ช่วยตรวจด้วยนะครับ หัดเเต่งนิยายเเฟนตาซี

ปุยเมฆสีขาวนวลลอยล่องเคียงคู่สุริยัน สายลมอ่อนๆพัดโชยกลิ่นหอมของดอกไม้ อากาศชวนรื่นรมย์นี้ชวนให้ผมก้าวขาออกจากบ้าน อันที่จริงบ้านของผมเป็นหลังไม้แคบๆที่ตั้งอยู่ในป่าขนาดใหญ่เหมือนกระท่อมของคนสวน หลังคามุงด้วยหญ้าแห้งพอกันแดดกันฝนได้บ้าง มีประตูไม้อัดบานเดียวสำหรับทางเข้าออก ผมเดินออกมาอย่างไร้จุดหมายเพราะการเดินทางในแต่ละครั้งของผมไม่เคยเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากแต่สิ่งต่างๆรอบข้างตัวของผมมักจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างและย้ายที่อยู่ด้วยตัวของมันเองเสมอ มีเพียงต้นสักอายุราวพันปีเท่านั้นแหละที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม หรืออย่างน้อยก็เท่าที่ผมรู้ กิ่งหลักทั้งสี่ของมันชี้ทิศทางได้อย่างแม่นยำ กิ่งแรกที่อยู่แนวเดียวกับตาของมันพอดีจะพาไปยัง ดิน กิ่งที่สอง สาม และ สี่ที่เรียงกันตามเข็มนาฬิกาจะชี้นำไปสู่ น้ำ ลม ไฟ  ความหมายของ ดิน คือดินแดนอีกแห่งที่แยกตัวออกจากป่าที่ดูเหมือนจะไร้ขอบเขตแห่งนี้ ไฟ คือ ทิศทางที่ส่งผ่านความร้อนยามอรุณรุ่ง หรือก็คือ ทิศตะวันออก น้ำ และ ลม หมายถึง ทิศของสายน้ำและสายลม นั่นทำให้ผมต้องหามันให้เจอซะก่อน
แสงตะวันส่องผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้มาที่พื้นดินเกิดเป็นรูปลูกธนูหัวแหลมราวกับผู้นำทาง ในแต่ละก้าวที่ผมก้าวเดินตามภาพศรที่ส่องสว่างส่งเสียงกรอบแกรบของกิ่งไม้เล็กๆที่หล่นอยู่ตามพื้นหักไปตามแรงเหยียบ เมื่อผมเดินต่อไปยังทิศทางเดิมจนเหมือนจะสุดขอบเขตของป่า แสงแดดอ่อนๆปะทะกับพื้นโดยตรง ภาพเบื้องหน้าเป็นทะเลทรายกว้างขวางรูปวงกลม ป่าไม้เรียงรายแบ่งขอบเขตของดินทรายและดินร่วน ท่ามกลางพื้นทรายปรากฏเงาขนาดมหึมาซึ่งเป็นของต้นไม้เพียงต้นเดียว

     มันคือเงาของต้นสักที่ตามหา     

ผมย่างกรายเข้าไปใกล้ๆกับต้นสักพันปี ร่มเงาแผ่กว้างออกไปไกลช่วยให้บริเวณนั้นร่มรื่นและชุ่มชื้น เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปมองจะเห็นใบสีเขียวชอุ่มปรกอยู่ตามกิ่งก้านสาขา ยามที่ผมกวาดสายตาหากิ่งหลักของมัน กิ่งที่สามค่อยๆโน้มตัวทอดไปข้างหน้าชักนำให้ผมก้าวเดินไปทางนั้น ไปยังทิศทางแห่งสายน้ำ ผมเดินทางข้ามทะเลทรายขนานไปกับแนวกิ่ง จนกระทั่งข้ามมาถึงฝั่งของต้นไม้แปลกตาที่ยื่นดอกออกใบเชยชมถนนหนทาง ดินส่วนนี้เป็นชนิดเดียวกับที่กระจายอยู่รอบต้นสัก ต้นไม้ละแวกนี้จึงดูคล้ายพืชจำพวกกระบองเพชรแต่เป็นลักษณะที่สูงกว่าและลำต้นไม่อวบ อะไรบางอย่างดลใจให้ผมหันกลับไปมองเส้นทางที่เดินมา ทิวทัศน์ที่ปรากฏคือสภาพของพื้นดินที่เอียงลาดลงไปเหมือนเนินเขาทำให้มองเห็นแม้กระทั่งต้นสัก  สีของดินจากน้ำตาลอ่อนไล่ขึ้นมาจนดำทมิฬ จากผิวเรียบละเอียดกลับหยาบกร้านมีศิลาสีมืดน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่ว แต่สิ่งที่ทำให้ผมตะลึงมากที่สุดคือภาพของทุ่งดอกทิวลิบสีม่วงที่เห็น ดอกไม้สีม่วงเหล่านั้นเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบยังกับที่ถูกปลูกโดยช่างฝีมือจากสวิสเซอร์แลนด์   ผมหันหน้ากลับเพื่อที่จะเดินต่อก็พบว่าทางข้างหน้าเป็นเหวลึก ไม่มีทางให้เดินต่อแล้ว จุดที่ยืนอยู่นี้สูงชันเหมือนอยู่บนหน้าผา ผมกวาดตามองไปรอบๆท่ามกลางทะเลหมอกที่ปกคลุมจากเบื้องล่าง ชวนให้คิดว่าที่ตรงนั้นมืดมัวและว่างเปล่า มันน่าจะมีลำธารแถวๆนี่สิน่า ผมพยายามมองหาที่ๆน่าจะมีสายวารี แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงครืนดังมาจากข้างหลัง ผืนดินที่ห่างออกไปราวห้าเมตรยุบตัวลงอย่างรวดเร็วราวกับจะเทดอกทิวลิบพวกนั้นลงไปฝังในหลุม ดอกไม้สีม่วงล้มเอียงลงไปตามรอยแยก ใบไม้ใบดอกฉีกขาดยับเยิน หินสีดำสนิทขนาดใหญ่หลายๆก้อนแตกระแหงถมลงไปกองรวมกับซากเหล่านั้น รอยแยกที่เกิดขยายขนาดขึ้นมาก แม่น้ำที่หลับใหลอยู่เบื้องล่างโผล่ขึ้นมาแทรกรอยแยกนั้น จากน้ำที่ซึมเข้ามาตามร่องกระทั่งระดับน้ำแนบไปกับแนวดิน เกิดเป็นธารต้นน้ำกำเนิดชีวิต ผมเดินตรงดิ่งไปที่ลำธาร สิ่งที่เห็นข้างหน้าช่วยยืนยันว่าผมยังถูกต้องอยู่ เสียงน้ำเซาะไปที่หินกับก้อนกรวดฟังสบายหู ดอกไม้และต้นไม้ทั้งสองฟากฝั่งปรับเปลี่ยนตัวเป็นไม้ชนิดใหม่
         ในขณะที่ผมเดินอยู่ท่ามกลางสายน้ำเชี่ยวกรากขนาบด้วยสองฟากผืนดินที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ธารน้ำใสสะอาดราวกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธ์ มองเห็นฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายอยู่ใต้ผิวน้ำและภาพสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของป่าอย่างชัดเจน โขดหินสีดำสนิทขนาดกว้างพอให้คนขึ้นไปเหยียบโผล่พ้นน้ำเรียงรายอยู่ทุกหนแห่ง สายตาผมเหลือบเห็นหญิงชราผู้หนึ่งที่อยู่ไกลออกไปทางต้นแม่น้ำ ใบหน้าเธอเหี่ยวย่น รูปร่างซูบผอมจนแทบเห็นกระดูก หญิงแก่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทันสมัยไม่สมวัย เป็นเสื้อแขนยาวสีขาวกระโปรงสีดำจีบรอบเหมือนชุดนักศึกษา ผมสีขาวสั้นดูยุ่งเหยิงคล้ายก้อนสำลี ท่อนขาลีบอ่อนแรงนั้นพยุงร่างยายเฒ่าบนโขดหินที่อยู่ใกล้แผ่นดินฝั่งขวามือของสายธารซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับที่เคยมีดอกทิวลิบสีม่วง ข้างตัวหญิงแก่มีไม้เท้าค้ำอยู่แม้เธอจะไม่ได้แตะต้องมันเลยก็ตาม นัยน์ตาสีโลหิตมองกลับมาเหมือนรู้ว่ามีสายตาจับจ้องอยู่ หยดน้ำสีแดงจำนวนมากเอ่อล้นจากเบ้าตา เธอร้องไห้งั้นเหรอ
          จู่ๆหมอกหนาทึบก็เคลื่อนเข้ามาบดบังเส้นทางเบื้องหน้า ผมเดินลากเท้าเพื่อไปที่หินก้อนนั้นเพื่อไปหาคุณยายคนนั้น แต่ในระหว่างที่ขาของผมเคลื่อนทานคลื่นน้ำผมได้มองไปที่ๆเธอน่าจะอยู่แต่กลับไม่มีวี่แววของคนอยู่เลย มือผมปัดๆไล่หมอกให้จางลง จนในที่สุดผมก็เดินมาจนถึงต้นน้ำ พลางสายตากวาดดูที่โขดหิน ไม่มีใครอยู่เลย มีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งคงเป็นของคุณยายคนเมื่อกี้ตกอยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่