สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
อ่านเจอกระทู้ของน้องแล้วพี่ถึงกับวางโทรศัพท์มือถือแล้วเปิดคอมฯขึ้นมาเพื่อจะได้พิมพ์ตอบถนัดๆเลยทีเดียวค่ะ55
ตอบตรงที่น้องถามก่อนนะ
1.ตอนสมัครงานมีผลนิดหน่อย แต่ไม่ได้จำเป็นว่าไม่ทำกิจกรรมอะไรแล้วเค้าจะไม่รับนะ ถ้าน้องตอบคำถามได้ดี มีเกรดที่ดี มีบุคลิกภาพที่ดี เป็นพี่ๆก็อยากรับมาทำงานอยู่แล้ว
2.ไม่ไวไปค่ะ นิสัยหาเงินเก่งเก็บเงินเก่งแบบน้อง อนาคตสดใสแน่ ปรบมือให้ดังๆ
3.การใช้ชีวิตของแต่ละคนมันไม่มีสูตรสำเร็จหรอกว่าแบบไหนคือแบบที่ดีสุด
แต่ในมุมมองของพี่ ถ้าเราเอาแต่เรียนแล้วก็ทำงานเก็บตังค์อย่างเดียวในช่วงชีวิตนี้อย่างเดียวเลย
เป็นพี่ พี่ก็เสียดายแทนนะ เพราะวันนึงพอน้องผ่านช่วงเหล่านี้ไป วันนึงเห็นคนอื่นเค้าทำอะไรกันเยอะแยะช่วงวัยรุ่น
น้องอาจจะเสียดายอย่างที่รุ่นพี่คนนั้นเค้าว่ามาก็ได้ (หรืออาจจะไม่รู้สึกอะไรก็ได้ อันนี้แล้วแต่คน อย่าซีเรียสๆ)
ชีวิตพี่คล้ายๆน้องหลายอย่างเลยค่ะ เป็นเด็กบ้าทำงานพิเศษบ้าเก็บเงินให้ได้เยอะๆ ไม่ค่อยออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง
ระหว่างเรียน เวลาเรียนพี่ก็เรียนเต็มที่ เลิกเรียนหรือวันหยุดก็ไปสอนพิเศษ หรือไม่ก็รับจ้อบอื่นๆตามโอกาส
มีขายของทางอินเตอร์เน็ตบ้าง ทำงานเขียนบ้าง งานอดิเรกก็เล่นหุ้นกองทุน ฯลฯ
(แต่บ้าหาเงินแบบเงียบๆนะ ที่บ้านพี่จนต้องหาเงินใช้เอง ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทกันจริงๆจะไม่รู้เลยว่าพี่ทำงานหาเงินหนักมาก
คนภายนอกชอบมองว่าบ้านรวย เพราะพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินตอนที่ต้องจ่ายเงินรุ่น เงินซื้อหนังสือซื้อชีทหรืออะไรที่
ทางคณะเรียกเก็บเลย มีข้าวของเครื่องใช้ดีๆหลายอย่าง ไปต่างประเทศอยู่บ่อยๆด้วย)
แต่..พี่เป็นเด็กกิจกรรมด้วยค่ะ ทำทั้งค่ายคณะ ค่ายมหาวิทยาลัย ค่ายนอกมหาวิทยาลัย
ส่วนใหญ่ออกแนวค่ายอาสา(ตอนเด็กๆพี่ได้รับมาเยอะ โตขึ้นก็อยากเป็นผู้ให้บ้าง) ปิดเทอมก็ไปฝึกงานสั้นๆเพื่อหาประสบการณ์
แล้วก็แบ่งเวลาไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อเป็นรางวัลชีวิตตัวเองอีกปีละ 2 ครั้ง
นอกจากเก็บออมอย่างเคร่งครัด พี่ก็แบ่งเงินซื้อของดีๆให้พ่อแม่ใช้เสมอ พาท่านไปเที่ยวบ้าง
นานๆทีตัวเองก็มีไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง(ส่วนใหญ่ก็เป็นช่วงฝึกงานที่กันเวลาไว้ฝึกงานแล้วขอพักการติวเตอร์กับน้องที่สอนเอาไว้)
ตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยมา ถ้าให้คำนวณค่าใช้จ่ายตรงที่เสียไปจากการให้รางวัลตัวเองดังกล่าวแล้วก็เยอะพอสมควร
แต่ถามว่าเสียดายไหม พี่ไม่เคยรู้สึกเสียดายมันเลย เพราะการใช้ชีวิตอย่างที่ว่ามันให้อะไรที่พี่ตีค่าเป็นเงินไม่ได้มาเยอะกว่ามาก
ถ้าไม่ทำกิจกรรม พี่คงไม่รู้จักเพื่อนต่างคณะอีกมากมายที่ทุกวันนี้ยังมีขอความช่วยเหลือพวกมันได้อยู่บ้างเวลาอยากได้ข้อมูลเฉพาะด้าน
คงไม่มีรูปภาพที่พอกลับไปดูแล้วก็นั่งขำกับวีรกรรมตัวเองในช่วงนั้นๆให้คิดถึง คงไม่เจอกับเพื่อนที่ผ่านร้อนหนาวด้วยกันจนซึ้งใจกันจนถึงทุกวันนี้
คงไม่ได้มีเรื่องคุยกับเพื่อนที่ทำงานหรือคนอื่นๆได้หลายเรื่องมากขนาดนี้ คงไม่มีไอเดียที่จะทำนู่นนี่จากการที่ได้ไปเปิดหูเปิดตามากอย่างนี้
คงไม่ได้ยิ้มได้ตลอดที่เวลากลับไปโรงเรียนหรือกลับไปคณะแล้วมีรุ่นน้องที่สนิทกันวิ่งมาหาหรือมาคุยด้วยแบบสนิทสนม ฯลฯ
ก้าวแรกที่จะเลือกทำอะไรใหม่ๆที่เราไม่เคยทำและบางทีมันดูจะเป็นเรื่องเสี่ยงและต้องลงทุนเสียเงินเสียเวลากับมัน มันยาก
แต่ทุกครั้งที่น้องรู้สึกลังเลว่าจะทำหรือไม่ทำ ถ้าคิดดีแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหรือเป็นสิ่งที่ก็ไม่ได้ผิดไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
มีประโยคนึงที่อาจจะช่วยปลุกความกล้าให้น้องได้นะคะ เพราะพี่ใช้บ่อยมากๆจนทุกวันนี้
>>'เสียดายที่ทำดีกว่าเสียดายที่ไม่ได้ทำ' ค่ะ
ฟังไว้หลายๆความเห็น แล้วคิดตามในแบบที่เป็นตัวเองดู
ขอให้เจอคำตอบของการใช้ชีวิตที่ตัวเองตามหาอยู่ไวๆนะคะ
ตอบตรงที่น้องถามก่อนนะ
1.ตอนสมัครงานมีผลนิดหน่อย แต่ไม่ได้จำเป็นว่าไม่ทำกิจกรรมอะไรแล้วเค้าจะไม่รับนะ ถ้าน้องตอบคำถามได้ดี มีเกรดที่ดี มีบุคลิกภาพที่ดี เป็นพี่ๆก็อยากรับมาทำงานอยู่แล้ว
2.ไม่ไวไปค่ะ นิสัยหาเงินเก่งเก็บเงินเก่งแบบน้อง อนาคตสดใสแน่ ปรบมือให้ดังๆ
3.การใช้ชีวิตของแต่ละคนมันไม่มีสูตรสำเร็จหรอกว่าแบบไหนคือแบบที่ดีสุด
แต่ในมุมมองของพี่ ถ้าเราเอาแต่เรียนแล้วก็ทำงานเก็บตังค์อย่างเดียวในช่วงชีวิตนี้อย่างเดียวเลย
เป็นพี่ พี่ก็เสียดายแทนนะ เพราะวันนึงพอน้องผ่านช่วงเหล่านี้ไป วันนึงเห็นคนอื่นเค้าทำอะไรกันเยอะแยะช่วงวัยรุ่น
น้องอาจจะเสียดายอย่างที่รุ่นพี่คนนั้นเค้าว่ามาก็ได้ (หรืออาจจะไม่รู้สึกอะไรก็ได้ อันนี้แล้วแต่คน อย่าซีเรียสๆ)
ชีวิตพี่คล้ายๆน้องหลายอย่างเลยค่ะ เป็นเด็กบ้าทำงานพิเศษบ้าเก็บเงินให้ได้เยอะๆ ไม่ค่อยออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง
ระหว่างเรียน เวลาเรียนพี่ก็เรียนเต็มที่ เลิกเรียนหรือวันหยุดก็ไปสอนพิเศษ หรือไม่ก็รับจ้อบอื่นๆตามโอกาส
มีขายของทางอินเตอร์เน็ตบ้าง ทำงานเขียนบ้าง งานอดิเรกก็เล่นหุ้นกองทุน ฯลฯ
(แต่บ้าหาเงินแบบเงียบๆนะ ที่บ้านพี่จนต้องหาเงินใช้เอง ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทกันจริงๆจะไม่รู้เลยว่าพี่ทำงานหาเงินหนักมาก
คนภายนอกชอบมองว่าบ้านรวย เพราะพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินตอนที่ต้องจ่ายเงินรุ่น เงินซื้อหนังสือซื้อชีทหรืออะไรที่
ทางคณะเรียกเก็บเลย มีข้าวของเครื่องใช้ดีๆหลายอย่าง ไปต่างประเทศอยู่บ่อยๆด้วย)
แต่..พี่เป็นเด็กกิจกรรมด้วยค่ะ ทำทั้งค่ายคณะ ค่ายมหาวิทยาลัย ค่ายนอกมหาวิทยาลัย
ส่วนใหญ่ออกแนวค่ายอาสา(ตอนเด็กๆพี่ได้รับมาเยอะ โตขึ้นก็อยากเป็นผู้ให้บ้าง) ปิดเทอมก็ไปฝึกงานสั้นๆเพื่อหาประสบการณ์
แล้วก็แบ่งเวลาไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อเป็นรางวัลชีวิตตัวเองอีกปีละ 2 ครั้ง
นอกจากเก็บออมอย่างเคร่งครัด พี่ก็แบ่งเงินซื้อของดีๆให้พ่อแม่ใช้เสมอ พาท่านไปเที่ยวบ้าง
นานๆทีตัวเองก็มีไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง(ส่วนใหญ่ก็เป็นช่วงฝึกงานที่กันเวลาไว้ฝึกงานแล้วขอพักการติวเตอร์กับน้องที่สอนเอาไว้)
ตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยมา ถ้าให้คำนวณค่าใช้จ่ายตรงที่เสียไปจากการให้รางวัลตัวเองดังกล่าวแล้วก็เยอะพอสมควร
แต่ถามว่าเสียดายไหม พี่ไม่เคยรู้สึกเสียดายมันเลย เพราะการใช้ชีวิตอย่างที่ว่ามันให้อะไรที่พี่ตีค่าเป็นเงินไม่ได้มาเยอะกว่ามาก
ถ้าไม่ทำกิจกรรม พี่คงไม่รู้จักเพื่อนต่างคณะอีกมากมายที่ทุกวันนี้ยังมีขอความช่วยเหลือพวกมันได้อยู่บ้างเวลาอยากได้ข้อมูลเฉพาะด้าน
คงไม่มีรูปภาพที่พอกลับไปดูแล้วก็นั่งขำกับวีรกรรมตัวเองในช่วงนั้นๆให้คิดถึง คงไม่เจอกับเพื่อนที่ผ่านร้อนหนาวด้วยกันจนซึ้งใจกันจนถึงทุกวันนี้
คงไม่ได้มีเรื่องคุยกับเพื่อนที่ทำงานหรือคนอื่นๆได้หลายเรื่องมากขนาดนี้ คงไม่มีไอเดียที่จะทำนู่นนี่จากการที่ได้ไปเปิดหูเปิดตามากอย่างนี้
คงไม่ได้ยิ้มได้ตลอดที่เวลากลับไปโรงเรียนหรือกลับไปคณะแล้วมีรุ่นน้องที่สนิทกันวิ่งมาหาหรือมาคุยด้วยแบบสนิทสนม ฯลฯ
ก้าวแรกที่จะเลือกทำอะไรใหม่ๆที่เราไม่เคยทำและบางทีมันดูจะเป็นเรื่องเสี่ยงและต้องลงทุนเสียเงินเสียเวลากับมัน มันยาก
แต่ทุกครั้งที่น้องรู้สึกลังเลว่าจะทำหรือไม่ทำ ถ้าคิดดีแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหรือเป็นสิ่งที่ก็ไม่ได้ผิดไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
มีประโยคนึงที่อาจจะช่วยปลุกความกล้าให้น้องได้นะคะ เพราะพี่ใช้บ่อยมากๆจนทุกวันนี้
>>'เสียดายที่ทำดีกว่าเสียดายที่ไม่ได้ทำ' ค่ะ
ฟังไว้หลายๆความเห็น แล้วคิดตามในแบบที่เป็นตัวเองดู
ขอให้เจอคำตอบของการใช้ชีวิตที่ตัวเองตามหาอยู่ไวๆนะคะ
ความคิดเห็นที่ 3
ตอบอย่างคนที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นมาอย่างสุดเหวี่ยง ใช้ชีวิตมหาลัยนานมากกก ซิ่ว ไทร์ เปอร์มาครบ
1.ไม่มีผลครับ เพื่อน/รุ่นพี่ พอถึงเวลาหาเขาก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน แต่ละคนแค่หาทางไปให้ตัวเองก็หืดจับแล้ว , ตอนสัมภาษณ์งาน คุณสามารถบอกได้ว่าที่ไม่ได้ทำกิจกรรมเพราะมัวทำงานพิเศษควบคู่ไปด้วย เป็นคำตอบที่ให้ความรู้สึกที่ดีกว่ามากด้วยซ้ำ
2.ไม่ไวไปครับ ผมก็ทำงานตั้งแต่ปี1อายุ17 ต่างกันที่ผมใช้วินาศสันตะโรไม่มีความคิดจะเก็บจนไปหมดตัววูบเดียวเป็นล้านเอาเมื่อตอนปี5...การทำงานหาเงินใช้เองคู่ไปกับการเรียนช่วยให้มุมมองในการใช้ชีวิตของเราต่างกับเพื่อน ๆ อยู่บ้าง
3.ไม่ครับ....พอโตขึ้นมาผมพบว่าหลายคนที่เขาใช้ชีวิตวัยรุ่นอยู่กับการเรียน , ทำงาน และความชอบของตัวเอง พอโตขึ้นมากลับมีแก่นที่แข็งแกร่งกว่า รู้จักเลือกและมีกำลังที่จะหาความคุ้มค่าให้ชีวิตตัวเองได้เป็นจริงกว่า....มาก ๆ ....
1.ไม่มีผลครับ เพื่อน/รุ่นพี่ พอถึงเวลาหาเขาก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน แต่ละคนแค่หาทางไปให้ตัวเองก็หืดจับแล้ว , ตอนสัมภาษณ์งาน คุณสามารถบอกได้ว่าที่ไม่ได้ทำกิจกรรมเพราะมัวทำงานพิเศษควบคู่ไปด้วย เป็นคำตอบที่ให้ความรู้สึกที่ดีกว่ามากด้วยซ้ำ
2.ไม่ไวไปครับ ผมก็ทำงานตั้งแต่ปี1อายุ17 ต่างกันที่ผมใช้วินาศสันตะโรไม่มีความคิดจะเก็บจนไปหมดตัววูบเดียวเป็นล้านเอาเมื่อตอนปี5...การทำงานหาเงินใช้เองคู่ไปกับการเรียนช่วยให้มุมมองในการใช้ชีวิตของเราต่างกับเพื่อน ๆ อยู่บ้าง
3.ไม่ครับ....พอโตขึ้นมาผมพบว่าหลายคนที่เขาใช้ชีวิตวัยรุ่นอยู่กับการเรียน , ทำงาน และความชอบของตัวเอง พอโตขึ้นมากลับมีแก่นที่แข็งแกร่งกว่า รู้จักเลือกและมีกำลังที่จะหาความคุ้มค่าให้ชีวิตตัวเองได้เป็นจริงกว่า....มาก ๆ ....
แสดงความคิดเห็น
"ใช้ชีวิตแบบนี้ระวังเสียดายเวลานะ" คำพูดของรุ่นพี่คนนึงที่ทำชีวิตฉันหาทางไปต่อไม่เจอ
ตอนนี้หนูอยู่ปี 2 แล้วค่ะ มหาลัยรัฐแห่งหนึ่ง กิจกรรมของมอก็มีทำบ้าง มีเพื่อนไม่กว้างขวางนักเพราะไม่ได้ทำกิจกรรมแบบใหญ่ๆของมอ พวกรับน้อง พี่กิจกรรมไรแบบนี้ไม่ได้ทำเลยค่ะ เลยไม่มีฟีลแบบออกจากหอตอนเย็นๆไปสังสรรค์ ไปกินข้าวด้วยกัน ไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนอะไรแนวนี้เลย ตอนปี 1 ก็ไม่ได้เข้ารับน้อง เพราะไม่ค่อยชอบเสียงดังๆกับความวุ่นวายเท่าไร ตอนนี้ก็รับสอนพิเศษเป็นงานอดิเรกอย่างเดียวเลยค่ะ สอนตั้งแต่ปี 1 เก็บเงินตลอด ชีวิตในมอตอนนี้เลยมีแค่เพื่อนที่เป็นรูมเมทที่อยู่กันมาแต่ปี 1 (สนิทแค่นี้จริงๆคนในมอ) ทำงานเก็บเงิน เรียน อ่านหนังสือ ดูรายการทีวีผ่อนคลายไปเรื่อยๆ ว่างๆก็มีออกไปเปิดหูเปิดตาตามที่ต่างๆบ้าง ถ่ายรูป ทำอะไรไปเรื่อยเลยค่ะ แต่ทุกกิจกรรมคือทำคนเดียวหมด ซึ่งตัวหนูเองก็โอเคกับมัน จนวันนึงที่ไปนั่งกินข้าวกับเพื่อนและแฟนเพื่อนโดยบังเอิญ แฟนเพื่อนเขาเป็นรุ่นพี่น่ะค่ะ เขาพอรู้ว่าหนูไม่ค่อยออกเที่ยว (เพราะหนูไม่รู้จักร้านอาหารเด็ดๆนอกมอเท่าไร เขาเลยรู้ว่าหนูไม่ใช่คนเที่ยวน่ะค่ะ) เขาก็เลยทิ้งข้อความไว้ให้ว่า ใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบนี้ระวังจะเสียดายทีหลังนะ เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่เจอคำพูดแบบนี้ หนูเลยหยุดชะงักคิดไปพักใหญ่เลย เกิดเควสชั่นมาร์คบนหัวเต็มไปหมด แต่หนูก็เคยถามแม่หนูเองนะคะ ว่าทำงานพิเศษตั้งแต่อายุเท่านี้แย่ไหม ซึ่งแม่บอกว่าไม่แย่ ดีกว่าด้วยแต่ต้องแยกแยะเวลาเรียนกับงานให้เป็น (หนูทำงานพิเศษมาตั้งแต่มอสี่แล้วค่ะ มอสี่ทำอยู่แมค มอห้าไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ พอกลับมามอหกก็ยังไปทำที่ซเวนเซ่น พอขึ้นมหาลัยก็เปิดสอนพิเศษอีก คือหนูเหมือนโรคจิตหน่อยๆตรงที่อยู่ว่างๆไม่ได้ ชอบหางานให้ตัวเองทำ พอว่างก็เตรียมแผนการสอน ค้นนู้นนี่นั่นในเน็ตเพิ่มจนเวลาว่างแทบไม่มีตลอดเลยค่ะ แต่ก็เริ่มคิดมากเพราะคำพูดรุ่นพี่นี่แหละ แหะๆ)
หนูสงสัยว่า..
1.ไม่ทำกิจกรรมของมหาลัย ไม่รู้จักรุ่นพี่ เพื่อนเยอะๆกว้างๆจะมีผลตอนสมัครงานไหมคะ? ตอนสมัครงานเขามีถามไหมว่าเคยทำกิจกรรมของมหาลัยหรือเปล่าอะไรแบบนี้?
2. ทำงานเก็บเงินตั้งแต่ตอนนี้ไวไปหรือเปล่าคะ? หนูควรไปเที่ยวกับเพื่อน ไปกินข้าว ไปแฮงค์เอ้าท์ เข้าสังคมใหญ่ๆหรือเปล่า?
3. ที่หนูเป็นอยู่ตอนนี้เสียเวลาชีวิตวัยรุ่นไหมอ่าคะ? ถ้าโตไปจะเสียดายเวลาจริงๆหรือ?
รบกวนด้วยนะคะ พี่ๆในพันทิป อยากได้เป็นแนวทางหน่อยค่ะว่าแบบไหนถึงเรียกว่าดีกว่า เพราะตัวหนูเองก็ยังอายุไม่มาก ประสบการณ์ชีวิตยังต่ำ ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่คือการเสียเวลาชีวิตหรือว่าทำถูกแล้ว ตอนนี้สับสนมากเลยค่ะ ㅠㅠ
ปล.มาเรียนไกลบ้านนี่แย่จัง คิดถึงแม่จะแย่ ㅠㅠ
ปล.2 ติดแท็กปัญหาชีวิตเพราะหนูคิดเรื่องนี้มาหลายอาทิตย์แล้วค่ะ หาคำตอบไม่เจอสักที / ติดแท็กชีวิตวัยรุ่นด้วยเพราะหนูน่าจะวัยรุ่นนะคะ อายุเลข 2 พอดีปีนี้ แหะๆ / ติดแท็กมหาวิทยาลัย อยากได้คำแนะนำรุ่นพี่ที่อยู่มานานกว่าค่ะ / ติดแท็กครอบครัวเพราะอยากเห็นมุมมองของคุณพ่อคุณแม่และฝั่งผู้ใหญ่ + คิดถึงคนที่บ้านด้วยค่ะ ㅠㅠ (ไม่เกี่ยวเลยเนอะ)