ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 35 ป้อมปราการ ท่าเรือเมืองโคลอน และกรุงปานามาซิตี้ ปานามา
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=SZW-YB17jd4&index=81&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
https://www.youtube.com/watch?v=FHGUhzdZabw&index=82&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
https://www.youtube.com/watch?v=uIvuwZl2kQU&index=83&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
We had our fried rice and worked on our smart-phone while waiting for the time to get on the bus again. When the driver called us, everyone was ready on the bus 😉 😉 😉 😉 😉
At 18.45 the bus reached the border. We got off the bus without luggage because nobody took. But after getting stamped, everyone took theirs from the storage beneath. So we got on the bus to bring ours. But the bus-driver did not allow. And a guy tried to tell us that we did not have to. We followed a group that we did not know they were from another bus. Then a beautiful girl came and told us to get out of the group. They're waiting for entering. Most passengers from the same bus were ahead to Panama Immigration. Finally, we knew that she was the guy's girlfriend.
Then it's time to bring our luggage. And we did. Then followed other passengers. When everyone was in the room, the inspector told to close the door. And he checked the names one by one. When I saw his trying to pronounce "S", I pronounced my name and said "Present". Everyone laughed. And again when he tried to pronounce Uncle's name, I told him. Everyone smiled.
Then another officer came to give out the arrival form and said something. While I was writing, a girl standing near us told me to wait and look at her what she was writing. She thought I could not fill out the form. And the man told to fill after he had told what one had to write in each blank.
That meant there're helpful people everywhere in this world 😁 😁 😁 😁 😁
เหนื่อยมั้ยคะตัองอ่านภาษาอังกฤษสลับ 😉 😉 😉 😉
เมืองแรกของปานามา คือ Palma Norte ต่อมาเป็น Paso Canous และ Santiago de Veraguos สุดท้าย คือ ปานามาซิตี้ ที่ Ciudad
อังคาร 19 ก.ค..... บังเอิญรถถึงท่ารถ คิวแดด (Ciudad) เร็วกว่ากำหนด 2 ชม. ตอนนี้เพิ่ง 03.30 น. เราต่อรถไปโคลอน (Colon) ได้เลย เพราะมีรถจอดรออยู่แล้ว .... แค่ลงจากบันได ถามรปภ. ที่ยืนอยู่แถวนั้น พวกเขาก็ชี้รถแดงที่จอดอยู่ คนที่ยืนเรียกผู้โดยสาร โข่โล้นๆ ก็เอาบัตรแต๊บให้เราออกจากที่กั้นทีละคน....บนรถมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่มาก....กว่ารถจะออก ป้าก็พิมพ์ได้ประมาณหนึ่ง....ค่ารถไปโคลอนคนละ $ 3.40
ถึงโคลอนเวลา 05.00 น. ป้าเพิ่งรู้ว่า เวลาที่ปานามา ต้องหมุนเข็มนาฬิกา เพิ่มอีก 1 ชม. แสดงว่า ตอนที่รถเข้าคิวแดด เป็นเวลา 04.30 น. เข้าก่อนเวลาแค่ 30 นาที 😉 😉 😉 😉
พอเอารูปป้อม Fort Las Lorenzo ถามคนขับรถ เขาเรียก คนไร้บ้านที่นอนอยู่แถวนั้นไปส่ง เขารีบใส่เสื้อแล้วพาเราไป ที่ท่ารถ พอถึงรถ เขาก็แบมือ ป้าให้เศษเงินไป....
รถวิ่งออกนอกเมืองผ่านบ้านเรือน ที่เป็นชุมชนเหมือนชนบทบ้านเรา ถนนที่รถสวนกันแบบระมัดระวัง ข้างถนนสึกเพราะน้ำขัง...ผู้คนส่วนใหญ่ผิวดำ ตัวสูง ใหญ่ บ้าง สูง ใหญ่ และอ้วนบ้าง รถต้องแข็งแรงมากๆ จึงรับน้ำหนักได้ไม่อั้น...บางคนสูงมาก ต้องก้มและค้อมตัวเดินบนรถ ทั้งๆ ที่เพดานบนรถก็สูงอยู่แล้ว...วิ่งไปเกือบชั่วโมงก็เลียบริมฝั่งทะเล และถึงปลายทางในที่สุด...ค่ารถคนละเท่าไรก็ไม่รู้ ป้าเห็นคนอื่นจ่ายสูงสุดแค่ $1 แต่ป้าให้ใบ $1 ไป 1 ใบ กับเหรียญอีก 1 กำมือ จะให้เขาหยิบเอาเอง เขาเอาไปหมด เหลือเหรียญเซ็นต์ไว้ 2 เหรียญ 😣 😣 😣 😣 😣มันเป็นป้อม และท่าเรือ ที่ขื่อ Obelo ไม่ใช่ Lorenzo🙄🙄🙄🙄🙄
แต่เราก็ไม่ได้ผิดหวัง เพราะป้อมนี้ กว้างใหญ่ ยาวตามแนวท่าเรือ มีปืนใหญ่สนิมเขรอะ เป็นร้อยกระบอก อาคารที่ทำการเก่ามาก เราทำเป็นเนียน เข้าไปถ่ายรูปในโพรงที่ค่อนข้างมิดชิด แต่ความจริงแอบเข้าไป ปลดทุกข์ เพราะมันไม่ไหวจริงๆ แต่เราให้น้ำซึมลงดิน พอฝนตกลงมา ลิ่นก็หาย 😉 😉 😊 😊 😊
นอกจากป้อมโบราณ ท่าเรือ แล้วยังมีโบสถ์เก่าแก่ ชื่อ Iviva Jesus Nazareno ขนาดยังเช้าอยู่ ก็มีคนเข้าไปขอพรในโบสถ์ เหมือนกัน ดูเหมือนว่า ที่นี่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะมีร้านค้า ของที่ระลึก และร้านอาหาร ที่กำลังเปิดร้านอยู่หลายร้าน และที่ป้อมก็กำลังปรับปรุง มีจนท. กำลังอธิบายงาน บางคนกำลังขัด แซะ ซอก ทำความสะอาดอยู่....
ตอนก่อนที่เราจะไปท่ารถ.เราเจอสาวฝรั่ง 2 คน แบกเป้ลงจากรถโคลอน หมือนเรา ป้าถามว่า พวกเธอจะไปป้อมลาส ลอเรนโซ กันไหม พวกเธอตอบว่า ยังไม่ได้คิด แต่พอเราขึ้นรถ พวกเธอก็ตามเราไป และลงรถพร้อมเราอีก...แต่เราไม่ได้ใส่ใจ...เราก็เที่ยวตามประสาเรา...นั่งกินข้าว ข้างๆ โบสถ์ มีนกแร้งสีดำ นั่งดูเราอยู่บนหลังคา...แต่ที่ริมทะเล มีเป็น 10 ตัว...
ก่อนกลับออกไป เราถามจนท.เรื่องการเดินทางไปป้อมลอเรนโซ่ พวกเขาบอกว่า ต้องนั่งแท็กซี่ที่ตัวเมืองโคลอน ไปลงเรือสำราญเท่านั้น จึงจะไปเที่ยวที่นั่นได้....ขากลับเราเผอิญ เห็นรางรถไฟ เราจึงขอให้คนขับส่งเราลงที่สถานีรถไฟ กะว่า จะนั่งรถไฟ กลับไปปานามาซิตี้...เขาส่งเราลงด้านตรงข้ามสถานี...ค่ารถคนละ $1.9 กว่าจะข้ามไปได้ ก็ต้องยืนกลางแดด นานหลายนาที เพราะไม่มีทางม้าลาย และรถวิ่งเร็วมาก🙄🙄🙄🙄
ข้ามไปแล้วก็ยังเข้าสถานีไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลาออก เช็คข้อมูลมาแล้ว รถจะออกเวลา 16.30 น. ค่ารถ $25 ต่อคน แพงมาก สำหรับเรา และเราไม่มีเวลามากขนาดนั้น😎😎 😍😍
กว่าจะข้ามถนนกลับไปได้ ใช้เวลานานกว่าเดิมหลายเท่า เดินไปเรื่อยๆ ข้ามถนนไปที่สวนสาธารณะริมถนน ลุงอยากให้เอาอาหารออกมากิน จะได้ไม่ต้องแบกต่อ ปรากฏว่า นั่งนานไม่ได้ เพราะกลิ่นอุนจิแรงมาก ก็อยากไม่มีห้องน้ำสาธารณะ ที่ไหนเลย...แต่ก็มีคนนั่งกินอาหาร และพักผ่อนอยู่หลายคน จมูกของพวกเขาและเธอคงชินแล้ว😉😉😉😉
เราเดินไปที่ท่ารถ ขึ้นรถบัสแทนรถไฟ ค่ารถคนละ $1.9 ถูกกว่า ขาไปอีก🙄🙄🙄😏
เราลงรถพร้อมมาดามคนหนึ่งที่ป้ายข้างบนสนามเทนนิส ก่อนถึงสะพานลอย ข้ามฟากไปย่านสถานที่ราชการ...เธอจะเรียกแท็กซี่ให้...แต่เราขออยู่แถวนั้นก่อน... ได้นั่งกินข้าว ตรงร้านขายของที่เขาไม่มาขาย
เราถามหาทางไปที่พัก โดยเดินข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม ที่มองเห็นว่า ต้องเดินขึ้นไปด้านบนเขา....
เดินเฉียดสถานที่ราชการไป มองหาห้องน้ำไม่มี หาที่ปลดทุกข์อีกแล้ว คราวนี้เป็นมุมลับตา ที่ลานจอดรถ ที่มีรถจอดแบบไม่มีช่องว่าง ก่อนจะออกไปอีกถนนหนึ่ง โดยเดินขึ้นเขาไป เจอมหาวิทยาลัยปานามา ลงเขาไปด้านที่เยื้องกัน เป็นโบสถ์ Iglesia El Carmen แล้วเดินข้ามถนนไปขึ้นรถเมโทร ที่สถานี Estacion Iglesia El Carmen ไปที่สถานี Estacion Santo Tomas แค่สถานีเดียว ค่าบัตร $2 ค่ารถคนละ $1.8 ออกจากสถานี เดินวนหาที่พัก 2 ชม. โชคดีเจอคุณ Marta Estila Muriz Cenuel พยายาลที่มีจิตบริกาiเต็มร้อย หาทางพามาส่งจนเกือบถึงที่
เธอบอกว่า โรงพยาบาลของฉัน คือ โรงพยาบาล ของคุณ เธออยู่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แต่เธอบอกว่า มันเป็นโรงพยาบาล ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เธอภูมิใจมาก และเธอบอกว่า เธอมีเพื่อนเป็นคนไทย 1 คน เจอกันบนเรือสำราญ ดูจากลักษณะการแต่งกายในภาพ เหมือนคนทำงานบนเรือ...
โรงแรม Cibeles อยู่ถัดจากย่านโรงพยาบาล และคลินิก อยู่ก่อนถึงสถานี Estacion Santo Tomas อยู่ใกล้ทะเล...เราโชคดีมาก พอเช็คอินเสร็จ ฝนก็เทลงมา แบบลืมหูลืมตาไม่ขึ้น😍😍😍😍😍
เย็นนี้ ป้าเดินไปสำรวจมาริมทะเลมาแล้ว แต่ลุงไม่ยอมไปด้วย ฝนตกเล็กน้อย เซลฟีมาก่อน เผื่อว่า พรุ่งนี้เวลาไม่พอ ย่านนี้เป็นย่าน ที่เงียบสงบ และสวยงามของปานามาซิตี้ ทีเดียว...ค่าโรงแรม คืนละ $33 มีอาหารเช้า ห้องไม่กว้างมากนัก แต่อยู่สบาย เพราะมีแอร์😊😊😊😊😊แต่แทบจะหาสัญญาณเน็ตไม่ได้....เราต้องลุกขึ้นมาทำงานกันตอนหลังเที่ยงคืน
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ เมกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26ประเทศ74วัน ตอน35 ป้อมปราการ ท่าเรือโคลอน ปานามาซิตี
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=SZW-YB17jd4&index=81&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
https://www.youtube.com/watch?v=FHGUhzdZabw&index=82&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
https://www.youtube.com/watch?v=uIvuwZl2kQU&index=83&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
We had our fried rice and worked on our smart-phone while waiting for the time to get on the bus again. When the driver called us, everyone was ready on the bus 😉 😉 😉 😉 😉
At 18.45 the bus reached the border. We got off the bus without luggage because nobody took. But after getting stamped, everyone took theirs from the storage beneath. So we got on the bus to bring ours. But the bus-driver did not allow. And a guy tried to tell us that we did not have to. We followed a group that we did not know they were from another bus. Then a beautiful girl came and told us to get out of the group. They're waiting for entering. Most passengers from the same bus were ahead to Panama Immigration. Finally, we knew that she was the guy's girlfriend.
Then it's time to bring our luggage. And we did. Then followed other passengers. When everyone was in the room, the inspector told to close the door. And he checked the names one by one. When I saw his trying to pronounce "S", I pronounced my name and said "Present". Everyone laughed. And again when he tried to pronounce Uncle's name, I told him. Everyone smiled.
Then another officer came to give out the arrival form and said something. While I was writing, a girl standing near us told me to wait and look at her what she was writing. She thought I could not fill out the form. And the man told to fill after he had told what one had to write in each blank.
That meant there're helpful people everywhere in this world 😁 😁 😁 😁 😁
เหนื่อยมั้ยคะตัองอ่านภาษาอังกฤษสลับ 😉 😉 😉 😉
เมืองแรกของปานามา คือ Palma Norte ต่อมาเป็น Paso Canous และ Santiago de Veraguos สุดท้าย คือ ปานามาซิตี้ ที่ Ciudad
อังคาร 19 ก.ค..... บังเอิญรถถึงท่ารถ คิวแดด (Ciudad) เร็วกว่ากำหนด 2 ชม. ตอนนี้เพิ่ง 03.30 น. เราต่อรถไปโคลอน (Colon) ได้เลย เพราะมีรถจอดรออยู่แล้ว .... แค่ลงจากบันได ถามรปภ. ที่ยืนอยู่แถวนั้น พวกเขาก็ชี้รถแดงที่จอดอยู่ คนที่ยืนเรียกผู้โดยสาร โข่โล้นๆ ก็เอาบัตรแต๊บให้เราออกจากที่กั้นทีละคน....บนรถมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่มาก....กว่ารถจะออก ป้าก็พิมพ์ได้ประมาณหนึ่ง....ค่ารถไปโคลอนคนละ $ 3.40
ถึงโคลอนเวลา 05.00 น. ป้าเพิ่งรู้ว่า เวลาที่ปานามา ต้องหมุนเข็มนาฬิกา เพิ่มอีก 1 ชม. แสดงว่า ตอนที่รถเข้าคิวแดด เป็นเวลา 04.30 น. เข้าก่อนเวลาแค่ 30 นาที 😉 😉 😉 😉
พอเอารูปป้อม Fort Las Lorenzo ถามคนขับรถ เขาเรียก คนไร้บ้านที่นอนอยู่แถวนั้นไปส่ง เขารีบใส่เสื้อแล้วพาเราไป ที่ท่ารถ พอถึงรถ เขาก็แบมือ ป้าให้เศษเงินไป....
รถวิ่งออกนอกเมืองผ่านบ้านเรือน ที่เป็นชุมชนเหมือนชนบทบ้านเรา ถนนที่รถสวนกันแบบระมัดระวัง ข้างถนนสึกเพราะน้ำขัง...ผู้คนส่วนใหญ่ผิวดำ ตัวสูง ใหญ่ บ้าง สูง ใหญ่ และอ้วนบ้าง รถต้องแข็งแรงมากๆ จึงรับน้ำหนักได้ไม่อั้น...บางคนสูงมาก ต้องก้มและค้อมตัวเดินบนรถ ทั้งๆ ที่เพดานบนรถก็สูงอยู่แล้ว...วิ่งไปเกือบชั่วโมงก็เลียบริมฝั่งทะเล และถึงปลายทางในที่สุด...ค่ารถคนละเท่าไรก็ไม่รู้ ป้าเห็นคนอื่นจ่ายสูงสุดแค่ $1 แต่ป้าให้ใบ $1 ไป 1 ใบ กับเหรียญอีก 1 กำมือ จะให้เขาหยิบเอาเอง เขาเอาไปหมด เหลือเหรียญเซ็นต์ไว้ 2 เหรียญ 😣 😣 😣 😣 😣มันเป็นป้อม และท่าเรือ ที่ขื่อ Obelo ไม่ใช่ Lorenzo🙄🙄🙄🙄🙄
แต่เราก็ไม่ได้ผิดหวัง เพราะป้อมนี้ กว้างใหญ่ ยาวตามแนวท่าเรือ มีปืนใหญ่สนิมเขรอะ เป็นร้อยกระบอก อาคารที่ทำการเก่ามาก เราทำเป็นเนียน เข้าไปถ่ายรูปในโพรงที่ค่อนข้างมิดชิด แต่ความจริงแอบเข้าไป ปลดทุกข์ เพราะมันไม่ไหวจริงๆ แต่เราให้น้ำซึมลงดิน พอฝนตกลงมา ลิ่นก็หาย 😉 😉 😊 😊 😊
นอกจากป้อมโบราณ ท่าเรือ แล้วยังมีโบสถ์เก่าแก่ ชื่อ Iviva Jesus Nazareno ขนาดยังเช้าอยู่ ก็มีคนเข้าไปขอพรในโบสถ์ เหมือนกัน ดูเหมือนว่า ที่นี่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะมีร้านค้า ของที่ระลึก และร้านอาหาร ที่กำลังเปิดร้านอยู่หลายร้าน และที่ป้อมก็กำลังปรับปรุง มีจนท. กำลังอธิบายงาน บางคนกำลังขัด แซะ ซอก ทำความสะอาดอยู่....
ตอนก่อนที่เราจะไปท่ารถ.เราเจอสาวฝรั่ง 2 คน แบกเป้ลงจากรถโคลอน หมือนเรา ป้าถามว่า พวกเธอจะไปป้อมลาส ลอเรนโซ กันไหม พวกเธอตอบว่า ยังไม่ได้คิด แต่พอเราขึ้นรถ พวกเธอก็ตามเราไป และลงรถพร้อมเราอีก...แต่เราไม่ได้ใส่ใจ...เราก็เที่ยวตามประสาเรา...นั่งกินข้าว ข้างๆ โบสถ์ มีนกแร้งสีดำ นั่งดูเราอยู่บนหลังคา...แต่ที่ริมทะเล มีเป็น 10 ตัว...
ก่อนกลับออกไป เราถามจนท.เรื่องการเดินทางไปป้อมลอเรนโซ่ พวกเขาบอกว่า ต้องนั่งแท็กซี่ที่ตัวเมืองโคลอน ไปลงเรือสำราญเท่านั้น จึงจะไปเที่ยวที่นั่นได้....ขากลับเราเผอิญ เห็นรางรถไฟ เราจึงขอให้คนขับส่งเราลงที่สถานีรถไฟ กะว่า จะนั่งรถไฟ กลับไปปานามาซิตี้...เขาส่งเราลงด้านตรงข้ามสถานี...ค่ารถคนละ $1.9 กว่าจะข้ามไปได้ ก็ต้องยืนกลางแดด นานหลายนาที เพราะไม่มีทางม้าลาย และรถวิ่งเร็วมาก🙄🙄🙄🙄
ข้ามไปแล้วก็ยังเข้าสถานีไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลาออก เช็คข้อมูลมาแล้ว รถจะออกเวลา 16.30 น. ค่ารถ $25 ต่อคน แพงมาก สำหรับเรา และเราไม่มีเวลามากขนาดนั้น😎😎 😍😍
กว่าจะข้ามถนนกลับไปได้ ใช้เวลานานกว่าเดิมหลายเท่า เดินไปเรื่อยๆ ข้ามถนนไปที่สวนสาธารณะริมถนน ลุงอยากให้เอาอาหารออกมากิน จะได้ไม่ต้องแบกต่อ ปรากฏว่า นั่งนานไม่ได้ เพราะกลิ่นอุนจิแรงมาก ก็อยากไม่มีห้องน้ำสาธารณะ ที่ไหนเลย...แต่ก็มีคนนั่งกินอาหาร และพักผ่อนอยู่หลายคน จมูกของพวกเขาและเธอคงชินแล้ว😉😉😉😉
เราเดินไปที่ท่ารถ ขึ้นรถบัสแทนรถไฟ ค่ารถคนละ $1.9 ถูกกว่า ขาไปอีก🙄🙄🙄😏
เราลงรถพร้อมมาดามคนหนึ่งที่ป้ายข้างบนสนามเทนนิส ก่อนถึงสะพานลอย ข้ามฟากไปย่านสถานที่ราชการ...เธอจะเรียกแท็กซี่ให้...แต่เราขออยู่แถวนั้นก่อน... ได้นั่งกินข้าว ตรงร้านขายของที่เขาไม่มาขาย
เราถามหาทางไปที่พัก โดยเดินข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม ที่มองเห็นว่า ต้องเดินขึ้นไปด้านบนเขา....
เดินเฉียดสถานที่ราชการไป มองหาห้องน้ำไม่มี หาที่ปลดทุกข์อีกแล้ว คราวนี้เป็นมุมลับตา ที่ลานจอดรถ ที่มีรถจอดแบบไม่มีช่องว่าง ก่อนจะออกไปอีกถนนหนึ่ง โดยเดินขึ้นเขาไป เจอมหาวิทยาลัยปานามา ลงเขาไปด้านที่เยื้องกัน เป็นโบสถ์ Iglesia El Carmen แล้วเดินข้ามถนนไปขึ้นรถเมโทร ที่สถานี Estacion Iglesia El Carmen ไปที่สถานี Estacion Santo Tomas แค่สถานีเดียว ค่าบัตร $2 ค่ารถคนละ $1.8 ออกจากสถานี เดินวนหาที่พัก 2 ชม. โชคดีเจอคุณ Marta Estila Muriz Cenuel พยายาลที่มีจิตบริกาiเต็มร้อย หาทางพามาส่งจนเกือบถึงที่
เธอบอกว่า โรงพยาบาลของฉัน คือ โรงพยาบาล ของคุณ เธออยู่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แต่เธอบอกว่า มันเป็นโรงพยาบาล ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เธอภูมิใจมาก และเธอบอกว่า เธอมีเพื่อนเป็นคนไทย 1 คน เจอกันบนเรือสำราญ ดูจากลักษณะการแต่งกายในภาพ เหมือนคนทำงานบนเรือ...
โรงแรม Cibeles อยู่ถัดจากย่านโรงพยาบาล และคลินิก อยู่ก่อนถึงสถานี Estacion Santo Tomas อยู่ใกล้ทะเล...เราโชคดีมาก พอเช็คอินเสร็จ ฝนก็เทลงมา แบบลืมหูลืมตาไม่ขึ้น😍😍😍😍😍
เย็นนี้ ป้าเดินไปสำรวจมาริมทะเลมาแล้ว แต่ลุงไม่ยอมไปด้วย ฝนตกเล็กน้อย เซลฟีมาก่อน เผื่อว่า พรุ่งนี้เวลาไม่พอ ย่านนี้เป็นย่าน ที่เงียบสงบ และสวยงามของปานามาซิตี้ ทีเดียว...ค่าโรงแรม คืนละ $33 มีอาหารเช้า ห้องไม่กว้างมากนัก แต่อยู่สบาย เพราะมีแอร์😊😊😊😊😊แต่แทบจะหาสัญญาณเน็ตไม่ได้....เราต้องลุกขึ้นมาทำงานกันตอนหลังเที่ยงคืน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น