ทำโทรศัพท์หายที่ห้างดังไป 1 อาทิตย์ ตามจนได้คืนด้วยตัวเอง

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของจขกท.ค่ะ จะมาเล่าให้ฟังถึงเรื่องโทรศัพท์หายค่ะ ผิดพลาดตรงไหนขอโทษด้วยนะคะ

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 59 เราและแฟนของเราไปเดินเล่นที่ห้างดังห้างหนึ่งย่านสุขุมวิทค่ะ ขอไม่เอ่ยชื่อห้างนะคะ ทานข้าวดูหนังตามปกติค่ะ และได้ไปนั่งตรงเก้าอี้นั่งสาธารณะบริเวณชั้น 3 ในตึกหนึ่งของห้างค่ะ เวลาประมาณ 16:30 จากนั้นเดินไปที่ร้าน TWG แล้วเราก็ขอแฟนเรายืมพาวเวอร์แบงค์เพราะคิดได้ว่าแบตใกล้จะหมดแล้ว แต่พอค้นดูในกระเป๋าก็รู้ตัวว่าโทรศัพท์ได้หายไปแล้ว เลยคิดได้ว่าน่าจะต้องทำหล่นหรือลืมไว้ตรงเก้าอี้ที่นั่งตะกี้แน่ๆ(ที่คิดว่าตรงเก้าอี้เพราะว่าจำได้ว่าตอนนั่งอยู่ยังเล่นโทรศัพท์อยู่เลย) เราเลยรีบวิ่งไปที่เก้าอี้เดิมแล้วให้แฟนรออยู่ในร้าน แต่ก็ไม่เจอโทรศัพท์แล้ว ถามคนข้างๆก็ไม่มี ก็เลยรีบไปที่เคาท์เตอร์ Infomation แล้วพนักงานที่เคาท์เตอร์ก็ถามลักษณะโทรศัพท์(เราใช้ไอโฟน 5s สีทองใส่เคสลายไข่ขี้เกียจค่ะ)และบอกว่า
"ฝากเบอร์ไว้นะคะ เดี๋ยวถ้ามีคนมาฝากโทรศัพท์ไว้จะโทรไปค่ะ"
เราก็เลยฝากเบอร์แม่ไปแล้วก็กลับไปที่ร้าน TWG เหมือนเดิม แล้วแฟนก็บอกว่าเมื่อกี้โทรเข้าเครื่องมีคนรับเป็นผู้ชายเสียงแก่ๆเล็กน้อย (ปลายสายรับโทรศัพท์เวลา 17:08) คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ พอถามว่าอยู่ไหนก็เหมือนจะตอบไม่ได้ เหมือนได้ยินเสียงปลายสายว่าคุยกับผู้หญิงอีกคน แล้วก็ตอบแต่ชื่อห้างมาไม่ตอบชื่อตึกว่าอยู่ตึกไหน แฟนเราเลยบอกเค้าว่าให้เอาไปฝากไว้ที่ Infomation หน่อย และผู้ชายคนปลายสายก็บอกว่าอยู่ที่เดิมให้มาเอาได้เลย แต่ตอนที่แฟนเราคุยกับผู้ชายปลายสายคือตอนที่เรากำลังวิ่งไปดูโทรศัพท์ แฟนเราเลยไม่รู้จะบอกเรายังไง เค้าเลยบอกให้คนปลายสายช่วยดูคนที่แต่งตัวเหมือนเราให้หน่อยเผื่อจะเจอเรา แล้วทางนั้นก็ตัดสายไป ทีนี้พอเรากลับไปที่ TWG แฟนเราก็ออกไปจากร้าน แล้วก็เดินออกไปตามหาคนที่เก็บโทรศัพท์ได้โดยที่คุยกับคนที่เก็บได้ไปด้วยระหว่างทาง โดยที่ผู้ชายที่เก็บโทรศัพท์เราได้นัดแฟนเราให้ไปรับโทรศัพท์คืนที่ตึก 2 (ชื่อสมมติ) หน้าธนาคารกสิกรไทยซึ่งอยู่ตรงข้ามกับร้านโทรศัพท์ ซึ่งตึก 2 เป็นคนละตึกกับที่เราทำโทรศัพท์ตกไว้ (เราทำหายที่ตึก 1) แล้วพอกำลังจะไปถึงที่นัด สายก็ตัดไปแล้วโทรไม่ติดอีกเลย ส่วนตัวคิดว่าแบตหมด เพราะก่อนทำหายแบตก็จะหมดอยู่แล้ว แฟนเราเลยไปถามร้านแถวนั้นเพราะเผื่อคนที่เก็บได้จะเป็นพนักงานในร้านระแวกนั้น แต่ก็ไม่มีเลย จึงไปแจ้งที่ Infomation อีกรอบและ พนักงานที่เคาท์เตอร์ก็บอกเหมือนเดิมคือให้ฝากเบอร์เอาไว้ ถ้ามีคนเก็บได้ก็จะโทรมาบอก พอขอให้ประกาศของหายทางห้างก็บอกว่าประก่ศไม่ได้เพราะไม่ใช่คนหาย เรากับแฟนเลยไม่รู้จะทำยังไงจึงนั่งรอการติดต่อของทางห้างจนถึงประมาณเวลาทุ่มกว่าๆเกือบสองทุ่ม และได้ไปถามตรง Infomation ซ้ำๆหลายรอบจนนึกได้ว่าจะขอดูกล้องวงจรปิด ก็เลยถามพนักงานไป ตอนแรกก็เหมือนจะให้ดูแต่พอพนักงานไปคุยๆกันหลายๆคนก็มาบอกว่าให้ดูไม่ได้ ต้องแจ้งความและยื่นใบแจ้งความก่อนถึงจะมีสิทธิ์เข้าดูกล้อง เรากับแฟนเลยไม่รู้จะทำยังไงเลยตัดสินใจกลับบ้านเพราะว่าทางห้างก็จะปิดแล้ว ถ้าไปแจ้งความก็น่าจะใช้เวลานานและถึงจะแจ้งความในวันนั้นก็คงจะไม่ได้กลับมาดูกล้องที่ห้างอยู่แล้ว เลยตัดสินใจกันว่าวันอาทิตย์ (ที่ 7 ส.ค.) จะไปแจ้งความด้วยกันที่สน.ทองหล่อค่ะ
ยอมรับว่าที่ทำโทรศัพท์หายครั้งนี้เป็นความสะเพร่าของตัวเราเองค่ะที่ไม่ระวังให้ดี แต่ส่วนตัวคิดว่าทางห้างน่าจะมีความช่วยเหลือลูกค้ามากกว่านี้ค่ะ ทางประชาสัมพันธ์ดูไม่ใส่ใจลูกค้าและดูรำคาญเรามากๆเลยค่ะ แต่บอกว่าให้ทิ้งเบอร์ไว้และไม่ประกาศของหายให้ ทำให้เรารู้สึกว่า ทางห้างไม่สนใจลูกค้าเลย เหมือนจะบอกว่า ของหายแล้วก็หายไปสิจะมาโวยวายอะไร สงสัยเราจะตั้งความหวังกับห้างนี้มากไปหน่อยค่ะ เพราะว่าห้างนี้รู้สึกเหมือนว่าจะเจาะกลุ่มลูกค้า B+ น่ะค่ะ และคิดว่าทางพนักงานของห้างจะมีประสิธิภาพมากกว่านี้และปฏิบัติตัวกับลูกค้าได้ดีกว่านี้ค่ะ
วันต่อมาก็นัดกับแฟนไปแจ้งความด้วยกันที่สน.ทองหล่อและไปที่ห้างเดิมอีกรอบเพื่อที่จะไปขอดูกล้องวงจรปิดค่ะ แต่พอเมื่อไปถึงแล้วและติดต่อตรง Infomation ไป พนักงานที่ Infomation ก็ต่อสายไปถึงใครก็ไม่รู้เหมือนน่าจะเป็นฝ่ายอาคารสถานที่ของห้างค่ะ เมื่อเจ้าหน้าที่อาคารมาแล้วก็ให้เราเดินตามไปและไปดูกล้องได้เลย กลายเป็นว่าใบแจ้งความที่ไปแจ้งมากลับไม่ได้ใช้เลย และเมื่อเราไปดูกล้องวงจรปิด ก็เห็นในกล้องว่า จังหวะที่เรากับแฟนเดินไปนั่งที่เก้าอี้สาธารณะเป็นจังหวะเดียวกันเลยค่ะที่เดินสวนกับคนที่เก็บโทรศัพท์ได้ ซึ่งคนที่เก็บได้เป็นผู้หญิงกับผู้ชายมากันสองคน ค่อนข้างมีอายุหน่อย โดยที่เรากับแฟนหยุดนั่งตรงเก้าอี้แต่สองคนนั้นหยุดเข้าร้านข้างๆค่ะ เป็นร้านเครือข่ายโทรศัพท์ (ประมาณเวลา 16:51) และเมื่อเรากับแฟนลุกออกจากเก้าอี้ (ประมาณห้ามโมงกว่าๆ) สองคนนั้นก็เดินมา ผู้หญิงเป็นคนเห็นโทรศัพท์ก่อนเลยชี้ให้ผู้ชายหยิบโทรศัพท์ และหลังจากนั้นสองคนนั้นก็เดินลงบันไดเลื่อนแล้วดิ่งลงข้างล่างของห้างเลยค่ะ เดินผ่าน Infomation มาเลยโดยไม่คิดจะฝากโทรศัพท์ไว้ แล้วเดินมาหยุดอยู่ที่ห้างประตูห้าง แล้วเมื่อเวลา 17:07 จากในกล้องวงจรปิด ผู้ชายก็รับโทรศัพท์ของเราค่ะ (ไม่ใช่รับสายที่แฟนเราโทรไปนะคะ แฟนเราโทรไปตอน 17:08) แล้วผู้หญิงก็ชี้ไปทาง Infomation แต่ผู้ชายก็วางสายและเดินออกจากห้างค่ะ (รู้มาตอนกลับบ้านคือแม่เราโทรเข้าเครื่องเพื่อจะคุยกับเรา แล้วพอคุยกับผู้ชายคนนั้นก็เลยบอกให้ไปฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ ผู้หญิงก็เลยคงชี้ไปทางประชาสัมพันธ์) แล้วก็ตามดูไม่ได้อีกแล้วเพราะกล้องวงจรปิดของห้างมุมกว้างเกินไปเลยมองไม่เห็นค่ะ ส่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารช่วยเหลือเราดีมากค่ะ และได้บอกมาว่าจริงๆแล้วถ้าของหายในห้างสามารถมาขอดูกล้องวงจรปิดได้เลย แล้วหากทำของหายคนที่ควรจะแจ้งคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารค่ะไม่ใช่ทาง Infomation (ความรู้ใหม่) เพราะเค้าคือคนที่ดูแลทางอาคารโดยตรงค่ะ
หลังจากนั้นจึงไปที่ร้านเครือข่ายโทรศัพท์ที่ผู้หญิงกับผู้ชายสองคนนั้นเข้าไปเพื่อที่จะไปขอดูกล้องวงจรปิด แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลยเพราะว่ากล้องวงจรปิดของทางร้านจับภาพอะไรไม่ได้เลยค่ะ สรุปก็คือวันนั้นได้เรื่องมาเพิ่มก็แค่หน้าตาของคนที่เอาโทรศัพท์ไปค่ะ (จริงๆก็รูปไม่ชัดด้วยซ้ำ) ไม่สามารถเผยแพร่รูปสองคนนั้นได้ค่ะเพราะทางห้างไม่อนุญาตให้นำรูปลงโซเชี่ยลได้ค่ะ
จากวันนั้นก็ไม่ได้เรื่องอะไรเพิ่มมาเลยค่ะ จะล็อกอิน iCloud ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลยเพราะว่าโทรศัพท์เรายังปิดเครื่องอยู่ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนที่เอาไปเค้าจะปิดเครื่องทำไม) และเราก็จำเลขอีมี่ไม่ได้ค่ะ กล่องไอโฟนก็ทิ้งแล้ว และเมื่อล็อกอินเข้าไป ในเว็บก็ดันบอกเลขอีมี่มาแค่ 5 ตัวสุดท้าย และก็ยังพยายามจะโทรเข้าเครื่องตลอดเผื่อว่าจะติด เพราะตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าคนที่เอาโทรศัพท์เราไปเค้ามีเจตนาที่จะเอาไปจริงๆรึเปล่า เพราะว่าถ้าเค้าตั้งใจที่จะขโมยเค้าก็คงจะไม่รับโทรศัพท์แฟนเราและแม่เราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราและแฟนเราเลยยังพยายามโทรเข้าเครื่องอยู่ตลอดเวลาค่ะ
จนเมื่อวัน พุธ ที่ 10 สิงหาคม 59 แฟนเราก็โทรเข้าเครื่องและก็ติดแต่เหมือนว่าคนปลายสายรู้ว่ามีคนโทรเข้า ก็ปิดเครื่องหนีเลยค่ะและโทรไม่ติดอีกแล้ว แล้วในวันเดียวกันประมาณทุ่มกว่าๆ Find My iPhone ใน iCloud ก็ส่ง Last Location มา เครื่องเราไปโผล่อยู่ที่แถวๆสายใต้เก่าค่ะ ตรงจรัญสนิทวงศ์ (ตอนแรกเค้าคงจะกลับต่างจังหวัดแล้ว มีหวังน้อยมากค่ะที่จะได้คืน)
แต่พอได้ Last Location มาก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเลยเพราะมันก็แค่เป็นโลเคชั่นสุดท้ายที่เครื่องเปิดเลยแอบทำใจไว้แล้วว่าจะต้องไม่เจอแน่ๆ ก็เลยตั้งโหมดสูญหายใน iCloud โดยเขียนข้อความไว้ว่า
"รู้ว่าเอาเครื่องไปคืนเครื่องด้วย ติดต่อกลับเบอร์ที่ให้ไว้ ถ้าไม่ติดต่อกลับมาหรือไม่คืนจะดำเนินคดีตามกฎหมายและเอาเรื่อให้ถึงที่สุด" พร้อมกับให้เบอร์แฟนไปค่ะ
ทีนี้วัน พฤหัสบดี ที่ 11 สิงหาคม 59 เวลา 00:27 ก็มีคนโทรเข้าเครื่องแฟนเราแต่แฟนเราไม่ได้รับ นางเลยโทรกลับไป และได้เรื่องมาว่า เจ้าของเบอร์ที่โทรมาเป็นแท็กซี่ บอกว่าวันก่อนมีผู้หญิงกับผู้ชายสองคนมาขึ้นรถเค้าแล้วได้ยินสองคนนั้นคุยกันว่า ให้ถอดซิมโทรศัพท์ออกเพราะว่าจะได้ไม่มีคนโทรเข้าเครื่อง และสองคนนั้นให้แท็กซี่ไปส่งที่ประตูน้ำแต่พอถึงที่แล้วสองคนนั้นก็ไม่มีตังค์จ่ายค่าแท็กซี่ จึงให้โทรศัพท์กับแท็กซี่ไปโดยบอกว่าเดี๋ยวอีกสองวันจะมาเอาโทรศัพท์คืนและได้ขอเบอร์แท็กซี่ไป และขอตังค์แท็กซี่ไป 300 บาท (ขอเพื่อ) ตอนแรกแท็กซี่ก็จะไม่เอาโทรศัพท์ค่ะแต่โดนสองคนนั้นยัดเยียดให้มาก็เลยรับไว้ หลังจากได้เรื่องแท็กซี่ก็นัดให้ไปเอาโทรศัพท์คืนที่อู่ตอนบ่ายๆของวันพฤหัส ตัวแท็กซี่อยู่ที่อู่ตรงตลาดนครหลวง สามแยกไฟฉาย
วันนั้นแฟนเราก็ไปเอาโทรศัพท์มาให้ โดนที่เมื่อได้รับโทรศัพท์แล้ว ก็ได้รับมาแค่ตัวโทรศัพท์เปล่าๆ เคสไอโฟนหาย และโดนถอดซิมไปด้วยค่ะ แต่แค่ได้คืนก็ดีมากๆแล้วค่ะ ต้องขอบคุณแท็กซี่คนนั้น ไม่คิดว่าจะได้คืนจริงๆค่ะ
ที่มาตั้งกระทู้เพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจเพื่อนๆค่ะ เดี๋ยวนี้คนมันเชื่อใจกันไม่ได้จริงๆค่ะ คนที่ดีๆก็มีแต่หายากค่ะ เคสของเราก็โชคร้ายจริงๆที่คนที่เก็บได้ดันเอาไปแล้วไม่คืน อยากให้เพื่อนๆระวังโทรศัพท์หรือของมีค่ากันดีๆค่ะ ถ้าเป็นโทรศัพท์ก็จดเลขอีมี่เอาไว้เลยค่ะและล็อกอิน iCloud เอาไว้ เพราะสำคัญมากๆค่ะ อยากให้ทุกคนดูแลของกันดีๆค่ะเพราะหายไปแล้วตามหายากมากเลยค่ะ ถ้าพิดพลาดตรงไหนขอโทษด้วยนะค้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่