สวัสดีครับ วันนี้ทางผมเองนำความรู้ในหลักการบริหารจัดการด้วย KPI & KAI มาฝากกันครับ ซึ่งเป็นดัชชีชั้วัดหลักการบริหารจัดการทั่วโลกที่ใช้กันอยู่ แต่การที่เรานำมาใช้นั้น เรารู้โครงสร้างหรือ หลักการนำไปปฏิบัติจริงหรือไม่ครับ ถ้าเจ้าขององค์กร หรือ ผู้บริหารระดับสูง ที่จะนำไปใช้งานหรือไปตั้งเป้าหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชานั้น ทางเจ้าขององค์กร หรือ ผู้บริหารระดับสูง ควรรู้ใรระดับเชี่ยวชาญ ไม่เช่นนั้น KPI & KAI ที่เกิดขึ้นจะสร้างปัญหาหรือสร้างภาระให้กับองค์กรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ดังนั้นผู้อ่านควรศึกษาอย่างจริงจังครับ
ผู้เขียนฝากงานเขียนไว้ที่ Facebook Page " TPM Tools " ไว้สำหรับอ่านย้อนหลังหรือศึกษาเพิ่มเติมครับ
สามารถหลังไมร์มา เพื่อฝากคำถามหรือแนะนำในเรื่องอยากให้เขียน Management Tools ในเรื่องใด ถ้าผู้เขียนพอมีความรู้ก็จะนำมาแบ่งปันให้ครับ
สำหรับกระทู้ที่แล้วทางผมได้เขียนในเรื่อง OEE ไว้ครับ
http://ppantip.com/topic/35497879
เรามาเข้าเนื้อหาและการปูทางสำหรับความรัในเรื่องของ KPI & KAI กันเลยครับ
KMI = Key Management Index คือ ดัชนีชี้วัดความสำเร็จระดับสูง หรือ ระดับบริหาร
KPI = Key Performance Index คือ ดัชนีชี้วัดความมสำเร็จระดับกลาง หรือ ระดับการจัดการ
KAI = Key Activity Index คือ ดัชนีชี้วัดความสำเร็จระดับล่างหรือ ระดับกิจกรรมของพนักงาน
หลายองค์กร ยังไม่เข้าใจถึงการตั้งเป้าหมาย หรือ goal ภายในองค์กร ทำให้เกิดคำว่า การบริหารจัดการไม่ใช่หน้าที่ตนเอง เช่น การที่ผู้บริหารระดับสูงได้เดินก้าวก่ายหรือ แทรงแซง ในกรณีที่ KAI ไม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งทั้งที่จริงนั้น goal ระดับ KAI เป็นเพียงการบริหารจัดการระดับ หัวหน้าพนักงาน หรือ ระดับแผนกเพียงเท่านั้น แต่ถ้าถามผู้เขียนว่า มีส่วนดีไหม ที่ผู้บริหารระดับสูง เข้ามาใส่ใจ ขอตอบว่าดีครับ แต่ คุณค่าของผู้บริหารระดับสูง ควรเอาเวลาไปบริหารจัดการ Goal ที่ได้คุณค่ามากกว่าที่จะมาดู KAI ของแต่ละกิจกรรม ซึ่ง ในองค์กรของแต่ละองค์กร มีการตั้งเป้าหมายระดับ KAI ไม่น่าจะต่ำกว่า 100 - 200 ตัว ( ถ้าทำกิจกรรม TPM ) ถ้าแบบนี้ ผู้บริหารระดับสูง คงไม่เหลือเวลาการบริหารภายในองค์กร อย่างแน่แท้ ดังนั้น ผู้บริหารที่เก่งกาจหรือมีประสบการณ์สูง จะเข้าใจในหลักการนี้ แต่จากที่สัมผัสนั้น คงมีส่วนน้อยมาก
พรุ่งนี้เรามาว่ากันต่อสำหรับ หลักการของ KMI KPI KAI กันต่อครับ เพราะว่า อยากจะอธิบายแบบให้ถึงแก่นของหลักการบริหารจัดการ และนำไปใช้ได้จริง ซึ่งน้อยคน ที่จะสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนครับ และจะนำไปใช้ปฏิบัติได้จริงครับ
Management Tools ไม่ยากอย่างที่คิด ตอน เข้าใจหลักการของ KPI & KAI กันแบบจริงจังกันดีกว่าครับ [รวม KMI ด้วยครับ ]
ผู้เขียนฝากงานเขียนไว้ที่ Facebook Page " TPM Tools " ไว้สำหรับอ่านย้อนหลังหรือศึกษาเพิ่มเติมครับ
สามารถหลังไมร์มา เพื่อฝากคำถามหรือแนะนำในเรื่องอยากให้เขียน Management Tools ในเรื่องใด ถ้าผู้เขียนพอมีความรู้ก็จะนำมาแบ่งปันให้ครับ
สำหรับกระทู้ที่แล้วทางผมได้เขียนในเรื่อง OEE ไว้ครับ
http://ppantip.com/topic/35497879
เรามาเข้าเนื้อหาและการปูทางสำหรับความรัในเรื่องของ KPI & KAI กันเลยครับ
KMI = Key Management Index คือ ดัชนีชี้วัดความสำเร็จระดับสูง หรือ ระดับบริหาร
KPI = Key Performance Index คือ ดัชนีชี้วัดความมสำเร็จระดับกลาง หรือ ระดับการจัดการ
KAI = Key Activity Index คือ ดัชนีชี้วัดความสำเร็จระดับล่างหรือ ระดับกิจกรรมของพนักงาน
หลายองค์กร ยังไม่เข้าใจถึงการตั้งเป้าหมาย หรือ goal ภายในองค์กร ทำให้เกิดคำว่า การบริหารจัดการไม่ใช่หน้าที่ตนเอง เช่น การที่ผู้บริหารระดับสูงได้เดินก้าวก่ายหรือ แทรงแซง ในกรณีที่ KAI ไม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งทั้งที่จริงนั้น goal ระดับ KAI เป็นเพียงการบริหารจัดการระดับ หัวหน้าพนักงาน หรือ ระดับแผนกเพียงเท่านั้น แต่ถ้าถามผู้เขียนว่า มีส่วนดีไหม ที่ผู้บริหารระดับสูง เข้ามาใส่ใจ ขอตอบว่าดีครับ แต่ คุณค่าของผู้บริหารระดับสูง ควรเอาเวลาไปบริหารจัดการ Goal ที่ได้คุณค่ามากกว่าที่จะมาดู KAI ของแต่ละกิจกรรม ซึ่ง ในองค์กรของแต่ละองค์กร มีการตั้งเป้าหมายระดับ KAI ไม่น่าจะต่ำกว่า 100 - 200 ตัว ( ถ้าทำกิจกรรม TPM ) ถ้าแบบนี้ ผู้บริหารระดับสูง คงไม่เหลือเวลาการบริหารภายในองค์กร อย่างแน่แท้ ดังนั้น ผู้บริหารที่เก่งกาจหรือมีประสบการณ์สูง จะเข้าใจในหลักการนี้ แต่จากที่สัมผัสนั้น คงมีส่วนน้อยมาก
พรุ่งนี้เรามาว่ากันต่อสำหรับ หลักการของ KMI KPI KAI กันต่อครับ เพราะว่า อยากจะอธิบายแบบให้ถึงแก่นของหลักการบริหารจัดการ และนำไปใช้ได้จริง ซึ่งน้อยคน ที่จะสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนครับ และจะนำไปใช้ปฏิบัติได้จริงครับ