[CR] เชียงใหม่ ม่อนแจ่ม 3วัน3คืน "นายขา....หนูขอลา....ค่ะ" ตอนที่ 1

สืบเนื่องจากสาวออฟฟิศ2คนที่มีนิสัยต่างกันคนละขั้ว ถ้าเปรียบคงเป็นเหมือนสีเทากับสีแสด เคยไหมคะที่บางทีเวลาเราทุกข์ใจมากๆต้องหาใครสักคนให้คุยและระบายความทุกข์นั้นออกไป และช่วยให้ความคิดเยอะแยะในหัวมันเบาบางขึ้น หนึ่งคนแค่รับฟังก็พอไม่ต้องออกความเห็นใดๆ จากการสนทนาปัญหาต่างๆนานา...ภายในรถของสองสาวก็ทำให้เกิด ทริปเร่งด่วนเล็กๆนี้ขึ้น  “ นายขา..หนูขอลา...ค่ะ”
สรุปครั้งนี้เราจะไปพักกายพักใจที่เชียงใหม่ 3 คืน 3 วัน ทั้งๆที่เป็นช่วงหน้าฝนนี่แหละค่ะ เราใช้เวลาเตรียมตัวกัน ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ทั้งเริ่มหาตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และทำตารางเที่ยวล่วงหน้าเพียง 1 วัน  จากนี้จะเป็นบันทึกการท่องเที่ยวของ2สาวออฟฟิศ ที่จะพาทุกท่านทิ้งความเศร้า,ทิ้งโต๊ะทำงานสักแป๊บ แล้วไปเที่ยวเชียงใหม่กับเราสองคนกันค่ะ

17.00 น.เย็นวันพฤหัสบดี ที่ 28 ก.ค.59 ได้เวลาเลิกงาน เรามุ่งหน้าไปสนามบินกันค่ะ เราเผื่อเวลาเดินทางกันเหนียวไว้พอสมควรจากออฟฟิศไปสนามบินก็ตามมีตามเกิดนะคะ แท็กซี่บ้าง ขอติดรถรุ่นพี่ที่ออฟฟิศมาบ้าง

ถึงสนามบินแล้ว มีเวลาเมาส์มอยหอยสังข์ หาร้านคนน้อยๆนั่งล่ะกันเน๊อะ มาสนามบินเย็นพฤหัสแบบนี้มันก็ดีตรงคนไม่เยอะทำอะไรสบายไปหมด สนับสนุนเที่ยววันธรรมดาอีก1เสียงค่ะ


เราโชคดีที่ได้ตั๋วเครื่องบินขาไปราคาประหยัดHappyม๊ากมาก เราใช้บริการสายการบินปีกเหลือง  คือการเดินทางไปรอบนี้ประทับใจมากเพราะอาหารว่างบนสายการบินรอบนี้ อร่อย หรืออาจจะเป็นเพราะเราหิวอ่ะเปล่าไม่รู้



ถึงเชียงใหม่ประมาณ 21.30 น. รอรุ่นน้องมารับไปส่งที่พักกัน ระหว่างรอ....ถ่ายรูปเล่นซิค่ะ

รถมารับแล้วเล่นตัวค่ะไม่ยอมเข้าที่พัก ขอสำรวจเมืองนิดนึง ที่แรกที่ไป คือต้องบอกก่อนว่าหนึ่งใน2คนนี้มีไม่เคยเที่ยวเชียงใหม่เลยดังนั้นทุกนาทีที่อยู่เชียงใหม่จึงมีค่า เราต้องอัดสถานที่เข้าไปค่ะ


“ขัวเหล็ก” เป็นสถานที่แรกที่พานางไปชม บรรยากาศแม่น้ำปิงยามค่ำคืน ตอนกลางคืนเค้าเปิดไฟประดับสะพาน ในส่วนตัวก็ถือว่าโอนะคะ แต่เอ๊ะ!!มีเสียงหนึ่งดังออกมา “เหมือนไฟล่อแมงดาอ่ะพี่” เออ...นะบางสีก็เหมือนแฮะ...ปล่อยผ่านนะคะ  อิอิ

ใกล้ๆขัวเหล็กมีร้านนั่งชิลด้วย ชื่อร้าน “BAR BUS” ตกแต่งร้านตามรูปเลยค่ะ ร้านนี้ไม่มีรั้วกั้นตรงตลิ่งที่ติดน้ำหากเมามีเฮแน่ๆ


หลังจากนั่งรถเล่นพอสมควร เราก็มาถึงที่พักกันแล้วค่ะ คืนนี้ขอเสนอที่นอน ที่คิดกันแล้วว่าแค่ซุกหัวนอนเท่านั้น  คือ Basic Line Hotel at Loikroh  ถ.ลอยเคราะห์ ซ.1 ราคาเพียง 400 บาทเท่านั้น ปลื้มมากๆๆ  ตอนจองที่พักนี้รู้ข้อมูลของถนนเส้นนี้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร เพราะคนไทยไม่นิยมพักแถวนี้ค่ะ นั่นคือจุดประสงค์หลักของเรา อิอิ



เช็คอินเสร็จเอากระเป๋าไปเก็บห้องกันค่ะ เฮ้ยๆสภาพห้องไม่ขี้เหร่นะคะ เตียงแฝด ฟูกดี หมอนดี ผ้าห่อมดี แอร์เย็น มีน้ำอุ่นผ่านแล้วค่ะ นอนกันแค่4-5 ชั่วโมงราคานี้ปลื้ม แถมพนักงานที่นี่บริการดีมากๆๆดีกว่าโรงแรมหรูซะอีก ค่ะ ดันค่ะ

เก็บของเสร็จรีบไปเดินเล่นรอบๆคูเมืองเชียงใหม่ดีกว่า ตั้งใจว่าจะไปกินแฮมเบอร์เกอร์ร้านดังแถวๆนั้น ดันมาไม่ทันร้าน  แอบเสียใจนิดๆ ไม่เป็นไรไปเชียงใหม่รอบหน้าเจอกันค่ะ



บรรยากาศแถวๆประตูท่าแพ ดึกๆมีคนมาถ่ายรูปพอสมควร

ฝากรูปให้หนุ่มเชียงใหม่ซะหน่อย...อิอิ



เดินๆหาของกินไปเรื่อยเฮ้ยสะดุดตาที่ร้านรถเข็น มีชาวต่างชาตินั่งกินอยู่ด้วย ยืนอ่านเมนูเฮ้ย! รถคันแค่นี้เธอขายอาหารสารพัดเลยอ่ะ ส้มตำ อาหารตามสั่ง นานาชาติเลยค่ะ


เซอร์ไพรซ์กว่าเดิมคนขายเป็นพม่า ขายมา10ปีแล้ว คนขายอารมณ์ดีมาก คืออยากนั่งตรงนี้ก็ต้องลองชิมฝีมือซิคะ สั่งอะไรที่มันกินง่ายๆล่ะกัน ผัดไทย รสชาติไม่แย่แต่ไม่เหมือนผัดไทยที่กรุงเทพ อ่ะ  ปรุงสักหน่อย ก็ได้อยู่ ราคา 40 บาทกับวิวประตูท่าแพยามค่ำคืนที่มีแต่ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน มันก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบแฮะ
กินผัดไทยไปยังไม่พอเดี๋ยวมาเชียงใหม่ไม่ครบ เราเลยโบกรถสามล้อไปชิม “ไก่ทอดเที่ยงคืน” กันค่ะ  

ไปถึงร้านคนเยอะวุ้ย ซื้ออย่างไรล่ะที่นี้ ไหลตามคนหน้าเลยค่ะ
จัดไก่กับไส้ทอดมา รสดีใช้ได้ออกจะหนักเค็มไปนิดๆเราซื้อกลับมากินที่พักกันค่ะ ก่อนขึ้นห้องแฮะๆๆ อย่างเดินผ่านเฉยๆมันจะใช้สถานที่ไม่ครบ อิอิ
สำหรับคืนนี้ขอพักเอาแรง พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวม่อนแจ่มกันค่ะ..... โปรดติดตามความฮา....ของเราสองคนต่อไป คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
*****
เช้าวันที่1 เราจะไปม่อนแจ่มกันค่ะ ซึ่งช่วงกลางคืนนั้นมีฝนตกนิดหน่อยค่ะ ทำให้บรรยายกาศเช้านี้ไม่ค่อยใสเท่าไหร่ ซึ่งเราทำใจกันแล้วเพราะมันคือฤดูฝน เราต้องสนุก! เช้านี้เราหารถเช่าจากในอินเตอร์เน็ทนี่แหละค่ะ ต่อรองราคาค่าพาเที่ยวรวมน้ำมัน อยู่ที่ 1500 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มแล้วเพราะเราจะเดินทางขึ้นม่อนแจ่มกันเช้ามืด  หากรอเช่ารถขับเองมันเสียเวลาและไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร รถมารับสองสาวแล้วค่ะ Toyota Camry ถือว่าโอเคค่ะ พร้อมพลขับ1ท่าน อู้คำเมืองล่ะจ้าววววว




โอ้ว...มาถึงม่อนแจ่มแล้ว ลืมทำการบ้านว่ามีเวลาปิดเปิดด้วยหรอ....รอค่ะ ระหว่ารอเราก็ขึ้นไปเก็บบรรยากาศอีกมุมหนึ่งของม่อนแจ่ม ใช้ได้เลย


ได้เวลาประตูเปิดแล้วไม่รอช้ารีบเข้าไปชื่นชมบรรยากาศกันค่ะ


บอกเลยว่าไม่เคยมาม่อนแจ่มเลยนี่เป็นครั้งแรกและประทับจั๋ยยยยย.....มากกก...คะหนาดดด...












เดินวนบนม่อนแจ่มเป็นชั่วโมง ถ่ายรูปอย่างเมามันจนได้ยินเสียง ฟ้าร้อง ฝนเริ่มลงเม็ด กลับรถสิคะ หันมาเห็น ....อุ๊ย...ต๊าย...ตาย.... ชะนีดีใจน้ำตาจะไหล มีผู้ชายเอาร่มคันใหญ่มารับ โอ๊ยๆๆประทับจั๊ยยยย อีกแล้ว

ระหว่างลงจากม่อนแจ่มจะเจอร้านกาแฟเล็กๆราคาเบาๆ แต่วิวหลักล้านค่ะ ซึ่งยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ ถ้ามองจากภายนอกน่าจะชื่อ “อินเลิฟ”เพราะมีตัวหนังสือคำว่า LOVE  อยู่หน้าร้านใหญ่พอสมควร เจ้าของบอกวันนี้หมอกแรง ถ้าไม่มีหมอกจะเห็นภูเขาซ้อนกันเป็นสิบๆลูกเลยนะคะแอบเถียงในใจ เห็น แค่นี้ก็ฟินแล้วเสียค่าสถานที่ดูวิวไป 40 บาทเป็นค่าชาเขียว






จากนั้นอ้ายพลขับพานั่งรถเล่นกะว่าจะไปผากก แต่ฝนดันตกและต้องเดินเท้าต่ออีก เกือบกิโล สองสาวจึงตัดสินใจไม่ไปก็ได้ค่ะ เราเปลี่ยนใจไปนั่งชิลหาของอร่อยกินที่ “ปานวิมาน เชียงใหม่ สปา รีสอร์ท” พอมาถึง ประทับใจตั้งแต่พี่รปภ.เลยค่ะ ทักทายด้วยสีหน้าท่าทางที่เป็นมิตรและสุภาพมากๆ  ทันใดนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ขับรถกอล์ฟมารับไปที่ร้านอาหารค่ะ เฮ้ยๆๆมันดีอ่ะ อากาศเย็นสบายมากกก




และแล้วก็ต้องจบตอนที่1 ติดตามตอนที่ 2 ได้ที่นี่เลยค่ะ  http://ppantip.com/topic/35530706
ชื่อสินค้า:   ลาพักร้อน ไปซ่อมกายและใจที่เชียงใหม่ ตอนที่ 1
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่