ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 16 อุทยานแห่งชาติ Semuc Champey กัวเตมาลา
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=S97L3lEUBgc&index=19&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
https://www.youtube.com/watch?v=3d1Tz6WA02o&index=20&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
https://www.youtube.com/watch?v=wtJKNqSRzIc&index=21&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
วันจันทร์ที่ 27 มิ.ย. เราตื่นเช้า ฝนยังคงตกต่อเนื่องเราตัดสินใจกางร่ม ออกจากที่พักเดินไปอุทยานแห่งชาติ เซมัค ชามเป
เราต้องหลบแอ่งน้ำที่ขังบนถนน ไปเดินบนขอบที่มีหญ้าเต็มไปด้วยขี้โคลน มีรถมาจอด บอกว่า เซม้ค ชามเป 10 เก็ตซาเลส เราตัดสินใจขึ้นรถ บนรถมีคนชวนคุย ที่แท้เขาเป็นไกด์ พอไปถึง มีคนกัวเตฯ รออยู่เต็ม ยังไม่เปิดให้เข้า มีไกด์บอกเราว่า ต้องรอให้ 7 โมงก่อน พอถึง 7 โมง ไกด์ชวนเราเข้า เราถามว่า ค่าไกด์เท่าไร เขาบอกว่า ไม่ตายตัว จ่ายเป็นทิป เราบอกว่า เรามีเงิน Q น้อยมาก ไม่พอจ่ายค่าไกด์ เขาบอกว่า งั้นต้องรอ 08.00 น. อะ...รอก็รอ
เราได้ถ่ายรูปกับไกด์ Mynos อายุ 18 แม่ อายุ 35 เขามีน้องชาย 2 น้องสาว 1 คน พอยืนถ่ายรูปจึงรู้ว่า พวกเรากลายเป็นคนสูงขึ้นมาทันตาเห็น
เวลา 07.20 น. ไมนอส บอกว่า จ่ายเงิน คนละ 50 Q แล้วเข้าได้เลย เพราะจนท.มาแล้ว😥 มีค่าใช้จ่ายจนได้ สินะ 😞
พอเดินเข้าไป มีทางขึ้นด้านซ้าย ไปจุดชมวิว เดินตรงไปเป็นน้ำตก ก่อนถึงน้ำตก มีห้องคล้ายๆ ห้องน้ำบนลานหิน เป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้านล่างเปิดประมาณ 1 ฟุต จากพื้น เดินกัน 2 คน เดาๆ ไป ลงไปที่ 6 แอ่งตามภาพที่โชว์ คิดว่าเป็นโคลน กับน้ำแร่ มันกลายเป็นหินปูน เดินได้ ไม่ลื่น น้ำในแอ่งใสมาก แต่น้ำที่โจนลงมา และไหลอยู่ดูขุ่น
ผ่านจุดแรกที่เราคิดว่า จะอาบน้ำ สระผม แปรงฟัน เป็นอันพับไป เพราะฝนตก และ ห้ามใช้สารเคมีทุกชนิด สบู่ แชมพู ฯลฯ เขามีล็อคเกอร์ให้ใส่ของ มีสายยูให้คล้องกุญแจ เรานึกขึ้นได้อีก ว่า เราเจอหลายที่ที่เป็นแบบนี้ ถ้าพกกุญแจรหัสติดไปด้วย ก็คงดี ตอนเช้ายังไม่มีจนท. เราคิดว่า ฟรี 😋
เดินขึ้นไปที่น้ำโจน น้ำแรงมาก เขาทำเชือกกั้นให้เดินจับ กันตกลงไปในแอ่งน้ำโจน เดินขึ้นไปจุดชมวิว ห่างจากจุดนั้นขึ้นไป 700 เมตร เราไม่แน่ใจจึงหยุดพิจารณา มีชาวบ้านเดินมา เราถามว่า เราจะขึ้นต่อได้ไหม พวกเธอตอบว่า ไม่ได้ แล้วชี้ทางออก เรากำลังจะเดินออก มีหนุ่มสาวจากออสเตรีย กับ สเปน เดินมา เราถามว่า พวกเขาจะไปไหน พวกเขาบอกจะต่อไปที่จุดชมวิว เราจึงให้เขาเดินไปก่อน
ทางเดินขึ้นเป็นหิน เลียบเชิงเขาสูงชัน และมีบันไดไม้ทั้งชันและไม่ชัน หลายช่วง น้องขอเดินเร็วไปก่อน พอถึงทางสองแพร่ง เราหลงไปเจอชาวบ้านกำลังแบกของมาขาย พวกเธอห้ามเดินต่อ ให้เราตามพวกเธอไป
ไปเจอคนกวาดใบไม้ที่ไม่ให้เราขึ้นมาตอนแรก เพราะไม่เข้าใจภาษา เดินขึ้นด้วยความทุลัก ทุเล ช่วงที่ชันที่สุด นอกจากมีราวบันไดให้เกาะแล้ว เขายังทำเชือกเป็นปม ให้สาวขึ้นอีกต่างหาก...และแล้ว เราก็บรรลุ 😅...เจอจุดถ่ายรูป จุดแรก...ยัง....ยังไม่ใช่จุดสูงสุด....มีทางขึ้นต่อไป...หอบแฮ่กๆ กันต่อไป....เดินขึ้นต่อไปอีก....โอ้....ว้าวววว! เจอแล้ว....มันใช่เลย จุดที่เขาถ่าย แล้วเห็น แอ่งทั้ง 6 ชัดเจน
มีหนุ่มจากอาร์เจนติน่า มาถึงพอดี...ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย...คนตัวสูงพูดไม่ได้เป็นคนรับกล้องจากคนที่พูดได้ถ่ายให้เรา...มันสวยจริงๆ สมกับที่น้องออสเตรีย กับ สเปน บอกเราตอนเดินสวนลงไปว่า มหัศจรรย์!
ตอนเดินลง แม่ค้าที่บอกทางเรา กะขายมะม่วงกับแตงโมให้เรา แต่แม่เกิดงก เราจะจ่ายแบงค์ 5 ดอลล่าร์ แล้วให้ทอนเงิน Q ให้เราตามราคาจริง แต่แม่จะเอาหมด เราจึงไม่เอา...มะม่วงถุงละ 5 Q ซื้อ 2 ถุง จะเอาเงินเรา $ 5 มากไปมั้ย
เราเดินลงมาเรื่อยๆ จนถึง แอ่ง ที่จะเล่นน้ำ ลุงกำลังจะเอาของใส่ล็อคเกอร์ จนท. เดินมา บอกว่า 10 Q อะ...เอาเข้าไป...ทุกอย่างเป็นเงินหมด...ลุงแบกสัมภาระ เดินไป ให้ป้าเฝ้าของ ลุงลงเล่นน้ำ ให้ป้าถ่ายคลิป ท่ามกลางสายฝน....
ถ่ายวีดีโอเสร็จ ก็เดินพุงป่องกลับแบบไม่อายใคร ออกมาถึงอาคารที่คนรอประตูเปิด พอจนท. เห็นคนเดินมา รีบเดินไปประจำหน้าห้องน้ำ...เอ้า เอาอีกแล้ว! เงินจะซื้ออาหารกินก็ไม่มี จะต้องจ่ายค่าเข้าห้องน้ำอีก...ไม่เข้า...ทนเอา!
ก่อนถึงทางออก มีร้านค้า แม่ค้ากำลังย่างไก่ กับซี่โครงหมู ไปลุกโชน...มีแผ่นสังกะสีวางตรงกลาง สำหรับย่างแป้ง...ลุงบอกว่า ซื้อแป้งไว้ก่อน อย่างอื่น ค่อยว่า กันอีกที...เราควักแบงค์ 5 Q ให้ดู 2 ใบ เธอเอาแป้งให้เรา 3 แผ่น พอเพิ่มอีกใบ ให้เพิ่ม 3 แผ่น พอเพิ่มอีกใบ ให้เพิ่มมาอีก 2 แผ่น เราก็พูดไม่เป็น ได้แต่ชี้ๆ เจออีกแล้ว...วันก่อนก็ที่ฟลอเรส ทอนเงินขาดไป 25 ตังค์ อาศัยมั่วตอนเราไม่รู้ค่าเงิน
ยังมีเงินเหลืออีก 20.75 Q ป้าถามว่า ขาไก่อันละเท่าไร แม่ค้าบอก 25 Q ...ป้าแบมือให้ดูตังค์ เธอพยักหน้า ว่าได้....แต่ไก่ยังไม่สุก ทั้งแม่ทั้งลูกช่วยกันเอามีดแทงเข้าไปในเนื้อเพื่อให้เกิดช่องว่าง ที่ความร้อนจะเข้าไปได้ ไฟลุกโชนขนาดนั้น เป็นบ้านเราคงขายไม่ได้ แต่เมื่ออยู่ในสภาวะจำยอม ก็ต้องทน 😣 เธอหยิบถาดโฟมออกมา เปิดหม้อ ถามว่า เอานี่มั้ย? ป้าเดินไปดู มันเป็นข้าวผัด! ถ้ารู้แบบนี้ ก็จะไม่สั่งไก่ละซี....ป่าพยักหน้า เธอตักให้ช้อนเดียว! เย้ยยยย! แถมถั่วดำต้มอีก 1 ช้อน ก่อนเอาไก่ย่างร้อนๆ วาง...
แม่เธอถามว่า เอานี่มั้ย? ...เราเอาทุกอย่างแหละ อยากลอง...มัน คือ ซอสมะเขือเทศใส่เกลือ....ตอนยืนรอไก่อยู่ ป้าให้ลุงถ่ายวิดีโอ ตอนขออนุญาต เธอโบกมือไม่ให้ถ่าย แต่ลุงบอกว่า ถ่ายป้า พอลุงถายเสร็จ เธอขอดู เหมือนลุ้นว่า จะมีตัวเองมั้ย...ลุงบอกว่า แบ็ตอ่อน เปิดไม่ได้....แล้วเราก็ต้องเดินกลับ เพราะถามคนขับว่ารับดอลล่าร์มั้ย...เขาส่ายหน้า....
เดินออกไปข้ามสะพาน มีเด็กยืนดักขายอาหารกลางวัน น้ำ และช็อคโกแล็ต เราบอกว่า เรามีแล้ว...ช็อคโกแล็ตแผ่นบางๆ ห่อในกระดาษตะกั่ว แผ่นละ 5 Q แพงไปมั้ย? ปกติเราก็ไม่ซื้ออยู่แล้ว มาถามเราตอนไม่มีเงินอีก 😎
เดินกลับก็ได้ดูอะไรๆ ข้างทาง กับได้เห็นวัฒนธรรมเพิ่มเติม แวะถ่ายรูปริมแม่น้ำ ที่ไหลมาจากสายน้ำแคบๆ ใต้น้ำตก กลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ กว้าง ยาว ลึก น้ำไหลเชี่ยว ดูน่ากลัว 😐
ลุงแวะยิงกระต่าย ป้าแอบเก็บดอกไม้ข้างหลังร่ม พอเดินไปนานๆ จึงรู้ว่า บนเขารอบๆ มีคนอยู่ทุกที่ 😃....มีคนร้องทักจากบนเขา โอ๊หล่า...อาดิเยิส...แต่คนที่ขับรถยนต์ และขี่มอเตอร์ไซด์ผ่าน ล้วนทำเฉย ไม่มีใครเรียกขึ้นรถ 😞. ออกจากจุดเริ่มต้น เวลา 11.30 น. เดินขึ้นเนินที่ 2 เวลา 12.00 น. ลุงชวนแวะกินอาหารกลางวัน ตรงคันปูนกั้นท่อน้ำข้ามถนน เลยเห็นว่า คนที่อยู่บนเขาตะโกนเรียกกันให้พักเที่ยง เหมือนตอนเราไปคุมคนงานถางสวน เราไม่ต้องบอกเวลาพัก พวกเขาพักก่อนเราเสมอ 😃
ตอนที่เราขึ้นเนินที่ 4 มีทั้งความสูง ความชัน และความยาว ตรงทางสูงชัน ประมาณ100 เมตร มีการเทปูนเป็นแนวล้อรถ 2 ข้าง มีชาวบ้านขี่รถมอเตอร์ไซด์ผ่านเราไปเป็น 10 คัน ป้านึกถึงคนบ้านเรา เวลาเจอใครก็จะชวนซ้อนท้าย คนมีรถยนต์ก็ชวนขึ้นรถ แต่พวกเขาผ่านไปเฉย 😎
เดินลงจากเนินมหาวิบาก เจอสาวน้อย เดินออกจากบ้านมาทัก ลุงเห็นมีมะนาวร่วงใต้ต้น จึงขอเก็บ 2 ลูก เธออนุญาต ป้าทำเนียน ชี้ที่ต้นไม้แปลกๆ หน้าบ้านเธอ ขอถ่ายรูป เธออนุญาต ป้าเลยได้คืบเอาศอก ขอถ่ายรูปกับเธอ พอลุงกดชัตเตอร์แม่เธอ เดินออกมาพอดี ป้าร้องทักทาย แล้วรีบบอกลา กับขอบคุณ...สาวน้อยขอดูนาฬิกาข้อมือ ป้าให้ดู เธอตื่นเต้น รีบบอกแม่เธอ ส่วนป้ารีบโบกมือ บ๊ายบาย ก่อนเกิดอะไรต่อไป 🙂
เดินต่อไปเล็กน้อย เจอแอ่งน้ำกลางถนน ที่เราหลบตอนเช้า ดีใจว่าใกล้จะถึงที่พักแล้ว มีฝูงไก่งวงยืนอยู่ริมถนน ป้าร้องก๊อกๆ ไก่ก็ร้องตอบ ร้องกี่ครั้งก็ร้องตอบ แต่ค่อยๆ พากันถอยเข้าป่าจนหายไปหมด เราจึงรู้ว่า ขาไก่ที่เรากินเข้าไปเป็นขาไก่งวง มิน่า มันจึงเนื้อแน่น ขนาดแม่ค้าเลือกอันที่เล็กที่สุดให้เราแล้ว....
ถึงที่พักเวลา 13.00 น. ไฟดับ!!!! ห้องใต้หลังคา ร้อนมาก เราอาบน้ำท่ามกลางความมืด ของบ้านในดงไม้...ป้าต้องไปยืมไม้กวาด....เส้นพลาสติกบนปลายไม้ ไปกวาดที่พักเอง ตั้งแต่บันได จนถึงห้องนอน เพราะมันเขรอะมาก....
เจ้าของโรงแรม กับเมีย กำลังทำอาหารอยู่ในห้องมืดๆ พอพวกเขากินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว พ่อกับลูกก็เตะบอลกัน ส่วนแม่นั่งเซลฟี ผ้ายังคงตากอยู่ที่เดิม ตอนมีแดด ก็ไม่คลี่ออก พอฝนตก แม่เลือกเก็บเป็นบางผืน ดูหน้าตาแล้ว พวกเขายังเด็กๆ เหมือนไม่บรรลุวุฒิภาวะ แต่พ่อแม่มีตังค์ มีที่ทาง ให้พวกเขา ประกอบอาชีพ
พวกเรานั่งดูพ่อลูกเตะบอลหน้าร้านอาหารที่ไม่มีคน ในขณะที่พวกเรากำลังจะเริ่มทำงาน น้องบราซิล ก็เดินออกมาจากที่พัก ป้าถามว่า เพิ่งกลับจากน้ำตกเหรอ... พวกเขาบอกว่า เพิ่งตื่น และหิว พวกเขาสั่งอาหาร ต้องรอนานเป็นชั่วโมง Felipe เดินไปเอาเกมมาชวนเราเล่น บอกว่า ซื้อมาจากถนนข้าวสาร 150 บาท มันเป็นเกมฝึกสมาธิกับความมือเบา มันเป็นแท่งไม้สี่เหลี่ยมขนาดแท่งละ 3/4" x 2.5" แถวละ 3 อัน บรรจุในกล่อง กั้นหัว ท้าย ด้วยแผ่นไม้สี่เหลี่ยมจัตุรัส เวลาเล่น ดึงแผ่นไม้ด้านท้ายออก แล้วตั้งเป็นรูปตึกสูง ค่อยๆ ดึงแท่งไม้จากด้านล่างออกไปวางบนสุด ใครทำพังคนนั้นดื่ม แล้วก็เอาแท่งไม้ไปเรียงในกล่อง เริ่มเล่นใหม่เป็นคนแรก
ก่อนเล่น ป้าลุกไปเอาถุงอาหาร ที่เอาเงินใส่ไว้ บนโต๊ะที่เรานั่งก่อนที่น้องทั้งสองจะออกมา ปรากฏว่า ทั้งหมา และแมว ฉกอาหารของเราออกจากก้นถุง โธ่เอ๊ย!!!! ทำโรงแรม และร้านอาหาร แต่ปล่อยให้แมว กับ หมาอดอยาก ถึงกับแย่งอาหารของแขก...ส่วนเราก็อุตส่าห์ประหยัดกินแล้ว ยังโดนแย่งอีก...อ๊ะ ส่วนไหนที่เป็นขี้ปาก ก็เอาไปกินซะ! ลุงบอกว่า สงสารเมียจัง ไม่น่าพามาตกระกำลำบากแบบนี้เลย...มีปากก็พูดไป 😗
ในระหว่างที่นั่งเล่นกันอยู่ เฟลิปเป้ ถามเรื่องสถาบันขึ้นมา เราจึงถามเขากลับ แทนที่เราจะเล่า เราก็ให้เขาเล่า น้องสองคนผลัดกันเล่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งในกทม. และ ตจว. เป็นข้อมูลที่น่าสนใจทีเดียว ในขณะที่ป้ากำลังคิดว่า จะดึงแท่งไม้จากตรงไหนไปต่อดี เพราะเคาะตรงไหนก็เหมือนจะไม่รอด อาหารก็มาพอดี เราจึงขอตัว เพราะฝนลงเม็ดเปาะแปะ
น้องสองคนชิมอาหาร แล้วทำหน้าผิดหวัง พวกเขาบอกว่า มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการกิน ตอนนี้ป้ากำลัง คิดอยู่ว่า ผลไม้สีแดงรสหวาน ดอกสีขาวที่นักเรียนเอามาให้น้องเซลิเซ่ กิน คือ อะไร และ ก๋วยเตี๋ยวไม่มีน้ำ แต่ไม่ใช่ผัดไท ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วย คืออะไร และถนนฮัมบุตรี ใกล้ๆ ถนนข้าวสาร มัน คือ อะไร. สองพ่อลูกเด็ก ยังคงเล่นบอลต่อไป พอใกล้ 18.00 น. พวกเขาย้ายที่เล่นมาข้างที่พักเรา ลูกบอลลงหลังคาสังกะสี โครม แล้ว โครมเล่า ลุงโมโหที่จะนอนก็มีมารมาผจญ ลุงจึงร้องเสียงดัง ป้าห้ามก็ไม่ฟัง แต่ที่สำคัญ คือ ลุงอยากให้รู้มารยาท ของคนให้บริการ เด็กเลียนเสียงลุง แบบโมโห แล้วก็ย้ายที่เล่น ได้ยินเสียงน้อง เซลิเซ่ หัวเราะหึๆ น้องสองคนใจเย็นมาก คงรำคาญเหมือนกัน แต่ยังไม่ลงหลังคาที่พักตัวเอง จึงยังทนได้อยู่
ป้าเอ็ดลุงว่า เราต้องอาศัยให้เขาไปส่งตอนเช้า เขายิ่งไม่พูดกับเราอยู่...เหตุผล เพราะพวกเขาไม่ชอบคนที่ไม่พูดภาษาสเปน เพราะพวกเขาพูดไม่ได้ เขาจึงไม่ยินดีต้อนรับเรา ไม่ใส่ใจว่า เราจะทำอะไรบ้าง...เขาแค่ดูตั๋ว พาเราไปที่พัก แล้วก็จบ ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ
(ยังมีต่อ)
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ เมกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26ประเทศ 74วัน ตอน 16 อุทยาน Semuc Champey กัวเตมาลา
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=S97L3lEUBgc&index=19&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
https://www.youtube.com/watch?v=3d1Tz6WA02o&index=20&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
https://www.youtube.com/watch?v=wtJKNqSRzIc&index=21&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
วันจันทร์ที่ 27 มิ.ย. เราตื่นเช้า ฝนยังคงตกต่อเนื่องเราตัดสินใจกางร่ม ออกจากที่พักเดินไปอุทยานแห่งชาติ เซมัค ชามเป
เราต้องหลบแอ่งน้ำที่ขังบนถนน ไปเดินบนขอบที่มีหญ้าเต็มไปด้วยขี้โคลน มีรถมาจอด บอกว่า เซม้ค ชามเป 10 เก็ตซาเลส เราตัดสินใจขึ้นรถ บนรถมีคนชวนคุย ที่แท้เขาเป็นไกด์ พอไปถึง มีคนกัวเตฯ รออยู่เต็ม ยังไม่เปิดให้เข้า มีไกด์บอกเราว่า ต้องรอให้ 7 โมงก่อน พอถึง 7 โมง ไกด์ชวนเราเข้า เราถามว่า ค่าไกด์เท่าไร เขาบอกว่า ไม่ตายตัว จ่ายเป็นทิป เราบอกว่า เรามีเงิน Q น้อยมาก ไม่พอจ่ายค่าไกด์ เขาบอกว่า งั้นต้องรอ 08.00 น. อะ...รอก็รอ
เราได้ถ่ายรูปกับไกด์ Mynos อายุ 18 แม่ อายุ 35 เขามีน้องชาย 2 น้องสาว 1 คน พอยืนถ่ายรูปจึงรู้ว่า พวกเรากลายเป็นคนสูงขึ้นมาทันตาเห็น
เวลา 07.20 น. ไมนอส บอกว่า จ่ายเงิน คนละ 50 Q แล้วเข้าได้เลย เพราะจนท.มาแล้ว😥 มีค่าใช้จ่ายจนได้ สินะ 😞
พอเดินเข้าไป มีทางขึ้นด้านซ้าย ไปจุดชมวิว เดินตรงไปเป็นน้ำตก ก่อนถึงน้ำตก มีห้องคล้ายๆ ห้องน้ำบนลานหิน เป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้านล่างเปิดประมาณ 1 ฟุต จากพื้น เดินกัน 2 คน เดาๆ ไป ลงไปที่ 6 แอ่งตามภาพที่โชว์ คิดว่าเป็นโคลน กับน้ำแร่ มันกลายเป็นหินปูน เดินได้ ไม่ลื่น น้ำในแอ่งใสมาก แต่น้ำที่โจนลงมา และไหลอยู่ดูขุ่น
ผ่านจุดแรกที่เราคิดว่า จะอาบน้ำ สระผม แปรงฟัน เป็นอันพับไป เพราะฝนตก และ ห้ามใช้สารเคมีทุกชนิด สบู่ แชมพู ฯลฯ เขามีล็อคเกอร์ให้ใส่ของ มีสายยูให้คล้องกุญแจ เรานึกขึ้นได้อีก ว่า เราเจอหลายที่ที่เป็นแบบนี้ ถ้าพกกุญแจรหัสติดไปด้วย ก็คงดี ตอนเช้ายังไม่มีจนท. เราคิดว่า ฟรี 😋
เดินขึ้นไปที่น้ำโจน น้ำแรงมาก เขาทำเชือกกั้นให้เดินจับ กันตกลงไปในแอ่งน้ำโจน เดินขึ้นไปจุดชมวิว ห่างจากจุดนั้นขึ้นไป 700 เมตร เราไม่แน่ใจจึงหยุดพิจารณา มีชาวบ้านเดินมา เราถามว่า เราจะขึ้นต่อได้ไหม พวกเธอตอบว่า ไม่ได้ แล้วชี้ทางออก เรากำลังจะเดินออก มีหนุ่มสาวจากออสเตรีย กับ สเปน เดินมา เราถามว่า พวกเขาจะไปไหน พวกเขาบอกจะต่อไปที่จุดชมวิว เราจึงให้เขาเดินไปก่อน
ทางเดินขึ้นเป็นหิน เลียบเชิงเขาสูงชัน และมีบันไดไม้ทั้งชันและไม่ชัน หลายช่วง น้องขอเดินเร็วไปก่อน พอถึงทางสองแพร่ง เราหลงไปเจอชาวบ้านกำลังแบกของมาขาย พวกเธอห้ามเดินต่อ ให้เราตามพวกเธอไป
ไปเจอคนกวาดใบไม้ที่ไม่ให้เราขึ้นมาตอนแรก เพราะไม่เข้าใจภาษา เดินขึ้นด้วยความทุลัก ทุเล ช่วงที่ชันที่สุด นอกจากมีราวบันไดให้เกาะแล้ว เขายังทำเชือกเป็นปม ให้สาวขึ้นอีกต่างหาก...และแล้ว เราก็บรรลุ 😅...เจอจุดถ่ายรูป จุดแรก...ยัง....ยังไม่ใช่จุดสูงสุด....มีทางขึ้นต่อไป...หอบแฮ่กๆ กันต่อไป....เดินขึ้นต่อไปอีก....โอ้....ว้าวววว! เจอแล้ว....มันใช่เลย จุดที่เขาถ่าย แล้วเห็น แอ่งทั้ง 6 ชัดเจน
มีหนุ่มจากอาร์เจนติน่า มาถึงพอดี...ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย...คนตัวสูงพูดไม่ได้เป็นคนรับกล้องจากคนที่พูดได้ถ่ายให้เรา...มันสวยจริงๆ สมกับที่น้องออสเตรีย กับ สเปน บอกเราตอนเดินสวนลงไปว่า มหัศจรรย์!
ตอนเดินลง แม่ค้าที่บอกทางเรา กะขายมะม่วงกับแตงโมให้เรา แต่แม่เกิดงก เราจะจ่ายแบงค์ 5 ดอลล่าร์ แล้วให้ทอนเงิน Q ให้เราตามราคาจริง แต่แม่จะเอาหมด เราจึงไม่เอา...มะม่วงถุงละ 5 Q ซื้อ 2 ถุง จะเอาเงินเรา $ 5 มากไปมั้ย
เราเดินลงมาเรื่อยๆ จนถึง แอ่ง ที่จะเล่นน้ำ ลุงกำลังจะเอาของใส่ล็อคเกอร์ จนท. เดินมา บอกว่า 10 Q อะ...เอาเข้าไป...ทุกอย่างเป็นเงินหมด...ลุงแบกสัมภาระ เดินไป ให้ป้าเฝ้าของ ลุงลงเล่นน้ำ ให้ป้าถ่ายคลิป ท่ามกลางสายฝน....
ถ่ายวีดีโอเสร็จ ก็เดินพุงป่องกลับแบบไม่อายใคร ออกมาถึงอาคารที่คนรอประตูเปิด พอจนท. เห็นคนเดินมา รีบเดินไปประจำหน้าห้องน้ำ...เอ้า เอาอีกแล้ว! เงินจะซื้ออาหารกินก็ไม่มี จะต้องจ่ายค่าเข้าห้องน้ำอีก...ไม่เข้า...ทนเอา!
ก่อนถึงทางออก มีร้านค้า แม่ค้ากำลังย่างไก่ กับซี่โครงหมู ไปลุกโชน...มีแผ่นสังกะสีวางตรงกลาง สำหรับย่างแป้ง...ลุงบอกว่า ซื้อแป้งไว้ก่อน อย่างอื่น ค่อยว่า กันอีกที...เราควักแบงค์ 5 Q ให้ดู 2 ใบ เธอเอาแป้งให้เรา 3 แผ่น พอเพิ่มอีกใบ ให้เพิ่ม 3 แผ่น พอเพิ่มอีกใบ ให้เพิ่มมาอีก 2 แผ่น เราก็พูดไม่เป็น ได้แต่ชี้ๆ เจออีกแล้ว...วันก่อนก็ที่ฟลอเรส ทอนเงินขาดไป 25 ตังค์ อาศัยมั่วตอนเราไม่รู้ค่าเงิน
ยังมีเงินเหลืออีก 20.75 Q ป้าถามว่า ขาไก่อันละเท่าไร แม่ค้าบอก 25 Q ...ป้าแบมือให้ดูตังค์ เธอพยักหน้า ว่าได้....แต่ไก่ยังไม่สุก ทั้งแม่ทั้งลูกช่วยกันเอามีดแทงเข้าไปในเนื้อเพื่อให้เกิดช่องว่าง ที่ความร้อนจะเข้าไปได้ ไฟลุกโชนขนาดนั้น เป็นบ้านเราคงขายไม่ได้ แต่เมื่ออยู่ในสภาวะจำยอม ก็ต้องทน 😣 เธอหยิบถาดโฟมออกมา เปิดหม้อ ถามว่า เอานี่มั้ย? ป้าเดินไปดู มันเป็นข้าวผัด! ถ้ารู้แบบนี้ ก็จะไม่สั่งไก่ละซี....ป่าพยักหน้า เธอตักให้ช้อนเดียว! เย้ยยยย! แถมถั่วดำต้มอีก 1 ช้อน ก่อนเอาไก่ย่างร้อนๆ วาง...
แม่เธอถามว่า เอานี่มั้ย? ...เราเอาทุกอย่างแหละ อยากลอง...มัน คือ ซอสมะเขือเทศใส่เกลือ....ตอนยืนรอไก่อยู่ ป้าให้ลุงถ่ายวิดีโอ ตอนขออนุญาต เธอโบกมือไม่ให้ถ่าย แต่ลุงบอกว่า ถ่ายป้า พอลุงถายเสร็จ เธอขอดู เหมือนลุ้นว่า จะมีตัวเองมั้ย...ลุงบอกว่า แบ็ตอ่อน เปิดไม่ได้....แล้วเราก็ต้องเดินกลับ เพราะถามคนขับว่ารับดอลล่าร์มั้ย...เขาส่ายหน้า....
เดินออกไปข้ามสะพาน มีเด็กยืนดักขายอาหารกลางวัน น้ำ และช็อคโกแล็ต เราบอกว่า เรามีแล้ว...ช็อคโกแล็ตแผ่นบางๆ ห่อในกระดาษตะกั่ว แผ่นละ 5 Q แพงไปมั้ย? ปกติเราก็ไม่ซื้ออยู่แล้ว มาถามเราตอนไม่มีเงินอีก 😎
เดินกลับก็ได้ดูอะไรๆ ข้างทาง กับได้เห็นวัฒนธรรมเพิ่มเติม แวะถ่ายรูปริมแม่น้ำ ที่ไหลมาจากสายน้ำแคบๆ ใต้น้ำตก กลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ กว้าง ยาว ลึก น้ำไหลเชี่ยว ดูน่ากลัว 😐
ลุงแวะยิงกระต่าย ป้าแอบเก็บดอกไม้ข้างหลังร่ม พอเดินไปนานๆ จึงรู้ว่า บนเขารอบๆ มีคนอยู่ทุกที่ 😃....มีคนร้องทักจากบนเขา โอ๊หล่า...อาดิเยิส...แต่คนที่ขับรถยนต์ และขี่มอเตอร์ไซด์ผ่าน ล้วนทำเฉย ไม่มีใครเรียกขึ้นรถ 😞. ออกจากจุดเริ่มต้น เวลา 11.30 น. เดินขึ้นเนินที่ 2 เวลา 12.00 น. ลุงชวนแวะกินอาหารกลางวัน ตรงคันปูนกั้นท่อน้ำข้ามถนน เลยเห็นว่า คนที่อยู่บนเขาตะโกนเรียกกันให้พักเที่ยง เหมือนตอนเราไปคุมคนงานถางสวน เราไม่ต้องบอกเวลาพัก พวกเขาพักก่อนเราเสมอ 😃
ตอนที่เราขึ้นเนินที่ 4 มีทั้งความสูง ความชัน และความยาว ตรงทางสูงชัน ประมาณ100 เมตร มีการเทปูนเป็นแนวล้อรถ 2 ข้าง มีชาวบ้านขี่รถมอเตอร์ไซด์ผ่านเราไปเป็น 10 คัน ป้านึกถึงคนบ้านเรา เวลาเจอใครก็จะชวนซ้อนท้าย คนมีรถยนต์ก็ชวนขึ้นรถ แต่พวกเขาผ่านไปเฉย 😎
เดินลงจากเนินมหาวิบาก เจอสาวน้อย เดินออกจากบ้านมาทัก ลุงเห็นมีมะนาวร่วงใต้ต้น จึงขอเก็บ 2 ลูก เธออนุญาต ป้าทำเนียน ชี้ที่ต้นไม้แปลกๆ หน้าบ้านเธอ ขอถ่ายรูป เธออนุญาต ป้าเลยได้คืบเอาศอก ขอถ่ายรูปกับเธอ พอลุงกดชัตเตอร์แม่เธอ เดินออกมาพอดี ป้าร้องทักทาย แล้วรีบบอกลา กับขอบคุณ...สาวน้อยขอดูนาฬิกาข้อมือ ป้าให้ดู เธอตื่นเต้น รีบบอกแม่เธอ ส่วนป้ารีบโบกมือ บ๊ายบาย ก่อนเกิดอะไรต่อไป 🙂
เดินต่อไปเล็กน้อย เจอแอ่งน้ำกลางถนน ที่เราหลบตอนเช้า ดีใจว่าใกล้จะถึงที่พักแล้ว มีฝูงไก่งวงยืนอยู่ริมถนน ป้าร้องก๊อกๆ ไก่ก็ร้องตอบ ร้องกี่ครั้งก็ร้องตอบ แต่ค่อยๆ พากันถอยเข้าป่าจนหายไปหมด เราจึงรู้ว่า ขาไก่ที่เรากินเข้าไปเป็นขาไก่งวง มิน่า มันจึงเนื้อแน่น ขนาดแม่ค้าเลือกอันที่เล็กที่สุดให้เราแล้ว....
ถึงที่พักเวลา 13.00 น. ไฟดับ!!!! ห้องใต้หลังคา ร้อนมาก เราอาบน้ำท่ามกลางความมืด ของบ้านในดงไม้...ป้าต้องไปยืมไม้กวาด....เส้นพลาสติกบนปลายไม้ ไปกวาดที่พักเอง ตั้งแต่บันได จนถึงห้องนอน เพราะมันเขรอะมาก....
เจ้าของโรงแรม กับเมีย กำลังทำอาหารอยู่ในห้องมืดๆ พอพวกเขากินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว พ่อกับลูกก็เตะบอลกัน ส่วนแม่นั่งเซลฟี ผ้ายังคงตากอยู่ที่เดิม ตอนมีแดด ก็ไม่คลี่ออก พอฝนตก แม่เลือกเก็บเป็นบางผืน ดูหน้าตาแล้ว พวกเขายังเด็กๆ เหมือนไม่บรรลุวุฒิภาวะ แต่พ่อแม่มีตังค์ มีที่ทาง ให้พวกเขา ประกอบอาชีพ
พวกเรานั่งดูพ่อลูกเตะบอลหน้าร้านอาหารที่ไม่มีคน ในขณะที่พวกเรากำลังจะเริ่มทำงาน น้องบราซิล ก็เดินออกมาจากที่พัก ป้าถามว่า เพิ่งกลับจากน้ำตกเหรอ... พวกเขาบอกว่า เพิ่งตื่น และหิว พวกเขาสั่งอาหาร ต้องรอนานเป็นชั่วโมง Felipe เดินไปเอาเกมมาชวนเราเล่น บอกว่า ซื้อมาจากถนนข้าวสาร 150 บาท มันเป็นเกมฝึกสมาธิกับความมือเบา มันเป็นแท่งไม้สี่เหลี่ยมขนาดแท่งละ 3/4" x 2.5" แถวละ 3 อัน บรรจุในกล่อง กั้นหัว ท้าย ด้วยแผ่นไม้สี่เหลี่ยมจัตุรัส เวลาเล่น ดึงแผ่นไม้ด้านท้ายออก แล้วตั้งเป็นรูปตึกสูง ค่อยๆ ดึงแท่งไม้จากด้านล่างออกไปวางบนสุด ใครทำพังคนนั้นดื่ม แล้วก็เอาแท่งไม้ไปเรียงในกล่อง เริ่มเล่นใหม่เป็นคนแรก
ก่อนเล่น ป้าลุกไปเอาถุงอาหาร ที่เอาเงินใส่ไว้ บนโต๊ะที่เรานั่งก่อนที่น้องทั้งสองจะออกมา ปรากฏว่า ทั้งหมา และแมว ฉกอาหารของเราออกจากก้นถุง โธ่เอ๊ย!!!! ทำโรงแรม และร้านอาหาร แต่ปล่อยให้แมว กับ หมาอดอยาก ถึงกับแย่งอาหารของแขก...ส่วนเราก็อุตส่าห์ประหยัดกินแล้ว ยังโดนแย่งอีก...อ๊ะ ส่วนไหนที่เป็นขี้ปาก ก็เอาไปกินซะ! ลุงบอกว่า สงสารเมียจัง ไม่น่าพามาตกระกำลำบากแบบนี้เลย...มีปากก็พูดไป 😗
ในระหว่างที่นั่งเล่นกันอยู่ เฟลิปเป้ ถามเรื่องสถาบันขึ้นมา เราจึงถามเขากลับ แทนที่เราจะเล่า เราก็ให้เขาเล่า น้องสองคนผลัดกันเล่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งในกทม. และ ตจว. เป็นข้อมูลที่น่าสนใจทีเดียว ในขณะที่ป้ากำลังคิดว่า จะดึงแท่งไม้จากตรงไหนไปต่อดี เพราะเคาะตรงไหนก็เหมือนจะไม่รอด อาหารก็มาพอดี เราจึงขอตัว เพราะฝนลงเม็ดเปาะแปะ
น้องสองคนชิมอาหาร แล้วทำหน้าผิดหวัง พวกเขาบอกว่า มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการกิน ตอนนี้ป้ากำลัง คิดอยู่ว่า ผลไม้สีแดงรสหวาน ดอกสีขาวที่นักเรียนเอามาให้น้องเซลิเซ่ กิน คือ อะไร และ ก๋วยเตี๋ยวไม่มีน้ำ แต่ไม่ใช่ผัดไท ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วย คืออะไร และถนนฮัมบุตรี ใกล้ๆ ถนนข้าวสาร มัน คือ อะไร. สองพ่อลูกเด็ก ยังคงเล่นบอลต่อไป พอใกล้ 18.00 น. พวกเขาย้ายที่เล่นมาข้างที่พักเรา ลูกบอลลงหลังคาสังกะสี โครม แล้ว โครมเล่า ลุงโมโหที่จะนอนก็มีมารมาผจญ ลุงจึงร้องเสียงดัง ป้าห้ามก็ไม่ฟัง แต่ที่สำคัญ คือ ลุงอยากให้รู้มารยาท ของคนให้บริการ เด็กเลียนเสียงลุง แบบโมโห แล้วก็ย้ายที่เล่น ได้ยินเสียงน้อง เซลิเซ่ หัวเราะหึๆ น้องสองคนใจเย็นมาก คงรำคาญเหมือนกัน แต่ยังไม่ลงหลังคาที่พักตัวเอง จึงยังทนได้อยู่
ป้าเอ็ดลุงว่า เราต้องอาศัยให้เขาไปส่งตอนเช้า เขายิ่งไม่พูดกับเราอยู่...เหตุผล เพราะพวกเขาไม่ชอบคนที่ไม่พูดภาษาสเปน เพราะพวกเขาพูดไม่ได้ เขาจึงไม่ยินดีต้อนรับเรา ไม่ใส่ใจว่า เราจะทำอะไรบ้าง...เขาแค่ดูตั๋ว พาเราไปที่พัก แล้วก็จบ ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ
(ยังมีต่อ)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น