได้จากหนังในความคิดของผม ออกมาเป็น 3 ประเด็น นะครับ

1. หน้ากากในสังคม หรือ ปุ่มพูดความจริงของเด่นชัย...
ประเด็นนี้หนังเริ่มสื่อตั้งแต่ช่วงแรกของหนัง ไปจนถึงฉากไคลแม็กซ์ครับ  เด่นชัย...พนักงานแผนกไอที ผู้ที่มีบุคลิก ลักษณะนิสัยที่ตรงไปตรงมา  แต่สุดท้ายเค้าเองกลับเป็นคนที่ต้องกดปุ่มความจริงให้ตัวเอง  นุ้ย...เด็กสาวใส น่ารัก และดูไร้เดียงสา  แต่กลับไปหลงอยู่ในหน้ากากเสน่หาที่ใส่ให้ตัวเองมาโดยตลอด  ผมว่าอันนี้คงเป็นประเด็นสังคมที่ชาตินี้ทุกคนคงจะหลีกหนีไม่ได้ครับ

2. คุณจะมองแบบโค้ช หรือนักเตะ - ในบทที่นุ้ยตอนความจำเสื่อม ด่า รังเกียจ และขยะแขยงในการกระทำของตัวเองที่เป็นเมียน้อยของคนอื่น และกำลังจะทำให้ครอบครัวที่มีความสุขต้องแตกแยก...
ในปัจจุบันนี้ด้วยความหลุ่มหลง ด้วยค่านิยม ด้วยความต้องการตามกระแส ทำให้หลายๆคนไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันก่อเกิดภาพพจน์ยังไงกับตัวเองในสังคม  เพียงแค่คุณออกมาจากความคิดของตัวเอง แล้วลองมองด้วยโลกแห่งความเป็นจริง โลกแห่งสามัญสำนึก คูณก็จะรู้ว่ามันคืออะไร!!!

3. "ตอนนี้มันก็เหมือนกับที่เราสองคนกำลังปีนเขาเอเวอร์เรสกันอยู่ไง"  ประโยคคลาสสิคของหนังเรื่องนี้จริงๆครับ  ใครได้ดูต้องได้อินกับประโยคนี้...
เคยมั๊ยในชีวิตนี้ที่เราพยายามทำอะไรให้ใครสักคน เพราะความรัก ความลุ่มหลง ด้วยคำตอบเพียงแค่มีความสุขที่ได้ทำ...และแล้วเด่นชัยก็ได้ปักธงบนยอดเขา ฉากนึงที่ผมฟินจนนิ้วทะลุเบาะก็คือฉากแต่งงานของนุ้ยและเด่นชัยในโบสถ์ ฉากนี้สะกดจิตให้คนดูเพ้ออยู่ในภวังค์ของเด่นชัยโดยไม่สนใจใยดีกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ได้จริงๆครับ "ถ้าการพยายามมันแลกมาด้วยความสุขที่ปลื้มปริ่มทะลุมิติขนาดนี้ ทำไมเราไม่ลองทำมันดูละครับ"  
แต่...ในการปีนเขาของนุ้ยนั้น ถึงจะได้เหยียบบนยอดเขาแต่ไม่มีวันได้ปักธงเพื่อประกาศชัยชนะ มันเป็นแค่ความสุขกลวงๆที่ไม่มีวันได้ลิ้มลองรสชาติของความพยายามเหมือนความสุขของเด่นชัย "ถ้าความสุขกลวงๆมันลวงหลอกเราได้ขนาดนี้ ทำไมเราถึงไม่ลองออกมาอยู่กับความเป็นจริงที่ถึงจะไม่สุข แต่มันก็ไม่ลวงหลอกตัวเองดูละครับ"

เด่นชัย...เลือกที่จะยอมรับกับความจริงในการปีนเขาของเค้า!!! แต่นุ้ย...เลือกที่จะหลอกตัวเองในการพิชิตยอดเขา!!!

สุดท้ายขอความคิดเห็น หรือความมโน จากเพื่อนๆที่ดูแล้วหน่อยครับ คิดยังไงกับฉากจบของหนังเรื่องนี้...
1. น้ำตาบนใบหน้าของนุ้ย ในฉากที่ได้เปิดดูคลิปตอนไปเที่ยวเทศกาลหิมะ แล้วเห็นรอยยิ้มที่สุดแสนจะมีความสุขของผู้หญิงคนนี้  คิดว่านุ้ยรู้มั๊ยว่าชายขี้อายที่อยู่ในคลิปคือ....?
2. สุดท้ายฉากจบที่นุ้ยสะบัดมือออกจากมือพี่ท็อป แล้วเดินหนีไปเลย คิดว่านุ้ยเลิกกับพี่ท็อปได้โดยเด็ดขาดมั๊ยครับ?

ปล..."ตอนนี้...มันก็เหมือนกับที่เราสองคนกำลังปีนเขาเอเวอร์เรสกันอยู่ไง" หากคุณเห็นประโยคนี้เด้งขึ้นใน timeline บน fb คุณ  เพื่อนคุณคนนั้นอาจเป็นผมก็ได้นะครับ!!!

ปล...2 ต้องขออภัยนะครับ หากใครเคยอ่านกระทู้นี้แล้ว เนื่องจากผมลบกระทู้เก่าแล้วมาตั้งใหม่ เพราะรู้สึกว่าหัวข้อในกระทู้เก่าไม่ค่อยตรงกับประเด็นที่ผมต้องการสื่อสารครับ.

ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ยอมอดทนอ่านมาจนพยัญชนะสุดท้ายของกระทู้นะครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่