4 วันในเมืองบาธ ผ่านไปไวเหมือนโกหก

วันนี้ตื่นมาพร้อมความสดชื่น  อากาศหนาวมากกก แต่ฟ้านี้ใสปิ๊ง  ฟินดิ่  หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จก็เชคเอ้าท์และฝากกระเป๋า
ที่นี่เป็นล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าอัตโนมัติครับ เสียเงิน T_T โนฟรีจ้าาาาาา   แถมล็อคเกอร์อยู่ชั้นล่างต้องแบกกระเป๋าแสนหนัก
เดินลงบันไดอันแสนแคบลงไป ถ้ากลิ้งนี่สะเทือนไปทั้งตึกแน่ๆ  ลงไปเจอชาว United State กะลังงงกะล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า
(ไม่เคยไปญี่ปุ่นละสิ่ 555)  ก็เลยช่วยเขา (ซึ่งถ้าไม่ช่วยเราก็ไม่ได้ฝากไง)

ฝากกระเป่าเสร็จก็ไปเดินถ่ายรูปเล่นดีกว่า จริงๆ วันนี้ยังมีจุดหมายถึงอีกที่นึงที่ไม่ไปก็เหมือนมาไม่ถึงบาธ



ที่เห็นไกลๆ นั่นคือ สะพานพัลต์นีย์ (Pulteney Bridge) เป็นสะพานที่มีร้านค้าบนสะพานแล้วก็ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยงามที่สุดในโลกแห่งนึงเลยล่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สะพานพัลต์นีย์ เป็นสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำเอวอน ซึ่งว่ากันว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี ค.ศ. 1773  จนปัจจุบันก็ปาไป 243 ปีแล้ว จากข้อมูลบอกว่าสะพานแห่งนี้เป็น 1 ใน 4 สะพานที่มีร้านค้าบนสะพานแบบเดียวกัน (ซึ่งไม่แน่ใจว่าข้อมูลนี้อัพเดทแค่ไหน) สะพานแห่งนี้ออกแบบโดย Robert Adam ซึ่งเขาได้ลงทุนไปศึกษาหาแรงบัลดาลใจจาก สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) ในเมืองฟลอเรนซ์ และสะพานริอัลโต (Ponte di Rialto) ในเมืองเวนิส ของประเทศอิตาลี่

แล้วก็เดินลงสะพานทางเดียวกันกะวันที่ 2 ที่ไปมานั่นหล่ะ



เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ




อันนี้ก็เป็น Bath Abbey อีกมุมนึง ด้านหลัง



ด้านหน้า



ที่เกริ่มไว้ตอนแรกครับ สถานที่ที่ไม่ได้มาก็เหมือนมาไม่ถึงเมืองนี้นั่นก็ โรงอาบน้ำโรมัน หรือ The Roman Baths
ข้อมูลเพิ่มเติมอ่านได้จาก  http://www.romanbaths.co.uk/ เช็คเวลาเปิดปิดได้จากในเว็บครับ
เวลาหลักๆ จะ 09:00-18:00 ยกเว้นช่วงหน้าร้อนจะปิด 22:00



ได้เวลาเปิดปุ๊บ เราก็เป็นลูกค้าคนแรกของวันเลย




ออกจากห้องขายตั๋วมาเราจะอยู่ชั้นบนของที่นี่ เดินวนไปทางซ้าย ก็จะเจอบ่อน้ำแล้วครับ



มองดีๆ จะเห็นเป็นไอความร้อนขาวๆ บ่งบอกว่าร้อนนะ




ภายในก็จะมีบอกประวัติความเป็นมา รูปสุดท้ายจะมีจอทีวีแสดงภาพให้ดูว่าสมัยก่อนเป็นอย่างไร
ทำได้ดีมากเห็นภาพชัดเจนโดยไม่ต้องจินตนาการเลย





วนไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านขายของที่ระลึก  เสร็จอีกแล้ววว เสียเงินสิ่

หลังจากเดินวนสักพักก็ออกมาเจอบ่อน้ำหลัก  จะมีป้ายเตือนว่าน้ำที่นี่ร้อนอยู่ครับ



แล้วก็รอบๆ ก็จะมีบ่อเล็กๆ บ่อเก่าๆ ให้เดินชม แต่ค่อนข้างมืด



มีเพียงบ่อนี้แหละครับที่มีน้ำ



ก่อนจะออกก็เจอตรงนี้  เป็นน้ำให้เราชิมครับ  ก็ลองชิมดู  มีกลิ่นนิดๆ



แล้วก็กลับโรงแรมเอากระเป๋าไปรอรถไฟไปสถานที่ต่อไปแล้วครับ

---

เผื่อใครยังไม่อ่านตอนก่อนหน้าครับ

ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/35508247
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/35508641