[CR] Review บอกต่อสกินแคร์ที่ใช้อยู่สำหรับคนผิวแพ้ง๊ายง่าย เพื่อกอบกู้รอยแดง และสิวอักเสบ แถมหน้าไม่แห้งกร้านจ้า

สวัสดีเพื่อนๆอีกครั้งจ้าาาาา
ก็ไม่มีไรมาก แค่คนว่างงาน 55555555
เลยอยากจะมารีวิวสกินแคร์ที่ตัวเองใช้อยู่ว่าตัวไหนดีหรือไม่ดียังไง
เผื่อมีเพื่อนๆคนไหนที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายเหมือน จขกท.

นี่คือสกินแคร์ที่เราจะรีวิวจ้าาาา

สำหรับผิวหน้าของเราตอนนี้ก็ยังมีสิวขึ้นบ้างหายบ้าง ประปราย
จึงทำให้มีรอยแดงมารบกวนอยู่เรื่อยๆ คือแบบหน้าดีอาทิตย์เว้นอาทิตย์อะ 555555555
ด้วยความที่เป็นคนแพ้ง่ายมากกกกก แค่โดนฝุ่นโดนลม สิวผดสิวอักเสบก็จะมาเยือนละ
ทำให้การเลือกใช้สกินแคร์ของเรานั้นต้องกลั่นกรองมาเป็นพิเศษ

***การเลือกใช้เซรั่มหรือครีมบำรุงแต่ละตัวจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนนะจ้ะ***

สภาพผิวเรา เป็นผิวผสม มันช่วงทีโซน ผิวแพ้ง่ายและสิวก็ขึ้นง่ายเช่นกัน
ปัจจุบันยังมีรอยแดงจากสิวที่แกะอยู่ ฮ่าๆๆ และมีสิวอุดตันที่หน้าผากประปรายย

ตัวแรก

1.  Amira Argan Oil
ตัวนี้เราใช้มาสักพักแล้วจ้า น่าจะใช้มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ใช้มาทั้งหมด 4 ขวดละ
ไม่รู้ว่าใช้เปลืองไปเปล่า 555555  ตอนนั้นเห็นคนรีวิวเกี่ยวกับออยทาหน้ารักษาสิวและรอยแดง
เราก็เลยศึกษาหาข้อมูลว่าจะใช้แบรนด์ไหนหรือตัวไหนที่เหมาะกับสภาพผิวของเราดี
สุดท้ายก็สอยเจ้า Amira Oil ตัวนี้มา รู้สึกจะมีตัว Argan Oil 100% กับ Argan Plus C
เราซื้อตัวพลัสซีมาจ้า เพราะเห็นว่าช่วยเรื่องหน้ากระจ่างใสและลดรอยแดง
แถมผิวแพ้ง่ายใช้ได้ด้วยจ้าาาา

ส่วนผสมหลัก : Argan oil, Ascorbyl Tetraisopalmitate, O-Cymen-5-OL
ปราศจาก : กำมะถัน บาราเบน และสารจำพวกพลาสติก

สรรพคุณของนางที่เคลมไว้ :
- ลดการอักเสบและการระคายเคืองของผิว
- ผิวขาวกระจ่างใส
- ลดเลือนริ้วรอย และต้านอนุมูลอิสระ
- ซ่อมแซมผิวที่เสียหาย
- รักษารอยสิว รอยดำ และ รอยแดง
- มีส่วนผสมใบมิ้นต์สกัด ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  ป้องกันการเกิดสิวใหม่ ทำให้กลับมาเป็นสิวยากขึ้นอีกด้วย
- ช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพ มีผลทำให้เด้ง นุ่ม น่าสัมผัส เหมือน Baby face
- ลดรอยหมองคล้ำที่เกิดจากแสง UV ดวงอาทิตย์
- เพิ่มประสิทธิภาพของครีมกันแดดของคุณและช่วยเพิ่มการป้องกันผิวหนังสัมผัสกับรังสียูวี

เนื้อสัมผัส :  Argan Oil ตัวนี้จะเป็นน้ำคล้ายๆน้ำมัน แต่ไม่ถึงกับเหลวแบบน้ำ
สีขาวใส มีกลิ่นอ่อนๆคล้ายเมล็ดกาแฟ ไม่รู้คิดไปเองเปล่านะ 55555555
ทาทิ้งไว้สักพักออยล์ก็จะค่อยๆแห้ง

ผลลัพธ์ :  สิวอักเสบค่อยๆยุบตัวลง หรือบางครั้งก็ช่วยให้สิวสุกเร็วขึ้น
ซึ่งจะทำให้สิวหายไว และยังช่วยให้สิวอุดตันบีบออกได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
ส่วนเรื่องรอยแดงจางลงมาก ยิ่งถ้าเป็นแผลใหม่รอยแดงก็ยิ่งหายไว
และไม่ได้ทำให้หน้ามันเพื่ม ไม่อุดตันรูขุมขนด้วยจ้า
ผลลัพธ์ส่วนอื่นๆก็ยังไม่เห็นผลอะไร แต่แค่นี้ก็เป็นปลื้มสุดๆละ

วิธีใช้ : เราใช้ตอนเช้าครึ่งปั๊ม เพราะกลัวหน้ามัน ส่วนกลางคืนใช้ 1 ปั๊ม
วอร์มให้มืออุ่นๆ แล้วทาทั่วหน้า ทิ้งไว้สักพักน้ำมันจะค่อยซึมลงสู่ผิว
แล้วเราจะกดอีก 1 ปั๊มเพื่อทารอยแดงและสิวอักเสบหรือผิวผด
ทางแบรนด์บอกว่าสามารถแต้มที่หัวสิวหรือรอยแดงได้เลย แล้วค่อยๆนวดๆวนๆสักพัก
ซึ่งจะทำให้รอยแดงและสิวอักเสบหายเร็วขึ้น ถ้าใครมีครีมบำรุงหลายตัวให้ทาตัวอื่นก่อน
แล้วใช้ Argan Oil เป็นตัวสุดท้าย และยังสามารถใช้ออยล์ตัวนี้ผสมกับรองพื้นหรือครีมกันแดดได้อีกด้วย
เพื่อเป็นการลดขั้นตอนในการแต่งหน้าให้เร็วขึ้นจ้าาา



2.  SENA Marine Plankton
คือลังเลอยู่ว่าจะซื้อตัวไหนดี ระหว่าง Biotherm กับ SENA
เพราะรู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมาได้ยินคนพูดถึงเจ้าแพลงก์ตอนกันหลายคน
เราก็เลยลองตามหารีวิวอ่าน คือคนที่ใช้แล้วหน้าดีขึ้นก็มีเยอะแต่คนที่ใช้แล้วแพ้มันก็มีเหมือนกัน
และจากการที่เราได้อ่านได้ศึกษาทำให้รู้ว่าแพลงก์ตอนของ Biotherm
กับแพลงก์ตอนของ SENA น่าจะเป็นคนละตัวหรือคนละสายพันธ์กัน
สรุปได้ว่าถึงเราจะใช้ตัวไหน จะแพ้หรือชนะมันก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนอยู่ดี 5555555
เราเลยตัดสินใจว่าจะลองใช้ SENA ดู เพราะนางเป็นแบรนด์ของเกาหลี
น่าจะเหมาะกับผิวคนเอเชียมากกว่า ที่สำคัญราคาถูกกว่าด้วยยย
และฝนฟ้าก็ช่างเป็นใจ เราไปเจอ SENA ที่ EVEANDBOY กำลังลดราคา
จากปกติ 1,490 บาท ลดเหลือ 1,050 บาท จัดซิคะรออัลไลลลล 555555
สิ่งนี้มันทำให้เราตัดสินใจง่ายขึ้นเยอะเลย แต่เราซื้อมาก็ยังไม่ได้แกะใช้เลยนะ
ดองไว้พักนึงอะ เพราะรู้สึกว่าสกินแคร์ที่มีอยู่ยังใช้ไม่หมดเลย
กะว่ารอให้สกินแคร์ตัวอื่นๆหมดไปก่อน ค่อยเริ่มใช้

ส่วนผสมหลัก :  Water/Aqua (ใช้น้ำแร่บริสุทธิ์จากน้ำตกชองบัง บนเกาะเชจู),
Plankton Extract (8%), Butylene Glycol, Tocopherol Acetate (VitaminE),
Sodium Hyaluronate (Hyaluronic Acid), Grandmother Flower (พืชพื้นบ้านของเกาหลี),
สารสกัดจากสาหร่าย 4 สายพันธุ์                                                                                                        

ปราศจาก :  ไม่มีส่วนผสมของแฮลกอฮอล์ และสารกันเสียจำพวก Paraben
ซึ่งลดความกังวลใจในเรื่องของการระคายเคืองได้ระดับหนึ่ง
แต่จะมีส่วนผสมของน้ำหอม เพื่อดับกลิ่นคราวของแพลงก์ตอน
กลิ่นน้ำหอมสกัดมาจากดอกลาเวนเดอร์ ซึ่งมาจากธรรมชาติ ปลอดภัยต่อผิว100%
สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้แต่คุณแม่ตั้งครรภ์ก็สามารถใช้ได้นะจ้ะ
ปล. แต่ถ้าใครแพ้น้ำหอมก็ควรตัดสินใจให้ดีก่อนซื้อนะจ้าาา

สรรพคุณของนางที่เคลมไว้ :
- ช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอยต่างๆ รอยแดงและจุดด่างดำให้ดูลดเลือน
- ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
- ช่วยทำให้ผิวหน้าดูสว่างกระจ่างใสขึ้น
- เพิ่มความหยืดหยุ่นของผิวให้เนียนนุ่ม
- เติมความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้า ลดความแห้งกร้าน
- ปรับสภาพสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ
- ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์

ขอบอกก่อนนะว่าก่อนใช้เราไปเที่ยวทะเลมาเมื่อกลางๆหรือเกือบจะปลายเดือน กค. ที่ผ่านมา
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือหน้ากร้านโลกมากกก แถมยังมีผื่นขึ้นอีก อาจจะมองด้วยตาเปล่าไม่ค่อยชัด
คือต้องมองย้อนแสง ผื่นมาเป็นปื้นนนนนนเลย แถมขึ้นแก้มสองข้างเลยจ้าา
เลยคิดไว้แล้วว่ากลับมาจะลองใช้เซน่า เป็นไงเป็นกัน ถ้าใช้แล้วหายถือว่าโชคดี
แต่ถ้าใช้แล้วไม่หายก็ช่างมัน เพราะคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าผื่นที่อยู่บนหน้าเราตอนนั้นแล้วหล่ะ
ทุกทีก่อนเราจะใช้สกินแคร์ อย่างที่เคยบอก เราจะลองแค่หน้าผากก่อน หรือลองใช้เฉพาะจุด
เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดสิวทั่วใบหน้า แต่ครั้งนี้ใจร้อนจริงจังโบกทั้งหน้าเลยจ้าาาา

เนื้อสัมผัส :  เนื้อเซรั่มจะเป็นน้ำสีขาวใสๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ที่สำคัญเนื้อเซรั่มบางเบาและซึมเร็วมาก ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้บนผิว
สามารถทาสกินแคร์ตัวอื่นทับได้เลยจ้า

ผลลัพธ์ : ตอนนี้ใช้เซน่ามาได้หนึ่งเดือนแล้ววววว ผลที่ได้รับค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจมาก
คือก่อนใช้เราไม่ได้คาดหวังอะไรเลยนะ กะว่าแค่ลองใช้ดูหายก็หาย ไม่หายก็ไปหาหมอ
แต่ใช้ได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ ผื่นยุบลงไปเยอะมากกกก ก็เลยใช้มาเรื่อยๆ
จนตอนนี้รู้สึกได้ว่า รูขุมขนกระชับขึ้นมาก สีผิวไม่ได้ดูขาวขึ้นนะ แต่จะใสขึ้นมากกว่า
ผิวหน้าเนียนละเอียด เพราะจับที่แก้มตัวเองจะรู้สึกได้เลยว่าต่างจากเดิม และผิวหน้าก็ดูแข็งแรงขึ้น
เวลาเราบีบงัดแงะสิวเสร็จ เราจะใช้เซน่าโบกและตบเบาๆลงไปที่ผิวก่อนเลยยย
เพราะนางจะลดการอักเสบของผิวได้ดี ส่วนความชุ่มชื้นก็ดีในระดับนึง
แต่เราว่าใครที่หน้าแห้งหรือหน้าลอกมากๆ เซน่าอาจจะเอาไม่อยู่นะ
และเรื่องผิวหน้าขาวกระจ่างใส ลดรอยแดง ลดจุดด่างดำเราว่ายังไม่เห็นผลเท่าไหร่
อาจจะต้องใช้เวลาสักพักหล่ะมั้งงง แต่แค่นี้ถือว่าดีเกินคาดจ้าาา เพราะไม่ต้องเสียค่ายารักษาผื่น
แต่ตัวนี้หมดแล้วซื้อแน่ๆ และดูท่าทางนางก็หมดเร็วซะด้วยซิ
เพราะเวลาเท SENA ลงมาร์กชีทเปล่าทีไรขวดเบาลงทุ้กกกกที 555555555

วิธีใช้ : เราใช้เช้า - เย็น หลังทำความสะอาดผิวหน้า เขย่าขวดก่อนใช้
ทาเซน่าลงบบฝ่ามือ 3-5 หยด ลูบไร้ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ
แล้วค่อยๆตบเบาๆให้เนื้อเซรั่มซึมลงสู่ผิว หรือจะใช้กับสำลีก็ได้ ใช้เป็นเหมือนกับโทนเนอร์
แต่เราก็ใช้ SENA มาร์กผิวไปในตัวด้วยนะ คือเทเซน่าลงบนมาร์กชีทเปล่าให้ชุ่ม
แล้วทิ้งไว้ 20 นาที เราทำอาทิตย์ละสองถึงสามครั้ง
แต่โดยส่วนตัวแล้วเราว่าการมาร์กหน้า มันเหมือนเป็นการบูทผิวแบบเร่งด่วนอีกวิธีนึง
และน่าจะเห็นผลเร็วกว่า แต่ทำบ่อยไปมันก็เปลืองอะะะะะะ  55555555



3.  It's Skin Power 10 Formula VC Effector
เจ้าตัวนี้เราสอยมาจากเกาหลีจ้าาา คือแค่เห็นสีแพ็คเกจกิ้งก็น่าใช้มากแล้ว
จำได้ว่าตอนนั้นซื้อมาหลายสูตรมาก แต่ก็แจกให้ครอบครัวเป็นของฝากไปหมดแล้ว
ตัวเองเก็บแค่วิตซีไว้สองขวด เป็นขวดเล็กกับขวดใหญ่ ไม่รู้ว่าผิวแพ้ง่ายใช้ได้ไหม
แต่ตอนนั้นหน้ามืดตามัวมากกก ซื้ออย่างเดียว เดี๋ยวไว้ค่อยมาตามอ่านรีวิวทีหลัง
คือตอนนั้นใครจะไปมีอารมณ์อ่านอะเนอะ 5555555555

ส่วนผสมหลัก :  สารสกัดจากวิตามินซีเข้มข้น เพื่อผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
และสารสกัดจาดชาเขียว ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า กระ ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ

สรรพคุณของนางที่เคลมไว้ :  
- ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ อันเป็นสาเหตุของผิวหมองคล้ำ
- ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- กระชับรูขุมขนให้เล็กลง เพื่อผิวเรียบเนียนสดใสยิ่งขึ้น

เนื้อสัมผัส :  เซรั่มเป็นสีขาวใสขุ่นๆ ไม่ข้นและไม่เหลวจนเกินไป มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายๆกลิ่นส้ม

ผลลัพธ์  :  ครั้งแรกเราลองใช้ที่หน้าผากดูก่อน ผ่านไปคืนแรกก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
สิวไม่เห่อหน้าไม่แหก 555555 ก็เลยลองทาทั่วหน้า จำไม่ได้ว่าใช้มานานรึยัง
แต่ที่จำได้คือ ใช้มาเกือบครึ่งขวด แต่ยังไม่เห็นผลอะไรเลย แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น
ขนาดรูขมขนที่ไม่ได้ห่างกันมาก มันยังไม่มาชิดติดกันเลยอะ 555555
ส่วนเรื่องความขาวใส รอยแดง ไม่ต้องพูดถึงคะ ไม่สะถกสะท้านเลย
เราไม่ได้โทษที่สินค้าเค้านะ แต่มันอาจไม่เหมาะกับหน้าเราเองหล่ะ
เพราะคนที่ใช้แล้วดีก็มีเยอะแยะ แต่ที่เห็นว่าใช้เกือบหมดขวด คือเราเอามาทาคอ ฮ่าๆๆๆ

วิธีใช้ :  ใช้เช้า - เย็น  แต่ถ้าใครพรีเซรั่มหรือน้ำตบ ให้ใช้ตัวนี้ทีหลังนะจ้ะ
แต่ตัวนี้ใครอยากลองก็ได้น้า อาจจะเห็นผล เพราะผิวหน้าคนเราไม่เหมือนกัน
และราคาก็ไม่แพงมาก เราซื้อมาตกขวดละ 300 นิดๆจ้าา

สรุปแล้วววว สกินแคร์หลักๆที่เราใช้อยู่ตอนนี้จะมีแค่
Amira Argan Oil กับ SENA Marine Plankton
เพราะสำหรับเราสองนางนี้จะมีหน้าที่ดูแลปัญหาผิวหน้าในคนละด้านกันจ้าาา
บอกได้แค่ว่าถูกใจใช่เลย ฮ่าๆๆ

จบแล้วจ้าาาาากับรีวิวครั้งนี้
คาดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาสกินแคร์ที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว
ที่เหมาะแก่ผู้มีผิวแพ้ง่ายอย่างเราๆ ถ้าเพื่อนสนใจสกินแคร์ตัวไหนก็ลองอ่านและศึกษาหาข้อมูลกันดีๆนะจ้ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ผิดพลาดยังไงก็ติชมกันได้จ้า
ชื่อสินค้า:   Amira Argan oil, SENA Marine Plankton, It's Skin Power 10 Formula VC Effector
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่