วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาไม่ผ่าน เพราะประวัติการเดินทางท่องเที่ยวยุโรป???

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราในพันทิพค่ะ คือไม่ไหวละ อยากขอความคิดเห็น ช่วยวิเคราะห์หน่อยนะค่ะว่า เพราะเหตุใดวีซ่าท่องเที่ยวเราถึงไม่ผ่านค่ะ เราเพิ่งไปสัมภาษณ์วีซ่ามาเมื่อวานนี้เองค่ะ

ขอเกริ่นก่อนค่ะว่า จขกท. ทำงานตำแหน่งเลขานุการผู้บริหาร ให้กับบริษัทร่วมทุนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จะครบ 2 ปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เราอายุ 33 ปี สถานะโสดคะ และเราชอบเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ โดยเริ่มเมื่อประมาณปี 2010 เราได้เดินทางท่องเที่ยวยุโรป เป็นระยะเวลา 45 วัน และในปี 2014 ก่อนที่จะได้มาเริ่มงานกับบริษัทนี้ เราก็ได้เชงเก้นวีซ่าอีกครั้ง 90 วันค่ะ โดยมีแฟนเก่าเราดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดทั้ง 2 ทริป โดยทริปล่าสุดนี่นานหน่อย เพราะเราเดินทางเข้าออกประเทศในเชงเก้นทั้งหมด 8 ประเทศค่ะ ส่วนใหญ่จะเดินทางคนเดียว แต่ละประเทศที่ไปก็จะมีเพื่อนๆ คนรู้จักอยู่บ้าง ก็ไปอาศัยเป็นกาฝากไปนอนกะเค้าบ้าง พัก Hostel บ้าง แต่แฟนเก่าเราเค้าไม่ได้ไปด้วยตลอดเพราะเค้าต้องทำงานค่ะ เราขอย้ำค่ะว่า การเข้าออกประเทศเชงเก้นของเรา ถูกต้องตามกฎหมายทุกครั้ง เราไม่เคยทำงาน และไม่เคย over stay เลยค่ะ

มาเข้าเรื่องกันเลยนะค่ะ....

พอดีเรากับน้องสาวอยากกลับไปท่องเที่ยวอเมริกาช่วงเดือนตุลานี้ค่ะ เพราะเป็นช่วงหน้าโลว์ของที่นู้นแล้ว ราคาค่าตั๋วก็ไม่แพง อากาศก็ไม่หนาวเกิน ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี แค่คิดก็โรแมนติกแล้วค่ะ ที่สำคัญเป็นช่วงที่เราสามารถลาพักร้อนได้ 2 อาทิตย์ (คือเป็นช่วงโลว์ของบริษัท เลยลางานง่ายหน่อยคะ) แต่น้องสาวเราดันลางานไม่ได้ซะงั้น เราเลยตัดสินใจค่ะว่าจะเดินทางคนเดียวก้อได้ เราอยากกลับไปเที่ยวในแถบที่เราเคยไปอยู่มา (ลืมบอกว่า เราเคยได้วีซ่า J1 ตั้งแต่ปี 2009 แล้วค่ะ ตอนนั้นไปในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนออแพร์ แต่ไปได้ประมาณ 8 เดือน พอดีมีปัญหา เราเลยตัดสินใจกลับ)

เราเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เอกสารทุกอย่างครบทั้งหมดเรียบร้อยคะ และแล้ววันสัมภาษณ์ก็มาถึง เรามาถึงหน้ากงศุลเชียงใหม่ เวลา 7.20 น. ค่ะ ก่อนเวลานัด 40 นาที รปภ.ก็บอกไปยืนรอฝั่งตรงข้าม ที่เชียงใหม่คนสัมภาษณ์ไม่เยอะเหมือน กทม.ค่ะ ก็ยืนคุยกับคนที่มาสัมภาษณ์ จนเวลาผ่านไปไป 8.05 น. รปภ.ก็มาเรียกให้คนที่สัมภาษณ์ 8 โมงไปยื่น passport และก็ใบ confirmation ค่ะ จากนั้นก็ให้เข้าห้องสแกนและฝากสัมภาระทีละคน จากนั้นก็ตรวจเอกสารค่ะ เรียบร้อยแล้ว เราได้คิวที่ 2 ค่ะ นั่งรอไปค่ะ สักพัก ก็มีคิวเรียก คิว 002 เข้าห้องสัมภาษณ์ ที่ window 2 คะ

เอ๊ะ!!! นี่คิวเรานิ ทำไมเค้าเรียกเราก่อน?  สรุปคือ เราได้ขึ้นเขียงคนแรก ของวันค่ะ!!!

จากนั้นก็เดินเข้าในห้องสัมภาษณ์ window ที่ 2 อย่าง งงงวย คนที่นั่งด้านใน เป็นผู้หญิงไทย ใส่แว่นค่ะ เราก็ไหว้สวัสดี ทักทาย จนท.ก็บอก “เจอกันอีกละนะ” คือ งง ค่ะ ดิฉันเพิ่งเข้ามาครั้งแรกในที่แห่งนี้  “หนูไม่เคยมาเคยค่ะ” จขกท. ตอบ “อ้าว เหรอ เราหน้าคุ้นๆนะ” “อ่อ ค่ะ แต่นี่เป็นการยื่นวีซ่าท่องเที่ยวครั้งแรกของหนู” จนท. “พี่ยังไม่ได้สัมภาษณ์เราหรอก แค่ตรวจดูเอกสารเฉยๆ เดี๋ยวน้องไปสัมภาษณ์กับท่านกงศุลอีกทีจ๊ะ เดี๋ยวไปนั่งตรงโน้นรอก่อนนะ” เรียบร้อยแล้วเราก็เดินไป กำลังจะนั่งค่ะ เหลือบไปมองเห็นท่านกงหนุ่มสุดหล่อเรียก......

ท่านกง: สวัสดีครับ
จขกท: สวัสดีค่ะ พร้อมยกมือไหวตามมารยาทไทย
ท่านกง: คุณเคยไปอเมริกามาแล้วใช่มั้ย
จขกท: ใช่ค่ะ
ท่านกง: คุณไปทำอะไร
จขกท: ไปเป็นออแพร์ค่ะ
ท่านกง: คุณได้วีซ่าอะไร
จขกท: J1 คะ
ท่านกง: แล้วทำไมถึงกลับมาก่อนล่ะ
จขกท: It didn’t work out with the host family so I decided to leave
ท่านกง: อ่อ I see…so you came back. แล้วนี่จะไปอเมริกาจะไปทำไม
จขกท: ไปเที่ยวค่ะ
ท่านกง: คุณจะไปเที่ยวที่ไหน
จขกท: ก็จะไปเที่ยวแถบ east coast  พวก DC, Boston, New York ค่ะ
ท่านกง: ทำไมถึงจะไปที่นั่น
จขกท: เพราะเป็นแถบที่เคยอยู่มาก่อน เลยอยากกลับไปเที่ยวอีกค่ะ
ท่านกง: แล้วคุณเดินทางกับใคร
จขกท: เดินทางคนเดียวค่ะ

    ---He looks surprised----

จขกท: รีบตอบกลับค่ะ ว่าจริงๆตั้งใจจะเดินทางกับน้องสาวค่ะ แต่น้องสาวลางานไม่ได้ค่ะ เลยตัดสินใจเดินทางคนเดียวค่ะ ตลอดเวลาดิฉันก็เดินทางคนเดียวอยู่แล้วคะ
ท่านกง: เหรอ แล้วคุณเคยไปที่ไหนมาบ้าง

----ท่านกง เริ่มซักโหด----

จขกท: ก็ไปยุโรปค่ะ สวีเดิน นอร์เวย์ เดนมาร์ก เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี่ ฯลฯ

---He really looks surprised now---

ท่านกง: แล้วยูว์เอาเงินที่ไหนไปเที่ยว
จขกท: ดิฉันก็มีเงินเก็บบ้างค่ะ ตอนนี้มีธุรกิจเล็กๆ ละก็รับแปลเอกสารบ้างค่ะ

--- อยากตบปากตัวเอง ไปตอบอะไรอย่างงั้น เอาเหอะตอนนั้นคิดไม่ทัน ละก็พูดออกไปแล้ว ><! ---

ท่านกง: 3 เดือน เนี้ยะนะ?  

     –ท่านกง มีความไม่เชื่อระดับ 10--

จขกท: ใช่ค่ะ

--- ข้อมูลนี้ท่านได้แต่ใดมา ว่าดิฉันอยู่ที่ยุโรป 3 เดือน ใน DS160 ดิฉันก็ไม่ได้ระบุไว้!!!! พาสปอร์ตที่เดือนทาง 3 เดือนก็ยังไม่ได้ยื่นให้ ท่านมีพรายกระซิบ หรือสิงตัวดิฉันอยู่หรือป่าวค่ะ? --

----มาถึงตอนนี้เริ่มมึน หน้ามืด ตาลายคลายจะเป็นลม กระสับกระส่าย สมองตัน คิดไม่ทัน ฉันพูดอะไรออกไป!----

ท่านกง: แล้วพ่อแม่คุณทำงานอะไร
จขกท: ทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ
ท่านกง: ธุรกิจอาราย
จขกท: ค้าขายค่ะ
ท่านกง: ค้าขายอะไร

---ซักละเอียด ประหนึ่งว่า กำลังสอบสวนอาชญากรระดับประเทศ เริ่มอึดอัด และกดดัน----

จขกท: ตอบไป บลา บลา บลา
ท่านกง: คุณตำแหน่งเลขานุการ เงินเดือน 2x,xxx เนี้ยะนะ
จขกท: ใช่ค่ะ
ท่านกง: คุณมีพี่น้องกี่คน
จขกท: มีน้องสาวค่ะ
ท่านกง: น้องซาวทำงานที่หน่าย
จขกท: ที่ตจว.ค่ะ
ท่านกง: ทำที่หน่าย
จขกท: ทำงานแบงค์ค่ะ

---ตาก็ดู หูก็ฟัง ปากก็พูด มือก็พิมพ์ ยิกๆๆๆๆ ----

ท่านกง: แล้วคุณไปอยู่ที่เยอรมันนานเท่าไหร่
จขกท: ประมาณ 1 เดือนค่ะ แต่ระหว่างนั้นก็ท่องเที่ยวเมืองต่างๆอยู่ตลอดค่ะ
ท่านกง: แล้วไปอยู่กับใครที่เยอรมัน
จขกท: เพื่อนค่ะ
ท่านกง: ใช่เหรอ แฟนหรือป่าว? –หลิ่วตาเล็กน้อย พร้อมยิ้มเบา-
จขกท: ไม่ใช่ค่ะ เพื่อนค่ะ เป็นผู้หญิง (แฟนเก่าดิฉัน เป็นคนสวีเดนค่ะท่าน ท่านถามไม่ถูกเอง)
ท่านกง: เพื่อนทำอะไรอยู่ที่นั้น
จขกท: แต่งงานค่ะ ละทำธุรกิจส่วนตัว เล็กๆค่ะ
ท่านกง: ธุรกิจอะไร
จขกท: เปิดร้านนวดไทยค่ะ (เพื่อนเราเปิดร้านนวดไทยจริงๆค่ะ ไม่มีแอบแฝง)

----จขกท. พูดจบประโยค รู้เลยว่าอนาคตจบละ ปฎิเสธชัวร์! เพราะท่านกงต้องคิดว่า เราต้องไปทำงานอยู่กับเพื่อนแน่นอน ยิ่งเปิดร้านนวด ไปค้าประเวณีหรือป่าว?? (worst case scenario คิดแทนท่านกง) หญิงไทยหน้าตาดี เดินทางคนเดียว??? เฮ้!!! ----

หลังจากโต้ตอบกันอย่างเมามันส์ ประนึงเวลาผ่านไป 3 ชั่วยาม การสนทนาก็ได้จบลง
เราสัมผัสได้ถึงความลังเล ไม่เชื่อ และอึดอัดใจ ของท่านกง I don’t buy it what I have been told……….
ละแล้วท่านก็บอกให้เราสแกนนิ้ว พร้อมหยิบกระดาษสีขาว และยื่น passport คืนให้

“เสียใจ ผมไม่สามารถออกวีซ่าให้คุณได้” และท่านกงสุดหล่อ เฉยเมยต่อเรามาก พร้อมกับเอาเอกสารของผู้สัมภาษณ์คนต่อไปขึ้นมาดูในทันที

จขกท: หุบยิ้มในทันที วินาทีนั้น ยิ่งกว่าโดนแฟนบอกเลิกอีกค่ะ พร้อมเดินหน้าซีด คอตก ออกไป วินาทีนั้นทุกอย่างพร่ามัว และมึนไปหมดค่ะ คิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ

มาถึงตอนนี้ เราได้ตั้งสติและลองวิเคราะห์ดูแล้ว เราคิดว่า เราพลาดตรงที่ทำไมเราไม่บอกท่างกงไปตรงๆว่า มีคนสปอนเซอร์ให้ตลอด ทั้งทริป!? ทำไมเราถึงบอกไปว่า ใช้เงินเก็บในตอนนั้น! ทำไมเราโง่อะไรอย่างงี้! แต่บอกได้คำเดียวว่า my head’s gone completely blank!!! คือจะตอบไปว่าไง ถึงจะดีว่ะ คำถามนี้ เราไม่ได้เตรียมคำตอบมาซะด้วย! คนที่เคยไปสัมภาษณ์มาแล้ว เราเชื่อว่า ทุกท่านคงรับรู้ถึงความรู้สึกของเรา ตอนนั้นได้ค่ะ

ที่ไม่เข้าใจคือ วีซ่าท่องเที่ยวยุโรปของดิฉัน มันเกี่ยวอะไรกับการขอวีซ่าอเมริกาค่ะ?? การที่ดิฉันได้วีซ่าเชงเก้นมา 2 ครั้ง มันน่าจะผ่านการพิจารณาจากสถานทูตสวีเดนแล้วป๊ะ??? นั่นหมายความว่า ดิฉันน่าจะต้องได้ยื่นเอกสารอะไรบางอย่างที่แสดงถึงสถานะทางการเงินที่สามารถท่องเที่ยวตลอดระยะเวลา 90 วันได้ สถานทูตสวีเดนถึงออกวีซ่าให้ได้ แล้วทำไมดิฉันจะต้องมาอธิบายให้ท่านฟังถึงเรื่องการเดินทางของทริปที่ผ่านมาอย่างละเอียดด้วยค่ะ อันนี้ที่ไม่เข้าใจ หรือท่านกง doubt ในการตัดสินใจของสถานทูตสวีเดน อย่างงั้นหรือค่ะ? มีใครเคยเจอเคสแบบเรามั้งค่ะ ขอคำปรึกษาหน่อย

ตอนนี้เราอยากลองสมัครใหม่อีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง พร้อมจะยื่นเอกสารของแฟนเก่าที่เป็นคนสปอนเซอร์เราในตอนนั้นด้วยค่ะ เราจึงอยากขอคำแนะนำจากเพื่อนๆหน่อยค่ะ เพื่อนๆมีความเห็นว่ายังไงมั้งค่ะ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่