บ้านนี้เมืองนี้มีปัญหาหมักหมม รอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชำระสะสางล้างเช็ดมากมายก่ายกอง
เพราะ “นายกฯบิ๊กตู่” มีอำนาจเบ็ดเสร็จ (ม.44) ควักออกมาใช้ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าวิกฤติจราจรกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทะลวงท่อตัน
เพราะกรุงเทพฯ เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก กำลังเผชิญอภิมหาวิกฤติรถติดหนักสาหัสขึ้นทุกวัน
รถติดวินาศสันตะโรเกินกว่าที่ตำรวจจะรับมือ
“แม่ลูกจันทร์” ดีใจที่ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับวิกฤติจราจรอย่างจริงจัง และได้สั่งกำชับในที่ประชุม ครม.ให้เร่งหามาตรการใหม่ๆเพื่อแก้ปัญหารถติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “พื้นที่กรุงเทพฯรองรับประชากรได้ไม่เกิน 8 ล้านคน แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านคน 12 ล้านคน และในอนาคตจะเพิ่มเป็น 15 ล้านคน 20 ล้านคน
วิกฤติจราจรจะยิ่งหนักขึ้นเป็นทวีคูณ”
ในต่างประเทศมีมาตรการแก้ปัญหา จราจรให้รถทะเบียนเลขคู่กับรถทะเบียนเลขคี่ วิ่งสลับวันกัน
หรือถ้าใครจะซื้อรถใหม่ จะต้องมีที่จอดรถของตัวเอง
นายกฯบิ๊กตู่มองว่า มาตรการแบบนี้ เอามาใช้ไม่ได้กับเมืองไทย
เมืองไทยทุกคนอยากซื้อรถ ทุกคนอยากมีรถส่วนตัว บางคนยังขับรถไม่เป็นก็ซื้อรถใหม่ ตามนโยบายรถคันแรก (ของรัฐบาลนายกฯปู)
นายกฯบิ๊กตู่ ยํ้าว่า รัฐบาลแก้ปัญหาจราจรฝ่ายเดียวไม่ได้ ถ้าประชาชนไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่การจอดรถ การใช้รถใช้ถนน การเคารพกฎจราจร
ถ้ายังคิดแบบเดิม แก้ปัญหาแบบเดิม ปัญหาก็วนอยู่ที่เดิม
“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่ นายกฯบิ๊กตู่ จะเปลี่ยนแนวคิดใหม่ๆ ใช้มาตรการใหม่ๆ เพื่อแก้วิกฤติจราจร กทม.
แต่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ โยนความผิดไปที่นโยบายรถคันแรกเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤติจราจร...ก็ไม่แฟร์
เพราะข้อมูลสถิติสำนักนโยบายขนส่งจราจร (สนข.) ระบุว่า สาเหตุที่เกิดปัญหารถติดหนักในปัจจุบัน
เพราะในปี 2558 (ยุครัฐบาล คสช. เอง) มีรถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นถึง 3.67 แสนคัน
หรือมีรถใหม่ใช้พื้นที่ถนนเพิ่มขึ้น 1,023 คันต่อวัน
เพิ่มมากกว่าปี 2557 ถึง 4.1 เปอร์เซ็นต์
ล่าสุด มีปริมาณรถยนต์ใน กทม.สูงถึง 9 ล้านคัน แต่พื้นที่ถนนใน กทม.สามารถรองรับการจราจรได้เพียง 2.5 ล้านคัน
รถเยอะเกินถนนถึง 4 เท่าตัว อนึ่ง การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนยังทำให้พื้นที่ถนนสายสำคัญต้องหายไปอีก 5 เปอร์เซ็นต์
นี่คือสาเหตุที่เกิดวิกฤติรถติดจั๋งหนับบุเรงนอง
“แม่ลูกจันทร์” กระชุ่น นายกฯบิ๊กตู่ ได้โปรดตัดสินใจใช้อำนาจเบ็ดเสร็จแก้วิกฤติจราจรใน กทม.โดยเร็ว
เพราะปัญหารถติดมีผลกระทบคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯหลายล้านคน
แถมวิกฤติจราจรยังมีผลกระทบเศรษฐกิจครบวงจร
วันนี้วิกฤติจราจร กทม.มาถึงจุดต้องผ่าตัดใหญ่ซะที
ถ้าไม่รีบผ่าตัดใหญ่ซะตอนนี้ อีกไม่นานกรุงเทพฯจะเป็นอัมพาตทั้งเมือง.
“แม่ลูกจันทร์”
http://www.thairath.co.th/content/709199
น่าจะทั้งภาครัฐและภาคประชาชนที่ปล่อยปละละเลยจนปัญหาบานทะโล่แก้ยากจนทุกวันนี้
ปัญหารถติดเกิดจากผู้บริหารที่ขาดวิสัยทัศน์หรือเกิดจากผู้ใช้รถใช้ถนน *** อินทรี ***
เพราะ “นายกฯบิ๊กตู่” มีอำนาจเบ็ดเสร็จ (ม.44) ควักออกมาใช้ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าวิกฤติจราจรกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทะลวงท่อตัน
เพราะกรุงเทพฯ เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก กำลังเผชิญอภิมหาวิกฤติรถติดหนักสาหัสขึ้นทุกวัน
รถติดวินาศสันตะโรเกินกว่าที่ตำรวจจะรับมือ
“แม่ลูกจันทร์” ดีใจที่ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับวิกฤติจราจรอย่างจริงจัง และได้สั่งกำชับในที่ประชุม ครม.ให้เร่งหามาตรการใหม่ๆเพื่อแก้ปัญหารถติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “พื้นที่กรุงเทพฯรองรับประชากรได้ไม่เกิน 8 ล้านคน แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านคน 12 ล้านคน และในอนาคตจะเพิ่มเป็น 15 ล้านคน 20 ล้านคน
วิกฤติจราจรจะยิ่งหนักขึ้นเป็นทวีคูณ”
ในต่างประเทศมีมาตรการแก้ปัญหา จราจรให้รถทะเบียนเลขคู่กับรถทะเบียนเลขคี่ วิ่งสลับวันกัน
หรือถ้าใครจะซื้อรถใหม่ จะต้องมีที่จอดรถของตัวเอง
นายกฯบิ๊กตู่มองว่า มาตรการแบบนี้ เอามาใช้ไม่ได้กับเมืองไทย
เมืองไทยทุกคนอยากซื้อรถ ทุกคนอยากมีรถส่วนตัว บางคนยังขับรถไม่เป็นก็ซื้อรถใหม่ ตามนโยบายรถคันแรก (ของรัฐบาลนายกฯปู)
นายกฯบิ๊กตู่ ยํ้าว่า รัฐบาลแก้ปัญหาจราจรฝ่ายเดียวไม่ได้ ถ้าประชาชนไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่การจอดรถ การใช้รถใช้ถนน การเคารพกฎจราจร
ถ้ายังคิดแบบเดิม แก้ปัญหาแบบเดิม ปัญหาก็วนอยู่ที่เดิม
“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่ นายกฯบิ๊กตู่ จะเปลี่ยนแนวคิดใหม่ๆ ใช้มาตรการใหม่ๆ เพื่อแก้วิกฤติจราจร กทม.
แต่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ โยนความผิดไปที่นโยบายรถคันแรกเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤติจราจร...ก็ไม่แฟร์
เพราะข้อมูลสถิติสำนักนโยบายขนส่งจราจร (สนข.) ระบุว่า สาเหตุที่เกิดปัญหารถติดหนักในปัจจุบัน
เพราะในปี 2558 (ยุครัฐบาล คสช. เอง) มีรถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นถึง 3.67 แสนคัน
หรือมีรถใหม่ใช้พื้นที่ถนนเพิ่มขึ้น 1,023 คันต่อวัน
เพิ่มมากกว่าปี 2557 ถึง 4.1 เปอร์เซ็นต์
ล่าสุด มีปริมาณรถยนต์ใน กทม.สูงถึง 9 ล้านคัน แต่พื้นที่ถนนใน กทม.สามารถรองรับการจราจรได้เพียง 2.5 ล้านคัน
รถเยอะเกินถนนถึง 4 เท่าตัว อนึ่ง การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนยังทำให้พื้นที่ถนนสายสำคัญต้องหายไปอีก 5 เปอร์เซ็นต์
นี่คือสาเหตุที่เกิดวิกฤติรถติดจั๋งหนับบุเรงนอง
“แม่ลูกจันทร์” กระชุ่น นายกฯบิ๊กตู่ ได้โปรดตัดสินใจใช้อำนาจเบ็ดเสร็จแก้วิกฤติจราจรใน กทม.โดยเร็ว
เพราะปัญหารถติดมีผลกระทบคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯหลายล้านคน
แถมวิกฤติจราจรยังมีผลกระทบเศรษฐกิจครบวงจร
วันนี้วิกฤติจราจร กทม.มาถึงจุดต้องผ่าตัดใหญ่ซะที
ถ้าไม่รีบผ่าตัดใหญ่ซะตอนนี้ อีกไม่นานกรุงเทพฯจะเป็นอัมพาตทั้งเมือง.
“แม่ลูกจันทร์”
http://www.thairath.co.th/content/709199
น่าจะทั้งภาครัฐและภาคประชาชนที่ปล่อยปละละเลยจนปัญหาบานทะโล่แก้ยากจนทุกวันนี้