ชวนมารีวิวเสียทรัพย์อีกแล้ว กระทู้นี้เราจะพาไปรู้จักกับแหล่งซื้อน้ำหอมอีกหนึ่งที่ คล้ายจะมาใหม่แต่ไม่ใหม่ในวงการน้ำหอมนะคะ หลายๆคนอาจจะเคยคุ้นตากับร้าน MIST 1000 ที่เคยมีร้านในห้างอยู่หลายๆที่ แต่ได้ปิดตัวไป แต่ว่ายังคงมีร้านขายออนไลน์อยู่ค่ะ
ร้านนี้อยู่ในยานแม่ของ Bel perfume ที่ทำน้ำหอมให้กับดาราดังๆ อย่าง คุณอั้ม พัชราภา คุณชมพู่ อารยา ที่เรารู้จักกันนั่นเองค่ะ สิ่งที่เรามองว่าน่าสนใจ คือ สินค้าบางรายการในนั้นเป็นน้ำหอมที่ค่อนข้างหายาก แต่อาจจะไม่คุ้นตาเพื่อนๆสักเท่าไร่นะคะ แต่มีหลายตัวที่เราสนใจนะคะเช่น adolfo Dominguez , Fragonard, Houbigant, Trussardi, Caron ที่เราไม่ค่อยเห็นในเคาท์เตอร์ไทยค่ะ
ถึงเวลาอันดี ทางร้าน Mist 1000 ก็ได้ส่งตัวอย่างมาให้ได้ลองแกะกล่องให้เพื่อนๆรับชมค่ะ
มาที่เซตแรกกันเลยดีกว่า กับ Charrier Les Parfums de France
ค่ายน้ำหอมที่วางขายในฝรั่งเศสมายาวนาน และมักจะทำเซตขวดเล็กๆไว้สำหรับพกพา หรือมอบให้เป็นของขวัญในโอกาสต่างๆ เซตที่เราได้มา มีทั้งหมด 5 กลิ่นค่ะ (อยากจะบอกว่าดีใจมาก เพราะเซตนี้หาซื้อในเมืองไทยยากพอสมควร ต้องฝากคนหิ้วมาให้ค่ะ)
มาที่กลิ่นแรกกันเลยดีกว่า กับ Magic Rose Charrier Parfums
Top Notes : Pepper, Rose, Green Note, Freesia, Violet.
Middle Notes : Lily, Rose, Lily of the Valley, Peony.
Base Notes: Patchouli, Sandalwood, Cedarwood, Musk.
ถึงชื่อจะบอกว่าเป็นกุหลาบ แต่ว่ากลิ่นเปิดมา กลายเป็นพริกไทยซ่าๆ และใบไวโอเลตที่เพิ่มความเขียวขึ้นมา ทำให้กลิ่นนี้ไม่หวานฉ่ำกลีบกุหลาบเหมือนแบรนด์อื่นๆ พอผ่านช่วงนี้ไป เราได้กลิ่นของช่อดอกไม้จางๆเบาๆ กลิ่นที่เด่นที่เราจับได้ คือดอกลิลลี่ และกุหลาบที่พ่วงกลิ่นของดอกโบตั๋นค่ะ ช่วงกลางกลิ่นนี้เอง อยู่ไม่ค่อยนานเท่าไหร่ กลิ่นถัดไปที่เริ่มตีขึ้นมาคือกลิ่นของไม้จันทน์ และไม้ซีดาร์ ก่อนที่จะตบท้ายด้วยมัสก์แบบจางๆเบาๆ
กลิ่นนี้ทนราวๆ 4-6 ชั่วโมง มาแบบเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไม่โฉ่งฉ่างนะคะ ราวกับผู้หญิงบุคลิคเรียบร้อยแสนหวาน แต่แอบซ่าเบาๆ กลิ่นค่อนข้างติดผิว ไม่ฟุ้งมากมาย ได้กลิ่นเรื่อยๆ เอื่อยๆค่ะ
สามารถใช้ในยามทำงานค่ะ เราว่ากลิ่นมาแนว Old Style สาววัยทำงานขึ้นไป จะและดูภูมิฐาน เหมาะมากกว่าสาวน้อยใสๆค่ะ วันทำงาน วันหยุด ใช้ได้หมดเลย แต่ยามกลางคืน กลิ่นออกจะเรียบร้อยไปนิดนึงนะคะ
มาต่อที่ขวดที่สองดีกว่า กับ Ambre Eau de Parfum
กลิ่นนี้มาในโทนของพี่สาวผู้เคร่งขรึมแต่แอบเซ็กซี่ของตัว Magic Rose นะคะ ด้วยโทนกลิ่นแนวโอเรียนทอลหวานๆจากโน้ตกลิ่นด้านล่างค่ะ
Top Notes : Bergamot, Freesia, Green Notes, Geranium.
Middle Notes : Rose, Jasmine, Magnolia, Lily of the Valley.
Base Notes : Vanilla, Cedarwood, Amber, Musk.
วูบแรกที่ได้กลิ่น ค่อนข้างบาดจมูกเล็กน้อยกับกลิ่นของมะกรูด แต่แค่แวบเดียวค่ะ หลังจากนั้นก็เริ่มได้กลิ่นของกุหลาบและมะลิมาแบบเบาๆ กลิ่นของดอกพุดผ่านๆมา แล้วหลังจากนั้น กลิ่นวานิลลาก็เริ่มกระจาย มาพร้อมกับไม้ซีดาร์ ชวนให้ดูลึกลับ และความหวานจากแอมเบอร์ ที่ชวนให้ดูน่าค้นหามากขึ้น ก่อนที่จะกลายเป็นกลิ่นมัสก์ แบบแป้งหอมจางๆ ส่งกลิ่นทิ้งไว้ยามเดินผ่าน
กลิ่นนี้มาแบบ Old Style อย่างเห็นได้ชัด ทำให้นึกถึงสาววัยกลางคน ใส่ชุดสีดำพร้อมสร้อยไข่มุก นั่งจิบชายามบ่ายพร้อมสุนัขคู่ใจค่ะ หากสาวๆใช้กลิ่นนี้ต้องเป็นคนมั่นใจพอประมาณนะคะ เพราะกลิ่นไม่ค่อยถูกจริตคนไทยเท่าไหร่
ความคงทน ได้ 4-6 ชั่วโมงเช่นเคยค่ะ ฟุ้งในช่วง Top, Middle แล้วเป็นกลิ่นติดผิวในช่วงท้าย ตัวเราเองมองว่ากลิ่นท้ายหอมนะคะ ความสูงวัยหายไปกับช่วงต้นๆกลิ่นเสียหมดค่ะ
มาที่ตัวต่อไปเลยนะคะ กับ Miss Charrier
Top notes : galbanum, bergamot, lemon and cassis
Middle notes : jasmine, tuberose, ylang-ylang and orange blossom
Base notes : vetiver, sandalwood, cedar and vanilla.
โทนกลิ่นที่คุ้นเคย ด้วยกลิ่นเปิดของเหล่ามะกรูด มะนาว และกลิ่นกลางของมะลิ ดอกส้ม ซ่อนกลิ่น กระดังงา ทำให้เรานึกถึงเหล่าๆชาแนลที่ตัดกลิ่นของแพชชูลีออกไป กลิ่นนี้ทำให้เรานึกถึงกลิ่นแป้งหอมที่คุณแม่ของเราใช้ตอนเด็กๆ (ซึ่งบัดนี้ ก็ยังคงนึกไม่ออกว่ายี่ห้ออะไร ถามไปก็จำกันไม่ได้ละค่ะ) และปลายกลิ่นที่ไม่ดูหรูหรามากเกินไป เพราะได้ความสดชื่นจากหญ้าแฝกและมวลไม้หอม บวกกับวานิลลา ทำให้กลิ่นอบอุ่นมากยิ่งขึ้นค่ะ
ความคงทนราว 4-6 ชั่วโมงเลยค่ะ มาแบบสบายๆ เราว่ากลิ่นนี้จะดูสาวกว่าตัว Ambre นะคะ เหมือนนั่งกั้นกลางไว้อยู่ แต่ก็ยังคงเป็นกลิ่นแนววินเทจ สาวๆใช้ต้องเบามือนิดนึงนะคะ
ความฟุ้งกระจาย จะมากกว่าตัว Magic Rose กับ Ambre อยู่หน่อยจ้ะ
กลิ่นถัดมา เป็นกลิ่นที่สดชื่นที่สุดในกลุ่มเลย มาแนว ฟลอรัล อควอติก กับ Versant
Top notes : Lotus, Freesia, Cyclamen, Melon.
Middle Notes : Peony, Carnation, Lily, Lily of the Valley.
Base notes : Sandalwood, Musk, Cedarwood, Amber.
กลิ่นนี้เปิดตัวแบบชัดๆจากกลิ่นของดอกบัว และเมลอน ให้ความรู้สึกเขียวสดเหมือนกับนั่งในสวนที่ฝนเพิ่งจะหยุดไปค่ะ มีกลิ่นของลิลลี่ คาร์เนชั่น โบตั๋นลอยมาเบาๆ ผสมกับไม้หอมและมัสก์ เป็นกลิ่นที่ใช้ง่าย และรู้สึกผ่อนคลายที่สุดในกลุ่มนี้ค่ะ
ความคงทนได้แค่ 3-5 ชั่วโมง แบบเบาๆนะคะ กลิ่นไม่ฟุ้ง ออกเป็นแนวติดผิวเสียมากกว่า เหมาะกับวันพักผ่อน ไม่อยากคิดมาก เราว่าตัวนี้นี่เหมาะเลยค่ะ อ่อ ชายหนุ่มก็ใช้ได้นะคะ กลิ่นนี้ ไม่ออกสาวจ๋าเหมือนกลิ่นอื่นๆค่ะ
และมาถึงตัวสุดท้าย กับ Embarras น่าเสียดายที่กลิ่นนี้เราไม่สามารถหาข้อมูลโน้ต มาให้เพื่อนอ้างอิงได้นะคะ แต่ว่าเป็นอีกกลิ่นที่น่าลองพอสมควรค่ะ
หากนับเหล่าน้ำหอมเหมือนพี่สาวน้องสาว เรามองว่าพี่คนโต คือ Ambre คนรอง คือ Embarras น้องสาม คือ Miss Charrier และน้องน้อยคือ Magic Rose
เพราะเปิดมากับกลิ่นมะกรูด กุกลาบ เจอราเนียม มาแบบเรื่อยๆ แต่ที่ทำให้แต่งต่าง คือกลิ่นอบเชย ที่เพิ่มความหวานให้กับกลิ่นมากขึ้น เลยดูเหมือนพี่สาวคนรองที่ค่อนข้างเรียบร้อย ขี้อาย และมองพี่ๆน้องอย่างห่างๆค่ะ กลิ่นของอบเชยค่อนข้างชัดตั้งแต่กลางกลิ่นจนไปถึงปลายกลิ่นที่เสริมให้นุ่มละมุนมากขึ้นจากเหล่าไม้หอมนั่นเอง
ความติดทนไม่ต่างจากตัวอื่นมาก อยู่ที่ 4-6 ชั่วโมง และก็ไม่ได้ฟุ้งกระจายเท่าไหร่ค่ะ มาแนวเรื่อยๆมาเรียงๆเสียมากกว่า แต่ก็ยังคงความวินเทจอยู่ในกลิ่นนะคะ เรามองว่ากลิ่นนี้ใส่ออกงานได้ ดินเนอร์ได้ แต่ท่องราตรียังไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่ค่ะ
จบกลิ่นจากเซตไปแล้ว มาดูที่กลิ่นอื่นบ้างนะคะ
[SR] Gift1801 ชวนแกะกล่องกันกับแหล่งสอยน้ำหอมใหม่ที่ไม่ใหม่ MIST 1000 Parfums
ร้านนี้อยู่ในยานแม่ของ Bel perfume ที่ทำน้ำหอมให้กับดาราดังๆ อย่าง คุณอั้ม พัชราภา คุณชมพู่ อารยา ที่เรารู้จักกันนั่นเองค่ะ สิ่งที่เรามองว่าน่าสนใจ คือ สินค้าบางรายการในนั้นเป็นน้ำหอมที่ค่อนข้างหายาก แต่อาจจะไม่คุ้นตาเพื่อนๆสักเท่าไร่นะคะ แต่มีหลายตัวที่เราสนใจนะคะเช่น adolfo Dominguez , Fragonard, Houbigant, Trussardi, Caron ที่เราไม่ค่อยเห็นในเคาท์เตอร์ไทยค่ะ
ถึงเวลาอันดี ทางร้าน Mist 1000 ก็ได้ส่งตัวอย่างมาให้ได้ลองแกะกล่องให้เพื่อนๆรับชมค่ะ
มาที่เซตแรกกันเลยดีกว่า กับ Charrier Les Parfums de France
ค่ายน้ำหอมที่วางขายในฝรั่งเศสมายาวนาน และมักจะทำเซตขวดเล็กๆไว้สำหรับพกพา หรือมอบให้เป็นของขวัญในโอกาสต่างๆ เซตที่เราได้มา มีทั้งหมด 5 กลิ่นค่ะ (อยากจะบอกว่าดีใจมาก เพราะเซตนี้หาซื้อในเมืองไทยยากพอสมควร ต้องฝากคนหิ้วมาให้ค่ะ)
มาที่กลิ่นแรกกันเลยดีกว่า กับ Magic Rose Charrier Parfums
Top Notes : Pepper, Rose, Green Note, Freesia, Violet.
Middle Notes : Lily, Rose, Lily of the Valley, Peony.
Base Notes: Patchouli, Sandalwood, Cedarwood, Musk.
ถึงชื่อจะบอกว่าเป็นกุหลาบ แต่ว่ากลิ่นเปิดมา กลายเป็นพริกไทยซ่าๆ และใบไวโอเลตที่เพิ่มความเขียวขึ้นมา ทำให้กลิ่นนี้ไม่หวานฉ่ำกลีบกุหลาบเหมือนแบรนด์อื่นๆ พอผ่านช่วงนี้ไป เราได้กลิ่นของช่อดอกไม้จางๆเบาๆ กลิ่นที่เด่นที่เราจับได้ คือดอกลิลลี่ และกุหลาบที่พ่วงกลิ่นของดอกโบตั๋นค่ะ ช่วงกลางกลิ่นนี้เอง อยู่ไม่ค่อยนานเท่าไหร่ กลิ่นถัดไปที่เริ่มตีขึ้นมาคือกลิ่นของไม้จันทน์ และไม้ซีดาร์ ก่อนที่จะตบท้ายด้วยมัสก์แบบจางๆเบาๆ
กลิ่นนี้ทนราวๆ 4-6 ชั่วโมง มาแบบเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไม่โฉ่งฉ่างนะคะ ราวกับผู้หญิงบุคลิคเรียบร้อยแสนหวาน แต่แอบซ่าเบาๆ กลิ่นค่อนข้างติดผิว ไม่ฟุ้งมากมาย ได้กลิ่นเรื่อยๆ เอื่อยๆค่ะ
สามารถใช้ในยามทำงานค่ะ เราว่ากลิ่นมาแนว Old Style สาววัยทำงานขึ้นไป จะและดูภูมิฐาน เหมาะมากกว่าสาวน้อยใสๆค่ะ วันทำงาน วันหยุด ใช้ได้หมดเลย แต่ยามกลางคืน กลิ่นออกจะเรียบร้อยไปนิดนึงนะคะ
มาต่อที่ขวดที่สองดีกว่า กับ Ambre Eau de Parfum
กลิ่นนี้มาในโทนของพี่สาวผู้เคร่งขรึมแต่แอบเซ็กซี่ของตัว Magic Rose นะคะ ด้วยโทนกลิ่นแนวโอเรียนทอลหวานๆจากโน้ตกลิ่นด้านล่างค่ะ
Top Notes : Bergamot, Freesia, Green Notes, Geranium.
Middle Notes : Rose, Jasmine, Magnolia, Lily of the Valley.
Base Notes : Vanilla, Cedarwood, Amber, Musk.
วูบแรกที่ได้กลิ่น ค่อนข้างบาดจมูกเล็กน้อยกับกลิ่นของมะกรูด แต่แค่แวบเดียวค่ะ หลังจากนั้นก็เริ่มได้กลิ่นของกุหลาบและมะลิมาแบบเบาๆ กลิ่นของดอกพุดผ่านๆมา แล้วหลังจากนั้น กลิ่นวานิลลาก็เริ่มกระจาย มาพร้อมกับไม้ซีดาร์ ชวนให้ดูลึกลับ และความหวานจากแอมเบอร์ ที่ชวนให้ดูน่าค้นหามากขึ้น ก่อนที่จะกลายเป็นกลิ่นมัสก์ แบบแป้งหอมจางๆ ส่งกลิ่นทิ้งไว้ยามเดินผ่าน
กลิ่นนี้มาแบบ Old Style อย่างเห็นได้ชัด ทำให้นึกถึงสาววัยกลางคน ใส่ชุดสีดำพร้อมสร้อยไข่มุก นั่งจิบชายามบ่ายพร้อมสุนัขคู่ใจค่ะ หากสาวๆใช้กลิ่นนี้ต้องเป็นคนมั่นใจพอประมาณนะคะ เพราะกลิ่นไม่ค่อยถูกจริตคนไทยเท่าไหร่
ความคงทน ได้ 4-6 ชั่วโมงเช่นเคยค่ะ ฟุ้งในช่วง Top, Middle แล้วเป็นกลิ่นติดผิวในช่วงท้าย ตัวเราเองมองว่ากลิ่นท้ายหอมนะคะ ความสูงวัยหายไปกับช่วงต้นๆกลิ่นเสียหมดค่ะ
มาที่ตัวต่อไปเลยนะคะ กับ Miss Charrier
Top notes : galbanum, bergamot, lemon and cassis
Middle notes : jasmine, tuberose, ylang-ylang and orange blossom
Base notes : vetiver, sandalwood, cedar and vanilla.
โทนกลิ่นที่คุ้นเคย ด้วยกลิ่นเปิดของเหล่ามะกรูด มะนาว และกลิ่นกลางของมะลิ ดอกส้ม ซ่อนกลิ่น กระดังงา ทำให้เรานึกถึงเหล่าๆชาแนลที่ตัดกลิ่นของแพชชูลีออกไป กลิ่นนี้ทำให้เรานึกถึงกลิ่นแป้งหอมที่คุณแม่ของเราใช้ตอนเด็กๆ (ซึ่งบัดนี้ ก็ยังคงนึกไม่ออกว่ายี่ห้ออะไร ถามไปก็จำกันไม่ได้ละค่ะ) และปลายกลิ่นที่ไม่ดูหรูหรามากเกินไป เพราะได้ความสดชื่นจากหญ้าแฝกและมวลไม้หอม บวกกับวานิลลา ทำให้กลิ่นอบอุ่นมากยิ่งขึ้นค่ะ
ความคงทนราว 4-6 ชั่วโมงเลยค่ะ มาแบบสบายๆ เราว่ากลิ่นนี้จะดูสาวกว่าตัว Ambre นะคะ เหมือนนั่งกั้นกลางไว้อยู่ แต่ก็ยังคงเป็นกลิ่นแนววินเทจ สาวๆใช้ต้องเบามือนิดนึงนะคะ
ความฟุ้งกระจาย จะมากกว่าตัว Magic Rose กับ Ambre อยู่หน่อยจ้ะ
กลิ่นถัดมา เป็นกลิ่นที่สดชื่นที่สุดในกลุ่มเลย มาแนว ฟลอรัล อควอติก กับ Versant
Top notes : Lotus, Freesia, Cyclamen, Melon.
Middle Notes : Peony, Carnation, Lily, Lily of the Valley.
Base notes : Sandalwood, Musk, Cedarwood, Amber.
กลิ่นนี้เปิดตัวแบบชัดๆจากกลิ่นของดอกบัว และเมลอน ให้ความรู้สึกเขียวสดเหมือนกับนั่งในสวนที่ฝนเพิ่งจะหยุดไปค่ะ มีกลิ่นของลิลลี่ คาร์เนชั่น โบตั๋นลอยมาเบาๆ ผสมกับไม้หอมและมัสก์ เป็นกลิ่นที่ใช้ง่าย และรู้สึกผ่อนคลายที่สุดในกลุ่มนี้ค่ะ
ความคงทนได้แค่ 3-5 ชั่วโมง แบบเบาๆนะคะ กลิ่นไม่ฟุ้ง ออกเป็นแนวติดผิวเสียมากกว่า เหมาะกับวันพักผ่อน ไม่อยากคิดมาก เราว่าตัวนี้นี่เหมาะเลยค่ะ อ่อ ชายหนุ่มก็ใช้ได้นะคะ กลิ่นนี้ ไม่ออกสาวจ๋าเหมือนกลิ่นอื่นๆค่ะ
และมาถึงตัวสุดท้าย กับ Embarras น่าเสียดายที่กลิ่นนี้เราไม่สามารถหาข้อมูลโน้ต มาให้เพื่อนอ้างอิงได้นะคะ แต่ว่าเป็นอีกกลิ่นที่น่าลองพอสมควรค่ะ
หากนับเหล่าน้ำหอมเหมือนพี่สาวน้องสาว เรามองว่าพี่คนโต คือ Ambre คนรอง คือ Embarras น้องสาม คือ Miss Charrier และน้องน้อยคือ Magic Rose
เพราะเปิดมากับกลิ่นมะกรูด กุกลาบ เจอราเนียม มาแบบเรื่อยๆ แต่ที่ทำให้แต่งต่าง คือกลิ่นอบเชย ที่เพิ่มความหวานให้กับกลิ่นมากขึ้น เลยดูเหมือนพี่สาวคนรองที่ค่อนข้างเรียบร้อย ขี้อาย และมองพี่ๆน้องอย่างห่างๆค่ะ กลิ่นของอบเชยค่อนข้างชัดตั้งแต่กลางกลิ่นจนไปถึงปลายกลิ่นที่เสริมให้นุ่มละมุนมากขึ้นจากเหล่าไม้หอมนั่นเอง
ความติดทนไม่ต่างจากตัวอื่นมาก อยู่ที่ 4-6 ชั่วโมง และก็ไม่ได้ฟุ้งกระจายเท่าไหร่ค่ะ มาแนวเรื่อยๆมาเรียงๆเสียมากกว่า แต่ก็ยังคงความวินเทจอยู่ในกลิ่นนะคะ เรามองว่ากลิ่นนี้ใส่ออกงานได้ ดินเนอร์ได้ แต่ท่องราตรียังไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่ค่ะ
จบกลิ่นจากเซตไปแล้ว มาดูที่กลิ่นอื่นบ้างนะคะ