เมื่อสัปดาห์ก่อนมีโอกาสได้ไปงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “LIPOVITAN-D PRESENTS MODERNDOG22” ที่โรงหนังสกาล่า
บอกตรงๆ ว่าผมเองก็ห่างหายไปจากการฟังเพลงของพวกพี่ๆ เขาไปนานพอสมควร ก็เลยลองนึกย้อนกลับไปถึงว่า เฮ้ย!!!
22 ปี แล้วเหรอ ครั้งแรกที่นึกออก ตอนนั้นผมคงอยู่ประมาณ ป.5 ได้ เป็นศึกแย่งชิงพื้นที่บนช่องเสียบเทประหว่างผมกับพี่ชาย
และด้วยความเก๋าเกมที่พี่ผมมีมากกว่า ทำให้เทปอาร์เอสสุดคูลของผมไม่ได้เปิด ได้ฟังเพลงที่สุดอึกทึกคึกโครมของอัลบั้ม
‘เสริมสุขภาพ’ อัลบั้มแรกของ Modern dog แทน นั้นอาจเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินพี่ชายนิยามตัวเองว่าเป็น
‘เด็กอัลเตอร์’
มันคืออะไรไม่รู้แต่เข้าใจว่ามันร็อกและมันก็โดดๆๆๆๆ แต่ด้วยความเป็นเด็กผมกลับจำได้เพลงเดียวคือ
ก่อน เพราะมันช้าและฟังรู้เรื่อง
กระพริบตาเรียกสติอีกที ผมก็เข้ามานั่งในโรงหนังแล้วพร้อมกับแผ่นอัลบั้มใหม่ จะว่าไปเพลงในอัลบั้มนี้
ที่ทำให้ผมเดินทางมาที่นี่เพลงเดียว คือ เพลง ‘วันนี้เมื่อปีก่อน’ เป็นเพลงที่ผมได้ยินจากการที่เปิดยูทูป
ทิ้งไว้ในช่วงเวลาที่เศร้ามากในชีวิต ตอนที่ได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกอารมณ์แบบเหมือนพี่ป๊อดเดินเข้ามา
ตบไหล่เบาๆ แล้วบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็ผ่านไป และทำให้ผมกลับมาลองฟังของพวกเขาแบบจริงๆ อีกครั้ง
ในช่วงเวลาแถลงข่าวเป็นอะไรที่เรียกว่าสดมากบนเวที ตั้งแต่ตอนที่พิธีกร (พล่ากุ้ง) สัมภาษณ์ทั้ง 3 คน
ถึงความเป็นมาของคอนเสิร์ต และก็ที่มาของอัลบั้ม ซึ่งวิธีการตอบก็มีความเป็นศิลปินสูงมากเพราะว่า
นึกอะไรได้ก็ตอบ (ฮา) โดยเฉพาะคุณเมธีที่ตอบได้นามธรรมมาก และเรียกยิ้มจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
รวมๆ เป็นการบอกเล่าความพิเศษของงาน การคัดเลือกเพลงกว่า 60 เพลง จาก 6 อัลบั้ม มีทั้งการโหวต
ว่าเพลงอะไรน่าจะนำมาเล่น ซึ่งทุกอย่างนั้นก็จะทำไปด้วยความพอใจของทางวงและความสนุกของแฟนเพลง
ที่มีตั้งแต่คนรุ่นพ่อไปยังเด็กรุ่นใหม่ที่เป็นรุ่นลูกให้ได้มาอยู่ที่เดียวกันอีกด้วย จะว่าไปมีสักกี่วงกันนะที่เดินทาง
มายาวนานและเข้าถึงวัยรุ่นเด็กแนวได้ทุกยุคทุกสมัยอย่างนี้
(รูปยืมมาจากเพจ Moderndog มาประกอบครับ ถ่ายเองคงซูมไม่ถึง^^”)
เข้าสู่ช่วงของ Live เรียกได้ว่าผมเองก็ไม่เคยเข้ามาดูคอนเสิร์ตในโรงหนังเหมือนกัน
จะว่าไปผมไม่เคยมาดูหนังที่สกาล่าด้วยซ้ำ แต่ก็พอได้ยินมาบ้างว่าเป็นจุดแลนด์มาร์ค
แห่งหนึ่งของสยาม โดยเพลงที่นำมาโชว์ในงานนี้มี 6 เพลง คือ
โอ น้อย ออก >>> เพลงวอร์มที่ทุกคนอาจจะยังไม่ค่อยมีส่วนร่วมมากนัก แต่ก็มันส์ดี
สกาล่า >>> เพลงที่ทางวงบอกว่าครั้งแรกที่เล่นเพลงสกาล่าที่สกาล่า
ขอบคุณโชคดี >>> เพลงนี้รีลมาก เพราะด้วยความพรีเซ็นต์ความใหม่และตื่นเต้นของเพลง
จนพี่ป๊อดดำน้ำเพลงนี้ไปได้หนึ่งท่อนก่อนจะหยุดเล่น และส่งโมเม้นต์น่ารักๆ
ด้วยการขอยืมปกซีดีจากแฟนเพลงหน้าเวที ก่อนระเบิดพลังใหม่อีกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ
ทบทวน >>> เพลงที่คนร้องตามเยอะมาก
วันนี้เมื่อปีก่อน >>> เพลงนี้แอบหวังในใจว่าถ้าได้ยินจะดีมาก และผมก็ได้ฟังสดๆ ดีใจมาก
ตาสว่าง >>> สุดท้ายเพลงชาติแห่งการโดดอีกเพลงที่ทำให้ทุกคนในโรงหนังวิ่งไปหน้าเวทีและโดดไปกับพี่ป๊อด
นี่แค่เปิดฟอร์มนะแค่เล็กๆ พี่ๆยังใส่กันไม่ยั้ง ถ้าคอนจริงคิดว่าแน่นกว่านี้ได้อีกเยอะจริงๆ…
เอาละครับ เข้าเรื่องเนื้อๆ ดีกว่า กลับมาถึงบ้านก็ลองฟังเพลงในอัลบั้มชุดที่ 6 นี้เลย ซึ่งชื่ออัลบั้มนี่เล่นง่ายๆ
แต่ได้ใจความมาก นั่นก็คือ
“POD-PONG-MAY-T” ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเองได้มากขนาดนี้แล้วพูดเลยนะ จาก
ที่บอกในงานว่า เปิดทั้งคอน และวางแผงอัลบั้มใหม่ ในเวลาเดียวกัน
ที่หน้างานวางแค่ 300 แผ่นเท่านั้น
ซึ่งพี่ป๊อดบอกเหตุผลของความลิมิตเต็ดว่าที่มี 300 แผ่นเพราะ ติดต่อโรงงานทำพลาสติกที่ทำถาดใส่ซีดี
นั้นหาให้ทันวันงานได้แค่ 300 ชิ้นเท่านั้น …(ที่เหลือก็คงทยอยตามมาแหละ) โคตรยูนีคจริงๆ
แพ็กเกจยอมรับว่าทำดีมาก ไม่ได้ซื้อซีดีแผ่นนี้มาก็รหลายปีมากแล้ว อันนี้ไม่เสียใจที่อุดหนุน
ส่วนของการทำงานอัลบั้มนี้ พวกเขาบอกว่าไม่เหมือนชุดก่อนๆ ที่ผ่านมา คือ
ปกติคนมักจะทำเพลงกันนานๆ แล้วพอเสร็จก็ปล่อยขายเลย แต่ Moderndog
ชุดนี้พวกเขาบอกว่า ใช้เวลาทำเข้าห้องอัดเพียง 21 วัน โดยไปอัดกันถึงห้องอัด
กลางป่าในอเมริกาเลย ติสต์อะไรจะปานนั้น จากนั้นก็ค่อยๆ ปล่อยเพลงออกมาทีละเพลง
เหมือนจะอัดเสร็จตั้งแต่ปลาย 2013 แล้วมั๊ง แล้วทยอยปล่อยซิงเกิล ออกมา นี่ก็ปาไป 2 ปี ปล่อยมา 6 เพลง
ของอธิบายตาม Tracklist เลยละกันนะครับ
เป็นการรีวิวตามความรู้สึกนะครับ ความรู้เรื่องเพลงไม่มาก
แต่อธิบายจากความชอบ ผิดถูกยังไงขออภัยไว้ตรงนี้
1. โอน้อยออก (O-Noi-Oog)
ไตเติลแทร็ค ฟังง่ายๆ ชวนโดด สะดุดตั้งแต่ชื่อเพลง โอน้อยยออก เราก็คงได้ยินมาตั้งแต่เด็ก
กระบวนการตัดสินด้วยการหงายหรือคว่ำมือให้ต่างเพื่อแบ่งกลุ่มหรือจัดสรรสิ่งต่างๆ (แต่รู้สึกต้องเล่นมากกว่า 2 คนนะ)
ทำนองเพลงดีในส่วนของอีเล็กทรอนิกส์เฟี๊ยวมาก ส่วนเนื้อเพลงฟังแล้วก็ยังเป็นที่น่าฉงนอยู่
ระหว่างท่อนเนื้อกับท่อนกลาง แต่ชอบตรง
“โปรดบอกกันให้รู้ความจริง บอกมาได้เลยทุกสิ่ง ถ้าเธอมองเห็นมันตำตา
ถ้าหาก…สิ่งที่ฉันเคี้ยวลงไป มองเห็นสีเขียวภายใน ที่มันยังค้างคามันอาจเหลืออยู่ ให้ดู เมื่อยามส่งยิ้มมา”
2. Scala (สกาล่า)
เพลงนี้เป็นการเล่าเรื่องโดยไม่มีชื่อเพลงในเนื้อหาแม้แต่น้อย แต่เชื่อว่าทุกคนเข้าใจตั้งแต่อ่านชื่อเพลงละ
กับเพลงจังหวะตึบๆ ขยับเล็กๆ เพลินๆ กะว่าเอาไว้ชวนสาวดูหนังก็น่าจะเป็นแนวทางที่ดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีเวอร์ชั่นแจแปนด้วยแปลกๆ ดี >>>
3. ขอบคุณโชคดี (Thank You, Good Luck)
เพลงที่พี่ป๊อดเล่นให้เราดูแบบ 2 จังหวะ (แซวเล่นนะครับพี่^^)
กลับเป็นเพลงที่ผมชอบมากและฟังบ่อยในช่วงนี้ เหมือนความรู้สึกที่ยาวนาน
จะดีไม่ดี มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ เพลงเด่นด้วยเสียงสังเคราห์ที่เร้าใจแต่ไม่รก
4. ดอกไม้บาน (Bloom)
เพลงที่เหมือนจะบอกให้เรายิ้มกับความเศร้า ความผิดหวัง และเริ่มต้นกับความหวังครั้งใหม่
5.คราว (Cloud)
เพลงของการรอคอย และให้กำลังใจในคราวเดียว บางทีคำว่า คราว...คงจะหมายถึง เมฆ สินะ
ส่วนของเนื้อเพลงสั้นมากๆ แต่ก็ได้ใจความเรียกว่าพูดสั้นๆ ก็เข้าใจ
6. เชียร์ (Cheer)
ส่วนตัวชอบเอ็มวีเพลงนี้ครับ ดูเหมือนโฆษณา สสส แต่เพลงก็ฟังรื่นหูดี
เหมาะกับการใช้ประกอบหนัง โฆษณา และกีฬา ทั้งหลายทั้งมวล อารมณ์แบบเพลงมาร์ชปลุกใจดี (แปะๆ เสียงปรบมือ)
7.ทบทวน (Remind)
เพลงนี้คนส่วนมากน่าจะฟังตอนจบฮอร์โมน ไม่ต้องพูดอะไรมาก สติและกำลังใจหาได้จากเพลงนี้
8. วันนี้เมื่อปีก่อน (Today,Last Year)
เหตุผลที่ทำให้ผมซื้ออัลบั้มนี้แบบไม่ลังเล ฟังแล้วก็น่าจะนึกถึงเวลาเราดู On This Year เป็นจังหวะที่กำลังเศร้าด้วยเหมือนที่บอกเพลงนี้กำลังปลอบใจเราด้วยคำว่า “ในวันที่ลมยังพัดจากเมื่อวาน สิ่งที่ทรมาน จะนานเพียงใด แค่ปล่อยให้กาลเวลาเยียวยา จนฉัน เข้าใจ ว่าสิ่งใด ผ่านมาแล้ว ก็ไป”
9. ดาวนำทาง (Guiding Star)
ถ้าฟังไปเรื่อยๆ เพลงนี้เหมือนบทสรุปของอัลบั้ม...ไม่สิ มันยังเหลืออีกเพลง แต่ฟังแล้วกล่อมนอนได้ดีเลยทีเดียว
10. ลอยมา ลอยไป (Float Come, Float Go)
ฟังเพลงที่ 9 กำลังเคลิ้มก็ถูกปลุกขึ้นมากับเพลงสุดท้ายที่เหมือนกับว่าเป็นเพลงคนละอัลบั้ม
(รู้สึกจะเป็น Rare Trackเก่าเก็บ) เพราะมันดิบๆ เหมือน มันช่างได้กลิ่นอายในแบบ Moderndog
ยุคบุกเบิกเอามากๆ เสียงคลอที่เอ่ยถึงชื่อเพลงวนไปวนมา ดนตรีก็หนักแน่นเหมือนชุด
Love Me Love My Life เลย เป็นการส่งท้ายเรื่องราวได้ล่องลอยสมชื่อเพลงเป็นที่สุด
โดยรวมเพลงทั้งหมดมีทิศทางไปในแนวเดียวกับอย่างสอดคล้อง คือ การพูดถึงชีวิต ความผิดหวัง การทำความเข้าใจ
และการให้กำลังใจ ซึ่งเหมือนเป็นสิ่งที่มีในตัวพี่ป๊อดอย่างชัดเจน เพราะแต่งเองทั้งหมด เนื้อหารวมไม่ใช่อารมณ์หม่นหมองอะไร
แต่กลับเหมือนการคืนความสดชื่นและความหวังให้กับผู้ฟังเสียมากกว่า เหมือนฟังจบแล้วมีคนมาบอกคุณว่า
“ชีวิตก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ในภาคของดนตรีฟังง่ายขึ้นเหมือนเพลงจะละมุนขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ แดดส่อง ทิงนองนอย มาจนอัลบั้มนี้ แม้ซาวน์อีเล็กทรอนิกส์มีบทบาทมากขึ้น
แต่ก็ยังคงเป็น Moderndog คนดีคนเดิมของทุกคนไม่เปลี่ยนแปลง ฟังจบแล้วก็อยากให้ถึงคอนเสิร์ตใหญ่มันซะวันพรุ่งนี้เลยจริงๆ อยากจะรู้นักว่าใน 60 เพลง จะมีเพลงไหนถูกหยิบขึ้นมาร้อนเรียงให้เกิดความมันส์บ้าง (ในใจอยากให้มีอัลบั้มแรก , แดดส่อง และอัลบั้มล่าสุดเยอะๆ หน่อย)
มันจะต้องเป็นคอน 22 ปีที่สุดยอดมากแน่ๆ
เอาล่ะคงขอตัวไปรำลึกความหลังด้วยการไล่ฟังตั้งแต่อัลบั้มแรกจนล่าสุดสักหน่อยแล้ว ^^
[CR] รีวิวอัลบั้มใหม่ Moderndog... 22 ปี ผ่านไปไวเหมือนโกหก
เมื่อสัปดาห์ก่อนมีโอกาสได้ไปงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “LIPOVITAN-D PRESENTS MODERNDOG22” ที่โรงหนังสกาล่า
บอกตรงๆ ว่าผมเองก็ห่างหายไปจากการฟังเพลงของพวกพี่ๆ เขาไปนานพอสมควร ก็เลยลองนึกย้อนกลับไปถึงว่า เฮ้ย!!!
22 ปี แล้วเหรอ ครั้งแรกที่นึกออก ตอนนั้นผมคงอยู่ประมาณ ป.5 ได้ เป็นศึกแย่งชิงพื้นที่บนช่องเสียบเทประหว่างผมกับพี่ชาย
และด้วยความเก๋าเกมที่พี่ผมมีมากกว่า ทำให้เทปอาร์เอสสุดคูลของผมไม่ได้เปิด ได้ฟังเพลงที่สุดอึกทึกคึกโครมของอัลบั้ม
‘เสริมสุขภาพ’ อัลบั้มแรกของ Modern dog แทน นั้นอาจเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินพี่ชายนิยามตัวเองว่าเป็น ‘เด็กอัลเตอร์’
มันคืออะไรไม่รู้แต่เข้าใจว่ามันร็อกและมันก็โดดๆๆๆๆ แต่ด้วยความเป็นเด็กผมกลับจำได้เพลงเดียวคือ ก่อน เพราะมันช้าและฟังรู้เรื่อง
กระพริบตาเรียกสติอีกที ผมก็เข้ามานั่งในโรงหนังแล้วพร้อมกับแผ่นอัลบั้มใหม่ จะว่าไปเพลงในอัลบั้มนี้
ที่ทำให้ผมเดินทางมาที่นี่เพลงเดียว คือ เพลง ‘วันนี้เมื่อปีก่อน’ เป็นเพลงที่ผมได้ยินจากการที่เปิดยูทูป
ทิ้งไว้ในช่วงเวลาที่เศร้ามากในชีวิต ตอนที่ได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกอารมณ์แบบเหมือนพี่ป๊อดเดินเข้ามา
ตบไหล่เบาๆ แล้วบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็ผ่านไป และทำให้ผมกลับมาลองฟังของพวกเขาแบบจริงๆ อีกครั้ง
ในช่วงเวลาแถลงข่าวเป็นอะไรที่เรียกว่าสดมากบนเวที ตั้งแต่ตอนที่พิธีกร (พล่ากุ้ง) สัมภาษณ์ทั้ง 3 คน
ถึงความเป็นมาของคอนเสิร์ต และก็ที่มาของอัลบั้ม ซึ่งวิธีการตอบก็มีความเป็นศิลปินสูงมากเพราะว่า
นึกอะไรได้ก็ตอบ (ฮา) โดยเฉพาะคุณเมธีที่ตอบได้นามธรรมมาก และเรียกยิ้มจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
รวมๆ เป็นการบอกเล่าความพิเศษของงาน การคัดเลือกเพลงกว่า 60 เพลง จาก 6 อัลบั้ม มีทั้งการโหวต
ว่าเพลงอะไรน่าจะนำมาเล่น ซึ่งทุกอย่างนั้นก็จะทำไปด้วยความพอใจของทางวงและความสนุกของแฟนเพลง
ที่มีตั้งแต่คนรุ่นพ่อไปยังเด็กรุ่นใหม่ที่เป็นรุ่นลูกให้ได้มาอยู่ที่เดียวกันอีกด้วย จะว่าไปมีสักกี่วงกันนะที่เดินทาง
มายาวนานและเข้าถึงวัยรุ่นเด็กแนวได้ทุกยุคทุกสมัยอย่างนี้
(รูปยืมมาจากเพจ Moderndog มาประกอบครับ ถ่ายเองคงซูมไม่ถึง^^”)
เข้าสู่ช่วงของ Live เรียกได้ว่าผมเองก็ไม่เคยเข้ามาดูคอนเสิร์ตในโรงหนังเหมือนกัน
จะว่าไปผมไม่เคยมาดูหนังที่สกาล่าด้วยซ้ำ แต่ก็พอได้ยินมาบ้างว่าเป็นจุดแลนด์มาร์ค
แห่งหนึ่งของสยาม โดยเพลงที่นำมาโชว์ในงานนี้มี 6 เพลง คือ
โอ น้อย ออก >>> เพลงวอร์มที่ทุกคนอาจจะยังไม่ค่อยมีส่วนร่วมมากนัก แต่ก็มันส์ดี
สกาล่า >>> เพลงที่ทางวงบอกว่าครั้งแรกที่เล่นเพลงสกาล่าที่สกาล่า
ขอบคุณโชคดี >>> เพลงนี้รีลมาก เพราะด้วยความพรีเซ็นต์ความใหม่และตื่นเต้นของเพลง
จนพี่ป๊อดดำน้ำเพลงนี้ไปได้หนึ่งท่อนก่อนจะหยุดเล่น และส่งโมเม้นต์น่ารักๆ
ด้วยการขอยืมปกซีดีจากแฟนเพลงหน้าเวที ก่อนระเบิดพลังใหม่อีกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ
ทบทวน >>> เพลงที่คนร้องตามเยอะมาก
วันนี้เมื่อปีก่อน >>> เพลงนี้แอบหวังในใจว่าถ้าได้ยินจะดีมาก และผมก็ได้ฟังสดๆ ดีใจมาก
ตาสว่าง >>> สุดท้ายเพลงชาติแห่งการโดดอีกเพลงที่ทำให้ทุกคนในโรงหนังวิ่งไปหน้าเวทีและโดดไปกับพี่ป๊อด
นี่แค่เปิดฟอร์มนะแค่เล็กๆ พี่ๆยังใส่กันไม่ยั้ง ถ้าคอนจริงคิดว่าแน่นกว่านี้ได้อีกเยอะจริงๆ…
เอาละครับ เข้าเรื่องเนื้อๆ ดีกว่า กลับมาถึงบ้านก็ลองฟังเพลงในอัลบั้มชุดที่ 6 นี้เลย ซึ่งชื่ออัลบั้มนี่เล่นง่ายๆ
แต่ได้ใจความมาก นั่นก็คือ “POD-PONG-MAY-T” ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเองได้มากขนาดนี้แล้วพูดเลยนะ จาก
ที่บอกในงานว่า เปิดทั้งคอน และวางแผงอัลบั้มใหม่ ในเวลาเดียวกัน ที่หน้างานวางแค่ 300 แผ่นเท่านั้น
ซึ่งพี่ป๊อดบอกเหตุผลของความลิมิตเต็ดว่าที่มี 300 แผ่นเพราะ ติดต่อโรงงานทำพลาสติกที่ทำถาดใส่ซีดี
นั้นหาให้ทันวันงานได้แค่ 300 ชิ้นเท่านั้น …(ที่เหลือก็คงทยอยตามมาแหละ) โคตรยูนีคจริงๆ
แพ็กเกจยอมรับว่าทำดีมาก ไม่ได้ซื้อซีดีแผ่นนี้มาก็รหลายปีมากแล้ว อันนี้ไม่เสียใจที่อุดหนุน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนของการทำงานอัลบั้มนี้ พวกเขาบอกว่าไม่เหมือนชุดก่อนๆ ที่ผ่านมา คือ
ปกติคนมักจะทำเพลงกันนานๆ แล้วพอเสร็จก็ปล่อยขายเลย แต่ Moderndog
ชุดนี้พวกเขาบอกว่า ใช้เวลาทำเข้าห้องอัดเพียง 21 วัน โดยไปอัดกันถึงห้องอัด
กลางป่าในอเมริกาเลย ติสต์อะไรจะปานนั้น จากนั้นก็ค่อยๆ ปล่อยเพลงออกมาทีละเพลง
เหมือนจะอัดเสร็จตั้งแต่ปลาย 2013 แล้วมั๊ง แล้วทยอยปล่อยซิงเกิล ออกมา นี่ก็ปาไป 2 ปี ปล่อยมา 6 เพลง
ของอธิบายตาม Tracklist เลยละกันนะครับ
เป็นการรีวิวตามความรู้สึกนะครับ ความรู้เรื่องเพลงไม่มาก
แต่อธิบายจากความชอบ ผิดถูกยังไงขออภัยไว้ตรงนี้
1. โอน้อยออก (O-Noi-Oog)
ไตเติลแทร็ค ฟังง่ายๆ ชวนโดด สะดุดตั้งแต่ชื่อเพลง โอน้อยยออก เราก็คงได้ยินมาตั้งแต่เด็ก
กระบวนการตัดสินด้วยการหงายหรือคว่ำมือให้ต่างเพื่อแบ่งกลุ่มหรือจัดสรรสิ่งต่างๆ (แต่รู้สึกต้องเล่นมากกว่า 2 คนนะ)
ทำนองเพลงดีในส่วนของอีเล็กทรอนิกส์เฟี๊ยวมาก ส่วนเนื้อเพลงฟังแล้วก็ยังเป็นที่น่าฉงนอยู่
ระหว่างท่อนเนื้อกับท่อนกลาง แต่ชอบตรง “โปรดบอกกันให้รู้ความจริง บอกมาได้เลยทุกสิ่ง ถ้าเธอมองเห็นมันตำตา
ถ้าหาก…สิ่งที่ฉันเคี้ยวลงไป มองเห็นสีเขียวภายใน ที่มันยังค้างคามันอาจเหลืออยู่ ให้ดู เมื่อยามส่งยิ้มมา”
2. Scala (สกาล่า)
เพลงนี้เป็นการเล่าเรื่องโดยไม่มีชื่อเพลงในเนื้อหาแม้แต่น้อย แต่เชื่อว่าทุกคนเข้าใจตั้งแต่อ่านชื่อเพลงละ
กับเพลงจังหวะตึบๆ ขยับเล็กๆ เพลินๆ กะว่าเอาไว้ชวนสาวดูหนังก็น่าจะเป็นแนวทางที่ดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. ขอบคุณโชคดี (Thank You, Good Luck)
เพลงที่พี่ป๊อดเล่นให้เราดูแบบ 2 จังหวะ (แซวเล่นนะครับพี่^^)
กลับเป็นเพลงที่ผมชอบมากและฟังบ่อยในช่วงนี้ เหมือนความรู้สึกที่ยาวนาน
จะดีไม่ดี มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ เพลงเด่นด้วยเสียงสังเคราห์ที่เร้าใจแต่ไม่รก
4. ดอกไม้บาน (Bloom)
เพลงที่เหมือนจะบอกให้เรายิ้มกับความเศร้า ความผิดหวัง และเริ่มต้นกับความหวังครั้งใหม่
5.คราว (Cloud)
เพลงของการรอคอย และให้กำลังใจในคราวเดียว บางทีคำว่า คราว...คงจะหมายถึง เมฆ สินะ
ส่วนของเนื้อเพลงสั้นมากๆ แต่ก็ได้ใจความเรียกว่าพูดสั้นๆ ก็เข้าใจ
6. เชียร์ (Cheer)
ส่วนตัวชอบเอ็มวีเพลงนี้ครับ ดูเหมือนโฆษณา สสส แต่เพลงก็ฟังรื่นหูดี
เหมาะกับการใช้ประกอบหนัง โฆษณา และกีฬา ทั้งหลายทั้งมวล อารมณ์แบบเพลงมาร์ชปลุกใจดี (แปะๆ เสียงปรบมือ)
7.ทบทวน (Remind)
เพลงนี้คนส่วนมากน่าจะฟังตอนจบฮอร์โมน ไม่ต้องพูดอะไรมาก สติและกำลังใจหาได้จากเพลงนี้
8. วันนี้เมื่อปีก่อน (Today,Last Year)
เหตุผลที่ทำให้ผมซื้ออัลบั้มนี้แบบไม่ลังเล ฟังแล้วก็น่าจะนึกถึงเวลาเราดู On This Year เป็นจังหวะที่กำลังเศร้าด้วยเหมือนที่บอกเพลงนี้กำลังปลอบใจเราด้วยคำว่า “ในวันที่ลมยังพัดจากเมื่อวาน สิ่งที่ทรมาน จะนานเพียงใด แค่ปล่อยให้กาลเวลาเยียวยา จนฉัน เข้าใจ ว่าสิ่งใด ผ่านมาแล้ว ก็ไป”
9. ดาวนำทาง (Guiding Star)
ถ้าฟังไปเรื่อยๆ เพลงนี้เหมือนบทสรุปของอัลบั้ม...ไม่สิ มันยังเหลืออีกเพลง แต่ฟังแล้วกล่อมนอนได้ดีเลยทีเดียว
10. ลอยมา ลอยไป (Float Come, Float Go)
ฟังเพลงที่ 9 กำลังเคลิ้มก็ถูกปลุกขึ้นมากับเพลงสุดท้ายที่เหมือนกับว่าเป็นเพลงคนละอัลบั้ม
(รู้สึกจะเป็น Rare Trackเก่าเก็บ) เพราะมันดิบๆ เหมือน มันช่างได้กลิ่นอายในแบบ Moderndog
ยุคบุกเบิกเอามากๆ เสียงคลอที่เอ่ยถึงชื่อเพลงวนไปวนมา ดนตรีก็หนักแน่นเหมือนชุด
Love Me Love My Life เลย เป็นการส่งท้ายเรื่องราวได้ล่องลอยสมชื่อเพลงเป็นที่สุด
โดยรวมเพลงทั้งหมดมีทิศทางไปในแนวเดียวกับอย่างสอดคล้อง คือ การพูดถึงชีวิต ความผิดหวัง การทำความเข้าใจ
และการให้กำลังใจ ซึ่งเหมือนเป็นสิ่งที่มีในตัวพี่ป๊อดอย่างชัดเจน เพราะแต่งเองทั้งหมด เนื้อหารวมไม่ใช่อารมณ์หม่นหมองอะไร
แต่กลับเหมือนการคืนความสดชื่นและความหวังให้กับผู้ฟังเสียมากกว่า เหมือนฟังจบแล้วมีคนมาบอกคุณว่า “ชีวิตก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ในภาคของดนตรีฟังง่ายขึ้นเหมือนเพลงจะละมุนขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ แดดส่อง ทิงนองนอย มาจนอัลบั้มนี้ แม้ซาวน์อีเล็กทรอนิกส์มีบทบาทมากขึ้น
แต่ก็ยังคงเป็น Moderndog คนดีคนเดิมของทุกคนไม่เปลี่ยนแปลง ฟังจบแล้วก็อยากให้ถึงคอนเสิร์ตใหญ่มันซะวันพรุ่งนี้เลยจริงๆ อยากจะรู้นักว่าใน 60 เพลง จะมีเพลงไหนถูกหยิบขึ้นมาร้อนเรียงให้เกิดความมันส์บ้าง (ในใจอยากให้มีอัลบั้มแรก , แดดส่อง และอัลบั้มล่าสุดเยอะๆ หน่อย)
มันจะต้องเป็นคอน 22 ปีที่สุดยอดมากแน่ๆ
เอาล่ะคงขอตัวไปรำลึกความหลังด้วยการไล่ฟังตั้งแต่อัลบั้มแรกจนล่าสุดสักหน่อยแล้ว ^^