เราอยู่กับสามีมาเกือบ 6 ปี ทะเลาะกันบ้างจะเลิกกันบ้างเป็นเรื่องปกติแบบลิ้นกับฟัน แต่มามีปัญหามากขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา
เนื่องมาจากว่าเราจับได้ว่าสามีแอบคุยไลน์และเฟสกับผู้หญิงคนอื่น ก็ทะเลาะกัน แล้วก็กลับมาดีกันอยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง เพราะเห็นว่ายังไม่ถลำลึกไปไกลเกิน (ความจริงความควายมันครอบงำเราอยู่)
แต่เมื่อปีที่แล้ว สามีลืม logout ออกจากเฟส ด้วยความอยากรู้ ก็เลยแอบเข้าไปดู เห็นสามีคุยกะคนที่ทำงานเดียวกัน เป็นพนักงานใหม่เพิ่งจบเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน สามีเราอายุ 47 แต่น้องนางที่คุยด้วยอายุประมาณ 22-23 เรียกลุงเรียกหลานกันน่ารักมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งเชียว
อิลุงเห็นหลานเพิ่งจบ จะไปรับปริญญา ก็จะซื้อของขวัญให้ (แต่กะเราอยู่กันมา4-5 ปี ไม่เคยคิดจะซื้อไรให้เลย น้องนางก็เล่นด้วยนะ มีการส่งรูปคอนโดมา แล้วปรึกษากับสามีเราว่าดีไหม บอกรายละเอียดเสร็จสรรพ ว่าจองเท่านี้ ดาวน์เท่านี้ ผ่อนเท่านี้
อิลุงก็ป๋ามากค่ะ บอกว่าถ้าเงินไม่พอ ลุงพร้อมสนับสนุนคนขยัน เราแค้นในใจ เมิงยังยืมเงินกรูใช้เกือบทุกเดือนเลยนะตั่วเฮีย
ก่อนหน้านี้ มันก็เริ่มมีสัญญานบอกเหตุอยู่นะ เช่น เราเห็นอิลุงถ่ายรูปนาฬิกาที่วางโชว์ในร้าน เราถามว่าถ่ายทำไม มันตอบว่าเอาไว้ให้เราเลือก ว่าชอบแบบไหน หูย...ดี๊ดี เชื่อค่ะ ความควายจริงๆ ไปกินอะไรกันมันก็ถ่ายรูปอาหารมุ้งมิ้งๆ อันนี้เริ่มเอะใจ แต่ก็ยังมิได้นำพา
แล้วเราก็เห็นรูปนาฬิกาที่ตั่วเฮียถ่าย (ขอแทนสามีว่าตั่วเฮียล่ะกันเนอะ ถือว่าให้เกียรติ) ส่งไปให้หลานดู ถามว่าชอบมั้ย ลุงจะซื้อให้เป็นของขวัญรับปริญญา ช่างดีแท้พ่อเอ๊ย
อาตั่วเฮียก็พยายามนัดหลานไปนู่นมานี่ แต่เราก็ไม่รู้ว่าหลานตกลงไปมั้ย เพราะบางทีคุยกันเสร็จ ตั่วเฮียก็จะลบตลอด เราก็ถาม ตั่วเฮียบอกว่าไม่มีอะไร นับถือกันเฉยๆ เราก็คาดโทษไว้ ว่าอย่าให้รู้นะ เมิงตาย
อาตั่วเฮียด้วยความที่รักเรามาก ก็ปฏิบัติตามคำสั่งเราอย่างเคร่งครัด คือปกปิดไม่ให้เรารู้มาตลอดอีกปีกว่า ด้วยการเปลี่ยนรหัสเฟส ใส่รหัสมือถือพร้อมกับยกย่องเราว่า ไม่มีมารยาท แอบดูโทรศัพท์คนอื่น เราปลาบปลื้มจนน้ำตาไหล คิดในใจ กุลืมนั่งพับเพียบเรียบร้อยตอนเปิดมือถือเมิงดูแน่ๆเลยถึงได้ชมเชยเราแบบนี้
ตั้งแต่นั้นมา ตั่วเฮียจะหวงมือถือปานแก้วตาดวงใจ เวลานอนก็เอามาวางแนบหัว แบบกลัวว่าตื่นมาแล้วมือถือจะหนีหายออกไปจากชีวิต
จากนั้นประมาณวันพ่อปีที่แล้ว ตั่วเฮียลืมปิดเฟส เราก็เข้าไปดูอีก เห็นน้องนางหลานคนสวยส่งรูปนางมาหลายสิบรูปแบบรวมกันในรูปเดียวส่งมาให้ตั่วเฮีย พร้อมอวยพรว่าสุขสันต์วันพ่อ เราก็เลยถามตั่วเฮียแบบซื่อๆว่า เมิงไปได้กะแม่น้องนางหลานคนสวยตอนไหน รึว่านางละลึกชาติได้ว่าชาติก่อนเป็นพ่อเป็นลูกกันมา แล้วรูปที่ส่งมา มันมีส่วนไหนสื่อถึงวันพ่อกันนะ
ตั่วเฮียบอกว่าไม่มีอะไร นับถือกันเฉยๆ เงาลางๆความควายก็ปกคลุมเราอีกครั้ง ไม่ถือสาอะไร แต่คาดโทษไว้เหมือนเดิม จากนั้น ตั่วเฮียไม่เคยลืม logout เฟสอีกเลย เราก็จิกกัดตั่วเฮียเรื่องนี้มาตลอด รอเวลาจับได้คาหนังคาเขา
แล้วตั่วเฮียก็รักษาคำมั่นสัญญา คืออย่าให้เรารู้มาได้พักนึง จนมาเมื่อเดือนเมษาปีนี้ เรามีโอกาสแอบดูมือถือตั่วเฮียได้อีกครั้ง ครั้งนี้ เราเจอคุยไลน์กับสาวคนใหม่ แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรเพราะตั่วเฮียน่ารัก เกรงใจเรา คุยเสดแม่มลบทุกครั้ง เราก็สาระแนไปเปิดดูรายการโทรไลน์
แม่เจ้าโว้ย! วีดีโอคอลกันเกือบทุกคืน ที่ตั่วเฮียทำงานกะกลางคืน เราถามด้วยความสงสัย คิดว่าจะได้ความจริงจากตั่วเฮีย แน่นอนค่ะ คำถามใหม่ คนใหม่ คำตอบเดิม ไม่มีอะไร นับถือกันเฉยๆ
รอบนี้เรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว หลายครั้งแล้ว ก็บอกเลิกกับตั่วเฮีย แล้วเก็บข้าวของออกมากลับไปอยู่บ้านตัวเองได้สักเดือนนึง ตั่วเฮียก็มาง้อขอคืนดี ความควายก็เข้าสิงเรา เรายอมคืนดีอีกครั้ง (หึหึ อิโง่ว)
เดี๋ยวมาต่อค่ะ กลัวตัวหนังสือเกิน ใกล้ถึงจุดที่ควายจะกลายเป็นคนแระ
กว่าควายจะกลายเป็นคน เจ็บเหลือทนจากคนที่เคยเป็นควาย
เนื่องมาจากว่าเราจับได้ว่าสามีแอบคุยไลน์และเฟสกับผู้หญิงคนอื่น ก็ทะเลาะกัน แล้วก็กลับมาดีกันอยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง เพราะเห็นว่ายังไม่ถลำลึกไปไกลเกิน (ความจริงความควายมันครอบงำเราอยู่)
แต่เมื่อปีที่แล้ว สามีลืม logout ออกจากเฟส ด้วยความอยากรู้ ก็เลยแอบเข้าไปดู เห็นสามีคุยกะคนที่ทำงานเดียวกัน เป็นพนักงานใหม่เพิ่งจบเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน สามีเราอายุ 47 แต่น้องนางที่คุยด้วยอายุประมาณ 22-23 เรียกลุงเรียกหลานกันน่ารักมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งเชียว
อิลุงเห็นหลานเพิ่งจบ จะไปรับปริญญา ก็จะซื้อของขวัญให้ (แต่กะเราอยู่กันมา4-5 ปี ไม่เคยคิดจะซื้อไรให้เลย น้องนางก็เล่นด้วยนะ มีการส่งรูปคอนโดมา แล้วปรึกษากับสามีเราว่าดีไหม บอกรายละเอียดเสร็จสรรพ ว่าจองเท่านี้ ดาวน์เท่านี้ ผ่อนเท่านี้
อิลุงก็ป๋ามากค่ะ บอกว่าถ้าเงินไม่พอ ลุงพร้อมสนับสนุนคนขยัน เราแค้นในใจ เมิงยังยืมเงินกรูใช้เกือบทุกเดือนเลยนะตั่วเฮีย
ก่อนหน้านี้ มันก็เริ่มมีสัญญานบอกเหตุอยู่นะ เช่น เราเห็นอิลุงถ่ายรูปนาฬิกาที่วางโชว์ในร้าน เราถามว่าถ่ายทำไม มันตอบว่าเอาไว้ให้เราเลือก ว่าชอบแบบไหน หูย...ดี๊ดี เชื่อค่ะ ความควายจริงๆ ไปกินอะไรกันมันก็ถ่ายรูปอาหารมุ้งมิ้งๆ อันนี้เริ่มเอะใจ แต่ก็ยังมิได้นำพา
แล้วเราก็เห็นรูปนาฬิกาที่ตั่วเฮียถ่าย (ขอแทนสามีว่าตั่วเฮียล่ะกันเนอะ ถือว่าให้เกียรติ) ส่งไปให้หลานดู ถามว่าชอบมั้ย ลุงจะซื้อให้เป็นของขวัญรับปริญญา ช่างดีแท้พ่อเอ๊ย
อาตั่วเฮียก็พยายามนัดหลานไปนู่นมานี่ แต่เราก็ไม่รู้ว่าหลานตกลงไปมั้ย เพราะบางทีคุยกันเสร็จ ตั่วเฮียก็จะลบตลอด เราก็ถาม ตั่วเฮียบอกว่าไม่มีอะไร นับถือกันเฉยๆ เราก็คาดโทษไว้ ว่าอย่าให้รู้นะ เมิงตาย
อาตั่วเฮียด้วยความที่รักเรามาก ก็ปฏิบัติตามคำสั่งเราอย่างเคร่งครัด คือปกปิดไม่ให้เรารู้มาตลอดอีกปีกว่า ด้วยการเปลี่ยนรหัสเฟส ใส่รหัสมือถือพร้อมกับยกย่องเราว่า ไม่มีมารยาท แอบดูโทรศัพท์คนอื่น เราปลาบปลื้มจนน้ำตาไหล คิดในใจ กุลืมนั่งพับเพียบเรียบร้อยตอนเปิดมือถือเมิงดูแน่ๆเลยถึงได้ชมเชยเราแบบนี้
ตั้งแต่นั้นมา ตั่วเฮียจะหวงมือถือปานแก้วตาดวงใจ เวลานอนก็เอามาวางแนบหัว แบบกลัวว่าตื่นมาแล้วมือถือจะหนีหายออกไปจากชีวิต
จากนั้นประมาณวันพ่อปีที่แล้ว ตั่วเฮียลืมปิดเฟส เราก็เข้าไปดูอีก เห็นน้องนางหลานคนสวยส่งรูปนางมาหลายสิบรูปแบบรวมกันในรูปเดียวส่งมาให้ตั่วเฮีย พร้อมอวยพรว่าสุขสันต์วันพ่อ เราก็เลยถามตั่วเฮียแบบซื่อๆว่า เมิงไปได้กะแม่น้องนางหลานคนสวยตอนไหน รึว่านางละลึกชาติได้ว่าชาติก่อนเป็นพ่อเป็นลูกกันมา แล้วรูปที่ส่งมา มันมีส่วนไหนสื่อถึงวันพ่อกันนะ
ตั่วเฮียบอกว่าไม่มีอะไร นับถือกันเฉยๆ เงาลางๆความควายก็ปกคลุมเราอีกครั้ง ไม่ถือสาอะไร แต่คาดโทษไว้เหมือนเดิม จากนั้น ตั่วเฮียไม่เคยลืม logout เฟสอีกเลย เราก็จิกกัดตั่วเฮียเรื่องนี้มาตลอด รอเวลาจับได้คาหนังคาเขา
แล้วตั่วเฮียก็รักษาคำมั่นสัญญา คืออย่าให้เรารู้มาได้พักนึง จนมาเมื่อเดือนเมษาปีนี้ เรามีโอกาสแอบดูมือถือตั่วเฮียได้อีกครั้ง ครั้งนี้ เราเจอคุยไลน์กับสาวคนใหม่ แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรเพราะตั่วเฮียน่ารัก เกรงใจเรา คุยเสดแม่มลบทุกครั้ง เราก็สาระแนไปเปิดดูรายการโทรไลน์
แม่เจ้าโว้ย! วีดีโอคอลกันเกือบทุกคืน ที่ตั่วเฮียทำงานกะกลางคืน เราถามด้วยความสงสัย คิดว่าจะได้ความจริงจากตั่วเฮีย แน่นอนค่ะ คำถามใหม่ คนใหม่ คำตอบเดิม ไม่มีอะไร นับถือกันเฉยๆ
รอบนี้เรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว หลายครั้งแล้ว ก็บอกเลิกกับตั่วเฮีย แล้วเก็บข้าวของออกมากลับไปอยู่บ้านตัวเองได้สักเดือนนึง ตั่วเฮียก็มาง้อขอคืนดี ความควายก็เข้าสิงเรา เรายอมคืนดีอีกครั้ง (หึหึ อิโง่ว)
เดี๋ยวมาต่อค่ะ กลัวตัวหนังสือเกิน ใกล้ถึงจุดที่ควายจะกลายเป็นคนแระ