สวัสดีคะ
ก่อนอื่นเลยขอบบอกว่าเราเป็นคนนึงที่มีความฝันอยากไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กค่ะ เรามีโอกาสได้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลียมา5เดือน ต้องบอกก่อนนะคะว่าเราไม่ได้มีทุนมาก เงินทุกอย่างที่จ่ายไปก็เป็นเงินเก็บของเราเอง แต่ให้แม่เป็นสปอนเซอร์ในการขอวีซ่า หลักจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เราก็เข้าทำงานเป็นสาวแบงค์ ทำงานเก็บเงินอยู่ประมาณหนึ่งปีครึ่ง แต่ในระหว่างนั้นก็อาศัยอยู่กับพ่อแม่นะ อาศัยกินข้าวเย็นที่บ้าน ไม่ต้องเสียค่าเช่า ค่าจิปาถะนู้นนี่ ก็เก็บเงินเดือนละ 10,000 บาท ได้เงินครบ ติดต่อเอเจ้น ใช้เวลาดำเนินการตั้งแต่เลือกโรงเรียน ทำวีซ่า จนถึงวันบินไป ก็ประมาณ3เดือนค่ะ
คำแนะนำ : ถ้าใครบ้านไม่รวย พ่อแม่ไม่มีเงินส่ง แนะนำว่าให้เก็บเงินไปเหมือนเรา ใช้เวลา1-2ปีเอง ประหยัดอะไรได้ก็ประหยัด ใช้ความฝันเป็นแรงผลักดันคะ เราต้องไปให้ได้!!! แล้วอีกอย่างนะคะ ถ้ากลับมาจากออสเตรเลีย ได้ภาษาดีขึ้น บวกกับมีประสบการณ์ทำงาน รับรองว่าหางานทำในไทยได้ดีขึ้นกว่าเดิมคะ หรือถ้าจะเรียนต่อที่นู้น การมีประสบการณ์ทำงานก็จะช่วยให้เราตัดสินใจง่ายว่าควรเรียนอะไร อะไรจะช่วยเสริมหน้าที่การงานเราในอนาคต และก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหาเงินตอนเรียนไม่ได้นะ เรียนภาษาที่ออสเตรเลียทำงานpart timeระหว่างเรียนได้คะ ถ้าไม่เลือกงานก็หาไม่อยากคะ ทำๆไปก่อน พอมีประการณ์ก็ค่อยขยับขยายไป
ทำไมถึงไปซิดนีย์????
-มีเพื่อนของแม่อยู่ที่นั้น เราไปพักกับเค้าประมาณ1เดือน แต่ก็จ่ายค่าเช่าเหมือนเช่าบ้านปกติ
-คนไทยเยอะ หาของกินง่าย หางานง่าย
-อากาศกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป
-มีโรงเรียนให้เลือกเยอะมากกกกกกกกกก
คำแนะนำ : เราว่าควรไปเมืองที่มีคนรู้จักอยู่ อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็พอจะขอความช่วยเหลือหรือคำแนะนำได้ แต่!!!อย่าหวังว่าจะไปพึ่งพาเค้าทุกอย่าง อะไรที่ทำเองได้ต้องทำเอง คนไทยที่ไปอยู่ที่นั่นส่วนใหญ่ไปทำงานเก็บเงิน เค้าไม่มีเวลาดูแลเราหรอกค่ะ เราควรหาข้อมูลไปเองเลย การเปิดบัญชีธนาคาร การหางาน มีในเว็บไซต์เยอะมาก หรือถ้าหาใครไม่ได้จริงๆแนะนำให้หาเอเจ้นที่มีสาขาในเมืองนั้นๆ
ที่พัก
เราไปถึงก็พักกับเพื่อนแม่คะ เป็นอพาท์เม้น 2ห้องนอน แต่อยู่รวมกันทั้งหมด7คน เรานอนห้องใหญ่ที่เค้าแบ่งให้เช่า นอนรวมกัน3คน ห้องนอนอีกห้องเจ้าของนอนอยู่กับแฟน ส่วนห้องนั่งเล่นก็เอาฉากมากั้นแบ่งนอนได้อีก2ห้อง
จากนั้นเราก็ขอออกมาอยู่ข้างนออกเอง เพราะห้องค่อนข้างสกปรกคะ ไม่ถึงกับแออัดมาก เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ เราได้บ้านในSurry hills ห้องนึงนอนกันสี่คน เป็นเตียงสองชั้นสองเตียง ก็โอเคขึ้นนะคะและที่สำคัญสะอาดกว่ามาก ค่าเช่าสองที่เท่ากันคะ 120เหรียญต่องสัปดาห์
คำแนะนำ : ถ้าคุณไม่เคยไปแนะนำให้หาที่พักในเมือง เดินทางสะดวก ไม่เงียบ ไม่น่ากลัว แต่แออัด ห้องแชร์ราคาต่ำสุดที่เคยเห็นก็120 ถ้าห้องเดี่ยวก็250 แต่ถ้าไม่อยากแออัด แนะนำไปนอกเมืองเลย คุณอาจจะหาห้องเดียวได้ในราคา150 อาจต้องใช้เวลาเดินทางหน่อย แต่การเดินทางที่นี่สะดวก รถเมล์ รถไฟ ชิลมากคะถ้าเทียบกับกรุงเทพ
เป้าหมายหลัก "เรียน"
เราเรียนEvening class เริ่มเรียนGeneral Englishเป็นโรงเรียนเอกชน เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้เค่งมากเหมือน Tafe แต่ก็ต้องเข้าเรียนให้ครบสี่ชั่วโมงต่อวัน เข้าสายหรือออกก่อนหรือไม่เข้านี่ก็เช็คตามจริงคะ ไม่มีหยวนๆนะ การเรียนก็บอกเลยคะว่าไม่อยากมาก เอาจริงๆเนื้อหาเหมือนสมัยเรียนม.ปลายหรือมหาวิทยาลัยคะ แต่ไม่ได้เน้นแกรมม่าแป๊ะขนาดนั้น เน้นการพูดคุยและสื่อสารได้เป็นหลักคะ เราเรียนGeneral Englishอยู่2เดือน ได้เลเวล Upper Intermediate ก็เปลี่ยนไปเรียนคอร์ส IELTS เพราะตอนนั้นคิดว่าถ้าเรียนภาษาจบอาจจะเรียนต่อปริญญาโท
คำแนะนำ : ถ้าอยากไปเรียนแบบจริงจังแนะนำเรียนของTAFEคะ ค่าเรียนน่าจะเกือบ300ต่อสัปดาห์ แต่ของเราแค่200ต่อสัปดาห์คะ และให้เรียนเป็นคลาสเช้า เพราะอย่างเราเรียนคลาสเย็น บางทีทำงานเสร็จก็เหนื่อย เวลาเรียนก็ง่วงบ้างไรบ้าง ทางแก้คือ คุยกับเพื่อนๆ นั่งกับพวกละตินหรือยุโรปหล่อๆ พวกนี้คุยเก่ง น่าตาดี ทำให้เราตื่นตัวตลอดเวลาค่ะ 555
เป้าหมายรอง "หาแฟน" เอ๊ยยยย ไม่ใช่ค่ะ "หางานทำ"
ร้านแรกเป็นร้านเล็กๆอยู่นอกเมือง แนวrestaurant เราเป็นเด็กเสริฟคนเดียว ทำทุอย่าง ตั้งแต่รับออเดอร์ เสริฟ ทำสปริงโรว กะหรี่ปั๊บ จัน้ำเข้าตู้ กวาดถูร้าน ทำบัญชี ถามว่าร้านยุ่งมั๊ย? มันก็จะยุ่งช่วง11.30-13.30คะ จากสาวออฟฟิสนั่งแต่หน้าคอม ต้องมาเป็นเด็กเสริฟ สัปดาห์แรกเราร้องไห้ทุกวันคะ คิดตลอด ทำไมชั้นต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยยยยย??? แต่สักพักก็คิดได้คะ ว่าเราตัดสินใจมาเองนะ ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วอนาคตเราจะก้าวผ่านปัญหาต่างๆไปได้อย่างไรสู้ๆๆๆๆๆ เราทำงานร้านนี้ตั้งแต่ไปถึงซิดนีย์ได้สามวัน จนเรียนจบเลยคะ
ร้านที่สองเป็นร้านใหญ่คะ แนวร้านข้าวราดแกง มีเด็กเสริฟ4คน หน้าที่หลักก็รับออเดอร์ เสริฟอาหาร ทำความสะอาด ร้านนี้เราเริ่มทำหลังจากทำร้านแรกมาหนึ่งเดือนเลยมีประสบการณ์ 555 ถามว่าหนักไหม? ก็หนักคะ เพราะเราต้องหางานทำตลอดเวลา เค้าจ้างเราเป็นชั่วโมง ต้องทำงานให้คุ้มคะ!!!
คำแนะนำ : ถ้ามาแรกๆแนะนำว่าหางานร้านไทยจะง่ายสุดค่ะ แต่หลังจากนั้นมีประสบการณ์แล้ว ภาษาดีขึ้น ความมั่นใจมากขึ้น ไปสมัครร้านฝรั่งเลยคะ อย่างน้อยก็ได้ค่าแรงมากกว่าร้านไทยแน่นอน เว็บที่ไว้หางานของฝรั่งก็ gumtree ส่วนเว็บที่หางานร้านไทยรวมถึงที่พักก็ natui, sydneythai
ชีวิตประจำวัน
เราทำงานตอนเช้าแล้วเรียนตอนเย็นคะ จันทร์ถึงพฤหัสทำงาน10.00-16.00 ทำงานเสร็จก็ไปเรียน เรียนจันทร์ถึงศุกร์17.00-21.00 เรียนเสร็จเดินกลับบ้าน หรืออาจมีไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้าง บ้านเราอยู่ย่านSurry hills โรงเรียนอยู่Town hall ใช้เวลาเดิน15-20นาที ถามว่าน่ากลัวไหม? คือในเมืองคนเยอะมากคะ ไม่น่ากลัวเลย แต่ช่วงวันศุกร์วันเสาร์ก็จะมีพวกวัยรุ่นที่มาเที่ยวผับเยอะหน่อย เมาบ้างไม่เมาบ้าง แต่ก็ไม่น่ากลัวคะ แต่แถวบ้านเราก็มืดๆเงียบๆหน่อย พอเดินเข้าเขตSurry hillsก็พยายามรีบๆเดินคะ
บางเสาร์อาทิตย์เราก็ทำงานนะคะ แต่ไม่ทุกครั้ง แต่พี่เข้าหาคนไม่ได้เราก็ไปทำ คะ ค่าแรงที่ได้ ชิฟเช้าก็12เหรียญต่อชั่วโมง ชิฟเย็น 13เหรียญต่อชั่วโมง วันไหนว่างก็ไปเที่ยวนอกเมือง แต่ยังไม่มีโอกาสไปรัฐอื่นเลย เสียดายมากค่ะ
คำแนะนำ : ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ ว่าจริงๆแล้วเราจะไปทำไม บางคนไปเพื่อเก็บเงิน ก็เรียนและทำงาน เก็บเงินอย่างเดียวและไม่เที่ยว แต่อย่างเราไปเพื่อเรียนรู้และหาอะไรใหม่ๆให้ชีวิต ก็เรียน ทำงาน เก็บเงิน ไปเที่ยว ไปพักผ่อน
ได้อะไรกลับมา คุ้มหรือไม่คุ้ม???
ภาษาที่ได้กลับมาถือว่าดีขึ้นค่ะ แกรมม่าอาจจะไม่ได้แป๊ะมาก แต่รื่องการพูดการเขียนนี่ดีขึ้นมาก แต่ของแบบนี้อยู่ที่ตัวเองด้วยนะคะ การบ้านต้องทำ ในห้องต้องเรียนจริงจัง ตอบคำถามครู มีอะไรก็ถามครู เสียเงินไปเยอะต้องคุ้มค่ะ แล้วก็คุยกับเพื่อๆ ไปดริ้ง ไปเที่ยวนี่ช่วยเรื่องการพูดมากนะคะ
นอกจากภาษาแล้วอีกอย่างที่ได้คือเพื่อน หลากหลายชาติมาก แต่ขึ้นอยู่กับโรงเรียน บางโรงเรียนคนไทยเยอะ บางโรงเรียนญี่ปุ่นเกาหลีเยอะ ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันในเฟสบุ๊ค บางคนเรียนจบก็กลับประเทศไป บางคนก็เรียนต่อ diploma หรือพวก college สุดแต่ใจจะไขว่คว้าค่ะ
ทำอะไรต่อ แล้วอีกอย่างก็ได้ชายด้วยนะค่ะ
ตอนนี้เรากลับมาได้เดือนนึงแล้ว ไปสอบIELTSมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ผลสอบเลย ลุ้นมากกกก แผนการต่อไปคือถ้าคะแนนถึง6.5ก็อาจจะยื่นขอทุนมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียคะ แต่ถ้าไม่ถึงก็หางานทำบริษัทต่างชาติในไทยค่ะ
สรุป : ได้ภาษา ประสบการณ์ทำงานใหม่ๆ เพื่อน และชาย คุ้มคะ!!!
จบแล้วนะค่ะสำหรับประสบการณ์เจ็ดเดือนในซิดนีย์ มีคำถามอะไรถามได้นะ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่อยากไปลองเรียนภาษาที่ซิดนีย์ แต่ทุกการเดินทางก็มีความเสี่ยง วางแผนและหาข้อมูลให้ดีค่ะ
ปล.ขออภัยหากรูปประกอบอาจจะไม่สวยและไม่ตรงกับเนื้อหา เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปและถ่ายไม่สวยเลย ทุกรูปถ่ายกับกล้องiphone6คะ
ประสบการณ์เรียนภาษาที่ซิดนีย์ออสเตรเลีย เรียน ทำงาน เที่ยว!!!
ก่อนอื่นเลยขอบบอกว่าเราเป็นคนนึงที่มีความฝันอยากไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กค่ะ เรามีโอกาสได้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลียมา5เดือน ต้องบอกก่อนนะคะว่าเราไม่ได้มีทุนมาก เงินทุกอย่างที่จ่ายไปก็เป็นเงินเก็บของเราเอง แต่ให้แม่เป็นสปอนเซอร์ในการขอวีซ่า หลักจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เราก็เข้าทำงานเป็นสาวแบงค์ ทำงานเก็บเงินอยู่ประมาณหนึ่งปีครึ่ง แต่ในระหว่างนั้นก็อาศัยอยู่กับพ่อแม่นะ อาศัยกินข้าวเย็นที่บ้าน ไม่ต้องเสียค่าเช่า ค่าจิปาถะนู้นนี่ ก็เก็บเงินเดือนละ 10,000 บาท ได้เงินครบ ติดต่อเอเจ้น ใช้เวลาดำเนินการตั้งแต่เลือกโรงเรียน ทำวีซ่า จนถึงวันบินไป ก็ประมาณ3เดือนค่ะ
คำแนะนำ : ถ้าใครบ้านไม่รวย พ่อแม่ไม่มีเงินส่ง แนะนำว่าให้เก็บเงินไปเหมือนเรา ใช้เวลา1-2ปีเอง ประหยัดอะไรได้ก็ประหยัด ใช้ความฝันเป็นแรงผลักดันคะ เราต้องไปให้ได้!!! แล้วอีกอย่างนะคะ ถ้ากลับมาจากออสเตรเลีย ได้ภาษาดีขึ้น บวกกับมีประสบการณ์ทำงาน รับรองว่าหางานทำในไทยได้ดีขึ้นกว่าเดิมคะ หรือถ้าจะเรียนต่อที่นู้น การมีประสบการณ์ทำงานก็จะช่วยให้เราตัดสินใจง่ายว่าควรเรียนอะไร อะไรจะช่วยเสริมหน้าที่การงานเราในอนาคต และก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหาเงินตอนเรียนไม่ได้นะ เรียนภาษาที่ออสเตรเลียทำงานpart timeระหว่างเรียนได้คะ ถ้าไม่เลือกงานก็หาไม่อยากคะ ทำๆไปก่อน พอมีประการณ์ก็ค่อยขยับขยายไป
ทำไมถึงไปซิดนีย์????
-มีเพื่อนของแม่อยู่ที่นั้น เราไปพักกับเค้าประมาณ1เดือน แต่ก็จ่ายค่าเช่าเหมือนเช่าบ้านปกติ
-คนไทยเยอะ หาของกินง่าย หางานง่าย
-อากาศกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป
-มีโรงเรียนให้เลือกเยอะมากกกกกกกกกก
คำแนะนำ : เราว่าควรไปเมืองที่มีคนรู้จักอยู่ อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็พอจะขอความช่วยเหลือหรือคำแนะนำได้ แต่!!!อย่าหวังว่าจะไปพึ่งพาเค้าทุกอย่าง อะไรที่ทำเองได้ต้องทำเอง คนไทยที่ไปอยู่ที่นั่นส่วนใหญ่ไปทำงานเก็บเงิน เค้าไม่มีเวลาดูแลเราหรอกค่ะ เราควรหาข้อมูลไปเองเลย การเปิดบัญชีธนาคาร การหางาน มีในเว็บไซต์เยอะมาก หรือถ้าหาใครไม่ได้จริงๆแนะนำให้หาเอเจ้นที่มีสาขาในเมืองนั้นๆ
ที่พัก
เราไปถึงก็พักกับเพื่อนแม่คะ เป็นอพาท์เม้น 2ห้องนอน แต่อยู่รวมกันทั้งหมด7คน เรานอนห้องใหญ่ที่เค้าแบ่งให้เช่า นอนรวมกัน3คน ห้องนอนอีกห้องเจ้าของนอนอยู่กับแฟน ส่วนห้องนั่งเล่นก็เอาฉากมากั้นแบ่งนอนได้อีก2ห้อง
จากนั้นเราก็ขอออกมาอยู่ข้างนออกเอง เพราะห้องค่อนข้างสกปรกคะ ไม่ถึงกับแออัดมาก เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ เราได้บ้านในSurry hills ห้องนึงนอนกันสี่คน เป็นเตียงสองชั้นสองเตียง ก็โอเคขึ้นนะคะและที่สำคัญสะอาดกว่ามาก ค่าเช่าสองที่เท่ากันคะ 120เหรียญต่องสัปดาห์
คำแนะนำ : ถ้าคุณไม่เคยไปแนะนำให้หาที่พักในเมือง เดินทางสะดวก ไม่เงียบ ไม่น่ากลัว แต่แออัด ห้องแชร์ราคาต่ำสุดที่เคยเห็นก็120 ถ้าห้องเดี่ยวก็250 แต่ถ้าไม่อยากแออัด แนะนำไปนอกเมืองเลย คุณอาจจะหาห้องเดียวได้ในราคา150 อาจต้องใช้เวลาเดินทางหน่อย แต่การเดินทางที่นี่สะดวก รถเมล์ รถไฟ ชิลมากคะถ้าเทียบกับกรุงเทพ
เป้าหมายหลัก "เรียน"
เราเรียนEvening class เริ่มเรียนGeneral Englishเป็นโรงเรียนเอกชน เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้เค่งมากเหมือน Tafe แต่ก็ต้องเข้าเรียนให้ครบสี่ชั่วโมงต่อวัน เข้าสายหรือออกก่อนหรือไม่เข้านี่ก็เช็คตามจริงคะ ไม่มีหยวนๆนะ การเรียนก็บอกเลยคะว่าไม่อยากมาก เอาจริงๆเนื้อหาเหมือนสมัยเรียนม.ปลายหรือมหาวิทยาลัยคะ แต่ไม่ได้เน้นแกรมม่าแป๊ะขนาดนั้น เน้นการพูดคุยและสื่อสารได้เป็นหลักคะ เราเรียนGeneral Englishอยู่2เดือน ได้เลเวล Upper Intermediate ก็เปลี่ยนไปเรียนคอร์ส IELTS เพราะตอนนั้นคิดว่าถ้าเรียนภาษาจบอาจจะเรียนต่อปริญญาโท
คำแนะนำ : ถ้าอยากไปเรียนแบบจริงจังแนะนำเรียนของTAFEคะ ค่าเรียนน่าจะเกือบ300ต่อสัปดาห์ แต่ของเราแค่200ต่อสัปดาห์คะ และให้เรียนเป็นคลาสเช้า เพราะอย่างเราเรียนคลาสเย็น บางทีทำงานเสร็จก็เหนื่อย เวลาเรียนก็ง่วงบ้างไรบ้าง ทางแก้คือ คุยกับเพื่อนๆ นั่งกับพวกละตินหรือยุโรปหล่อๆ พวกนี้คุยเก่ง น่าตาดี ทำให้เราตื่นตัวตลอดเวลาค่ะ 555
เป้าหมายรอง "หาแฟน" เอ๊ยยยย ไม่ใช่ค่ะ "หางานทำ"
ร้านแรกเป็นร้านเล็กๆอยู่นอกเมือง แนวrestaurant เราเป็นเด็กเสริฟคนเดียว ทำทุอย่าง ตั้งแต่รับออเดอร์ เสริฟ ทำสปริงโรว กะหรี่ปั๊บ จัน้ำเข้าตู้ กวาดถูร้าน ทำบัญชี ถามว่าร้านยุ่งมั๊ย? มันก็จะยุ่งช่วง11.30-13.30คะ จากสาวออฟฟิสนั่งแต่หน้าคอม ต้องมาเป็นเด็กเสริฟ สัปดาห์แรกเราร้องไห้ทุกวันคะ คิดตลอด ทำไมชั้นต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยยยยย??? แต่สักพักก็คิดได้คะ ว่าเราตัดสินใจมาเองนะ ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วอนาคตเราจะก้าวผ่านปัญหาต่างๆไปได้อย่างไรสู้ๆๆๆๆๆ เราทำงานร้านนี้ตั้งแต่ไปถึงซิดนีย์ได้สามวัน จนเรียนจบเลยคะ
ร้านที่สองเป็นร้านใหญ่คะ แนวร้านข้าวราดแกง มีเด็กเสริฟ4คน หน้าที่หลักก็รับออเดอร์ เสริฟอาหาร ทำความสะอาด ร้านนี้เราเริ่มทำหลังจากทำร้านแรกมาหนึ่งเดือนเลยมีประสบการณ์ 555 ถามว่าหนักไหม? ก็หนักคะ เพราะเราต้องหางานทำตลอดเวลา เค้าจ้างเราเป็นชั่วโมง ต้องทำงานให้คุ้มคะ!!!
คำแนะนำ : ถ้ามาแรกๆแนะนำว่าหางานร้านไทยจะง่ายสุดค่ะ แต่หลังจากนั้นมีประสบการณ์แล้ว ภาษาดีขึ้น ความมั่นใจมากขึ้น ไปสมัครร้านฝรั่งเลยคะ อย่างน้อยก็ได้ค่าแรงมากกว่าร้านไทยแน่นอน เว็บที่ไว้หางานของฝรั่งก็ gumtree ส่วนเว็บที่หางานร้านไทยรวมถึงที่พักก็ natui, sydneythai
ชีวิตประจำวัน
เราทำงานตอนเช้าแล้วเรียนตอนเย็นคะ จันทร์ถึงพฤหัสทำงาน10.00-16.00 ทำงานเสร็จก็ไปเรียน เรียนจันทร์ถึงศุกร์17.00-21.00 เรียนเสร็จเดินกลับบ้าน หรืออาจมีไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้าง บ้านเราอยู่ย่านSurry hills โรงเรียนอยู่Town hall ใช้เวลาเดิน15-20นาที ถามว่าน่ากลัวไหม? คือในเมืองคนเยอะมากคะ ไม่น่ากลัวเลย แต่ช่วงวันศุกร์วันเสาร์ก็จะมีพวกวัยรุ่นที่มาเที่ยวผับเยอะหน่อย เมาบ้างไม่เมาบ้าง แต่ก็ไม่น่ากลัวคะ แต่แถวบ้านเราก็มืดๆเงียบๆหน่อย พอเดินเข้าเขตSurry hillsก็พยายามรีบๆเดินคะ
บางเสาร์อาทิตย์เราก็ทำงานนะคะ แต่ไม่ทุกครั้ง แต่พี่เข้าหาคนไม่ได้เราก็ไปทำ คะ ค่าแรงที่ได้ ชิฟเช้าก็12เหรียญต่อชั่วโมง ชิฟเย็น 13เหรียญต่อชั่วโมง วันไหนว่างก็ไปเที่ยวนอกเมือง แต่ยังไม่มีโอกาสไปรัฐอื่นเลย เสียดายมากค่ะ
คำแนะนำ : ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ ว่าจริงๆแล้วเราจะไปทำไม บางคนไปเพื่อเก็บเงิน ก็เรียนและทำงาน เก็บเงินอย่างเดียวและไม่เที่ยว แต่อย่างเราไปเพื่อเรียนรู้และหาอะไรใหม่ๆให้ชีวิต ก็เรียน ทำงาน เก็บเงิน ไปเที่ยว ไปพักผ่อน
ได้อะไรกลับมา คุ้มหรือไม่คุ้ม???
ภาษาที่ได้กลับมาถือว่าดีขึ้นค่ะ แกรมม่าอาจจะไม่ได้แป๊ะมาก แต่รื่องการพูดการเขียนนี่ดีขึ้นมาก แต่ของแบบนี้อยู่ที่ตัวเองด้วยนะคะ การบ้านต้องทำ ในห้องต้องเรียนจริงจัง ตอบคำถามครู มีอะไรก็ถามครู เสียเงินไปเยอะต้องคุ้มค่ะ แล้วก็คุยกับเพื่อๆ ไปดริ้ง ไปเที่ยวนี่ช่วยเรื่องการพูดมากนะคะ
นอกจากภาษาแล้วอีกอย่างที่ได้คือเพื่อน หลากหลายชาติมาก แต่ขึ้นอยู่กับโรงเรียน บางโรงเรียนคนไทยเยอะ บางโรงเรียนญี่ปุ่นเกาหลีเยอะ ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันในเฟสบุ๊ค บางคนเรียนจบก็กลับประเทศไป บางคนก็เรียนต่อ diploma หรือพวก college สุดแต่ใจจะไขว่คว้าค่ะ
ทำอะไรต่อ แล้วอีกอย่างก็ได้ชายด้วยนะค่ะ
ตอนนี้เรากลับมาได้เดือนนึงแล้ว ไปสอบIELTSมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ผลสอบเลย ลุ้นมากกกก แผนการต่อไปคือถ้าคะแนนถึง6.5ก็อาจจะยื่นขอทุนมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียคะ แต่ถ้าไม่ถึงก็หางานทำบริษัทต่างชาติในไทยค่ะ
สรุป : ได้ภาษา ประสบการณ์ทำงานใหม่ๆ เพื่อน และชาย คุ้มคะ!!!
จบแล้วนะค่ะสำหรับประสบการณ์เจ็ดเดือนในซิดนีย์ มีคำถามอะไรถามได้นะ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่อยากไปลองเรียนภาษาที่ซิดนีย์ แต่ทุกการเดินทางก็มีความเสี่ยง วางแผนและหาข้อมูลให้ดีค่ะ
ปล.ขออภัยหากรูปประกอบอาจจะไม่สวยและไม่ตรงกับเนื้อหา เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปและถ่ายไม่สวยเลย ทุกรูปถ่ายกับกล้องiphone6คะ