ชีวิตคุณล้มเหลวเท่าเขาไหม - ไก่ทอด KFC
.
ตำนาน KFC ผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ชายที่ล้มเหลว(เกือบ)ทั้งชีวิต!
.
.
.
.
KFC เพื่อนๆก็คงจะรู้จักกันตั้งแต่เด็กๆเลยก็ว่าได้ ไก่ทอดกรอบๆ เฟรนฟรายอร่อยๆที่พ่อกับแม่ชอบซื้อให้กิน นับได้ว่าเป็นที่ชื่นชอบและเป็นของโปรดของใครหลายๆคนอีกด้วย นอกจากนั้นตอนเด็กๆเพื่อนๆก็คงชอบที่จะไปถ่ายรูปคู่กับชายตัวอ้วน ดูอบอุ่น หนวดเคราสีขาว ที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ที่เรียกกันว่า ผู้พันแซนเดอร์ส .ใช่ไหมหล่ะ!!
.
แต่ใครจะไปรู้ว่า กว่าจะมาเป็น KFC นั้น ผู้พันแซนเดอร์ส ต้องฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆในชีวิตมามากแค่ไหน เมื่อ teen.mthai ได้อ่านเรื่องนี้ ตอนแรกก็คิดว่าก็เหมือนคนทั่วไปที่กว่าจะสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจมันก็ต้องล้มลุกคุกคลานเป็นธรรมดา แต่!! เมื่อได้อ่านลึกลงไปแล้วทำให้รู้ว่า มันหนักว่าที่คิดไว้หลายเท่า!! teen.mthai อยากให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกันดูนะคะ ถึงแม้เรื่องราวจะยาวไปหน่อย แต่รับรองได้ว่า เพื่อนๆจะรู้สึกมีกำลังใจในการต่อสู้กับสิ่งต่างๆมากขึ้น ^^
.
.
ประวัติ ผู้พันแซนเดอร์ส ตำนาน KFC
ฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ส (“Colonel” Harland David Sanders) ผู้ก่อตั้งเคเอฟซี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1939
เกิดเมื่อวันที่ 9กันยายน ค.ศ.1890 และเสียชีวิตเมื่อ วันที่ 16ธันวาคม ค.ศ.1980
เป็นนักการภัตตาคารชาวอเมริกัน (American restaurateur) ผู้ก่อตั้ง ไก่ทอดเคนตั๊กกี้หรือKentucky Fried Chicken (KFC) เป็นเครือข่ายร้านอาหารจานด่วนที่มีชื่อเสียงของอเมริกัน เป็นร้านที่มีเครือข่าย17,000แห่งทั่วโลก นับเป็นเครือข่ายร้านอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากแมคโดนัลด์
.
>อายุ 6 ขวบ :เมื่อเขาอายุได้เพียง 6 ขวบ #บิดาก็เสียชีวิตทำให้_แม่ต้องทำงาน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เพียงคนเดียว
แซนเดอร์ส ยังเป็นเด็กน้อยอายุ 6 ขวบ ต้องรับภาระเลี้ยงดู น้องชายอายุ 3 ขวบ และน้องสาว ยังเล็กอยู่ (มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน เป็นลูกชายคนโต) เขาต้อง ทำงานบ้านทุกอย่าง รวมถึง ทำอาหารเองด้วย แซนเดอร์ส มีความสามารถในเรื่องนี้มาก จนได้รางวัลชนะเลิศ ในการประกวด ทำอาหารประจำหมู่บ้าน ขณะที่อายุได้เพียง 7 ขวบเท่านั้น
.
>อายุ 10 ปี : แซนเดอร์สเริ่มรับจ้างทำงานครั้งแรก โดยเริ่มจาก การทำงานในฟาร์มใกล้บ้าน #ได้ค่าแรงเพียง_เดือนละ_2_ดอลลาร์
.
>อายุ 12 ปี: #เขาต้องลาออกจากโรงเรียน
เมื่อแม่เขาแต่งงานใหม่ #พ่อเลี้ยงของเขาทำร้ายเขาเป็นประจำ ดังนั้นเขาจึงออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับลุมในเมืองอัลบานี (Albany) ไปทำงานที่ฟาร์มในหมู่บ้านเฮนรี วิลล์ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้น ของชีวิตการทำงานหลาย ๆ อย่าง ที่เขาเคยทำ เช่น เป็นนักดับเพลิง ฝึกงานที่ศาล ขายประกัน ขายยาง ทำงานที่สถานีขนส่ง
.
>อายุ 15 ปี : เขาปลอมหลักฐานการเกิดเพื่อให้ได้เข้าไปทำงานเป็นทหารตั้งแต่อายุได้15ปี
เขาได้รับเกณฑ์ทหารแล้วไปทำงานดูแลหอที่ใช้ในกิจการทหารในคิวบา เมื่อ #เขาถูกปลดประจำการ_เพราะกองทัพขับออกมา จากนั้นเขาหันเหมาสมัครเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่ด้วยความสามารถที่ไม่ได้เรื่อง เขาจึงถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี หลังจากนั้น 4เดือน เขาได้เดินทางไปยังเมืองSheffield, รัฐAlabamaที่ซึ่งเขาพักอยู่กับลุง น้องชายของเขาClarenceก็ไปพักอยู่ที่นั่น เพื่อหลีกหนีจากพ่อเลี้ยง ในช่วงวัยเด็ก แซนเดอร์สทำหลายงาน #เคยเป็นทั้งคนขับเรือกลไฟ_พนักงานขายประกัน #งานรถไฟ_พนักงานดับเพลิง_และเป็นชาวนาแต่ก็ล้มเหลวอยู่ดี
.
>อายุ 17 ปี : เขาแสดงความสามารถพิเศษด้วยการ #ตกงานติดต่อกันถึง_4_ครั้ง
.
>อายุ 18 ปี : เขาแต่งงานมีครอบครัว และปีถัดมาเขาได้เป็นพ่อคนแต่ชีวิตคู่ของเขาก็มีความสุขอยู่ได้ไม่นานนัก
ฮาร์แลนด์แซนเดอร์ส แต่งงานกับโจเซฟีน คิง (Josephine King) ในปี ค.ศ.1908?และหวังจะเริ่มชีวิตครอบครัว #แต่เขาก็ถูกเจ้านายไล่ออกจากงานฐานกระด้างกระเดื่องที่ทำงานนอกคำสั่ง ภรรยาของเขาเลิกเขียนจดหมายติดต่อเขา และเขามาพบภายหลังว่า #เธอได้ทิ้งเขาแล้ว และได้ยกเครื่องเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับบ้านให้กับคนอื่น แล้วเธอก็หอบลูกกลับไปอยู่กับครอบครัวพ่อแม่ น้องชายของภรรยาเขียนจดหมายมาบอกแซนเดอร์สว่า ?เธอไม่สมควรที่จะแต่งงานกับคนไม่ดีอย่างคุณ ที่ไม่มีงานทำ? #แซนเดอร์สมีบุตรชายหนึ่งคนชื่อฮาร์แลนด์(Harland, Jr) เช่นกัน #ซึ่งได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก แซนเดอร์สได้กลับมาคืนดีกับภรรยา และเขาก็มีบุตรสาวกับอีก2คน ชื่อMargaret SandersและMildred Sanders Ruggles
.
.
>อายุ 20 ปี : #ภรรยาของเขาพาลูกสาวหนีไปเพราะทนใช้ชีวิตกับเขาไม่ได้
เหมือนว่าชายคนนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง !แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราอะไรมันจะไม่ได้เรื่องไปเสียหมด สิ่งเดียวที่เขาพบว่า เขาทำได้ดีก็คือ การทำอาหารดังนั้นเขาจึงไปทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขาชีวิตที่ร้านกาแฟ เขามีเวลามากมายที่จะนั่งคิดและทำอะไรได้มากพอสมควรแต่เขากลับเลือกใช้เวลานั่งคิดถึงภรรยาและลูกสาวของเขาเขาเพียรพยายามติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธ??เพราะสถานะของเขาไม่ดีพอที่จะเลี้ยงลูกสาว
#แซนเดอร์ส_วางแผนจะลักพาตัวลูกสาว!
เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ เขาไม่ต้องการภรรยาอีกต่อไป ขอเพียงแต่ได้ลูกสาวกลับคืนมาก็พอเพราะเขารักและคิดถึงเธอเหลือเกิน เขาใช้เวลาว่างในร้านกาแฟวางแผนในการนำลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอกของตนเขาวางแผนทุกขั้นตอนละเอียดยิบ
เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ วันที่ตั้งใจไว้ก็มาถึง เขาซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้นอกบ้านหลังเล็กๆ ของภรรยาอย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกกังวล ตื่นเต้น และตระหนกอยู่บ้างแต่นั่นมิอาจเทียบได้กับความรักที่เขามีต่อลูก เขาตัดสินใจที่จะต้องลงมือทำให้สำเร็จ แต่แล้วอนิจจาวันนั้นลูก สาวของเขาไม่ออกมาเล่นหน้าบ้านเลยแม้กระทั่งความพยายามในการก่ออาชญากรรม เขาก็ยังล้มเหลวเขารู้สึกเหมือนคนที่พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา รู้สึกเหมือนคนไม่มีค่าและเหมือนพระเจ้ากำหนดมาแล้วว่าเขาจะต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดชีวิต
.
>แต่เหมือนปาฏิหาริย์ ในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้พวกเขาทำงานด้วยกันในร้านกาแฟแห่งนั้น ทำอาหารและล้างจาน ซึ่งการอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว ทำให้เขามีกำลังใจและทำงานจนเกษียณตอนอายุ 65
ผู้พันแซนเดอร์ส คิด จะฆ่าตัวตาย
.
>วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกของเขา เป็นเงิน 105 ดอลลาร์(ราวสี่พันบาท) เช็คดังกล่าวเหมือนเป็นตัวแทนของรัฐที่ฝากมาบอกเขาว่า #เขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือใช้ชีวิต อยู่จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาลมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกปฏิเสธ ล้มเหลว เสียกำลังใจ และท้อแท้ชีวิตของเขาได้รับความผิดหวังอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 65 ปีอันยาวนาน เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าเขาดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแลเขาก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอีกต่อไป #เขาตัดสินใจ_ว่า_จะฆ่าตัวตาย?
.
>เขาหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นกับดินสอหนึ่งแท่งนั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านอย่างสงบ ตั้งใจที่จะเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรมแต่แทนที่จะทำเช่นนั้น กลับเหมือนมีอะไรมาดลใจ เหมือนเป็นครั้งแรกที่ชีวิตเกิดปัญญาเขาเริ่มต้นเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น ชีวิตที่เขาควรจะมี และสิ่งที่เขาปรารถนาในช่วงชีวิตสุดท้ายที่เหลืออยู่เขาตกใจมาก เมื่อค้นพบความจริงในชีวิตว่า #เขายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสักอย่างเลย ! (เพิ่งนึกได้)
.
>ผู้พันแซนเดอร์ส : ความผลิกผันในชีวิต !!
เขานั่งครุ่นคิดกับตัวเองอย่างจริงจัง มีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้บางอย่างที่คนที่รอบตัวทำสู้เขาไม่ได้ ใช่ ! เขารู้วิธีปรุงอาหารชีวิตเกือบทั้งหมดของเขา อยู่ที่หน้าเตาร้อนๆ มาตลอด เขาตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้งในที่สุดเขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความสำเร็จเขาตั้งใจว่าถ้าเขาจะตาย #เขาก็อยากจะตายในแบบที่ได้ลองพยายามเป็นใครสักคน #และทำบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขา เขาลุกจากเงาไม้ มุ่งหน้าไปยังธนาคารในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกันสังคมฉบับต่อไปของเขาด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น เขาซื้อกล่องเปล่าและไก่จำนวนหนึ่ง
จากนั้นเขาก็กลับไปที่บ้านและลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ทำงานที่ร้านกาแฟนั้นเขาเริ่มขายไก่ทอดของเขาตามบ้านต่างๆ ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ของเขาแล้วคนขายไก่ทอดอายุ 65 ปีคนนั้นก็กลายมาเป็นผู้พันฮาร์แลนด์ แซนเดอร์สราชาผู้เป็นที่รักของอาณาจักร Kentucky Fried Chicken หรือที่เรารู้จักกันในนาม KFC นั่นเอง #ตอนอายุ_65_ปี #เขาเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวที่ยังมีชีวิต #แต่ในวัย_85_ปีเขาก็กลายเป็นเศรษฐีพันล้านและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีผู้คนให้เกียรติเขาทั่วประเทศ
มาดู ตำนานKentucky Fried Chicken หรือทีเราเรียกกันว่า KFC กันคะ
.
>ค.ศ. 1890
ตำนานความอร่อยของไก่ทอด KFC เริ่มต้นโดย พันเอกฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ส ท่านถือกำเนิดขึ้นในเมืองคอร์บิน มลรัฐเคนตั๊กกี้ เมื่อวันที่ 9 กันยายน ในปี 1890 ร้านอาหารในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ (The restaurant in Corbin, Kentucky)
.
>ค.ศ.1930
ในปี ค.ศ.1930 อันเป็นช่วงที่เศรษฐกิจทั้งประเทศตกต่ำ แซนเดอร์สเปิดปั้มน้ำมันที่เมืองคอร์บิน ในรัฐเคนตั๊กกี้ (Corbin, Kentucky) ที่นี่เขาได้ทำไก่ทอดขาย และมีอาหารจานอื่นๆ เช่น มีแฮมแบบพื้นบ้าน (country ham)??และมีสเต๊ก (steaks) ไว้บริการ เขาทำเป็นภัตตาคารเล็กๆไว้บริการลูกค้า และที่นี่ก็เป็นที่พักของเขาไปด้วย แต่ที่นี่เขาได้เริ่มมีกิติศัพท์ในฝีมือทำอาหารในระดับท้องถิ่น ในที่สุดเขาได้ขยับขยายมาเปิดร้านอาหารในโรงแรมคนเดินทาง (Motel)?ขนาดมีขนาด?140?ที่นั่ง และที่นี่ที่เขาได้เริ่มประสบความสำเร็จในกิจการร้านอาหาร
.
>ค.ศ. 1939
ในปี ค.ศ.1939 นักวิจารณ์อาหารดันแคนไฮนส์ (Duncan Hines)?ได้เยี่ยมร้านอาหารของแซนเดอร์ส แล้วประทับใจมาก โดยได้เขียนให้เกียรติร้านนี้ว่าเป็น ?ร้านที่น่ามาท่องเที่ยวชิมอาหาร? โดยข้อเขียนนี้ได้เผยแพร่ไปทั่วประเทศสหรัฐ ในขณะที่ความสำเร็จของเขาขยายวงไปเรื่อยๆ แซนเดอร์สได้มีบทบาทด้านสังคมมากขึ้น เขาได้เข้าร่วมสมาคมโรตารี่ (Rotary Club), สภาหอการค้า (Chamber of commerce), และสมาคมFreemasons
.
>ค.ศ.1947
เขาได้หย่าขาดจาก โจเซฟิน ภรรยาคนแรก และในปี ค.ศ.1949 เขาได้แต่งงานกับเลขานุการ ชื่อ คลอเดีย (Claudia) และเขาได้รับตำแหน่ง ผู้พันแห่งเคนตั๊กกี้อีกครั้ง จากเพื่อนของเขา คือ ผู้ว่าการรัฐ ลอเรนซ์ เวเธอร์บี้ (Governor?Lawrence Wetherby)
.
>ค.ศ.1950
แซนเดอร์สได้พัฒนาบุคลิกของเขาให้เป็นสัญลักษณ์ของกิจการ โดยเขาไว้เคราแพะ แล้วย้อมหนวดและเคราเป็นสีขาว และผูกไทร์แบบเป็นเส้น (String tie) เขาไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณะในรูปแบบการแต่งกายอื่นๆในช่วง20ปีหลังของชีวิตเขา โดยในช่วงฤดูหนาว เขาใส่ชุดผ้าขนสัตว์หนา และในฤดูร้อน เขาใส่เสื้อผ้าทำจากฝ้าย แต่ทั้งหมดเป็นแบบเดียวและมีสีขาว เขาย้อมหนวดและเคราเป็นสีขาว เข้ากับสีผมและเสื้อผ้า และนั่นเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนจำได้
.
>ค.ศ.1955
ในวัย65ปี ไก่ทอดเคนตั๊กกี้ได้ก่อตัวขึ้นในรูปบริษัท เป็นครั้งแรก โดยผู้ก่อตั้งคือผู้พันแซนเดอร์ส??ร้านอาหารหลักของเขาก็ประสบปัญหาล้มเหลวอีกครั้ง เนื่องจากเกิดถนนสายระหว่างรัฐที่75(Interstate 75)ทำให้คนไม่เดินทางผ่านถนนท้องถิ่นเดิม มาที่ร้านของเขา เมื่อเกิดวิกฤติ มีคนมากินอาหารน้อยลง เขาได้ใช้เงิน $105 จากเงินสวัสดิการเกษียณอายุ(Social Security check) ใบแรก เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายการเดินทางไปเยี่ยมผู้ซื้อแฟรนไชส์ของเขา และนี่อาจเป็นข้อดีที่ทำให้เขาหันมาทำกิจการแฟรนไชส์เครือข่ายร้านอาหารอย่างจริงจัง แม้วัยของเขาจะเข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว
.
>ค.ศ.1964
ผู้พันแซนเดอร์สได้ขายกิจการ ไก่ทอดเคนตั๊กกี้ให้แก่ กลุ่มนักลงทุนมืออาชีพที่มี Jack Massey และ John Y. Brown Jr. เป็นแกนนำ
.
>ค.ศ. 1978
เพื่อรักษาไก่ทอดเคนตั๊กกี้ ให้คงคุณภาพและรสชาติ แบบดั้งเดิม จึงมีการเปิดศูนย์ฝึกอบรมแห่งชาติของ KFC ขึ้นในปี 1978 โดยมีผู้พั
ที่มาของkfc
.
ตำนาน KFC ผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ชายที่ล้มเหลว(เกือบ)ทั้งชีวิต!
.
.
.
.
KFC เพื่อนๆก็คงจะรู้จักกันตั้งแต่เด็กๆเลยก็ว่าได้ ไก่ทอดกรอบๆ เฟรนฟรายอร่อยๆที่พ่อกับแม่ชอบซื้อให้กิน นับได้ว่าเป็นที่ชื่นชอบและเป็นของโปรดของใครหลายๆคนอีกด้วย นอกจากนั้นตอนเด็กๆเพื่อนๆก็คงชอบที่จะไปถ่ายรูปคู่กับชายตัวอ้วน ดูอบอุ่น หนวดเคราสีขาว ที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ที่เรียกกันว่า ผู้พันแซนเดอร์ส .ใช่ไหมหล่ะ!!
.
แต่ใครจะไปรู้ว่า กว่าจะมาเป็น KFC นั้น ผู้พันแซนเดอร์ส ต้องฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆในชีวิตมามากแค่ไหน เมื่อ teen.mthai ได้อ่านเรื่องนี้ ตอนแรกก็คิดว่าก็เหมือนคนทั่วไปที่กว่าจะสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจมันก็ต้องล้มลุกคุกคลานเป็นธรรมดา แต่!! เมื่อได้อ่านลึกลงไปแล้วทำให้รู้ว่า มันหนักว่าที่คิดไว้หลายเท่า!! teen.mthai อยากให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกันดูนะคะ ถึงแม้เรื่องราวจะยาวไปหน่อย แต่รับรองได้ว่า เพื่อนๆจะรู้สึกมีกำลังใจในการต่อสู้กับสิ่งต่างๆมากขึ้น ^^
.
.
ประวัติ ผู้พันแซนเดอร์ส ตำนาน KFC
ฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ส (“Colonel” Harland David Sanders) ผู้ก่อตั้งเคเอฟซี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1939
เกิดเมื่อวันที่ 9กันยายน ค.ศ.1890 และเสียชีวิตเมื่อ วันที่ 16ธันวาคม ค.ศ.1980
เป็นนักการภัตตาคารชาวอเมริกัน (American restaurateur) ผู้ก่อตั้ง ไก่ทอดเคนตั๊กกี้หรือKentucky Fried Chicken (KFC) เป็นเครือข่ายร้านอาหารจานด่วนที่มีชื่อเสียงของอเมริกัน เป็นร้านที่มีเครือข่าย17,000แห่งทั่วโลก นับเป็นเครือข่ายร้านอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากแมคโดนัลด์
.
>อายุ 6 ขวบ :เมื่อเขาอายุได้เพียง 6 ขวบ #บิดาก็เสียชีวิตทำให้_แม่ต้องทำงาน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เพียงคนเดียว
แซนเดอร์ส ยังเป็นเด็กน้อยอายุ 6 ขวบ ต้องรับภาระเลี้ยงดู น้องชายอายุ 3 ขวบ และน้องสาว ยังเล็กอยู่ (มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน เป็นลูกชายคนโต) เขาต้อง ทำงานบ้านทุกอย่าง รวมถึง ทำอาหารเองด้วย แซนเดอร์ส มีความสามารถในเรื่องนี้มาก จนได้รางวัลชนะเลิศ ในการประกวด ทำอาหารประจำหมู่บ้าน ขณะที่อายุได้เพียง 7 ขวบเท่านั้น
.
>อายุ 10 ปี : แซนเดอร์สเริ่มรับจ้างทำงานครั้งแรก โดยเริ่มจาก การทำงานในฟาร์มใกล้บ้าน #ได้ค่าแรงเพียง_เดือนละ_2_ดอลลาร์
.
>อายุ 12 ปี: #เขาต้องลาออกจากโรงเรียน
เมื่อแม่เขาแต่งงานใหม่ #พ่อเลี้ยงของเขาทำร้ายเขาเป็นประจำ ดังนั้นเขาจึงออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับลุมในเมืองอัลบานี (Albany) ไปทำงานที่ฟาร์มในหมู่บ้านเฮนรี วิลล์ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้น ของชีวิตการทำงานหลาย ๆ อย่าง ที่เขาเคยทำ เช่น เป็นนักดับเพลิง ฝึกงานที่ศาล ขายประกัน ขายยาง ทำงานที่สถานีขนส่ง
.
>อายุ 15 ปี : เขาปลอมหลักฐานการเกิดเพื่อให้ได้เข้าไปทำงานเป็นทหารตั้งแต่อายุได้15ปี
เขาได้รับเกณฑ์ทหารแล้วไปทำงานดูแลหอที่ใช้ในกิจการทหารในคิวบา เมื่อ #เขาถูกปลดประจำการ_เพราะกองทัพขับออกมา จากนั้นเขาหันเหมาสมัครเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่ด้วยความสามารถที่ไม่ได้เรื่อง เขาจึงถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี หลังจากนั้น 4เดือน เขาได้เดินทางไปยังเมืองSheffield, รัฐAlabamaที่ซึ่งเขาพักอยู่กับลุง น้องชายของเขาClarenceก็ไปพักอยู่ที่นั่น เพื่อหลีกหนีจากพ่อเลี้ยง ในช่วงวัยเด็ก แซนเดอร์สทำหลายงาน #เคยเป็นทั้งคนขับเรือกลไฟ_พนักงานขายประกัน #งานรถไฟ_พนักงานดับเพลิง_และเป็นชาวนาแต่ก็ล้มเหลวอยู่ดี
.
>อายุ 17 ปี : เขาแสดงความสามารถพิเศษด้วยการ #ตกงานติดต่อกันถึง_4_ครั้ง
.
>อายุ 18 ปี : เขาแต่งงานมีครอบครัว และปีถัดมาเขาได้เป็นพ่อคนแต่ชีวิตคู่ของเขาก็มีความสุขอยู่ได้ไม่นานนัก
ฮาร์แลนด์แซนเดอร์ส แต่งงานกับโจเซฟีน คิง (Josephine King) ในปี ค.ศ.1908?และหวังจะเริ่มชีวิตครอบครัว #แต่เขาก็ถูกเจ้านายไล่ออกจากงานฐานกระด้างกระเดื่องที่ทำงานนอกคำสั่ง ภรรยาของเขาเลิกเขียนจดหมายติดต่อเขา และเขามาพบภายหลังว่า #เธอได้ทิ้งเขาแล้ว และได้ยกเครื่องเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับบ้านให้กับคนอื่น แล้วเธอก็หอบลูกกลับไปอยู่กับครอบครัวพ่อแม่ น้องชายของภรรยาเขียนจดหมายมาบอกแซนเดอร์สว่า ?เธอไม่สมควรที่จะแต่งงานกับคนไม่ดีอย่างคุณ ที่ไม่มีงานทำ? #แซนเดอร์สมีบุตรชายหนึ่งคนชื่อฮาร์แลนด์(Harland, Jr) เช่นกัน #ซึ่งได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก แซนเดอร์สได้กลับมาคืนดีกับภรรยา และเขาก็มีบุตรสาวกับอีก2คน ชื่อMargaret SandersและMildred Sanders Ruggles
.
.
>อายุ 20 ปี : #ภรรยาของเขาพาลูกสาวหนีไปเพราะทนใช้ชีวิตกับเขาไม่ได้
เหมือนว่าชายคนนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง !แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราอะไรมันจะไม่ได้เรื่องไปเสียหมด สิ่งเดียวที่เขาพบว่า เขาทำได้ดีก็คือ การทำอาหารดังนั้นเขาจึงไปทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขาชีวิตที่ร้านกาแฟ เขามีเวลามากมายที่จะนั่งคิดและทำอะไรได้มากพอสมควรแต่เขากลับเลือกใช้เวลานั่งคิดถึงภรรยาและลูกสาวของเขาเขาเพียรพยายามติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธ??เพราะสถานะของเขาไม่ดีพอที่จะเลี้ยงลูกสาว
#แซนเดอร์ส_วางแผนจะลักพาตัวลูกสาว!
เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ เขาไม่ต้องการภรรยาอีกต่อไป ขอเพียงแต่ได้ลูกสาวกลับคืนมาก็พอเพราะเขารักและคิดถึงเธอเหลือเกิน เขาใช้เวลาว่างในร้านกาแฟวางแผนในการนำลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอกของตนเขาวางแผนทุกขั้นตอนละเอียดยิบ
เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ วันที่ตั้งใจไว้ก็มาถึง เขาซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้นอกบ้านหลังเล็กๆ ของภรรยาอย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกกังวล ตื่นเต้น และตระหนกอยู่บ้างแต่นั่นมิอาจเทียบได้กับความรักที่เขามีต่อลูก เขาตัดสินใจที่จะต้องลงมือทำให้สำเร็จ แต่แล้วอนิจจาวันนั้นลูก สาวของเขาไม่ออกมาเล่นหน้าบ้านเลยแม้กระทั่งความพยายามในการก่ออาชญากรรม เขาก็ยังล้มเหลวเขารู้สึกเหมือนคนที่พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา รู้สึกเหมือนคนไม่มีค่าและเหมือนพระเจ้ากำหนดมาแล้วว่าเขาจะต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดชีวิต
.
>แต่เหมือนปาฏิหาริย์ ในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้พวกเขาทำงานด้วยกันในร้านกาแฟแห่งนั้น ทำอาหารและล้างจาน ซึ่งการอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว ทำให้เขามีกำลังใจและทำงานจนเกษียณตอนอายุ 65
ผู้พันแซนเดอร์ส คิด จะฆ่าตัวตาย
.
>วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกของเขา เป็นเงิน 105 ดอลลาร์(ราวสี่พันบาท) เช็คดังกล่าวเหมือนเป็นตัวแทนของรัฐที่ฝากมาบอกเขาว่า #เขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือใช้ชีวิต อยู่จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาลมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกปฏิเสธ ล้มเหลว เสียกำลังใจ และท้อแท้ชีวิตของเขาได้รับความผิดหวังอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 65 ปีอันยาวนาน เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าเขาดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแลเขาก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอีกต่อไป #เขาตัดสินใจ_ว่า_จะฆ่าตัวตาย?
.
>เขาหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นกับดินสอหนึ่งแท่งนั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านอย่างสงบ ตั้งใจที่จะเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรมแต่แทนที่จะทำเช่นนั้น กลับเหมือนมีอะไรมาดลใจ เหมือนเป็นครั้งแรกที่ชีวิตเกิดปัญญาเขาเริ่มต้นเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น ชีวิตที่เขาควรจะมี และสิ่งที่เขาปรารถนาในช่วงชีวิตสุดท้ายที่เหลืออยู่เขาตกใจมาก เมื่อค้นพบความจริงในชีวิตว่า #เขายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสักอย่างเลย ! (เพิ่งนึกได้)
.
>ผู้พันแซนเดอร์ส : ความผลิกผันในชีวิต !!
เขานั่งครุ่นคิดกับตัวเองอย่างจริงจัง มีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้บางอย่างที่คนที่รอบตัวทำสู้เขาไม่ได้ ใช่ ! เขารู้วิธีปรุงอาหารชีวิตเกือบทั้งหมดของเขา อยู่ที่หน้าเตาร้อนๆ มาตลอด เขาตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้งในที่สุดเขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความสำเร็จเขาตั้งใจว่าถ้าเขาจะตาย #เขาก็อยากจะตายในแบบที่ได้ลองพยายามเป็นใครสักคน #และทำบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขา เขาลุกจากเงาไม้ มุ่งหน้าไปยังธนาคารในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกันสังคมฉบับต่อไปของเขาด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น เขาซื้อกล่องเปล่าและไก่จำนวนหนึ่ง
จากนั้นเขาก็กลับไปที่บ้านและลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ทำงานที่ร้านกาแฟนั้นเขาเริ่มขายไก่ทอดของเขาตามบ้านต่างๆ ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ของเขาแล้วคนขายไก่ทอดอายุ 65 ปีคนนั้นก็กลายมาเป็นผู้พันฮาร์แลนด์ แซนเดอร์สราชาผู้เป็นที่รักของอาณาจักร Kentucky Fried Chicken หรือที่เรารู้จักกันในนาม KFC นั่นเอง #ตอนอายุ_65_ปี #เขาเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวที่ยังมีชีวิต #แต่ในวัย_85_ปีเขาก็กลายเป็นเศรษฐีพันล้านและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีผู้คนให้เกียรติเขาทั่วประเทศ
มาดู ตำนานKentucky Fried Chicken หรือทีเราเรียกกันว่า KFC กันคะ
.
>ค.ศ. 1890
ตำนานความอร่อยของไก่ทอด KFC เริ่มต้นโดย พันเอกฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ส ท่านถือกำเนิดขึ้นในเมืองคอร์บิน มลรัฐเคนตั๊กกี้ เมื่อวันที่ 9 กันยายน ในปี 1890 ร้านอาหารในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ (The restaurant in Corbin, Kentucky)
.
>ค.ศ.1930
ในปี ค.ศ.1930 อันเป็นช่วงที่เศรษฐกิจทั้งประเทศตกต่ำ แซนเดอร์สเปิดปั้มน้ำมันที่เมืองคอร์บิน ในรัฐเคนตั๊กกี้ (Corbin, Kentucky) ที่นี่เขาได้ทำไก่ทอดขาย และมีอาหารจานอื่นๆ เช่น มีแฮมแบบพื้นบ้าน (country ham)??และมีสเต๊ก (steaks) ไว้บริการ เขาทำเป็นภัตตาคารเล็กๆไว้บริการลูกค้า และที่นี่ก็เป็นที่พักของเขาไปด้วย แต่ที่นี่เขาได้เริ่มมีกิติศัพท์ในฝีมือทำอาหารในระดับท้องถิ่น ในที่สุดเขาได้ขยับขยายมาเปิดร้านอาหารในโรงแรมคนเดินทาง (Motel)?ขนาดมีขนาด?140?ที่นั่ง และที่นี่ที่เขาได้เริ่มประสบความสำเร็จในกิจการร้านอาหาร
.
>ค.ศ. 1939
ในปี ค.ศ.1939 นักวิจารณ์อาหารดันแคนไฮนส์ (Duncan Hines)?ได้เยี่ยมร้านอาหารของแซนเดอร์ส แล้วประทับใจมาก โดยได้เขียนให้เกียรติร้านนี้ว่าเป็น ?ร้านที่น่ามาท่องเที่ยวชิมอาหาร? โดยข้อเขียนนี้ได้เผยแพร่ไปทั่วประเทศสหรัฐ ในขณะที่ความสำเร็จของเขาขยายวงไปเรื่อยๆ แซนเดอร์สได้มีบทบาทด้านสังคมมากขึ้น เขาได้เข้าร่วมสมาคมโรตารี่ (Rotary Club), สภาหอการค้า (Chamber of commerce), และสมาคมFreemasons
.
>ค.ศ.1947
เขาได้หย่าขาดจาก โจเซฟิน ภรรยาคนแรก และในปี ค.ศ.1949 เขาได้แต่งงานกับเลขานุการ ชื่อ คลอเดีย (Claudia) และเขาได้รับตำแหน่ง ผู้พันแห่งเคนตั๊กกี้อีกครั้ง จากเพื่อนของเขา คือ ผู้ว่าการรัฐ ลอเรนซ์ เวเธอร์บี้ (Governor?Lawrence Wetherby)
.
>ค.ศ.1950
แซนเดอร์สได้พัฒนาบุคลิกของเขาให้เป็นสัญลักษณ์ของกิจการ โดยเขาไว้เคราแพะ แล้วย้อมหนวดและเคราเป็นสีขาว และผูกไทร์แบบเป็นเส้น (String tie) เขาไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณะในรูปแบบการแต่งกายอื่นๆในช่วง20ปีหลังของชีวิตเขา โดยในช่วงฤดูหนาว เขาใส่ชุดผ้าขนสัตว์หนา และในฤดูร้อน เขาใส่เสื้อผ้าทำจากฝ้าย แต่ทั้งหมดเป็นแบบเดียวและมีสีขาว เขาย้อมหนวดและเคราเป็นสีขาว เข้ากับสีผมและเสื้อผ้า และนั่นเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนจำได้
.
>ค.ศ.1955
ในวัย65ปี ไก่ทอดเคนตั๊กกี้ได้ก่อตัวขึ้นในรูปบริษัท เป็นครั้งแรก โดยผู้ก่อตั้งคือผู้พันแซนเดอร์ส??ร้านอาหารหลักของเขาก็ประสบปัญหาล้มเหลวอีกครั้ง เนื่องจากเกิดถนนสายระหว่างรัฐที่75(Interstate 75)ทำให้คนไม่เดินทางผ่านถนนท้องถิ่นเดิม มาที่ร้านของเขา เมื่อเกิดวิกฤติ มีคนมากินอาหารน้อยลง เขาได้ใช้เงิน $105 จากเงินสวัสดิการเกษียณอายุ(Social Security check) ใบแรก เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายการเดินทางไปเยี่ยมผู้ซื้อแฟรนไชส์ของเขา และนี่อาจเป็นข้อดีที่ทำให้เขาหันมาทำกิจการแฟรนไชส์เครือข่ายร้านอาหารอย่างจริงจัง แม้วัยของเขาจะเข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว
.
>ค.ศ.1964
ผู้พันแซนเดอร์สได้ขายกิจการ ไก่ทอดเคนตั๊กกี้ให้แก่ กลุ่มนักลงทุนมืออาชีพที่มี Jack Massey และ John Y. Brown Jr. เป็นแกนนำ
.
>ค.ศ. 1978
เพื่อรักษาไก่ทอดเคนตั๊กกี้ ให้คงคุณภาพและรสชาติ แบบดั้งเดิม จึงมีการเปิดศูนย์ฝึกอบรมแห่งชาติของ KFC ขึ้นในปี 1978 โดยมีผู้พั