วันนี้ผมได้กล้อง Canon 80d มาลองสนาม เลยพาน้องสาวมาลองความสดใหม่ของกล้องตัวนี้ที่ว่ากันว่า ระบบ Focus ที่ไวกว่าเดิม และเป็นระบบ Focus แบบ All Cross Type 45 จุดด้วยกัน เนื่องจากว่าตัวผมเองเป็นคนที่ชอบถ่าย Portrait เป็นงานอดิเรก รีวิวนี้จึงหนักไปทาง Portrait นะครับ
รีวิวนี้ผู้เขียนได้รับกล้องมาจากทางบริษัท Canon พร้อมกับ Lens Kit ที่ติดมากับชุดกล้องคือ 18-135 F/3.5-5.6 IS USM เป็นเลนส์ที่พัฒนาระบบมอเตอร์ในการขับเคลื่อนชิ้นเลนส์แบบใหม่เป็น Nano USM โดยความเห็นส่วนตัว ผมว่าตัวเลนส์มีส่วนทำให้ภาพได้สีที่สดใสกว่าเดิม และระบบซูมเข้าหาวัตถุ ทำได้สมูทมากๆ
จุดเด่นที่เห็นชัดๆ จากการทดลองใช้กล้องก็คือ การโฟกัสที่แม่นยำ การให้ค่าสีที่ตรง และเก็บรายละเอียดของเฉดสีได้ดี อาจเป็นเพราะข้อดีของระบบวัดแสงแบบ RGB+IR ที่มีเหมือนในกล้องรุ่น Top ของแคนนอนที่หยิบมาใส่ใน 80D และอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ได้ลองคือ Creative Filter น่าสนใจมากๆ เลยสำหรับกล้องตัวนี้
เริ่มวันกันที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สภาพแสงค่อนข้างจ้ามากเพราะเวลานั้นก็ราวๆ สิบเอ็ดโมงแล้ว แต่ตัวกล้องสามารถให้ภาพแสงไม่จัดเกินไป ตัวเลนส์คิทที่ติดมากับกล้อง ก็ให้โบเก้ที่สวยงามระดับนึงทีเดียว สีหญ้าในสภาพแสงจ้าก็ยังเก็บสีเขียวได้ครบ
จากนั้นเราเดินต่อมาเรื่อยๆเพื่อที่จะไปแลนมาร์คของฝั่งพระนคร นั่นก็คือท่ามหาราช แต่ระหว่างทางเราพบกับแหล่งรวมรถตุ๊กๆ ก็เลยขอ Snap สักหน่อย
ถ่ายไปถ่ายมาฟ้าเริ่มมืด เลยดัน ISO ไปที่ 16000 แต่สิ่งที่เห็น Noise น้อยมาก ความไวของระบบ Focus ที่ไวกว่าเดิม ทำให้สามารถจับจังหวะของภาพได้ดีขึ้น แม้จะเป็นการ Candid
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงท่ามหาราช
ระบบ White Balance ที่ทำงานได้แม่นยำขึ้นกว่าเดิม ทำให้ถ่ายในแสงหลอดไฟส้ม ก็ยังไม่ทำให้หน้าส้มไปทั้งหมด
สามารถโฟกัสได้ใกล้มาก อยากได้คมก็คมได้ใจ อยากได้ละลายก็นวลน่าค้นหา
ตกเย็นเราเดินมาเพื่อเก็บภาพในร่ม ตัวกล้องสามารถตอบสนองกับสภาพแสงน้อยได้อย่างดีเยี่ยม
ได้สีสันที่สดใส ประกอบกับการปรับ White Balance ทำให้ได้อุณหภูมิสีที่ดูเย็นๆ ทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย
ภาพถ่ายโดยการใช้ Creative Filter สามารถทำให้ภาพกลายเป็นภาพ Vintage ได้เพิ่มลูกเล่นให้กับภาพของเราได้มากทีเดียว
อีกตัวหลักที่ทำให้ภาพเหมือนกล้องฟุ้งฟิ้งและดีกว่าก็คือ Creative Filter ที่ชื่อว่า Soft
ส่วนภาพขาวดำก็ทำได้แบบไม่ขัดเขิน
ทีนี้มาถึงจุดเด่นของกล้องตัวนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ การถ่ายภาพในที่มืด จะทำได้ดีขึ้นแค่ไหน เรามาดูกันได้เลยครับ
ดึง ISO ไปจนสูงที่สุดแล้ว ยังให้ภาพที่ Noise น้อย ห่างจากความน่าเกลียดไกลลิบ
ลองในโหมดสปีดชัตเตอร์ต่ำก็ให้ภาพที่ดูน่าสนใจและแสงที่สวยงาม ขึ้นอยู่กับการปรับไวท์บาล๊านซ์ด้วยนะครับ
ภาพอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจ
และผมได้ลองถ่าย VDO ด้วยฟังก์ชั่นของกล้องพวก Creative Filter Movie, HDR Movie และ Time lapse เอามาต่อกันเป็นเรื่องดู ถือว่าใช้งานได้ระดับหนึ่งเลย สำหรับมือใหม่ที่ยังตัดต่อ แต่ไม่เก่งมากก็สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ในงาน VDO ได้เลยครับ
จบแล้วครับ หนึ่งวันที่ผมได้สัมผัสกล้องตัวนี้ นอกจากภาพนิ่งแล้ว การถ่าย VDO ก็ยังทำได้ดีเยี่ยมอีกด้วย ไม่แปลกที่ภาพยนตร์หรือมิวสิควีดีโอส่วนใหญ่จะใช้ Canon
ทีนี้มาถึงข้อมูลทางเทคนิค
• เซนเซอร์ของกล้องตัวนี้ : CMOS, 22.5 x 15 mm/APS-C (1.6x Crop Factor) ความละเอียด 24.2 MP หายห่วงเรื่องรายละเอียดภาพไปได้เลย
• ISO: 100-16000 (100-25600) ที่มืดก็ไม่เป็นอุปสรรคมากเท่าไหร่
• Shutter Speed: 30 - 1/8000 second, Bulb Mode
• ระบบบันทึกวีดีโอ : MOV, MP4, MPEG-4 AVC/H.264 พร้อมทั้งยังมีโหมด HDR, Time lapse
ที่ดีมากเพราะบอกว่าถ่ายกี่รูปและเราต้องรอนานแค่ไหน , SnapVDO และ Creative Filter
ที่ช่วยสร้างทางเลือกในการสร้างสรรค์ผลงานได้ก้างมากขึ้น
• มี Wi-Fi ในตัวสามารถทำงานร่วมกับ Canon Camera Connect ได้เลย
• มีช่องเสียบหูฟัง และจอพับที่ให้ประโยชน์ในการถ่ายภาพในมุมแปลกๆ ได้มากมาย
• น้ำหนัก 750 กรัมเท่านั้น พกพาไปไหนได้ ไม่เมื่อยคอและไหล่
• มีระบบการถ่าย C1, C2 ทำให้บันทึกโหมดที่เราชอบถ่ายได้เลย
วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
ขอขอบคุณบริษัท Canon ที่ให้เกียรติมอบกล้องให้ได้มาทดสอบกัน ณ โอกาสนี้
[SR] หนึ่งวันตะลุยท่าพระจันทร์ - ท่ามหาราชกับ CANON EOS 80D
รีวิวนี้ผู้เขียนได้รับกล้องมาจากทางบริษัท Canon พร้อมกับ Lens Kit ที่ติดมากับชุดกล้องคือ 18-135 F/3.5-5.6 IS USM เป็นเลนส์ที่พัฒนาระบบมอเตอร์ในการขับเคลื่อนชิ้นเลนส์แบบใหม่เป็น Nano USM โดยความเห็นส่วนตัว ผมว่าตัวเลนส์มีส่วนทำให้ภาพได้สีที่สดใสกว่าเดิม และระบบซูมเข้าหาวัตถุ ทำได้สมูทมากๆ
จุดเด่นที่เห็นชัดๆ จากการทดลองใช้กล้องก็คือ การโฟกัสที่แม่นยำ การให้ค่าสีที่ตรง และเก็บรายละเอียดของเฉดสีได้ดี อาจเป็นเพราะข้อดีของระบบวัดแสงแบบ RGB+IR ที่มีเหมือนในกล้องรุ่น Top ของแคนนอนที่หยิบมาใส่ใน 80D และอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ได้ลองคือ Creative Filter น่าสนใจมากๆ เลยสำหรับกล้องตัวนี้
เริ่มวันกันที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สภาพแสงค่อนข้างจ้ามากเพราะเวลานั้นก็ราวๆ สิบเอ็ดโมงแล้ว แต่ตัวกล้องสามารถให้ภาพแสงไม่จัดเกินไป ตัวเลนส์คิทที่ติดมากับกล้อง ก็ให้โบเก้ที่สวยงามระดับนึงทีเดียว สีหญ้าในสภาพแสงจ้าก็ยังเก็บสีเขียวได้ครบ
จากนั้นเราเดินต่อมาเรื่อยๆเพื่อที่จะไปแลนมาร์คของฝั่งพระนคร นั่นก็คือท่ามหาราช แต่ระหว่างทางเราพบกับแหล่งรวมรถตุ๊กๆ ก็เลยขอ Snap สักหน่อย
ถ่ายไปถ่ายมาฟ้าเริ่มมืด เลยดัน ISO ไปที่ 16000 แต่สิ่งที่เห็น Noise น้อยมาก ความไวของระบบ Focus ที่ไวกว่าเดิม ทำให้สามารถจับจังหวะของภาพได้ดีขึ้น แม้จะเป็นการ Candid
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงท่ามหาราช
ระบบ White Balance ที่ทำงานได้แม่นยำขึ้นกว่าเดิม ทำให้ถ่ายในแสงหลอดไฟส้ม ก็ยังไม่ทำให้หน้าส้มไปทั้งหมด
สามารถโฟกัสได้ใกล้มาก อยากได้คมก็คมได้ใจ อยากได้ละลายก็นวลน่าค้นหา
ตกเย็นเราเดินมาเพื่อเก็บภาพในร่ม ตัวกล้องสามารถตอบสนองกับสภาพแสงน้อยได้อย่างดีเยี่ยม
ได้สีสันที่สดใส ประกอบกับการปรับ White Balance ทำให้ได้อุณหภูมิสีที่ดูเย็นๆ ทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย
ภาพถ่ายโดยการใช้ Creative Filter สามารถทำให้ภาพกลายเป็นภาพ Vintage ได้เพิ่มลูกเล่นให้กับภาพของเราได้มากทีเดียว
อีกตัวหลักที่ทำให้ภาพเหมือนกล้องฟุ้งฟิ้งและดีกว่าก็คือ Creative Filter ที่ชื่อว่า Soft
ส่วนภาพขาวดำก็ทำได้แบบไม่ขัดเขิน
ทีนี้มาถึงจุดเด่นของกล้องตัวนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ การถ่ายภาพในที่มืด จะทำได้ดีขึ้นแค่ไหน เรามาดูกันได้เลยครับ
ดึง ISO ไปจนสูงที่สุดแล้ว ยังให้ภาพที่ Noise น้อย ห่างจากความน่าเกลียดไกลลิบ
ลองในโหมดสปีดชัตเตอร์ต่ำก็ให้ภาพที่ดูน่าสนใจและแสงที่สวยงาม ขึ้นอยู่กับการปรับไวท์บาล๊านซ์ด้วยนะครับ
ภาพอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจ
และผมได้ลองถ่าย VDO ด้วยฟังก์ชั่นของกล้องพวก Creative Filter Movie, HDR Movie และ Time lapse เอามาต่อกันเป็นเรื่องดู ถือว่าใช้งานได้ระดับหนึ่งเลย สำหรับมือใหม่ที่ยังตัดต่อ แต่ไม่เก่งมากก็สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ในงาน VDO ได้เลยครับ
จบแล้วครับ หนึ่งวันที่ผมได้สัมผัสกล้องตัวนี้ นอกจากภาพนิ่งแล้ว การถ่าย VDO ก็ยังทำได้ดีเยี่ยมอีกด้วย ไม่แปลกที่ภาพยนตร์หรือมิวสิควีดีโอส่วนใหญ่จะใช้ Canon
ทีนี้มาถึงข้อมูลทางเทคนิค
• เซนเซอร์ของกล้องตัวนี้ : CMOS, 22.5 x 15 mm/APS-C (1.6x Crop Factor) ความละเอียด 24.2 MP หายห่วงเรื่องรายละเอียดภาพไปได้เลย
• ISO: 100-16000 (100-25600) ที่มืดก็ไม่เป็นอุปสรรคมากเท่าไหร่
• Shutter Speed: 30 - 1/8000 second, Bulb Mode
• ระบบบันทึกวีดีโอ : MOV, MP4, MPEG-4 AVC/H.264 พร้อมทั้งยังมีโหมด HDR, Time lapse
ที่ดีมากเพราะบอกว่าถ่ายกี่รูปและเราต้องรอนานแค่ไหน , SnapVDO และ Creative Filter
ที่ช่วยสร้างทางเลือกในการสร้างสรรค์ผลงานได้ก้างมากขึ้น
• มี Wi-Fi ในตัวสามารถทำงานร่วมกับ Canon Camera Connect ได้เลย
• มีช่องเสียบหูฟัง และจอพับที่ให้ประโยชน์ในการถ่ายภาพในมุมแปลกๆ ได้มากมาย
• น้ำหนัก 750 กรัมเท่านั้น พกพาไปไหนได้ ไม่เมื่อยคอและไหล่
• มีระบบการถ่าย C1, C2 ทำให้บันทึกโหมดที่เราชอบถ่ายได้เลย
วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
ขอขอบคุณบริษัท Canon ที่ให้เกียรติมอบกล้องให้ได้มาทดสอบกัน ณ โอกาสนี้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น