เมื่อวันพุธที่ 10 สิงหาคม 2559 โทรศัพท์มือถือ Sony Xperia Z2 สุดที่รักของผมเกิดอาการแบตเสื่อมและหน้าจอทัชเองเหมือนผีหลอก ผมจึงจำเป็นที่จะต้องหาเครื่องใหม่มาทดแทนทั้งการทำงานและการเล่นเกม ก็เลยไปแฟชั่น ไอส์แลนด์ เพื่อมองหาโทรศัพท์มือถือที่คุ้มค่าในราคาหมื่นนิดๆ
จริงๆเป็นคนชอบและใช้ Sony มาตลอด ก็เลยว่าจะจัด Xperia X แต่ว่าช่วงนี้ขัดสนเรื่องเงินๆทองๆ ก็เลยลองมองหาตัวอื่นๆที่เป็นมิตรกับสภาพการเงินในปัจจุบัน โดยตอนแรกเล็ง Huawei P9 ไว้ เนื่องจากได้ส่วนลดจากทรูเหลือราคาหมื่นนิดๆ แต่ก็ลองเดินๆเล่นดูก่อนเผื่อจะเจอกับตัวอื่นที่น่าสนใจกว่านี้
สุดท้ายมาโดนใจกับสเปคและฝาหลังอันสวยงามของ "Asus Zenfone 2 Deluxe" คือเห็นครั้งแรกแล้วแบบ ทิ้งทุกรุ่นที่เคยดูมา พร้อมกับเดินหาร้านที่ของแถมคุ้มค่าที่สุด จนไปจบที่ TG Phone (ขอบคุณที่ให้ผมเทสเครื่องจนพอใจนะครับ)
บอกตรงๆว่าตลอดเวลาที่ใช้งานมาถึงตอนนี้ ผมโอเคกับมันมากๆเลยนะ ทั้ง RAM 4GB ที่มหาศาล และความลื่นไหลของมัน จนกระทั่งวันที่พฤหัสที่ 18 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา
ระหว่างที่ผมทำงาน ผมก็หยิบ "Asus Zenfone 2 Deluxe" เครื่องนี้ขันมาชื่นชมในความเห่อของใหม่ หมุนๆ พลิกๆไป จนมาสะดุดที่โลโก้ด้านหลังของฝาหลัง ดังรูป
ทำไมโลโก้ของ ASUS ... S ตัวสุดท้ายมันมาไม่ครบล่ะ?
ด้วยความตกใจและหงุดหงิด ก็เลยโทรหาทาง TG Phone ของสาขาที่ไปซื้อมา ว่าเคสแบบนี้สามารถเคลมได้ไหมครับ เนื่องจากเกินระยะ 7 วันแรกที่ซื้อมา 1 วัน ก็ได้ความดังนี้
"การรับประกันของ ASUS จะรับประกันแค่ Hardware และ Software เท่านั้น สำหรับส่วนบอดี้ของเครื่อง ASUS จะไม่รับประกันค่ะ แต่ถ้าลูกค้าอยากจะนำไปตรวจสอบ ทางเรายินดีที่จะนำเครื่องส่งไปให้ Synnex Thailand ให้ค่ะ"
ด้วยความขี้เกียจรอ เพราะคิดว่านานแน่ๆ แล้วต้องใช้โทรศัพท์ตลอดเวลาด้วย ก็เลยบอกไปว่าจะไปที่ Synnex ตรงซอยสุคนธสวัสดิ์เอง เพราะใกล้บ้านและน่าจะได้ข้อมูลที่เร็วกว่า
แต่เนื่องจากขณะนั้นเป็นเวลาทำงานอยู่ ก็เลยลองโทรไปถามรายละเอียดกับทาง Synnex ก่อน เผื่อจะต้องเอาอุปกรณ์ต่างๆไปด้วยถ้าได้เคลม ซึ่งก็ได้ความว่าอย่างนี้
"ลูกค้าต้องนำเครื่องเข้ามาเปิดเคสที่ศูนย์ เพื่อตรวจสอบและเบิกอะไหล่ฝาหลัง โดยจะมีค่าใช้จ่าย 3-5 ร้อยบาทค่ะ"
พอได้คำตอบแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก ผมเลยตัดสินใจโทรหา ASUS Thailand ต่อ เผื่อจะเจอทางสว่างบ้าง และนั่นก็ทำให้ผมหมดความอดทน โดยบทสนทนาก็จะประมาณนี้
ผม : (บอกรายละเอียดของอาการไป) และถามถึงวิธีช่วยเหลือที่ ASUS Thailand จะแนะนำผมได้
พนง ASUS : ลูกค้าสามารถนำเครื่องมาให้ตรวจเช็คและ
เคลมฝาหลังได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากอยู่ในประกันครับ
ผม : อ่าว เหรอครับ? แต่เมื่อซักครู่ก่อนหน้านี้ ผมได้ติดต่อกับทาง Synnex และทาง Synnex เองบอกว่าไม่สามารถเคลมได้ แต่ถ้าจะเปลี่ยนต้องมีค่าใช้จ่าย 3-5 ร้อยบาท
พนง ASUS : ทางเราขอตรวจสอบซักครู่นะครับ
... พนง ASUS หายไปซักพักก็กลับมา พร้อมกับบอกว่า ...
พนง ASUS : ต้องขออภัยทางคุณลูกค้าด้วยนะครับ จริงๆจะ
ต้องมีค่าใช้จ่าย 6 ร้อยบาท สำหรับการเปลี่ยนฝาหลังรุ่นนี้ครับ โดยจะต้องนำเครื่องมาตรวจเช็ค และทำการเบิกอะไหล่ หลังจากนั้นอะไหล่มาส่งแล้ว จะติดต่อกลับไปเพื่อให้นำเครื่องมาเปลี่ยนฝาหลังครับ
ผม : ครับ ขอบคุณครับ (ตอนนั้นโมโหมาก แต่พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์)
คือตอนแรกผมจะวางสายตั้งแต่ที่ พนง บอกว่าให้ไปเคลมได้ฟรีล่ะ แต่เพราะความสงสัยเลยถามรายละเอียดเพิ่มเติม แล้วก็ผิดหวังอย่างที่เห็น คือเสียเงินซื้อฝาหลังใหม่ไม่ซิเรียสนะครับ แต่ทำไมความคงทนของวัสดุมันแย่จังครับ นี่เพิ่งผ่านไปสัปดาห์กับอีกวันนึงเอง ถ้าผ่านไปซักครึ่งปีหรือปีนึงจะไม่อะไรมากเลย
แล้วด้วยความที่เราเป็นคนรักของมากๆ ตั้งแต่ซื้อมายังไม่เคยตกหรือกระแทกอะไรเลย (ถ้าดูจากภาพ) ฝาหลังตั้งแต่พนักงานใส่ซิมให้ก็ยังไม่เคยแกะ และที่แน่ๆคือไม่ได้มีร่องรอยของการงัดแงะโลโก้ ASUS แน่นอน แต่ทำไมมันหลุดง่ายจังครับ นี่มันโลโก้ของแบรนด์คุณเองนะครับ
สุดท้ายนี้ผมผิดหวังกับเคสนี้นะ เพราะผมไว้ใจใช้ ASUS มาตั้งแต่สมัยมหาลัย Notebook เครื่องแรกในชีวิตก็ใช้ ASUS จนทุกวันนี้ทำงานด้าน IT มาเกือบ 6 ปี ผมก็ยังไว้ใจ ASUS มาตลอด ทั้งการสั่งซื้อ PC หรือ Notebook ผมก็เลือกใช้ ASUS แนะนำเพื่อน พี่น้อง คนในครอบครัว ให้ใช้ ASUS มาตลอด เพราะความสบายใจและมั่นใจในคุณภาพ
โอเค ... โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นตัวเรือธง หรือราคาแพงมากมาย (ในความคิดบางคน) แต่ด้วยเงินที่ผมพยายามหามาเพื่อมาซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ และไว้ใจที่จะใช้แบรนด์นี้ แต่ ASUS มอบความผิดหวังให้กับผม ด้วย QC ห่วยๆแบบนี้ ขนาดโลโก้แบรนด์ของคุณมันยังไม่แข็งแรง แล้วคุณจะสร้างความมั่นคงกับความรู้สึกของลูกค้าได้ยังไงครับ
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของ ASUS ครับ
ป.ล.1 ผมยอมใช้เครื่องที่ฝาหลังเป็นแบบนี้ไปจนกระทั่งมันพังได้นะ เวลาใครเห็นแล้วถาม จะได้เล่าให้ฟังได้ว่าตำนานมันเป็นมายังไง
ป.ล.2 ทั้งหมดคือความเห็นตัวผมเอง ขอบคุณที่รับรู้ในสิ่งที่ผมบ่นจนถึงบรรทัดนี้ครับ
ผิดหวังกับ Asus Zenfone 2 Deluxe
จริงๆเป็นคนชอบและใช้ Sony มาตลอด ก็เลยว่าจะจัด Xperia X แต่ว่าช่วงนี้ขัดสนเรื่องเงินๆทองๆ ก็เลยลองมองหาตัวอื่นๆที่เป็นมิตรกับสภาพการเงินในปัจจุบัน โดยตอนแรกเล็ง Huawei P9 ไว้ เนื่องจากได้ส่วนลดจากทรูเหลือราคาหมื่นนิดๆ แต่ก็ลองเดินๆเล่นดูก่อนเผื่อจะเจอกับตัวอื่นที่น่าสนใจกว่านี้
สุดท้ายมาโดนใจกับสเปคและฝาหลังอันสวยงามของ "Asus Zenfone 2 Deluxe" คือเห็นครั้งแรกแล้วแบบ ทิ้งทุกรุ่นที่เคยดูมา พร้อมกับเดินหาร้านที่ของแถมคุ้มค่าที่สุด จนไปจบที่ TG Phone (ขอบคุณที่ให้ผมเทสเครื่องจนพอใจนะครับ)
บอกตรงๆว่าตลอดเวลาที่ใช้งานมาถึงตอนนี้ ผมโอเคกับมันมากๆเลยนะ ทั้ง RAM 4GB ที่มหาศาล และความลื่นไหลของมัน จนกระทั่งวันที่พฤหัสที่ 18 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา
ระหว่างที่ผมทำงาน ผมก็หยิบ "Asus Zenfone 2 Deluxe" เครื่องนี้ขันมาชื่นชมในความเห่อของใหม่ หมุนๆ พลิกๆไป จนมาสะดุดที่โลโก้ด้านหลังของฝาหลัง ดังรูป
ทำไมโลโก้ของ ASUS ... S ตัวสุดท้ายมันมาไม่ครบล่ะ?
ด้วยความตกใจและหงุดหงิด ก็เลยโทรหาทาง TG Phone ของสาขาที่ไปซื้อมา ว่าเคสแบบนี้สามารถเคลมได้ไหมครับ เนื่องจากเกินระยะ 7 วันแรกที่ซื้อมา 1 วัน ก็ได้ความดังนี้
"การรับประกันของ ASUS จะรับประกันแค่ Hardware และ Software เท่านั้น สำหรับส่วนบอดี้ของเครื่อง ASUS จะไม่รับประกันค่ะ แต่ถ้าลูกค้าอยากจะนำไปตรวจสอบ ทางเรายินดีที่จะนำเครื่องส่งไปให้ Synnex Thailand ให้ค่ะ"
ด้วยความขี้เกียจรอ เพราะคิดว่านานแน่ๆ แล้วต้องใช้โทรศัพท์ตลอดเวลาด้วย ก็เลยบอกไปว่าจะไปที่ Synnex ตรงซอยสุคนธสวัสดิ์เอง เพราะใกล้บ้านและน่าจะได้ข้อมูลที่เร็วกว่า
แต่เนื่องจากขณะนั้นเป็นเวลาทำงานอยู่ ก็เลยลองโทรไปถามรายละเอียดกับทาง Synnex ก่อน เผื่อจะต้องเอาอุปกรณ์ต่างๆไปด้วยถ้าได้เคลม ซึ่งก็ได้ความว่าอย่างนี้
"ลูกค้าต้องนำเครื่องเข้ามาเปิดเคสที่ศูนย์ เพื่อตรวจสอบและเบิกอะไหล่ฝาหลัง โดยจะมีค่าใช้จ่าย 3-5 ร้อยบาทค่ะ"
พอได้คำตอบแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก ผมเลยตัดสินใจโทรหา ASUS Thailand ต่อ เผื่อจะเจอทางสว่างบ้าง และนั่นก็ทำให้ผมหมดความอดทน โดยบทสนทนาก็จะประมาณนี้
ผม : (บอกรายละเอียดของอาการไป) และถามถึงวิธีช่วยเหลือที่ ASUS Thailand จะแนะนำผมได้
พนง ASUS : ลูกค้าสามารถนำเครื่องมาให้ตรวจเช็คและเคลมฝาหลังได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากอยู่ในประกันครับ
ผม : อ่าว เหรอครับ? แต่เมื่อซักครู่ก่อนหน้านี้ ผมได้ติดต่อกับทาง Synnex และทาง Synnex เองบอกว่าไม่สามารถเคลมได้ แต่ถ้าจะเปลี่ยนต้องมีค่าใช้จ่าย 3-5 ร้อยบาท
พนง ASUS : ทางเราขอตรวจสอบซักครู่นะครับ
... พนง ASUS หายไปซักพักก็กลับมา พร้อมกับบอกว่า ...
พนง ASUS : ต้องขออภัยทางคุณลูกค้าด้วยนะครับ จริงๆจะต้องมีค่าใช้จ่าย 6 ร้อยบาท สำหรับการเปลี่ยนฝาหลังรุ่นนี้ครับ โดยจะต้องนำเครื่องมาตรวจเช็ค และทำการเบิกอะไหล่ หลังจากนั้นอะไหล่มาส่งแล้ว จะติดต่อกลับไปเพื่อให้นำเครื่องมาเปลี่ยนฝาหลังครับ
ผม : ครับ ขอบคุณครับ (ตอนนั้นโมโหมาก แต่พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์)
คือตอนแรกผมจะวางสายตั้งแต่ที่ พนง บอกว่าให้ไปเคลมได้ฟรีล่ะ แต่เพราะความสงสัยเลยถามรายละเอียดเพิ่มเติม แล้วก็ผิดหวังอย่างที่เห็น คือเสียเงินซื้อฝาหลังใหม่ไม่ซิเรียสนะครับ แต่ทำไมความคงทนของวัสดุมันแย่จังครับ นี่เพิ่งผ่านไปสัปดาห์กับอีกวันนึงเอง ถ้าผ่านไปซักครึ่งปีหรือปีนึงจะไม่อะไรมากเลย
แล้วด้วยความที่เราเป็นคนรักของมากๆ ตั้งแต่ซื้อมายังไม่เคยตกหรือกระแทกอะไรเลย (ถ้าดูจากภาพ) ฝาหลังตั้งแต่พนักงานใส่ซิมให้ก็ยังไม่เคยแกะ และที่แน่ๆคือไม่ได้มีร่องรอยของการงัดแงะโลโก้ ASUS แน่นอน แต่ทำไมมันหลุดง่ายจังครับ นี่มันโลโก้ของแบรนด์คุณเองนะครับ
สุดท้ายนี้ผมผิดหวังกับเคสนี้นะ เพราะผมไว้ใจใช้ ASUS มาตั้งแต่สมัยมหาลัย Notebook เครื่องแรกในชีวิตก็ใช้ ASUS จนทุกวันนี้ทำงานด้าน IT มาเกือบ 6 ปี ผมก็ยังไว้ใจ ASUS มาตลอด ทั้งการสั่งซื้อ PC หรือ Notebook ผมก็เลือกใช้ ASUS แนะนำเพื่อน พี่น้อง คนในครอบครัว ให้ใช้ ASUS มาตลอด เพราะความสบายใจและมั่นใจในคุณภาพ
โอเค ... โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นตัวเรือธง หรือราคาแพงมากมาย (ในความคิดบางคน) แต่ด้วยเงินที่ผมพยายามหามาเพื่อมาซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ และไว้ใจที่จะใช้แบรนด์นี้ แต่ ASUS มอบความผิดหวังให้กับผม ด้วย QC ห่วยๆแบบนี้ ขนาดโลโก้แบรนด์ของคุณมันยังไม่แข็งแรง แล้วคุณจะสร้างความมั่นคงกับความรู้สึกของลูกค้าได้ยังไงครับ
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของ ASUS ครับ
ป.ล.1 ผมยอมใช้เครื่องที่ฝาหลังเป็นแบบนี้ไปจนกระทั่งมันพังได้นะ เวลาใครเห็นแล้วถาม จะได้เล่าให้ฟังได้ว่าตำนานมันเป็นมายังไง
ป.ล.2 ทั้งหมดคือความเห็นตัวผมเอง ขอบคุณที่รับรู้ในสิ่งที่ผมบ่นจนถึงบรรทัดนี้ครับ