12/11/2558
ย้อนหลังกันสักนิด อยากทำมานานแล้วกระทู้เนี่ย แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ถ้าอ่านแล้วมันน่าเบื่อขอโทษนร้าา TT ^_^
วันแรกเป็นวันที่ดีใจมาก รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกปลดปล่อย เพราะเราเดินทางคนเดียว แต่ไปเจอเพื่อนที่เชียงใหม่เพราะมันเรียนที่นั้น แต่ก็นะ เดินทางคนเดียว ต่างจังหวัด ไม่เคยเลยยขอย้ำ !! แต่นี้แหละคือจุดเริ่มต้น ของการเริ่มเดินทางคนเดียวแบบไม่เกรงกลัวอีกต่อไป วันนั้นเดินทางโดนสายการบินของ Airasia พ่อมาส่งที่ ทดม. (ท่าดอนเมือง) ชอบย่อ 55 ไปถึงเชียงใหม่ประมาณเที่ยงได้ เริ่มโทรหาเพื่อนเลย
I : กรูถึงและนะ
B : ยังเรียนอยู่เลย ไว้ค่อยมาเจอกันเวลานี้...นะ ( จำเวลาไม่ได้ )
ความรู้สึกตอนนั้นคือ เอาไงดีว่ะเนี่ยกรู ไปไหนก็ไม่ถูก โชคดีมีพี่คนนึงโทรมาหาพอดี บอกว่าให้ลองไปกินนี้สิใกล้ๆสนามบินเอง ร้านแรกในเชียงใหม่ของเรามีชื่อว่า " สวนผัก โอ๋กระจู๋ " แว๊บแรกที่ได้ยินเห้ยยย ทะลึ่ง!! ร้านอะไรเนี่ย พอวางสายเราก็เริ่มหาข้อมูลไปไงดีนร้า บลาๆๆ สุดท้ายก็อาศัยพี่รถแดง ทุกคนคงรู้จักกันดีแหละ ไม่ว่าจะไปไหนก็แล้วแต่ก็คงต้องเพิ่งรถแดงเนี่ยแหละ
I : พี่ครับๆ ไปสวนผักโอ๋กระจู๋ครับ ตรง นิ่มซิตี้ ( จำชื่อไม่ค่อยได้และ )
Red Car : โอเคน้อง 40 บาท นะ
I : บอกผมด้วยนะครับถ้าถึงแล้ว
และเราก็ขึ้นรถแดงไป ตอนแรกในใจก็คิดว่าแพงไหมนะ ราคานี้ แต่พอรถเวียนเข้าซอยมาเทียบให้ถึงหน้าร้านก็เลยรู้ว่า เห้ยโอเคเลย จ่ายตังเสร็จก็ถามทางต่ออีกนิดหน่อย ว่าไป ม.เชียงใหม่ยังไง พี่เค้าก็ใจดีบอกทางให้ น่ารักสุดๆ
ร้าน สวนผักโอ๋กระจู๋ นี้ สวยมาก เป็นร้าน สไตล์ออแกนิคฟู๊ด จัดร้านสวย ใหญ่อลังการดีเหมือนกัน
ไปถึงก็สั่งเมนูนี้เลย
- พอร์คช้อป และ น้ำผักต้านภูมิแพ้
พอ พนง. มาเสริฟถึงได้รู้ว่า มันใหญ่มาก !! ผักเยอะ ข้าวก็มา สเต็กก็โดนน !! สุดยอดไปเลย ส่วนน้ำนั้นก็โอเคนะ ถึงจะฟาดๆไปนิดแต่ก็น้ำผักอ่ะ ถือว่าผ่านกับร้านแรกของเรา หลังจากกินเสร็จ เพื่อนก็โทรมาตาม นั้นทำให้เราต้องไปเพิ่งรถแดงไปซอยวัดอุโมงค์ หลังมหาลัยเชียงใหม่ ที่ๆเรานัดกันไว้
เดินไปเรียกรถใต้สะพานอะไรสักอย่าง พี่เค้าก็ตอบว่า 40 บาท ตอนนี้ไม่ลังเลก็ขึ้นเลยเพราะคิดว่าถูกมากๆ แน่ๆ
หลังจากนั้นรถก็พาเรามาลงที่ในวัดอุโมงค์เลย เราก็โห ใจดีจริงๆ ราคานี้พามาถึงที่วนเข้าในวัดเลย เดินเล่นในวัดได้เล็กน้อยเพื่อนก็มา เล่าให้เพื่อนฟังถึงราคาค่ารถแดงถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้ว มันควรจะแค่ 20 บาท TT จ๊ะ ฮือออ แต่ก็ช่างมันละกัน
ตัดภาพไปตอนกลางคืน
I : ออกไปเที่ยวกัน นิมมานก็ได้ไม่เคยไป
B : กูมีงานต้องส่ง ไปไม่ได้อ่ะไปวันหลังนะ
นี่ด้วยความ Fail อย่างมากอะไรกรูมาถึงต้องมานอนอยู่ห้องเหรอ เลยจัดการหยิบข้าวของแล้วเดินออกไปเลย ไม่บอกอะไรสักคำ เดินออกจากซอยวัดอุโมงค์ ( ถ้าใครเคยมา โดยเฉพาะเด็กเชียงใหม่คงรู้ดี ว่ามันไกลมาก ลึกมาก รถก็หายาก ) ทำไงละเราก็เดินจากหน้าวัดอุโมงค์ จนถึงปากซอยเลยจ้า ดีนะที่ช่วงนั้นอากาศกำลังดี คิดซะว่าเดินฟินๆท้าลมหนาวแล้วกัน พอออกมาก็ใช้บริการรถแดงอีกตามเคย 40 บาทเหมือนเดิม 55 พอถึง นิมมานก็ขอลุงขับรถลง แล้วก็เริ่มเดินหาร้านของหวานกิน แต่เดี๋ยวก่อนเพิ่งจะนึกได้หนิว่ามีเพื่อนอีกคนที่อยู่นี่เลย สาวเจียงใหม่เจ้า เพื่อนม.ปลาย ต้องรีบโทร และได้ข้อสรุปว่าเดวนางมาหา นั้นทำให้เราได้ไปนั้งรอในร้านๆนึงชื่อว่า " โรตีกู " แต่ก่อนเดินไปถึงร้าน เราผ่านร้านนึงเป็นร้านหนังสือ บรรยากาศดูเก๋เลยแหละแต่ไม่ได้เข้าไปเลย ชักภาพมาฝากสัก 1 รูป เค้าตกแต่งร้านได้ดู คลาสสิคดีอ่ะ คือชอบ ชอบส่วนตัวโดยแท้ 55
และตอนนี้เราก็มาถึงร้านแล้ว ได้สั่งเมนูนึง จิงๆแล้วเราก็ตามรีวิวคนอื่นมาเนี่ยแหละ อิอิ
- 2 in 1 Chocolate & Banana
หน้าตาเค้าดูธรรมดานะแต่อร่อยมากกนะ ขอบอก คนแน่นมากๆเลยด้วย
กินไปได้สักพักเพื่อนก็มา และนางก็พาเราไปเดินเล่นในนิมมาน พาขึ้นไปดาดฟ้าของ MAYA บรรยากาศเค้าดีมากเลยนะ ลมหนาวๆตอนกลางคืน คนไม่พลุกพล่าน ถ้ามาเป็นคู่ก็คงดีสินะ ^_^
นี่คือวิวบนดาดฟ้า จิงๆเค้ามีร้าน Drink Drank Drunk อยู่ด้านบนด้วยนะ อิอิ
วิวด้านนอก เห็นแสงไฟนั้นไหม นั้นคือ Think Park ชักอยากไปแล้วสิ เลยบอกนาง นางก็ใจดี พาเดินไป คือมันสวยนะ สวยจริงๆ ด้านในเป็นร้านขายของธรรมดาถ้ามาตอนเช้าๆก็งั้นๆ แต่ถ้าตกดึก ต้นไม้เขาประดับตกแต่งไปด้วยไฟเล็กๆน้อยๆเต็มกิ่งก้านของต้นไม้ ดูโรแมนติกไปอีกก
หมดเวลาสำหรับคืนนี้แหละ เราก็กลับหอเพื่อนเหมือนเดิม พรุ่งนี้เรามีทริป ดอยสุเทพนะเจ้า ไปกับใครดีละ !! คนเดียวอีกแล้วเจ้า
13/11/58
รีบมากสำหรับวันนี้ เพื่อนตื่นสาย กว่าเราจะออกมากันถึงถนนใหญ่ อยากบอกวันนี้เราต้องปั่นจักรยานออกมา ปกติเพื่อนไปเรียนจะเอาจักรยานออกมาจอดไว้ปากซอยแล้วค่อยเข้า มช Slowlife ไปอีก สำหรับชีวิตคนกรุงอย่างเราที่วันๆเอาแต่ขับรถไปโน้นนี่นั้น มาเจอแบบนี้ก็เออดีนะชอบ ป่ะๆ
ตอนเช้าบรรยากาศดีมากไปอีก เจอหมอกตรงดอยสุเทพพอมองจากด้านล่าง สวยๆอยากขึ้นไปแล้ววว
เราแยกกับเพื่อนในมหาลัย แล้วก็นั้งรถม่วง ที่เด็ก มช เรียกกันว่าแบบนั้น จิงๆมันคือรถวนในมหาลัยนั้นแหละ ลุงเขาไปส่งหน้า มหาลัย เพราะว่ามีรถบริการขึ้นดอยสุเทพอยู่ด้านหน้า ค่ารถก็ไม่แพงนะ หน้าตารถเป็นแบบนี้ คุ้นๆกันไหม ใช่ไงมันคือ รถแดง!!
เราก็เดินไปหาลุงคนขับรถ ตกลงเรื่องราคาเสร็จแล้วก็นั้งรอจนกว่าคนเต็ม บรรยากาศตอนนั้นมีทั้ง คนจีน คนฝรั่งนั้งรอกันเต็มไปหมด มีฝรั่งคนนึงหันมาถามเราว่า อีกนานไหมกว่าจะได้ขึ้น นี่ตอบไปเลย I don't know . It's first time too . ตอบแบบงูๆปลาๆ มากแต่เค้าก็เข้าใจนะ อิอิ
ได้เวลาขึ้นรถ ลุงแกเดินมาบอกว่า นู๋ๆไปนั้งข้างหน้ากับลุงนะ สวรรค์ ลุงรู้หรือเปล่าว่าอยากนั้งหน้า อิอิ พอขึ้นมาบนรถลุงบอกว่าเดวลุงต้องให้นู๋ไปเปลี่ยนคันที่ดอยสุเทพนะ เราก็เอ๋อๆ แล้วก็ตอบครับ ก็คุยกันนิดหน่อย ทำไมมาเที่ยวคนเดียวละบลาๆ อัธยาศัยดีมากน่ารักแนะนำหลายอย่างเลย มีชะลอให้ถ่ายรูปด้วย และในที่สุดเราก็ถึงแล้วดอยสุเทพ
ลงจากรถเราก็เดินไปตามผู้คนจนมาถึงบรรไดทางขึ้นที่เราก็แทบตกใจ สูงง หลายขั้นมากๆ คุณพระ
แต่เราเห็น คนแก่ๆก็ขึ้นกัน เราจะแพ้ไม่ได้ เดินขึ้นไป ฮึบๆ พอถึงก็หอบเหมือนกันนะ ฮ่าๆ และเราก็ได้ไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ อิ่มบุญจังเลย
บรรยากาศโดยรอบพระธาตุดอยสุเทพนั้นมีคนเต็มมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ก็เดินเล่นด้านบนได้สักพักก็ออกเดินทางต่อ เรายังมีอีก 2 ที่ต้องขึ้นไป แต่ก็มาเจอะกับบรรไดทางลงอีกแล้วว TT โชคดีหน่อย เดินลงนะ 55
ขึ้นรถแดงเช่นเคย บอกเค้าว่าไปถึงดอยปุยเลย และก็เหมือนเคย คนไทยคนเดียวนอกนั้นต่างชาติ พี่เค้ารู้ใจอีกให้ไปนั้งด้านหน้าด้วยกัน คนขับรถแดงก็อัธยาศัยดีนะ ถ้าได้มาสัมผัสจริงๆชาวเหนือน่ารัก ที่ๆ 2 ของเราพี่เค้าบอกว่าจะพาไปดอยปุยเลยค่อยลงมา พระตำหนักภูพิงค์ แต่ระหว่างทางขึ้นไปก็มีคนลงที่ พระตำหนักก่อนเหมือนกันนะ เราก็เลยถือโอกาศ ชักภาพ สักหน่อย
สวยเนอะ มีหมอกลงด้วย
ฟินสุดๆ ไม่เคยเจอหมอกเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย ดูตื่นเต้นและบ้าอยู่คนเดียว 55 ระหว่างทางขึ้นไปดอยปุยนั้นฟินกว่า เพราะอะไรหรอ ดูสิๆ
โคตรหมอก บรรยากาศดีเย็นสบายเวอร์ หลง รัก เชียงใหม่เข้าแล้วสิ ทางขึ้นค่อนข้างน่ากลัวพอวิ่งไปเรื่อยๆจะเหลือเลนส์เล็กๆ สวนกันลำบากถ้าขับไม่เก่ง ก็ตกเหวได้นะ ระวังกันด้วยนร้า ขึ้นไปได้สักพักไม่นานมาก เราก็มาถึง แล้ว
หมู่บ้านม่ง@ดอยปุย
บนนี่ก็หมอกหนามากกกก เราเดินเข้าไปกันเถอะ
ต้องขอบอกจริงๆ ว่าอากาศช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้นะ ฟินมากแนะนำให้มา เย็นสบายกำลังดีเลยแหละ
เข้าไปด้านใน มีบริการเช่าชุดของชาวเขาเพื่อใส่ถ่ายรูปกับสวนดอกไม้
บ้านเรือนของชาวเขาที่โน้นก็ยังเป็นสไตล์เดิมๆคลาสสิค ถ้าหาในเมืองกรุงก็คงจะมีแต่หมู่บ้านจัดสรรค์กันหมดแล้วละ
บรรยากาศข้างบนนอกจากจะมีสวนดอกไม้สวยๆแล้วนะ ยังมีน้ำตกอีกด้วย
หลังจากที่เดินทั่วๆแล้ว เราก็คิดว่าไปที่อื่นดีกว่า อยากลงไปพระตำหนักแล้วละ ก็เดินมารอที่รถ แต่ว่านักท่องเที่ยวคนอื่นๆยังไม่มากันเลย ก็เลยไปหาซื้ออะไรกิน ได้กินห่อหมก ของป้าชาวม่ง เป็นห่อหมกสมุนไพร เวลากินต้องเหยาะน้ำปลาด้วย ตอนแรกก็ไม่กล้ากิน แต่พอลองแล้ว ขอ 2 นะป้า หอบกลับหอเพื่อนอีก 55 เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ กินเสร็จก็มานั้งรอบนรถ จนได้เวลารถก็ออก พี่คนขับรถก็บอกว่าเดวผมส่งที่พระตำหนักภูพิงค์นะ และเดวผมลงไปส่งคนอื่นๆด้านล่างก่อน แล้วเดี๋ยวจะขึ้นมารับ เราก็ตอบตกลง
จิงๆภาพในพระตำหนักเราเยอะมากเลย แต่ไม่รู้เก็บไว้ไหนหมด เสียดายจัง
นี่คือภาพด้านในโดยรวม จริงๆมีสวยๆอีกเยอะ เดินวนได้ทั่วแล้วก็เดินออกมา ฝั่งตรงข้ามของพระตำหนักจะมีเหมือนตลาดอยู่ ขายของ จำพวกเสื้อผ้า ของฝากเล็กๆน้อยๆ พวงกุญแจ ถ้าเดินเลยไปจนสุดจะเป็นหน้าผาเห็นวิวด้านล่าง แล้วก็หมอกที่ค่อยๆลอยกระทบลงมาหาตัวเรา ฟินนสุด
จำได้ว่าขึ้นไปตั้งแต่เช้า ลงมาอีกทีเพื่อนเลิกเรียนแล้วอ่ะ เย็นเลยพอดี ลงไปก็หาของหวานกินกันสักหน่อยและเราก็ไปร้านที่เค้าบอกว่ามาเชียงใหม่ต้องกิน
Volcano พิกัดหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หลังจากกินเสร็จเราก็กลับหอพักเพื่ออาบน้ำแต่งตัว และออกมาใหม่ไปเช่ามอไซต์ เช่าทำไมนะเหรอ เพราะว่าพรุ่งนี้เราจะไปม่อนแจ่มกันนะสิ เย้ คิดก็สนุกแล้วขับมอไซไปไกลซะด้วยสิ
หลังจากเราเช่ามอไซเสร็จ ต้องลองของกันซะหน่อยขับไปหาไรกินกันเลย ไม่พ้นของหวานอีกตามเคย ร้านนี้จัดว่าเด็ด ราคาถูก ให้เยอะ
- ชีวิต ชีวา -
น่ากินใช่ไหมละ แนะนำให้ไปลองกันนร้า ตัดจากภาพนี้เราก็กลับหอกันอย่างพุงกาง รีบนอนพร้อมออกภาคสนามในวันถัดไปปปปป
หนีกรุง!!ขึ้นเหนือ ครั้งแรก เจ้า ! ( HipsterinCNX )
ย้อนหลังกันสักนิด อยากทำมานานแล้วกระทู้เนี่ย แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ถ้าอ่านแล้วมันน่าเบื่อขอโทษนร้าา TT ^_^
วันแรกเป็นวันที่ดีใจมาก รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกปลดปล่อย เพราะเราเดินทางคนเดียว แต่ไปเจอเพื่อนที่เชียงใหม่เพราะมันเรียนที่นั้น แต่ก็นะ เดินทางคนเดียว ต่างจังหวัด ไม่เคยเลยยขอย้ำ !! แต่นี้แหละคือจุดเริ่มต้น ของการเริ่มเดินทางคนเดียวแบบไม่เกรงกลัวอีกต่อไป วันนั้นเดินทางโดนสายการบินของ Airasia พ่อมาส่งที่ ทดม. (ท่าดอนเมือง) ชอบย่อ 55 ไปถึงเชียงใหม่ประมาณเที่ยงได้ เริ่มโทรหาเพื่อนเลย
I : กรูถึงและนะ
B : ยังเรียนอยู่เลย ไว้ค่อยมาเจอกันเวลานี้...นะ ( จำเวลาไม่ได้ )
ความรู้สึกตอนนั้นคือ เอาไงดีว่ะเนี่ยกรู ไปไหนก็ไม่ถูก โชคดีมีพี่คนนึงโทรมาหาพอดี บอกว่าให้ลองไปกินนี้สิใกล้ๆสนามบินเอง ร้านแรกในเชียงใหม่ของเรามีชื่อว่า " สวนผัก โอ๋กระจู๋ " แว๊บแรกที่ได้ยินเห้ยยย ทะลึ่ง!! ร้านอะไรเนี่ย พอวางสายเราก็เริ่มหาข้อมูลไปไงดีนร้า บลาๆๆ สุดท้ายก็อาศัยพี่รถแดง ทุกคนคงรู้จักกันดีแหละ ไม่ว่าจะไปไหนก็แล้วแต่ก็คงต้องเพิ่งรถแดงเนี่ยแหละ
I : พี่ครับๆ ไปสวนผักโอ๋กระจู๋ครับ ตรง นิ่มซิตี้ ( จำชื่อไม่ค่อยได้และ )
Red Car : โอเคน้อง 40 บาท นะ
I : บอกผมด้วยนะครับถ้าถึงแล้ว
และเราก็ขึ้นรถแดงไป ตอนแรกในใจก็คิดว่าแพงไหมนะ ราคานี้ แต่พอรถเวียนเข้าซอยมาเทียบให้ถึงหน้าร้านก็เลยรู้ว่า เห้ยโอเคเลย จ่ายตังเสร็จก็ถามทางต่ออีกนิดหน่อย ว่าไป ม.เชียงใหม่ยังไง พี่เค้าก็ใจดีบอกทางให้ น่ารักสุดๆ
ร้าน สวนผักโอ๋กระจู๋ นี้ สวยมาก เป็นร้าน สไตล์ออแกนิคฟู๊ด จัดร้านสวย ใหญ่อลังการดีเหมือนกัน
ไปถึงก็สั่งเมนูนี้เลย
- พอร์คช้อป และ น้ำผักต้านภูมิแพ้
พอ พนง. มาเสริฟถึงได้รู้ว่า มันใหญ่มาก !! ผักเยอะ ข้าวก็มา สเต็กก็โดนน !! สุดยอดไปเลย ส่วนน้ำนั้นก็โอเคนะ ถึงจะฟาดๆไปนิดแต่ก็น้ำผักอ่ะ ถือว่าผ่านกับร้านแรกของเรา หลังจากกินเสร็จ เพื่อนก็โทรมาตาม นั้นทำให้เราต้องไปเพิ่งรถแดงไปซอยวัดอุโมงค์ หลังมหาลัยเชียงใหม่ ที่ๆเรานัดกันไว้
เดินไปเรียกรถใต้สะพานอะไรสักอย่าง พี่เค้าก็ตอบว่า 40 บาท ตอนนี้ไม่ลังเลก็ขึ้นเลยเพราะคิดว่าถูกมากๆ แน่ๆ
หลังจากนั้นรถก็พาเรามาลงที่ในวัดอุโมงค์เลย เราก็โห ใจดีจริงๆ ราคานี้พามาถึงที่วนเข้าในวัดเลย เดินเล่นในวัดได้เล็กน้อยเพื่อนก็มา เล่าให้เพื่อนฟังถึงราคาค่ารถแดงถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้ว มันควรจะแค่ 20 บาท TT จ๊ะ ฮือออ แต่ก็ช่างมันละกัน
ตัดภาพไปตอนกลางคืน
I : ออกไปเที่ยวกัน นิมมานก็ได้ไม่เคยไป
B : กูมีงานต้องส่ง ไปไม่ได้อ่ะไปวันหลังนะ
นี่ด้วยความ Fail อย่างมากอะไรกรูมาถึงต้องมานอนอยู่ห้องเหรอ เลยจัดการหยิบข้าวของแล้วเดินออกไปเลย ไม่บอกอะไรสักคำ เดินออกจากซอยวัดอุโมงค์ ( ถ้าใครเคยมา โดยเฉพาะเด็กเชียงใหม่คงรู้ดี ว่ามันไกลมาก ลึกมาก รถก็หายาก ) ทำไงละเราก็เดินจากหน้าวัดอุโมงค์ จนถึงปากซอยเลยจ้า ดีนะที่ช่วงนั้นอากาศกำลังดี คิดซะว่าเดินฟินๆท้าลมหนาวแล้วกัน พอออกมาก็ใช้บริการรถแดงอีกตามเคย 40 บาทเหมือนเดิม 55 พอถึง นิมมานก็ขอลุงขับรถลง แล้วก็เริ่มเดินหาร้านของหวานกิน แต่เดี๋ยวก่อนเพิ่งจะนึกได้หนิว่ามีเพื่อนอีกคนที่อยู่นี่เลย สาวเจียงใหม่เจ้า เพื่อนม.ปลาย ต้องรีบโทร และได้ข้อสรุปว่าเดวนางมาหา นั้นทำให้เราได้ไปนั้งรอในร้านๆนึงชื่อว่า " โรตีกู " แต่ก่อนเดินไปถึงร้าน เราผ่านร้านนึงเป็นร้านหนังสือ บรรยากาศดูเก๋เลยแหละแต่ไม่ได้เข้าไปเลย ชักภาพมาฝากสัก 1 รูป เค้าตกแต่งร้านได้ดู คลาสสิคดีอ่ะ คือชอบ ชอบส่วนตัวโดยแท้ 55
และตอนนี้เราก็มาถึงร้านแล้ว ได้สั่งเมนูนึง จิงๆแล้วเราก็ตามรีวิวคนอื่นมาเนี่ยแหละ อิอิ
- 2 in 1 Chocolate & Banana
หน้าตาเค้าดูธรรมดานะแต่อร่อยมากกนะ ขอบอก คนแน่นมากๆเลยด้วย
กินไปได้สักพักเพื่อนก็มา และนางก็พาเราไปเดินเล่นในนิมมาน พาขึ้นไปดาดฟ้าของ MAYA บรรยากาศเค้าดีมากเลยนะ ลมหนาวๆตอนกลางคืน คนไม่พลุกพล่าน ถ้ามาเป็นคู่ก็คงดีสินะ ^_^
นี่คือวิวบนดาดฟ้า จิงๆเค้ามีร้าน Drink Drank Drunk อยู่ด้านบนด้วยนะ อิอิ
วิวด้านนอก เห็นแสงไฟนั้นไหม นั้นคือ Think Park ชักอยากไปแล้วสิ เลยบอกนาง นางก็ใจดี พาเดินไป คือมันสวยนะ สวยจริงๆ ด้านในเป็นร้านขายของธรรมดาถ้ามาตอนเช้าๆก็งั้นๆ แต่ถ้าตกดึก ต้นไม้เขาประดับตกแต่งไปด้วยไฟเล็กๆน้อยๆเต็มกิ่งก้านของต้นไม้ ดูโรแมนติกไปอีกก
หมดเวลาสำหรับคืนนี้แหละ เราก็กลับหอเพื่อนเหมือนเดิม พรุ่งนี้เรามีทริป ดอยสุเทพนะเจ้า ไปกับใครดีละ !! คนเดียวอีกแล้วเจ้า
13/11/58
รีบมากสำหรับวันนี้ เพื่อนตื่นสาย กว่าเราจะออกมากันถึงถนนใหญ่ อยากบอกวันนี้เราต้องปั่นจักรยานออกมา ปกติเพื่อนไปเรียนจะเอาจักรยานออกมาจอดไว้ปากซอยแล้วค่อยเข้า มช Slowlife ไปอีก สำหรับชีวิตคนกรุงอย่างเราที่วันๆเอาแต่ขับรถไปโน้นนี่นั้น มาเจอแบบนี้ก็เออดีนะชอบ ป่ะๆ
ตอนเช้าบรรยากาศดีมากไปอีก เจอหมอกตรงดอยสุเทพพอมองจากด้านล่าง สวยๆอยากขึ้นไปแล้ววว
เราแยกกับเพื่อนในมหาลัย แล้วก็นั้งรถม่วง ที่เด็ก มช เรียกกันว่าแบบนั้น จิงๆมันคือรถวนในมหาลัยนั้นแหละ ลุงเขาไปส่งหน้า มหาลัย เพราะว่ามีรถบริการขึ้นดอยสุเทพอยู่ด้านหน้า ค่ารถก็ไม่แพงนะ หน้าตารถเป็นแบบนี้ คุ้นๆกันไหม ใช่ไงมันคือ รถแดง!!
เราก็เดินไปหาลุงคนขับรถ ตกลงเรื่องราคาเสร็จแล้วก็นั้งรอจนกว่าคนเต็ม บรรยากาศตอนนั้นมีทั้ง คนจีน คนฝรั่งนั้งรอกันเต็มไปหมด มีฝรั่งคนนึงหันมาถามเราว่า อีกนานไหมกว่าจะได้ขึ้น นี่ตอบไปเลย I don't know . It's first time too . ตอบแบบงูๆปลาๆ มากแต่เค้าก็เข้าใจนะ อิอิ
ได้เวลาขึ้นรถ ลุงแกเดินมาบอกว่า นู๋ๆไปนั้งข้างหน้ากับลุงนะ สวรรค์ ลุงรู้หรือเปล่าว่าอยากนั้งหน้า อิอิ พอขึ้นมาบนรถลุงบอกว่าเดวลุงต้องให้นู๋ไปเปลี่ยนคันที่ดอยสุเทพนะ เราก็เอ๋อๆ แล้วก็ตอบครับ ก็คุยกันนิดหน่อย ทำไมมาเที่ยวคนเดียวละบลาๆ อัธยาศัยดีมากน่ารักแนะนำหลายอย่างเลย มีชะลอให้ถ่ายรูปด้วย และในที่สุดเราก็ถึงแล้วดอยสุเทพ
ลงจากรถเราก็เดินไปตามผู้คนจนมาถึงบรรไดทางขึ้นที่เราก็แทบตกใจ สูงง หลายขั้นมากๆ คุณพระ
แต่เราเห็น คนแก่ๆก็ขึ้นกัน เราจะแพ้ไม่ได้ เดินขึ้นไป ฮึบๆ พอถึงก็หอบเหมือนกันนะ ฮ่าๆ และเราก็ได้ไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ อิ่มบุญจังเลย
บรรยากาศโดยรอบพระธาตุดอยสุเทพนั้นมีคนเต็มมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ก็เดินเล่นด้านบนได้สักพักก็ออกเดินทางต่อ เรายังมีอีก 2 ที่ต้องขึ้นไป แต่ก็มาเจอะกับบรรไดทางลงอีกแล้วว TT โชคดีหน่อย เดินลงนะ 55
ขึ้นรถแดงเช่นเคย บอกเค้าว่าไปถึงดอยปุยเลย และก็เหมือนเคย คนไทยคนเดียวนอกนั้นต่างชาติ พี่เค้ารู้ใจอีกให้ไปนั้งด้านหน้าด้วยกัน คนขับรถแดงก็อัธยาศัยดีนะ ถ้าได้มาสัมผัสจริงๆชาวเหนือน่ารัก ที่ๆ 2 ของเราพี่เค้าบอกว่าจะพาไปดอยปุยเลยค่อยลงมา พระตำหนักภูพิงค์ แต่ระหว่างทางขึ้นไปก็มีคนลงที่ พระตำหนักก่อนเหมือนกันนะ เราก็เลยถือโอกาศ ชักภาพ สักหน่อย
สวยเนอะ มีหมอกลงด้วย
ฟินสุดๆ ไม่เคยเจอหมอกเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย ดูตื่นเต้นและบ้าอยู่คนเดียว 55 ระหว่างทางขึ้นไปดอยปุยนั้นฟินกว่า เพราะอะไรหรอ ดูสิๆ
โคตรหมอก บรรยากาศดีเย็นสบายเวอร์ หลง รัก เชียงใหม่เข้าแล้วสิ ทางขึ้นค่อนข้างน่ากลัวพอวิ่งไปเรื่อยๆจะเหลือเลนส์เล็กๆ สวนกันลำบากถ้าขับไม่เก่ง ก็ตกเหวได้นะ ระวังกันด้วยนร้า ขึ้นไปได้สักพักไม่นานมาก เราก็มาถึง แล้ว
หมู่บ้านม่ง@ดอยปุย
บนนี่ก็หมอกหนามากกกก เราเดินเข้าไปกันเถอะ
ต้องขอบอกจริงๆ ว่าอากาศช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้นะ ฟินมากแนะนำให้มา เย็นสบายกำลังดีเลยแหละ
เข้าไปด้านใน มีบริการเช่าชุดของชาวเขาเพื่อใส่ถ่ายรูปกับสวนดอกไม้
บ้านเรือนของชาวเขาที่โน้นก็ยังเป็นสไตล์เดิมๆคลาสสิค ถ้าหาในเมืองกรุงก็คงจะมีแต่หมู่บ้านจัดสรรค์กันหมดแล้วละ
บรรยากาศข้างบนนอกจากจะมีสวนดอกไม้สวยๆแล้วนะ ยังมีน้ำตกอีกด้วย
หลังจากที่เดินทั่วๆแล้ว เราก็คิดว่าไปที่อื่นดีกว่า อยากลงไปพระตำหนักแล้วละ ก็เดินมารอที่รถ แต่ว่านักท่องเที่ยวคนอื่นๆยังไม่มากันเลย ก็เลยไปหาซื้ออะไรกิน ได้กินห่อหมก ของป้าชาวม่ง เป็นห่อหมกสมุนไพร เวลากินต้องเหยาะน้ำปลาด้วย ตอนแรกก็ไม่กล้ากิน แต่พอลองแล้ว ขอ 2 นะป้า หอบกลับหอเพื่อนอีก 55 เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ กินเสร็จก็มานั้งรอบนรถ จนได้เวลารถก็ออก พี่คนขับรถก็บอกว่าเดวผมส่งที่พระตำหนักภูพิงค์นะ และเดวผมลงไปส่งคนอื่นๆด้านล่างก่อน แล้วเดี๋ยวจะขึ้นมารับ เราก็ตอบตกลง
จิงๆภาพในพระตำหนักเราเยอะมากเลย แต่ไม่รู้เก็บไว้ไหนหมด เสียดายจัง
นี่คือภาพด้านในโดยรวม จริงๆมีสวยๆอีกเยอะ เดินวนได้ทั่วแล้วก็เดินออกมา ฝั่งตรงข้ามของพระตำหนักจะมีเหมือนตลาดอยู่ ขายของ จำพวกเสื้อผ้า ของฝากเล็กๆน้อยๆ พวงกุญแจ ถ้าเดินเลยไปจนสุดจะเป็นหน้าผาเห็นวิวด้านล่าง แล้วก็หมอกที่ค่อยๆลอยกระทบลงมาหาตัวเรา ฟินนสุด
จำได้ว่าขึ้นไปตั้งแต่เช้า ลงมาอีกทีเพื่อนเลิกเรียนแล้วอ่ะ เย็นเลยพอดี ลงไปก็หาของหวานกินกันสักหน่อยและเราก็ไปร้านที่เค้าบอกว่ามาเชียงใหม่ต้องกิน
Volcano พิกัดหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หลังจากกินเสร็จเราก็กลับหอพักเพื่ออาบน้ำแต่งตัว และออกมาใหม่ไปเช่ามอไซต์ เช่าทำไมนะเหรอ เพราะว่าพรุ่งนี้เราจะไปม่อนแจ่มกันนะสิ เย้ คิดก็สนุกแล้วขับมอไซไปไกลซะด้วยสิ
หลังจากเราเช่ามอไซเสร็จ ต้องลองของกันซะหน่อยขับไปหาไรกินกันเลย ไม่พ้นของหวานอีกตามเคย ร้านนี้จัดว่าเด็ด ราคาถูก ให้เยอะ
- ชีวิต ชีวา -
น่ากินใช่ไหมละ แนะนำให้ไปลองกันนร้า ตัดจากภาพนี้เราก็กลับหอกันอย่างพุงกาง รีบนอนพร้อมออกภาคสนามในวันถัดไปปปปป