ไม่ได้ป่วย แต่...ไม่เหมือนเดิม จากประสบการณ์ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก ระยะ IIA

ตอนที่ 1

ชีวิตดูกำลังจะไปได้ดีในวัย 38  เรามีบ้านหลังแรกด้วยน้ำพัก น้ำแรงคน 2 คน ชีวิตเรียบง่าย ใกล้ ๆ กับริมแม่น้ำบางปะกง  ครอบครัวเล็ก ๆ  ซึ่งมี เรา, แฟนและเจ้าเหมียว 2 ตัวพี่น้อง ที่รับมาจากวัดแห่งนึงในกรุงเทพฯ    เราไม่เคยรู้สึกว่าเราสุขภาพดีมากขนาดนี้มาก่อน  ถึงแม้จะไม่ได้มียิมอยู่ใกล้บ้านที่สามารถเดินทางไปได้สะดวก แต่เราก็จัดหาอุปกรณ์ออกกำลังกายพื้นฐาน  ที่ทำให้เรา 2  คน ได้มีโอกาสออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมากขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยก็ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์  เราได้สูดอากาศดี ๆ ย่านชานเมือง  และไม่ต้องผจญกับรถติดในเมืองหลวง  เรายังมีโอกาสได้ใช้ครัวแบบแม่บ้านเต็มยศ เป็นครั้งแรกในชีวิต

ประมาณเกือบ  1 ปีมาแล้ว ที่เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ (ซึ่งเราละเลย) มีเลือดออกเล็กน้อย ช่วงที่ไม่ใช่ประจำเดือน แต่พอใส่ผ้าอนามัยปุ๊บมันหยุดไหลปั๊บ (สงสัยมันจะกลัวผ้าอนามัย)  มันเล็กน้อยมาก จนไม่ได้รู้สึกว่ามัน คือ ความผิดปกติ  เราจะ  39 แล้วปีนี้  ประจำเดือนคงจะเริ่มมาไม่ปกติเหมือนหลาย ๆ คนที่เรารู้จักมั้ง  มีปวดท้องบ้าง แต่มันก็ไม่ได้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ยังทำทุกอย่าง ออกกำลังกายได้ปกติ   ตรวจสุขภาพประจำปีที่บริษัท ผลไขมันดี ไขมันเลว คลอเรสตอรอล ปกติดี  น้อง  ๆ หลายคนยังอิจฉาว่าเราออกกำลังกายดูฟิต และสุขภาพดี (จากภายนอก)  หลาย ๆ คนในออฟฟฟิศ ก็พากันไปตรวจภายใน และตรวจมะเร็งปากมดลูกเพิ่มเติม แต่สำหรับเรามองว่าไม่น่าจะจำเป็น  ตรวจภายในเหรอ เคยได้ยินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยได้ยินใครพูดว่า ต้องตรวจ  เรามักได้ยินคำว่า ควรตรวจ แนะนำให้ตรวจ ซะมากกว่า….ชั่งมันเถอะ

ปลายเดือนพ.ค.  2559  เราตัดสินใจอยากซื้อประกันชีวิต และประกันสุขภาพดี ๆ ซักเล่ม  แอบใช้ชีวิตอยู่ในบนความเสี่ยงมาตลอดเกือบ  40 ปี เนื่องจากว่าเรามีประวัติเป็นไทรอยด์เป็นพิษเมื่อหลายปีก่อน บริษัทประกันจึงอยากให้เราไปตรวจซ้ำก่อนที่เค้าจะอนุมัติ  แต่ 2 วันก่อนหน้านั้น เรามีอาการตกเลือดค่อนข้างมาก ทำให้เราตกใจอยู่พอสมควร แต่ก็ไร้ซึ่งความเจ็บปวด (จริง ๆ เราคงจะมีอาการปวดท้องอยู่บ้าง แต่เพราะว่าเราออกกำลังกายสม่ำเสมอ จึงมองว่าเป็นอาการของการใช้ร่างกายมากเกินไปมากกว่า) มันคงจะเป็นประจำเดือน  แต่มันก็มาแค่วันเดียวเอง  เอ…ยังไงหว่า?  วันนี้มาตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะให้บริษัทประกัน  ตรวจภายในไปด้วยเลยละกัน  ตกขาวเรามีกลิ่นซะด้วยซิ  สงสัยน้ำที่สระเมื่อเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาที่เสียมเรียฐคงต้องสกปรก และมีเชื้อโรคแน่ ๆ เลย   และเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อนหน้านั้น ตกขาวก็แสบและคันมาก

ผลตรวจเลือดและปัสสาวะสำหรับไทรอยด์และอื่น ๆ ที่บริษัทประกันต้องการออกมาปกติดี  แต่…คุณหมอสูติ โรงพยาบาลเทพธารินทร์ แสดงความกังวลกับการตรวจภายในของเราอย่างมาก เพราะแค่คุณหมอสอดอุปกรณ์เข้าไปเบา ๆ  เราก็เลือดไหลออกมามาก  ไม่เจ็บ ไม่ปวด แต่ เลือดมาจากไหน?  และหลังจากวันนั้นเราก็มีเลือดสีจาง ๆ  ออกมาเปรอะกางเกงชั้นในทุกวัน คุณหมอให้ทำการตรวจ Pap Smear และจะส่งผลไปให้เป็นอีเมล์  ในวันถัดมา เราเข้าไปพบคุณหมออีกครั้ง  ครั้งนี้คุณหมอขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณปากมดลูกและส่งตรวจ Biopsy ด้วย และให้เข้ามาฟังผลกับคุณหมอในเสาร์ที่จะถึง  ผล Pap Smear พบว่ามีเซลส์ผิดปกติ แนะนำให้พบแพทย์ทันที  เดี๋ยวเราก็จะเจอคุณหมอเสาร์นี้แล้วเพื่อฟังผล Biopsy  ความกังวลเริ่มเข้ามา เราเป็นอะไร?  เราจะป่วยมากหรือป่าว?  ถ้าเราป่วย จะต้องรักษานานแค่ไหน  แล้วเราจะเอาเงินค่ารักษามาจากที่ไหน? เรามีภาระบ้านที่เพิ่งจะผ่อนมาได้แค่ปีเดียว  รถยนต์อีกหล่ะ? หนี้สิน และแมว 2 ตัว?

“อย่างที่หมอบอกตอนแรก ผลออกมาเป็นเนื้อร้ายนะ จะรักษาที่นี่ไหม๊” เราเป็นมะเร็งปากมดลูก คุณหมอยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นระยะที่เท่าไหร่ เพราะต้องมีการตรวจอีกหลายอย่าง  เราเลือกที่จะไปเริ่มต้นการรักษาที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ที่ ๆ เรามีประกันสังคมอยู่  การวางแผนซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพต้องสิ้นสุดลงเพราะผล Biopsy  เราร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำอีก  รู้สึกว่าโชคชะตาช่างเล่นตลกกับเราได้ถึงเพียงนี้  แต่แล้วเราก็ต้องเดินหน้าต่อ  ใช้เวลาประมาณ  2 อาทิตย์เดินเข้าเดินออกโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท เพื่อตรวจเช็คว่ามะเร็งได้ลุกลามไปจุดอื่นๆ  หรือไม่ การตรวจเริ่มตั้งแต่ การตรวจเลือด,  X-Ray ปอด,  ตรวจการทำงานของไต, ตรวจคลื่นหัวใจ,  การส่องกล้องเพื่อตรวจว่ามีการลามไปยังกระเพาะปัสสาวะหรือไม่ และตรวจหาการลุกลามไปยังบริเวณทวารหนัก  ผลตรวจออกมาปกติดี ทำให้เราโล่งอก และแอบมีความหวังเล็ก ๆ ว่าเราคงจะเป็นระยะเริ่มต้น เท่านั้น   โรงพยาบาลไม่มีศักยภาพที่จะรักษาเรา และได้ทำการส่งตัวเราไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระเทพรัตนสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี องครักษ์  ซึ่งเราก็ยอมรับด้วยความยินดี เพียงเพื่อที่ว่าเราจะได้ใช้สิทธิประกันสังคม และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย  แต่เมื่อกลับมาทบทวนแล้วในเรื่องการเดินทาง มันมีความลำบากทั้งต่อตัวเอง และคนที่ใกล้ชิด  1 อาทิตย์ก่อนที่เราจะตัดสินใจไปยังโรงพยาบาลที่ได้รับการส่งตัวไป เราได้รับคำแนะนำจากเพื่อนและคนรู้จักให้ลองโทรไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี  

ตอนนี้คือเดือนมิถุนายนแล้ว คิวพบคุณหมอเร็วสุดคือเดือนสิงหาคม ซึ่งเรารอไม่ได้อีกแล้ว  เราลอง Google และพบคลีนิคพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เราลองโทรไปแต่ในใจก็รู้สึกว่ายอมรับโชคชะตาที่ต้องเดินทางไปรักษาตัวที่องครักษ์แล้ว  เจ้าหน้าที่แจ้งว่าคุณหมอพงษ์เกษฒ  วรเศรษฐสิน มีคิวว่างในอีก 2 วันข้างหน้า เรานัดหมายกับเจ้าหน้าที่ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวัง  เลือดสีจาง ๆ หายไปแล้ว เรารวบรวมผลตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ ใส่ในแฟ้มให้ดูเรียบร้อย และถือไปยังโรงพยาบาลจุฬา เพื่อพบคุณหมอพงษ์เกษม เพียงคนเดียว... เราไม่เคยป่วยหนัก และไม่เคยคิดว่าการที่เราต้องมาฟังผลว่าเราเป็นมะเร็งระยะไหน จำเป็นต้องมีคนมาเป็นเพื่อนด้วย เราเข้มแข็ง และอยู่ด้วยตัวเองมาตลอด  เราแต่งหน้าเหมือนทุกวัน หน้าตาสดใส และคิดเสมอว่าเราไม่ได้ป่วยหนัก แค่ผ่าตัด 3-4 วันก็คงจะหายแล้ว เราคิดว่าเรายังมีโอกาสมีลูก มีลูกซักคน แล้วค่อยกลับไปรักษา  มันจะเป็นไปได้หรือป่าวนะ? คุณหมอหยอกว่าเราดูสวยเกินกว่าจะเป็นคนป่วย  เรายื่นแฟ้มให้คุณหมอดู  คุณหมอทำการตรวจภายใน บรรยากาศเปลี่ยน ความรู้สึกเปลี่ยน เมื่อคุณหมอพูดว่า “อืมม นี่เราระยะสองแล้วนะ มันลามไปข้างในแล้ว” เราได้ยินเสียงเลือดปริมาณมากพอสมควรสาดลงไปที่พื้นเมื่อคุณหมอดึงมือออกมา  เราก้มมองดูขาตัวเองที่มีเลือดไหลเป็นทางตามขา เราเช็ดขาด้วยกระดาษทิชชู ดึงกางเกงชั้นในขึ้น ตัวเริ่มชาแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา…เราจะไม่มีโอกาสมีลูกแล้ว  แล้วเราจะตายไหม๊?  คุณหมอเขียนบันทึก CA Cervix IIA แล้วแจ้งว่าจะส่งตัวเราต่อไปให้คุณหมอชลเกียรติ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  โรงพยาบาล สุขภาพกาย โรคมะเร็ง แพทย์ ประกันสุขภาพ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่