วันนี้เป็นวันที่พักผ่อนจากงานเพื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์เดือนที่ 5 ลูกคนที่ 2 ปกติต้องเข้าห้องชานเรือนทุกวันเพื่ออ่านประสบการณ์จากแม่ๆ ที่ให้ความรู้มาตลอดๆค่ะ วันนี้จึงขอเป็นแม่อีกคนที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ดีๆ เรื่องราวดีๆ และเพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวของลูกไว้ในชานเรือนด้วยค่ะ
เชื่อว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณแม่ที่กำลังมองหาโรงเรียนอนุบาลให้ลูกว่าจะเลือกโรงเรียนให้ลูกอย่างไรดี ตัวเองก็เป็นคนหนึ่งค่ะที่ตอนลูกจะเข้าโรงเรียนอนุบาลเครียดมาก ตะเวนหาตะเวนดูทุกโรงเรียนใกล้บ้าน ไกลบ้าน ไปมาหมดไม่เว้นสักแห่ง ด้วยว่าคุณแม่ทำธุรกิจส่วนตัวจึงมีเวลาที่จะสืบเสาะหาเพราะคิดว่า โรงเรียนอนุบาลคือบ้านหลังที่ 2 ของลูก คุณแม่เลยคิดว่า ไม่เพียงแต่ลูกต้องพร้อมสำหรับไปเรียน โรงเรียนก็ต้องพร้อมสำหรับลูกด้วยค่ะ
เลือกดูมาเกิน 20 แห่ง ซึ่งญาติหลายๆคนเชียร์ให้เข้าโรงเรียนชื่อดังมาก (บ้านอยู่ใกล้เพียง 5 นาที) ค่ะ ได้ไปดูมาที่แรกตั้งแต่ลูก 1 ขวบ ไปดูหลายครั้ง แต่เหมือนยังไม่ตอบโจทย์ ด้วยความห่วงลูกมากเพราะปกติอยู่ด้วยกันตลอดไม่เคยห่างกันเลยจนถึง 2.5 ขวบที่จะเข้าโรงเรียน จึงอยากได้โรงเรียนที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด
ในเรื่องของวิชาการ หลักสูตรการเรียนจึงไม่ใช่ความสำคัญอันดับ 1 ในการเลือกโรงเรียนของตัวคุณแม่เอง แต่อันดับ 1 ที่เลือกก็คือ ความปลอดภัยในโรงเรียน สภาพแวดล้อม ครู พี่เลี้ยง ซึ่งจำได้ว่าไปเยี่ยมชมโรงเรียนนี้ในวันอาทิตย์ ซึ่งอาจจะอยู่นอกสายตาไปหน่อยสำหรับโรงเรียนนี้ ด้วยว่าไกลจากบ้าน 13 กิโล / โรงเรียนไม่ค่อยได้ยินชื่อเท่าไหร่ แต่ไหนๆ ก็ดูมากว่า 20 โรงเรียนแล้ว ก็คงไม่พลาดที่จะดูอีกสักที่ ซึ่งจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันอาทิตย์โรงเรียนปิด แต่เมื่อโทรไปว่าสามารถเข้าชมโรงเรียนได้ไหม เจ้าหน้าที่ใช้น้ำเสียงยินดีที่ให้เข้าไป ไม่มีบอกว่าวันนี้เป็นวันหยุด ซึ่งต่างจากอีกโรงเรียนหนึ่งซึ่งโทรไปก่อนหน้านี้
เมื่อไปถึง...น้องครีมมี่ก็ดูท่าทางแฮปปี้เนื่องจากเห็นสนามเด็กเล่นเด่นชัดอยู่ด้านหน้าตามประสาเด็ก ส่วนคุณแม่เองก็เดินสำรวจทุกจุดของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นโรงอาหาร ห้องเรียน ห้องน้ำ บนอาคาร ห้องของเล่นเด็ก ห้องพยาบาล ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่ร่มรื่นเหมือนได้มาเที่ยวบ้านญาติ ซึ่งพอกลับบ้านไปและถามน้องครีมมี่ว่า อยากเรียนโรงเรียนไหนที่สุด ครีมมี่ก็ตอบว่าเป็น “โรงเรียนอนุบาลบวรพรรณ” ใจจริงแล้วก็ชอบตามลูก แต่ก็คิดถึงระยะทาง 13 กิโล ที่ต้องเดินทางไปทุกวันว่าลูกจะไหวไหม ต้องออกจากบ้านประมาณ 7 โมงทุกวันๆ จึงได้ไปลองลงเรียนซัมเมอร์ก่อนเพื่อทดสอบว่าที่นี่ตอบโจทย์ได้จริงๆ คุ้มค่ากับที่จะต้องเดินทาง 13 กิโลไหม
หลังจากเรียนจบซัมเมอร์ จึงสรุปได้ว่า เลือกโรงเรียนนี้แน่นอนด้วยความประทับใจหลายๆอย่างจนวันนี้มั่นใจแล้วว่า ท้องคนที่ 2 นี้ เมื่อถึงเวลาต้องเรียนก็จะให้เรียนโรงเรียนนี้
2 ปีที่ผ่านมามีความสุขทั้งลูกและแม่และนี่เป็นบางส่วนที่ได้รับจากโรงเรียนอนุบาลบวรพรรณ 2
ลดความเครียด สบายใจเพราะสามารถดูลูกผ่าน CCTV ของโรงเรียน 16 ช่อง เห็นตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มเข้าห้องเรียนจนกลับบ้าน
ลูกเข้าใจการบ้านมาจากที่โรงเรียนด้วยคุณครูที่มีวุฒิภาวะสูง จบปฐมวัยโดยตรง มีวิธีการสอนที่เป็นหลักการสอนที่ดีจึงทำให้คุณแม่ต่อยอดที่บ้านได้โดยใช้เวลาอันสั้น ไม่ต้องเขี้ยวเข็ญกันทำการบ้าน มีเวลาเล่นกับลูกหรือสอนอย่างอื่นเพิ่มเติมได้
มีอะไรเกี่ยวกับลูกสอบถามครูผ่านทาง Line ได้โดยตรง จะมี Line กลุ่มของห้องเลย เหมือนได้พูดคุยเกี่ยวกับลูกกับครูได้เลย (ครูจะตอบเวลาที่ว่างจากสอนค่ะ)
มีกิจกรรมทุกเทศกาลแต่จะเป็นภายในซะส่วนใหญ่ กิจกรรมภายนอกไม่มากจนเกินไป จนพ่อแม่ต้องหนีงานกันบ่อยๆ
ไม่เก็บค่าใช้จ่ายยิบย่อย ไม่บังคับเรียนกิจกรรม เรียนพิเศษ พ่อแม่ควบคุมค่าใช้จ่ายลูกในแต่ละเทอมได้เลย ไม่ต้องกังวลว่าจะมีค่าอะไรๆ มาอีกไหม
ค่าเทอมจัดว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพระดับนี้
เคยคิดว่าลูกไปเรียนต้องป่วยบ่อย แรกๆ ป่วยอยู่บ้างเป็นหวัดตามประสาเด็กออกจากบ้านไปโรงเรียน หลังจากนั้น ลูกก็ไม่ป่วยบ่อยเลย เพราะโรงเรียนมีพยาบาลประจำโรงเรียนตรวจก่อนเข้าเรียนทุกเช้า เพื่อประเมินเด็กที่ป่วย หากมีอาการป่วยจะโทรให้กลับบ้านเพื่อไม่ให้ติดเด็กคนอื่นๆ
โรงเรียนมีเครื่องอบโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรค
เมื่อลูกขาดเรียนไปไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่ทันเพื่อน เมื่อเด็กหยุดครูก็จะเอาเวลาว่างเช่นพักเที่ยง พักเบรกมาสอนทบทวงช่วงที่ขาดเรียนไปเพื่อให้ทันเพื่อน
ก่อนสอบครูจะจัดเตรียมแฟ้มการเรียนการสอนทั้งหมดในตลอดเทอมให้พ่อแม่กลับมาดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นในโรงเรียนทั้งการเรียนการสอนและกิจกรรมตลอดเทอม
อาหารอร่อยทั้งอาหารกลางวัน อาหารว่าง ลูกชอบ จะมีรายการอาหารมาบอกคุณแม่ทุกเดือน
สิ่งที่ลูกได้รับที่เห็นชัดเจน
มีความสุขหน้าตาสดใสทุกวันที่ไปโรงเรียน ไม่เคยบ่นว่าไม่อยากไปโรงเรียน
ลูก 3 ขวบ 10 เดือน อยู่อนุบาล 2 สามารถอ่านหนังสือได้ คำง่ายๆ ผสมคำเป็น เขียนคำสั้นๆได้
การสอนตอน อ.1 ไม่สอนให้ท่องไปเรื่อยๆ แต่สอนว่า ตัวไหนคืออะไรเช่น ชี้ตัว “อ” ก็บอกได้ว่าเป็น อ อ่าง
สื่อสารภาษาอังกฤษได้ สะกดคำง่ายๆได้ พูดคุยได้ในประโยคชีวิตประจำวัน เช่น Good Morning, I am fine, Thank you, How many? How are you? What color? และอีกมากมายที่สามารถถาม-ตอบได้อย่างเข้าใจ และร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ทุกเพลงที่ครูสอน
บวก ลบ เลขจำนวน 2 หลักได้อย่างรวดเร็ว เรียงลำดับมาก-น้อย ใช้เครื่องหมายมากกว่าน้อยกว่า ไม่เท่ากับได้อย่างแม่นยำ
ช่วยเหลือตัวเองได้ ทานข้าวเอง ถอดเสื้อผ้าเอง ถอดรองเท้าถุงเท้าเอง อยากทำอะไรด้วยตัวเอง
เล่านิทานได้เป็นเรื่องเป็นราวเข้าใจได้
กล้าแสดงออก กล้าถามเมื่อไม่เข้าใจ มีความมั่นใจมากขึ้น
มีจิตใจโอบอ้อมอารีแก่ผู้อื่น ช่วยเหลือเพื่อน ซึ่งเคยเห็นจากการสอนของครูกับพี่เลี้ยง
ลูกควรอยู่ในที่ๆได้รับความอบอุ่น สุขใจในทุกเวลา เป็นข้อมูลนะคะเผื่อใครสนใจลักษณะการสอนแบบนี้ค่ะ มีอะไรสอบถามหลังไมล์กันได้นะคะ ยินดีตอบอย่างละเอียดเพื่อลูกของเราค่ะ บางครั้งอาจจะตัดประโยคที่ว่า ต้องเลือกโรงเรียนดัง โรงเรียนที่สอบโรงเรียนดังๆได้เยอะๆ ค่าเทอมต้องแพงถึงจะดี ทุกอย่างคงขึ้นอยู่กับพ่อแม่ การเลือกโรงเรียนให้ลูก 99% แน่นอนพ่อแม่เป็นคนเลือกค่ะ...
คนเก่งของแม่...
สื่อการเรียนการสอนบางส่วน สรุปตลอดเทอม เยอะมากๆ
[CR] 2 ปีกับโรงเรียนอนุบาลของลูก ที่ไม่ต้องแพง ไม่ต้องใหญ่โต ไม่ต้องมีชื่อเสียงมากมาย แต่สุขใจทั้งลูกและแม่
เชื่อว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณแม่ที่กำลังมองหาโรงเรียนอนุบาลให้ลูกว่าจะเลือกโรงเรียนให้ลูกอย่างไรดี ตัวเองก็เป็นคนหนึ่งค่ะที่ตอนลูกจะเข้าโรงเรียนอนุบาลเครียดมาก ตะเวนหาตะเวนดูทุกโรงเรียนใกล้บ้าน ไกลบ้าน ไปมาหมดไม่เว้นสักแห่ง ด้วยว่าคุณแม่ทำธุรกิจส่วนตัวจึงมีเวลาที่จะสืบเสาะหาเพราะคิดว่า โรงเรียนอนุบาลคือบ้านหลังที่ 2 ของลูก คุณแม่เลยคิดว่า ไม่เพียงแต่ลูกต้องพร้อมสำหรับไปเรียน โรงเรียนก็ต้องพร้อมสำหรับลูกด้วยค่ะ
เลือกดูมาเกิน 20 แห่ง ซึ่งญาติหลายๆคนเชียร์ให้เข้าโรงเรียนชื่อดังมาก (บ้านอยู่ใกล้เพียง 5 นาที) ค่ะ ได้ไปดูมาที่แรกตั้งแต่ลูก 1 ขวบ ไปดูหลายครั้ง แต่เหมือนยังไม่ตอบโจทย์ ด้วยความห่วงลูกมากเพราะปกติอยู่ด้วยกันตลอดไม่เคยห่างกันเลยจนถึง 2.5 ขวบที่จะเข้าโรงเรียน จึงอยากได้โรงเรียนที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด
ในเรื่องของวิชาการ หลักสูตรการเรียนจึงไม่ใช่ความสำคัญอันดับ 1 ในการเลือกโรงเรียนของตัวคุณแม่เอง แต่อันดับ 1 ที่เลือกก็คือ ความปลอดภัยในโรงเรียน สภาพแวดล้อม ครู พี่เลี้ยง ซึ่งจำได้ว่าไปเยี่ยมชมโรงเรียนนี้ในวันอาทิตย์ ซึ่งอาจจะอยู่นอกสายตาไปหน่อยสำหรับโรงเรียนนี้ ด้วยว่าไกลจากบ้าน 13 กิโล / โรงเรียนไม่ค่อยได้ยินชื่อเท่าไหร่ แต่ไหนๆ ก็ดูมากว่า 20 โรงเรียนแล้ว ก็คงไม่พลาดที่จะดูอีกสักที่ ซึ่งจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันอาทิตย์โรงเรียนปิด แต่เมื่อโทรไปว่าสามารถเข้าชมโรงเรียนได้ไหม เจ้าหน้าที่ใช้น้ำเสียงยินดีที่ให้เข้าไป ไม่มีบอกว่าวันนี้เป็นวันหยุด ซึ่งต่างจากอีกโรงเรียนหนึ่งซึ่งโทรไปก่อนหน้านี้
เมื่อไปถึง...น้องครีมมี่ก็ดูท่าทางแฮปปี้เนื่องจากเห็นสนามเด็กเล่นเด่นชัดอยู่ด้านหน้าตามประสาเด็ก ส่วนคุณแม่เองก็เดินสำรวจทุกจุดของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นโรงอาหาร ห้องเรียน ห้องน้ำ บนอาคาร ห้องของเล่นเด็ก ห้องพยาบาล ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่ร่มรื่นเหมือนได้มาเที่ยวบ้านญาติ ซึ่งพอกลับบ้านไปและถามน้องครีมมี่ว่า อยากเรียนโรงเรียนไหนที่สุด ครีมมี่ก็ตอบว่าเป็น “โรงเรียนอนุบาลบวรพรรณ” ใจจริงแล้วก็ชอบตามลูก แต่ก็คิดถึงระยะทาง 13 กิโล ที่ต้องเดินทางไปทุกวันว่าลูกจะไหวไหม ต้องออกจากบ้านประมาณ 7 โมงทุกวันๆ จึงได้ไปลองลงเรียนซัมเมอร์ก่อนเพื่อทดสอบว่าที่นี่ตอบโจทย์ได้จริงๆ คุ้มค่ากับที่จะต้องเดินทาง 13 กิโลไหม
หลังจากเรียนจบซัมเมอร์ จึงสรุปได้ว่า เลือกโรงเรียนนี้แน่นอนด้วยความประทับใจหลายๆอย่างจนวันนี้มั่นใจแล้วว่า ท้องคนที่ 2 นี้ เมื่อถึงเวลาต้องเรียนก็จะให้เรียนโรงเรียนนี้
2 ปีที่ผ่านมามีความสุขทั้งลูกและแม่และนี่เป็นบางส่วนที่ได้รับจากโรงเรียนอนุบาลบวรพรรณ 2
ลดความเครียด สบายใจเพราะสามารถดูลูกผ่าน CCTV ของโรงเรียน 16 ช่อง เห็นตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มเข้าห้องเรียนจนกลับบ้าน
ลูกเข้าใจการบ้านมาจากที่โรงเรียนด้วยคุณครูที่มีวุฒิภาวะสูง จบปฐมวัยโดยตรง มีวิธีการสอนที่เป็นหลักการสอนที่ดีจึงทำให้คุณแม่ต่อยอดที่บ้านได้โดยใช้เวลาอันสั้น ไม่ต้องเขี้ยวเข็ญกันทำการบ้าน มีเวลาเล่นกับลูกหรือสอนอย่างอื่นเพิ่มเติมได้
มีอะไรเกี่ยวกับลูกสอบถามครูผ่านทาง Line ได้โดยตรง จะมี Line กลุ่มของห้องเลย เหมือนได้พูดคุยเกี่ยวกับลูกกับครูได้เลย (ครูจะตอบเวลาที่ว่างจากสอนค่ะ)
มีกิจกรรมทุกเทศกาลแต่จะเป็นภายในซะส่วนใหญ่ กิจกรรมภายนอกไม่มากจนเกินไป จนพ่อแม่ต้องหนีงานกันบ่อยๆ
ไม่เก็บค่าใช้จ่ายยิบย่อย ไม่บังคับเรียนกิจกรรม เรียนพิเศษ พ่อแม่ควบคุมค่าใช้จ่ายลูกในแต่ละเทอมได้เลย ไม่ต้องกังวลว่าจะมีค่าอะไรๆ มาอีกไหม
ค่าเทอมจัดว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพระดับนี้
เคยคิดว่าลูกไปเรียนต้องป่วยบ่อย แรกๆ ป่วยอยู่บ้างเป็นหวัดตามประสาเด็กออกจากบ้านไปโรงเรียน หลังจากนั้น ลูกก็ไม่ป่วยบ่อยเลย เพราะโรงเรียนมีพยาบาลประจำโรงเรียนตรวจก่อนเข้าเรียนทุกเช้า เพื่อประเมินเด็กที่ป่วย หากมีอาการป่วยจะโทรให้กลับบ้านเพื่อไม่ให้ติดเด็กคนอื่นๆ
โรงเรียนมีเครื่องอบโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรค
เมื่อลูกขาดเรียนไปไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่ทันเพื่อน เมื่อเด็กหยุดครูก็จะเอาเวลาว่างเช่นพักเที่ยง พักเบรกมาสอนทบทวงช่วงที่ขาดเรียนไปเพื่อให้ทันเพื่อน
ก่อนสอบครูจะจัดเตรียมแฟ้มการเรียนการสอนทั้งหมดในตลอดเทอมให้พ่อแม่กลับมาดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นในโรงเรียนทั้งการเรียนการสอนและกิจกรรมตลอดเทอม
อาหารอร่อยทั้งอาหารกลางวัน อาหารว่าง ลูกชอบ จะมีรายการอาหารมาบอกคุณแม่ทุกเดือน
สิ่งที่ลูกได้รับที่เห็นชัดเจน
มีความสุขหน้าตาสดใสทุกวันที่ไปโรงเรียน ไม่เคยบ่นว่าไม่อยากไปโรงเรียน
ลูก 3 ขวบ 10 เดือน อยู่อนุบาล 2 สามารถอ่านหนังสือได้ คำง่ายๆ ผสมคำเป็น เขียนคำสั้นๆได้
การสอนตอน อ.1 ไม่สอนให้ท่องไปเรื่อยๆ แต่สอนว่า ตัวไหนคืออะไรเช่น ชี้ตัว “อ” ก็บอกได้ว่าเป็น อ อ่าง
สื่อสารภาษาอังกฤษได้ สะกดคำง่ายๆได้ พูดคุยได้ในประโยคชีวิตประจำวัน เช่น Good Morning, I am fine, Thank you, How many? How are you? What color? และอีกมากมายที่สามารถถาม-ตอบได้อย่างเข้าใจ และร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ทุกเพลงที่ครูสอน
บวก ลบ เลขจำนวน 2 หลักได้อย่างรวดเร็ว เรียงลำดับมาก-น้อย ใช้เครื่องหมายมากกว่าน้อยกว่า ไม่เท่ากับได้อย่างแม่นยำ
ช่วยเหลือตัวเองได้ ทานข้าวเอง ถอดเสื้อผ้าเอง ถอดรองเท้าถุงเท้าเอง อยากทำอะไรด้วยตัวเอง
เล่านิทานได้เป็นเรื่องเป็นราวเข้าใจได้
กล้าแสดงออก กล้าถามเมื่อไม่เข้าใจ มีความมั่นใจมากขึ้น
มีจิตใจโอบอ้อมอารีแก่ผู้อื่น ช่วยเหลือเพื่อน ซึ่งเคยเห็นจากการสอนของครูกับพี่เลี้ยง
ลูกควรอยู่ในที่ๆได้รับความอบอุ่น สุขใจในทุกเวลา เป็นข้อมูลนะคะเผื่อใครสนใจลักษณะการสอนแบบนี้ค่ะ มีอะไรสอบถามหลังไมล์กันได้นะคะ ยินดีตอบอย่างละเอียดเพื่อลูกของเราค่ะ บางครั้งอาจจะตัดประโยคที่ว่า ต้องเลือกโรงเรียนดัง โรงเรียนที่สอบโรงเรียนดังๆได้เยอะๆ ค่าเทอมต้องแพงถึงจะดี ทุกอย่างคงขึ้นอยู่กับพ่อแม่ การเลือกโรงเรียนให้ลูก 99% แน่นอนพ่อแม่เป็นคนเลือกค่ะ...
คนเก่งของแม่...
สื่อการเรียนการสอนบางส่วน สรุปตลอดเทอม เยอะมากๆ