สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวพันทิพทุกคน วันนี้เราจะมาชวนไปเที่ยว “พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน” พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของโรงพยาบาลศิริราชกันค่ะ พร้อมแล้วตามมาเลยคร่า
การเดินทางไปพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สามารถนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่ารถไฟ หรือนั่งรือข้ามฟากมาลงที่ท่าวังหลัง จากท่าวังหลังจะต้องเดินผ่านโรงพยาบาลศิริราชก่อน จึงจะถึงพิพิธภัณฑ์นี้ค่ะ หากมาทางรถประจำทางก็มาลงที่หน้าโรงพยาบาลศิริราชได้เลย
ครั้งนี้เราเลือกเดินทางด้วยทางเรือค่ะ ข้ามฟากมาจากท่าพระจันทร์ จากนั้นก็เดินลัดเลาะผ่านโรงพยาบาลศิริราชมาจนมาถึงที่นี่ค่ะ
ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ดัดแปลงมาจากสถานีรถไฟธนบุรีเดิม โดยได้ปรับปรุงให้มีความสวยงาม โดยคงตัวสถาปัตยกรรมเดิมไว้ เป็นสีเหลืองสลับกับอิฐสีส้ม แล้วยังมีหอนาฬิกาสูงอยู่ด้านข้าง ส่วนหน้าพิพิธภัณฑ์ยังนำหัวรถจักรรุ่นโบราณมาจัดแสดง เราเลยกดชัตเตอร์ไปรัวๆ เลยค่ะ นานๆ ได้เห็นรถไฟแบบนี้ที (อิอิ) ใกล้ๆ กันเป็นที่ตั้งของศาลาทรงไทยแบบจตุรมุข ประดิษฐานพระบรมรูป ร.5 ทรงอุ้มเจ้าฟ้าศิริราชฯ มีธารน้ำล้อมรอบ นอกจากนี้ยังปรับทัศนียภาพบริเวณนี้ให้กลายเป็นสวนที่สวยงาม เรานั่งเล่นรับลมเย็นๆ ถ่ายรูปเพลินไปเลยแหละ
จากนั้นมาชมข้างในกันค่ะ ห้องแรกคือ “ห้องศิริสารประพาส” ที่นำเสนอเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์โดยรวมผ่านวิดีทัศน์และสิ่งจัดแสดงต่างๆ ได้ทั้งความรู้และเพลิดเพลินมากๆ เลยล่ะค่ะ
ห้องถัดมาเป็นห้อง “ศาสราวุธห้องโบราณราชศัตรา” ซึ่งจัดแสดงศาสตราวุธหลากหลายชนิดและหลากหลายชาติพันธุ์ที่ทรงคุณค่า ทำให้เราได้เห็นของเก่าที่ถูกเก็บไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ ซึ่งห้องนี้จะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ใครอยากเห็นว่างดงามเพียงใด ก็ต้องมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง
“ห้องคมนาคมบรรหาร” เป็นห้องที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของการสร้างสถานีรถไฟแห่งนี้ เหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนมาถึงปัจจุบัน โดยจัดแสดงในระบบ 4 มิติ จึงได้ทั้งความตื่นเต้น สนุกสนานและความรู้ไปพร้อมๆ กัน
จากนั้นเราก้าวขึ้นสู่ชั้น 2 ซึ่งเป็นส่วนของประวัติความเป็นมาของโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย ชั้นนี้เองที่เรามีโอกาสได้เรียนรู้ถึงร่างกายมนุษย์ เพราะมีภาพจำลองของอาจารย์ใหญ่ คือบุคคลที่อุทิศร่างกายของตัวเองเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ใช้เรียน, ห้องจำลองการผ่าตัด เป็นการจำลองการผ่าตัดแบบย้อนยุค ให้ได้รู้ว่าเครื่องไม้เครื่องมือ และบุคลากรที่ทำงานในห้องผ่าตัดมีใครบ้าง ได้ลองฟังเสียงปอด เสียงหัวใจที่เต้น เราชอบชั้นนี้มากที่สุดเลย เพราะได้ความรู้ใหม่ๆ เยอะแยะไปหมด และทำให้รู้ว่ากว่าจะเรียนจบออกมาเป็นหมอ เพื่อรักษาคนไข้นั้นไม่ใช่ง่ายๆ เลย
ใช่ว่าที่นี่จะมีเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ให้ได้เรียนรู้กันอย่างเดียว เพราะห้องถัดมาเป็นห้องที่ว่าด้วยเรื่องราวของสมุนไพรไทย ที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ได้เช่นกัน โดยจัดแสดงในรูปแบบของร้าน “โอสถวัฒนา” เป็นอันสิ้นสุดการชมพิพิธภัณฑ์ในส่วนนี้
จากนั้น เรามุ่งหน้าไปยังอาคาร 3 ซึ่งจัดแสดงวิถีของคนในชุมชนย่านบางกอกน้อย มีหุ่นจำลองสมเด็จพระพุฒาจารย์โต อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตาราม ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนในสมัยนั้นจวบจนปัจจุบัน ในห้องนี้จำลองสภาพวิถีชีวิต ร้านค้า โรงละคร และร้านอาหาร
ส่วนห้องตรงข้ามกันนั้นจัดแสดงเรือโบราณขนาดใหญ่ ซึ่งมีความยาวถึง 24 เมตร และจัดว่าเป็นเรือไม้ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเท่าที่เคยขุดค้นได้
ออกจากพิพิธภัณฑ์ด้วยเวลาประมาณ 4 โมงเย็นพอดี สามารถหาของอร่อยๆ กินได้ที่ตลาดวังหลัง ซึ่งมีอาหารคาวหวานที่ขึ้นชื่อมากมาย อาทิ ก๋วยจั๊บญวณ, อรทัย ซูชิ, วังหลังเบเกอร์รี, ลูกชิ้นปลาทอด, กล้วยปิ้ง โจ๊ก, ข้าวมันไก่ หรือจะเด่นเล่นช้อปปิ้งต่อก็ได้นะตัวเธอว์
จบวันเดย์ทริปกรุงเทพฯ วันนี้ด้วยงบ 127 บาท ที่อิ่มเอมไปด้วยความสนุกและประทับใจสุดๆ แล้วออกไปเที่ยวกันนะคะ
ค่ารถ (ไป-กลับ) 31 บาท
ค่าเรือข้ามฟาก 6 บาท
ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ 80 บาท
ค่าน้ำ 10 บาท
รวม 127 บาท
ฝากเพจเล็กๆ ของเราด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/EatAndTravelWithTT/
ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้ง : โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กกรุงเทพฯ
เปิด : วันจันทร์, พุธ-อาทิตย์ (หยุดวันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 10.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก (ไม่เกิน 18 ปี) 25 บาท ต่างชาติ 200 บาท เด็กสูงไม่เกิน 120 ซม. เข้าฟรี
[CR] “พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน” ดาวดวงใหม่ย่านวังหลัง
การเดินทางไปพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สามารถนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่ารถไฟ หรือนั่งรือข้ามฟากมาลงที่ท่าวังหลัง จากท่าวังหลังจะต้องเดินผ่านโรงพยาบาลศิริราชก่อน จึงจะถึงพิพิธภัณฑ์นี้ค่ะ หากมาทางรถประจำทางก็มาลงที่หน้าโรงพยาบาลศิริราชได้เลย
ครั้งนี้เราเลือกเดินทางด้วยทางเรือค่ะ ข้ามฟากมาจากท่าพระจันทร์ จากนั้นก็เดินลัดเลาะผ่านโรงพยาบาลศิริราชมาจนมาถึงที่นี่ค่ะ
ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ดัดแปลงมาจากสถานีรถไฟธนบุรีเดิม โดยได้ปรับปรุงให้มีความสวยงาม โดยคงตัวสถาปัตยกรรมเดิมไว้ เป็นสีเหลืองสลับกับอิฐสีส้ม แล้วยังมีหอนาฬิกาสูงอยู่ด้านข้าง ส่วนหน้าพิพิธภัณฑ์ยังนำหัวรถจักรรุ่นโบราณมาจัดแสดง เราเลยกดชัตเตอร์ไปรัวๆ เลยค่ะ นานๆ ได้เห็นรถไฟแบบนี้ที (อิอิ) ใกล้ๆ กันเป็นที่ตั้งของศาลาทรงไทยแบบจตุรมุข ประดิษฐานพระบรมรูป ร.5 ทรงอุ้มเจ้าฟ้าศิริราชฯ มีธารน้ำล้อมรอบ นอกจากนี้ยังปรับทัศนียภาพบริเวณนี้ให้กลายเป็นสวนที่สวยงาม เรานั่งเล่นรับลมเย็นๆ ถ่ายรูปเพลินไปเลยแหละ
จากนั้นมาชมข้างในกันค่ะ ห้องแรกคือ “ห้องศิริสารประพาส” ที่นำเสนอเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์โดยรวมผ่านวิดีทัศน์และสิ่งจัดแสดงต่างๆ ได้ทั้งความรู้และเพลิดเพลินมากๆ เลยล่ะค่ะ
ห้องถัดมาเป็นห้อง “ศาสราวุธห้องโบราณราชศัตรา” ซึ่งจัดแสดงศาสตราวุธหลากหลายชนิดและหลากหลายชาติพันธุ์ที่ทรงคุณค่า ทำให้เราได้เห็นของเก่าที่ถูกเก็บไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ ซึ่งห้องนี้จะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ใครอยากเห็นว่างดงามเพียงใด ก็ต้องมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง
“ห้องคมนาคมบรรหาร” เป็นห้องที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของการสร้างสถานีรถไฟแห่งนี้ เหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนมาถึงปัจจุบัน โดยจัดแสดงในระบบ 4 มิติ จึงได้ทั้งความตื่นเต้น สนุกสนานและความรู้ไปพร้อมๆ กัน
จากนั้นเราก้าวขึ้นสู่ชั้น 2 ซึ่งเป็นส่วนของประวัติความเป็นมาของโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย ชั้นนี้เองที่เรามีโอกาสได้เรียนรู้ถึงร่างกายมนุษย์ เพราะมีภาพจำลองของอาจารย์ใหญ่ คือบุคคลที่อุทิศร่างกายของตัวเองเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ใช้เรียน, ห้องจำลองการผ่าตัด เป็นการจำลองการผ่าตัดแบบย้อนยุค ให้ได้รู้ว่าเครื่องไม้เครื่องมือ และบุคลากรที่ทำงานในห้องผ่าตัดมีใครบ้าง ได้ลองฟังเสียงปอด เสียงหัวใจที่เต้น เราชอบชั้นนี้มากที่สุดเลย เพราะได้ความรู้ใหม่ๆ เยอะแยะไปหมด และทำให้รู้ว่ากว่าจะเรียนจบออกมาเป็นหมอ เพื่อรักษาคนไข้นั้นไม่ใช่ง่ายๆ เลย
ใช่ว่าที่นี่จะมีเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ให้ได้เรียนรู้กันอย่างเดียว เพราะห้องถัดมาเป็นห้องที่ว่าด้วยเรื่องราวของสมุนไพรไทย ที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ได้เช่นกัน โดยจัดแสดงในรูปแบบของร้าน “โอสถวัฒนา” เป็นอันสิ้นสุดการชมพิพิธภัณฑ์ในส่วนนี้
จากนั้น เรามุ่งหน้าไปยังอาคาร 3 ซึ่งจัดแสดงวิถีของคนในชุมชนย่านบางกอกน้อย มีหุ่นจำลองสมเด็จพระพุฒาจารย์โต อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตาราม ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนในสมัยนั้นจวบจนปัจจุบัน ในห้องนี้จำลองสภาพวิถีชีวิต ร้านค้า โรงละคร และร้านอาหาร
ส่วนห้องตรงข้ามกันนั้นจัดแสดงเรือโบราณขนาดใหญ่ ซึ่งมีความยาวถึง 24 เมตร และจัดว่าเป็นเรือไม้ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเท่าที่เคยขุดค้นได้
ออกจากพิพิธภัณฑ์ด้วยเวลาประมาณ 4 โมงเย็นพอดี สามารถหาของอร่อยๆ กินได้ที่ตลาดวังหลัง ซึ่งมีอาหารคาวหวานที่ขึ้นชื่อมากมาย อาทิ ก๋วยจั๊บญวณ, อรทัย ซูชิ, วังหลังเบเกอร์รี, ลูกชิ้นปลาทอด, กล้วยปิ้ง โจ๊ก, ข้าวมันไก่ หรือจะเด่นเล่นช้อปปิ้งต่อก็ได้นะตัวเธอว์
จบวันเดย์ทริปกรุงเทพฯ วันนี้ด้วยงบ 127 บาท ที่อิ่มเอมไปด้วยความสนุกและประทับใจสุดๆ แล้วออกไปเที่ยวกันนะคะ
ค่ารถ (ไป-กลับ) 31 บาท
ค่าเรือข้ามฟาก 6 บาท
ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ 80 บาท
ค่าน้ำ 10 บาท
รวม 127 บาท
ฝากเพจเล็กๆ ของเราด้วยนะคะ https://www.facebook.com/EatAndTravelWithTT/
ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้ง : โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กกรุงเทพฯ
เปิด : วันจันทร์, พุธ-อาทิตย์ (หยุดวันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 10.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก (ไม่เกิน 18 ปี) 25 บาท ต่างชาติ 200 บาท เด็กสูงไม่เกิน 120 ซม. เข้าฟรี