[NO - SPOIL] ถ้าคิดจะบินต้องไปให้สุด บินไปกับ Eddie the Eager

ขอบคุณจากหัวใจชายอายุ 25 ผู้ซึ่งกำลังฝึกเล่นกีต้าร์ ฝึกจนนิ้วชาก็ยังกระโหลกกะลาเหมือนเดิม . . . ถึงผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับ Michael Eddie Edwards คนนี้ครับ




          ผม พนักงานเงินเดือนธรรมดา ผู้มีความไฝ่ฝันที่จะได้ขึ้นไปดีดกีต้าร์ร้องเพลงตามร้านกลางคืนสักครั้ง เมื่อนึกอย่างนั้นแล้วก็หยิบกีต้าร์โปร่งที่ตั้งอยู่ ณ มุมมืดของห้องขึ้นมา พยายามบรรเลงให้เป็นเพลง [ เพลงแพ้ทาง - LABANOON ] ดีดตั้งแต่เช้ายันตี 1 ตี 2 มาหลายวันแล้ว เล่นอยู่คอร์ดเดียว เพื่อนบ้านคงเล็งปืนมาที่ผมแล้ว ผมจึงหยุดเล่นก่อน มานอนพักเอาแรงที่จะให้ชีวิตในวันต่อไป ระหว่างนอนก็คิด " หรือเราไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้ " นึกแล้วก็ท้อใจ



          จนมาวันนี้นึกครึ้มยังไงชอบกล จากที่ผมชอบดูหนังแนวระทึกขวัญสั่นประสาท หรือด้วยจิตใจอันบอบช้ำหรืออะไรก็ตามแต่ ผมก็ได้มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ครับ


Eddie the Eagle


          อันที่จริงผมนึกว่าเป็นหนังตลกเพราะภาพโปรโมทดูเล่นสีสันต์เยอะแท้ แต่พอได้รับชมไปเรื่อยๆ มันก็เป็นหนังตลกนะ แต่ไม่ตลกโปกฮา แต่เป็นตลกที่ว่าด้วยชีวิตของคนเรา ผมมองว่าชีวิตของเราเป็นเรื่องตลกนะที่ว่าปลายทางอาจจะไม่ได้เหมือนสิ่งที่เราคิดตั้งแต่ต้นทางก่อนที่เราจะก้าวเท้าก้าวแรกแต่เราก็ยังมีความสุขได้กับผลลัพธ์นั้น หรืออาจจะมีความสุขมากกว่าที่เราคาดคิดไว้ด้วยซ้ำ ขอแค่ลงมือทำให้มันประสบผลสำเร็จ เหมือนที่ผมจ่าหัวข้อไว้ว่า ถ้าคิดจะบินต้องไปให้สุด บินไปกับ Eddie the Eager ซึ่ง Eddie เป็นตัวเอกของเรื่องนี้ครับ [ Eddie Edwards ] ผู้ที่มีความไฝ่ฝันอยากไปแข่งโอลิมปิก ซึ่งเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มากนะเมื่อเทียบกับการเล่นกีต้าร์ของผม . . .

          หนังเรื่องนี้ได้แสดงถึงชีวิตคนเราได้ดีเลยครับ คนเราชอบมองผลลัพธ์ อยากเป็นอย่างนั้น อยากเป็นสิ่งนี้ อยากรวย อยากมีธุรกิจส่วนตัวที่มั่นคง อยากมีครอบครัว มีลูก และชีวิตการงานที่ดี อยากเล่นกีต้าร์แก่งๆและนั่งร้องเพลงอยู่ในร้านกลางคืน . . . แต่เราขาดความพยายาม ต่างจาก Eddie ผู้ซึ่งมีความพยายามเปี่ยมล้น ลองผิดลองถูกกับสิ่งที่ตัวเองชอบและไม่ชอบจนพบหนทางนั่นคือการได้เข้าร่วมทีมโอลิมปิกกีฬาสกีกระโดดและพร้อมที่จะบินทยานออกไปไปถึงเส้นชัย และใจความสำคัญไม่ได้อยู่ที่เราจะถึงเส้นชัยหรือไม่ แต่อยู่ที่เราให้ความรัก มุ่งมั่นและใส่ใจกับสิ่งที่เราทำแค่ไหนนั่นเองที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ

          Eddie จะไม่ประสบความสำเร็จเลยถ้าขาดโค้ชของเขาเอง [ Chuck Berghorn ] เรื่องนี้ได้แสดงการเปรียบเทียบเอาไว้ระหว่างคนที่มีความพยายาม กับคนที่มีพรสวรรค์แต่ขาดระเบียบวินัย คนที่มีพรสวรรค์แต่ขาดวินัยก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ได้ แต่ถ้าไม่มีพรสวรรค์แต่หมั่นฝึกฝน พยายาม ก็ยังมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้เทียบเท่าคนที่มีพรสวรรค์เหมือนกัน



          ผมว่าเรื่องนี้อาจให้ข้อคิดในแง่มุมอื่นๆ กับเพื่อนๆลายๆคนนะครับ สำหรับผมหลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ผมว่าจะกลับไปดีดกีต้าร์ให้ข้างบ้านหูแตกกระจาย จะพยายามไม่มองไปถึงปลายทางมากนัก แต่จะทำมันอย่างมีความสุข และสนุกไปกับมันดีกว่า เพื่อนๆคนไหนมีมุมมองที่จะพูดคุยหรือชี้แนะเชิญได้เลยครับผม



The most important thing in the Olympic games is not winning but taking part. The essential thing in life is not conquering but fighting well.



Michael Eddie Edwards


ปล. เขียนครั้งแรกอาจมีผิดพลาดประการใดทั้งปวง ศิษย์พี่ช่วยชี้ทางศิษย์น้องด้วยครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่