[หนังโรงเรื่องที่ 151] Suicide Squad - รวมตัวคนบ้า ยันคนเขียนบทถึงผู้กำกับ ; (David Ayer, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : B- (จากสเกล D-A)
**มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญเล็กน้อย
เรื่องย่อ : เป็นหนังเรื่องที่สามของจักรวาล DC .. เมื่อรัฐบาลต้องการรวมตัวเหล่าอาชญากรผู้มีพลังพิเศษมาทำภารกิจปกป้องประเทศแบบลับๆ การรวมตัวคนบ้าที่แบดแอสที่สุดในประวัติศาสตร์จึงเกิดขึ้น
คือคิดมาหลายครั้งแล้วว่าถ้า DC สามารถสร้างหนังได้เก่งพอๆกับการโฆษนาก็คงจะดีไม่น้อยนะ ยอมรับว่ายังเป็นอีกครั้งที่การกระพือโฆษนา+การตัดต่อตัวอย่างหนังที่ประสบความสำเร็จจนทำให้เกิดอาการ 'hype' ได้ทั่วทั้งวงการหนังอีกครั้ง (จากครั้งก่อนใน BvS) ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อหนังมันถูกคาดหวังไว้สูง พอเวลาเนื้อหนังที่แท้จริงออกมาดรอปกว่าที่คาด คนเรามันจะผิดหวังแบบกราฟทิ่มพื้นก็ไม่แปลก
ประเด็นแรกที่ค่อนข้างขัดใจก็คือการที่ 'โจ้กเกอร์' (Jared Leto) ที่ถูกกระพือไว้อย่างดิบดีจนแฟนๆตั้งตามาดู ดันกลายเป็น 'นักแสดงสมทบ' ไปซะงั้นน่ะ แต่ที่น่าเซ็งกว่าคือการนำเสนอตัวละครออกมาได้ไม่กลมกล่อมเอามากๆ จริงอยู่ที่ภาพลักษณ์ใหม่ของโจ้กเกอร์ในฐานะ 'เจ้าพ่อมาเฟีย' ก็น่าสนใจอยู่บ้าง (ซึ่งอันนี้ไม่ขัดหรอก เพราะสองคนก่อนก็มีการตีความคนละแบบเหมือนกัน) แต่ด้วยการแสดงและบทที่ส่งไปผิดที่ผิดทางแล้วกลับทำให้ โจ้กเกอร์ในเวอร์ชั่นนี้ออกมาในลักษณะ 'ไม่น่าจดจำ' เอาเสียเลย
ถ้าโจ้กเกอร์เป็นเฟรนซ์ฟราย, ฮาร์ลี่ ควินน์ (Margot Robbie)ก็คงเป็น 'ซอสมะเขือเทศ' ที่ต้องคอยพึ่งพาซึ่งกันและกันในบทของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าในการแสดงของเธอก็คงเอาชนะใจคนดูได้ไม่ยากเท่าไหร่ (ใครล่ะ จะไม่ชอบตัวละครนิสัยกวนประสาท จริงมั้ย?) และด้วยคาแร็คเตอร์ที่ส่งไปทางนี้ทำให้เธอรับหน้าที่เป็น 'ตัวโจ้ก' ให้มาเรียกเสียงหัวเราะคิกคักในเรื่องแบบสบายๆ ... ประเด็นที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่กลับเป็นลักษณะของ 'ความสัมพันธ์' ระหว่างโจ้กเกอร์-ควินน์ ที่ไม่รู้ว่าออกมาในทิศทางนี้ได้ยังไง? ซึ่งโดยปกติแล้วใครๆก็รู้กันว่าสองคนเพี้ยนๆนี่จะอยู่ในลักษณะ 'abusive relationship' มากกว่า คือวันดีคืนดีโจ้กเกอร์อยากจะซ้อมก็ซ้อม วันไหนอยากจะหวานก็หวาน แต่พอหนังจับเอามาเชื่อมน้ำตาลในเรื่องแบบนี้ก็อดจะคิ้วขมวดไม่ได้เลยเกี่ยวกับอนาคตของตัวละครที่ถูกเอามายำแบบนี้
ถ้าพูดในแง่การดำเนินเรื่อง สิ่งที่เราสงสัยที่สุดก็คือ 'ทำไมหนังถึงน้ำเน่าได้ขนาดนี้?' เริ่มตั้งแต่ต้นเรื่องที่อิป้า 'วอลเลอร์' (Viola Davis) เอาแฟ้มลูกทีมพลีชีพมาเปิดให้ดูนั้น ในใจนี่ภาวนาเลยว่าอย่าทำแบบนั้นนะ..อย่าแฟลชแบ็กนะ..อย่าเล่าเรื่องรายตัวนะ..ป้าบบ! ขอมาก็จัดให้กับอภิมหา flashback ตัวละครทั้งทีมเริ่มตั้งแต่ตัวเด่นหน่อยอย่าง Deadshot (Will Smith) จนไปถึงพวกปลายๆแถวที่ความยาวของคลิปเปิดตัวแม่มต่างกันอย่างเห็นได้ชัด (วิลสมิธได้ 1-2 นาทีหลังๆนี่ 4-5 วิก็พอแล้ว อิพวกตัวประกอบ) ซึ่งมันเป็นวิธีเล่าปูมตัวละครที่ไร้ศิลปะพอๆกับการที่บรูซเวนย์เปิดคลิป The Flash และผองเพื่อนนั่นแหละ
เท่านั้นยังไม่พอ ต้นเรื่องว่ามึนแล้วพอไปเจอตอนท้ายเรื่องนี่เหมือนหนังหลงทางตัวเองอย่างแรง ทั้งคิวบู๊ที่เล็กจ้อยประดุจหนังเกรด B (โอเค หยวนๆให้กับการที่มันเป็นทีมมนุษย์ปกติ พลังอาจจะไม่เฟื่องฟูพอให้เล่นใหญ่) แต่กับฉากโดนมนต์มายาให้เห็นภาพฝันจาก 'เอ็นชานต์เทรส' (Cara Delevingne) กับฉากจูน มูนลอกคราบตัวเองออกมานี่คือกุมขมับมากๆ คือรู้สึกว่าทำไมหนังมันเลอะเทอะได้ขนาดนี้วะ ทั้งไดอะล็อกปลุกใจก่อนสู้บอสใหญ่ที่มันตลกสิ้นดี คือเหมือนพอถึงฉากท้ายๆผู้กำกับเกิดหิวข้าวขึ้นมาแล้วหันมาบอกทีมงานว่า 'เฮ้ย พวกเอ็งถ่ายต่อเลยนะ อั๊วะหิวข้าว' อะไรแบบทำนองนั้น
ถ้าให้พูดถึงภาพรวมก็คือหนังยังขาดสิ่งที่ดีๆอีกเยอะมาก ทั้งความหนักของเนื้อเรื่องที่มันควรจะพาตัวเองไปได้ไกลมากกว่านี้ในฐานะ 'หนังรวมตัววายร้าย' ถ้าหากหนังจะกล้าอัพเรตตัวเองให้พ้นกรอบของคำว่าหนังเยาวชนอะนะ ส่วนผสมที่ออกมาตอนนี้มันเหมือนเป็นแค่หนังแอคชั่นดาดๆทั่วไปที่มีมุกตลกให้หัวเราะกุ๊กกิ๊กๆทีละนิดทีละหน่อยได้ตลอดเรื่อง แต่รวมๆแล้วก็ไม่ได้สร้างอะไรที่มันเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาเลย จนส่วนตัวเริ่มปลงๆกับหนังค่ายนี้แล้ว เหมือนตัวค่ายเองจะมีความวานนาบีอยู่สูงไปหน่อยจนน่ารำคาญใจ หวังว่าหนังเรื่องหน้าอย่าง Justice League จะหาจุดยืนของตัวเองได้ซักทีนะ
เพี้ยง!
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
[Movie Review] Suicide Squad - รวมตัวคนบ้า ยันคนเขียนบทถึงผู้กำกับ by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 151] Suicide Squad - รวมตัวคนบ้า ยันคนเขียนบทถึงผู้กำกับ ; (David Ayer, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : B- (จากสเกล D-A)
**มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญเล็กน้อย
เรื่องย่อ : เป็นหนังเรื่องที่สามของจักรวาล DC .. เมื่อรัฐบาลต้องการรวมตัวเหล่าอาชญากรผู้มีพลังพิเศษมาทำภารกิจปกป้องประเทศแบบลับๆ การรวมตัวคนบ้าที่แบดแอสที่สุดในประวัติศาสตร์จึงเกิดขึ้น
คือคิดมาหลายครั้งแล้วว่าถ้า DC สามารถสร้างหนังได้เก่งพอๆกับการโฆษนาก็คงจะดีไม่น้อยนะ ยอมรับว่ายังเป็นอีกครั้งที่การกระพือโฆษนา+การตัดต่อตัวอย่างหนังที่ประสบความสำเร็จจนทำให้เกิดอาการ 'hype' ได้ทั่วทั้งวงการหนังอีกครั้ง (จากครั้งก่อนใน BvS) ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อหนังมันถูกคาดหวังไว้สูง พอเวลาเนื้อหนังที่แท้จริงออกมาดรอปกว่าที่คาด คนเรามันจะผิดหวังแบบกราฟทิ่มพื้นก็ไม่แปลก
ประเด็นแรกที่ค่อนข้างขัดใจก็คือการที่ 'โจ้กเกอร์' (Jared Leto) ที่ถูกกระพือไว้อย่างดิบดีจนแฟนๆตั้งตามาดู ดันกลายเป็น 'นักแสดงสมทบ' ไปซะงั้นน่ะ แต่ที่น่าเซ็งกว่าคือการนำเสนอตัวละครออกมาได้ไม่กลมกล่อมเอามากๆ จริงอยู่ที่ภาพลักษณ์ใหม่ของโจ้กเกอร์ในฐานะ 'เจ้าพ่อมาเฟีย' ก็น่าสนใจอยู่บ้าง (ซึ่งอันนี้ไม่ขัดหรอก เพราะสองคนก่อนก็มีการตีความคนละแบบเหมือนกัน) แต่ด้วยการแสดงและบทที่ส่งไปผิดที่ผิดทางแล้วกลับทำให้ โจ้กเกอร์ในเวอร์ชั่นนี้ออกมาในลักษณะ 'ไม่น่าจดจำ' เอาเสียเลย
ถ้าโจ้กเกอร์เป็นเฟรนซ์ฟราย, ฮาร์ลี่ ควินน์ (Margot Robbie)ก็คงเป็น 'ซอสมะเขือเทศ' ที่ต้องคอยพึ่งพาซึ่งกันและกันในบทของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าในการแสดงของเธอก็คงเอาชนะใจคนดูได้ไม่ยากเท่าไหร่ (ใครล่ะ จะไม่ชอบตัวละครนิสัยกวนประสาท จริงมั้ย?) และด้วยคาแร็คเตอร์ที่ส่งไปทางนี้ทำให้เธอรับหน้าที่เป็น 'ตัวโจ้ก' ให้มาเรียกเสียงหัวเราะคิกคักในเรื่องแบบสบายๆ ... ประเด็นที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่กลับเป็นลักษณะของ 'ความสัมพันธ์' ระหว่างโจ้กเกอร์-ควินน์ ที่ไม่รู้ว่าออกมาในทิศทางนี้ได้ยังไง? ซึ่งโดยปกติแล้วใครๆก็รู้กันว่าสองคนเพี้ยนๆนี่จะอยู่ในลักษณะ 'abusive relationship' มากกว่า คือวันดีคืนดีโจ้กเกอร์อยากจะซ้อมก็ซ้อม วันไหนอยากจะหวานก็หวาน แต่พอหนังจับเอามาเชื่อมน้ำตาลในเรื่องแบบนี้ก็อดจะคิ้วขมวดไม่ได้เลยเกี่ยวกับอนาคตของตัวละครที่ถูกเอามายำแบบนี้
ถ้าพูดในแง่การดำเนินเรื่อง สิ่งที่เราสงสัยที่สุดก็คือ 'ทำไมหนังถึงน้ำเน่าได้ขนาดนี้?' เริ่มตั้งแต่ต้นเรื่องที่อิป้า 'วอลเลอร์' (Viola Davis) เอาแฟ้มลูกทีมพลีชีพมาเปิดให้ดูนั้น ในใจนี่ภาวนาเลยว่าอย่าทำแบบนั้นนะ..อย่าแฟลชแบ็กนะ..อย่าเล่าเรื่องรายตัวนะ..ป้าบบ! ขอมาก็จัดให้กับอภิมหา flashback ตัวละครทั้งทีมเริ่มตั้งแต่ตัวเด่นหน่อยอย่าง Deadshot (Will Smith) จนไปถึงพวกปลายๆแถวที่ความยาวของคลิปเปิดตัวแม่มต่างกันอย่างเห็นได้ชัด (วิลสมิธได้ 1-2 นาทีหลังๆนี่ 4-5 วิก็พอแล้ว อิพวกตัวประกอบ) ซึ่งมันเป็นวิธีเล่าปูมตัวละครที่ไร้ศิลปะพอๆกับการที่บรูซเวนย์เปิดคลิป The Flash และผองเพื่อนนั่นแหละ
เท่านั้นยังไม่พอ ต้นเรื่องว่ามึนแล้วพอไปเจอตอนท้ายเรื่องนี่เหมือนหนังหลงทางตัวเองอย่างแรง ทั้งคิวบู๊ที่เล็กจ้อยประดุจหนังเกรด B (โอเค หยวนๆให้กับการที่มันเป็นทีมมนุษย์ปกติ พลังอาจจะไม่เฟื่องฟูพอให้เล่นใหญ่) แต่กับฉากโดนมนต์มายาให้เห็นภาพฝันจาก 'เอ็นชานต์เทรส' (Cara Delevingne) กับฉากจูน มูนลอกคราบตัวเองออกมานี่คือกุมขมับมากๆ คือรู้สึกว่าทำไมหนังมันเลอะเทอะได้ขนาดนี้วะ ทั้งไดอะล็อกปลุกใจก่อนสู้บอสใหญ่ที่มันตลกสิ้นดี คือเหมือนพอถึงฉากท้ายๆผู้กำกับเกิดหิวข้าวขึ้นมาแล้วหันมาบอกทีมงานว่า 'เฮ้ย พวกเอ็งถ่ายต่อเลยนะ อั๊วะหิวข้าว' อะไรแบบทำนองนั้น
ถ้าให้พูดถึงภาพรวมก็คือหนังยังขาดสิ่งที่ดีๆอีกเยอะมาก ทั้งความหนักของเนื้อเรื่องที่มันควรจะพาตัวเองไปได้ไกลมากกว่านี้ในฐานะ 'หนังรวมตัววายร้าย' ถ้าหากหนังจะกล้าอัพเรตตัวเองให้พ้นกรอบของคำว่าหนังเยาวชนอะนะ ส่วนผสมที่ออกมาตอนนี้มันเหมือนเป็นแค่หนังแอคชั่นดาดๆทั่วไปที่มีมุกตลกให้หัวเราะกุ๊กกิ๊กๆทีละนิดทีละหน่อยได้ตลอดเรื่อง แต่รวมๆแล้วก็ไม่ได้สร้างอะไรที่มันเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาเลย จนส่วนตัวเริ่มปลงๆกับหนังค่ายนี้แล้ว เหมือนตัวค่ายเองจะมีความวานนาบีอยู่สูงไปหน่อยจนน่ารำคาญใจ หวังว่าหนังเรื่องหน้าอย่าง Justice League จะหาจุดยืนของตัวเองได้ซักทีนะ
เพี้ยง!
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..